ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระโพธิสัตว์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Xiengyod (คุย | ส่วนร่วม)
Xiengyod (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 291: บรรทัด 291:


; [[ฮุ่ยเหนิง]]
; [[ฮุ่ยเหนิง]]
พระภิกษุจีนในสมัยราชวงศ์ถัง ได้รับการยกย่องเป็นพระโพธิสัตว์ใน[[ลัทธิอนุตตรธรรม]]
พระภิกษุจีนในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นสังฆนายกและปรมาจารย์ใน[[นิกายฌาณ]] ได้รับการยกย่องให้เป็นพระโพธิสัตว์


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:37, 26 มกราคม 2555

พระปรัชญาปารมิตา ชวา ศิลปะศรีวิชัย
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ศิลปะขอม

พระโพธิสัตว์ หมายถึง บุคคลที่บำเพ็ญบารมีหรือกระทำความดีต่างๆ เพื่อให้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล มีพระโพธิสัตว์เป็นจำนวนมากตามความเชื่อในฝ่ายเถรวาท และมหายาน แต่มีความแตกต่างกันไป

คำศัพท์

โพธิสัตว์ มีภาษาต่างๆ มีดังนี้[1]

การสร้างพุทธบารมี

ประเภทของพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้า คือผู้ที่เป็นศาสดาเอกในพระพุทธศาสนา ประเภทของพระพุทธเจ้าสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ[2]

1. ปัญญาธิกะพุทธเจ้า
คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 20 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือตั้งความปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 7 อสงไขย หลังจากนั้นจึงออกปากกล่าววาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 9 อสงไขย รวมเป็น 16 อสงไขย และได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเป็น พระนิยตะโพธิสัตว์ เมื่อเหลือเวลาอีก 4 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ซ้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน
2. ศรัทธาธิกะพุทธเจ้า
คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือตั้งความปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 14 อสงไขย หลังจากนั้นจึงออกปากกล่าววาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 18 อสงไขย รวมเป็น 32 อสงไขย และได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเป็น พระนิยตะโพธิสัตว์ เมื่อเหลือเวลาอีก 8 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ซ้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน
3. วิริยาธิกะพุทธเจ้า
คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้วิริยะเป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือตั้งความปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 28 อสงไขย หลังจากนั้นจึงออกปากกล่าววาจาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 36 อสงไขย รวมเป็น 64 อสงไขย และได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเป็น พระนิยตะโพธิสัตว์ เมื่อเหลือเวลาอีก 16 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ซ้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน

ตามหลักฐานที่ปรากฏในพระไตรปิฎกพบว่า ยิ่งใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมีนานเท่าใด พระโพธิสัตว์จะมีพระชนมายุยืนขึ้นในสมัยที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า รวมทั้งสัตว์ที่เกิดในยุคนั้นจะมีอายุยืน และบรรลุธรรมได้ง่ายและมีจำนวนมาก แต่ไม่ประกันว่าศาสนาของพระองค์จะยืนยาวหลายชั่วอายุไข เช่น พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ มีพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า พระองค์ทรงสร้างบารมีมาทาง ปัญญาพุทธเจ้า ทรงมีพระชนมายุเพียง 80 พรรษา พระวรกายสูง 4 ศอก หรือ 2 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 6 ปี พุทธรังสีสร้านไปข้างละ 1 วา เป็นปกติ มนุษย์ยุคพุทธกาลมีอายุไข 120 ปี ขณะที่ทรงพยากรณ์ถึงภิกษุอชิตเถระว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามพระศรีอาริยเมตไตร[3] ทรงสร้างบารมีมาทาง"วิริยาธิกะพุทธเจ้า" ไม่ได้ทรงพยากรณ์พระชนมายุแต่เทียบกับอายุมนุษย์ในยุคแล้วน่าจะมีพระชมมายุหลักหมื่นปีเป็นอย่างน้อย มีพระวรกายสูงได้ 88 ศอก หรือ 44 เมตร บำเพ็ญทุกกิริยาชาติสุดท้าย 7 วัน พระพุทธรัศมีของพระองค์แผ่ซ่านตลอดไปเบื้องบนจนถึงพรหมโลก เบื้องต่ำตลอดลงไปจนถึงมหาอเวจีนรก มนุษย์ยุคพุทธกาลมีอายุไข 80,000 ปี

ส่วนเหตุที่ทำให้พระสัจธรรมตั้งอยู่ได้นานหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความท้อพระทัยของพระพุทธเจ้าในการเผยแผ่ธรรมะ และพระวินัยที่ได้ทรงบัญญัติไว้ [4]

ประเภทของพระโพธิสัตว์

'พระโพธิสัตว์' คือบุคคลที่ปรารถนาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ[2]
1. อนิตยโพธิสัตว์
พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาเลย เรียกว่า อนิตยโพธิสัตว์ ความหมายคือยังไม่แน่นอนว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะอาจจะเลิกล้มความปรารถนาเมื่อไรก็ได้
2. นิตยโพธิสัตว์
พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาแล้ว เรียกว่า นิตยโพธิสัตว์ ตามความหมายคือจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นนอน เพราะถ้าถึงนิพพานต้องดำรงค์ฐานะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียว แต่ถ้าบารมีและเวลายังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะพยายามปฏิบัติอย่างยิ่งยวดบังเกิดปัญญาอย่างเยียมยอด ก็ไม่สามารถถึงนิพพานก่อนได้ แม้จะทุกข์ท้อแท้ จนคิดว่าเลิกที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว แต่แล้วในที่สุดมหากุศลที่เป็นอนุสัย ก็จะพุ่งกระจายขึ้นมาให้ตั้งมั่นและบำเพ็ญบารมีกันต่อ จนกว่าบารมีและเวลาสมบูรณ์
อสงไขย และ กัป

จากบทความข้างบน ผู้อ่านคงได้อ่านคำว่า อสงไขย และ กัป มาแล้ว ผู้เขียนจะอธิบายสั้นๆ ให้ทราบดังนี้

  • กัป เป็นหน่วยวัดเวลา ในเชิงประมาณ คือ เมื่อโลกมนุษย์ปราฏกขึ้นหรือบังเกิดขึ้น จนพังสูญหายไป 1 ครั้งเรียกว่า 1 กัป
  • อสงไขย เป็นหน่วยวัดเวลา ที่มากกว่ากัป คือจำนวณกัป ที่นับไม่ถ้วน เท่ากับ 1 อสงไขย
    • ตามที่เคยคำนวณมา 1 อสงไขย เท่ากับ จำนวน กัป ที่เอาเลข 1 ตามด้วย เลข 0 ถึง 140 ตัว
  • สูญกัป หมายถึงกัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น

บารมี 30 ทัศ

บารมี หมายถึง การกระทำที่ประเสริฐ การกระทำที่ประกอบด้วยกุศลเจตนาคุณงามความดีที่ควรกระทำ คุณงามความดีที่ได้บำเพ็ญมา คุณสมบัติที่ทำให้ยิ่งใหญ่ เป็นธรรมส่วนหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งช่วย เหลือเกื้อกูลให้ผู้ปฏิบัติได้ถึงซึ่งโพธิญาณ

บารมีที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญ คือ[1]

  • 1. ทานบารมี หมายถึง การสละออก การให้ต่างๆ โดยมีเจตนาช่วยเหลือผู้อื่นเป็นสำคัญ
  • 2. ศีลบารมี หมายถึง การรักษาศีลให้เป็นปกติ หากเป็นฆราวาสหมายถึงการถือศีล 5 หากเป็นนักบวชคือการถือศีล 8 ขึ้นไป
  • 3. เนกขัมมะบารมี หมายถึง การออกบวช หากฆราวาสถือศีล 8 ก็นับเป็นเนกขัมบารมีได้เช่นกัน เพราะเป็นการกระทำเพื่อเว้นจากกามสุข
  • 4. ปัญญาบารมี หมายถึง การกระทำเพื่อเพิ่มพูนปัญญา ปัญญาแบ่งออกเป็นปัญญาทางโลกและทางธรรม เนื่องจากพระโพธิสัตว์จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาตคตกาล จึงต้องมีปัญญาความรู้มาก เพื่อจะได้สั่งสอนสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ได้ การเรียนของพระโพธิสัตว์จึงต้องเรียนมากกว่าผู้อื่น
  • 5. วิริยะบารมี หมายถึง การกระทำที่ใช้ความเพียรเป็นที่ตั้ง การมีวิริยะอาจไม่ได้หมายถึงการเพียรจนกระทั่งตัวตายในครั้งเดียว แต่หมายถึงมีความพยายามทำอยู่เรื่อยๆ ทำไปทีละน้อยตามกำลังจนกว่าจะสำเร็จ

สัมมัปปธานหรือความเพียรที่ถูกต้อง มี 4 อย่างคือ

o สังวรปธาน เพียรระวังไม่ให้บาปเกิดขึ้น
o ปหานปธาน เพียรละบาปที่เกิดขึ้นแล้ว
o ภาวนาปธาน เพียรทำบุญให้เกิดขึ้น
o อนุรักขนาปธาน เพียรรักษาการทำบุญไว้ต่อเนื่อง
  • 6. ขันติบารมี หมายถึง การอดทนอดกลั้นต่อสิ่งต่างๆ
  • 7. สัจจะบารมี หมายถึง การรักษาคำพูด ไม่กลับกลอก แม้ว่าจะต้องสละบางสิ่งเพื่อรักษาคำพูดไว้
  • 8. อธิษฐานบารมี หมายถึง การตั้งมั่นในความปรารถนา ตั้งจิตมั่นต่อคำอธิษฐาน
  • 9. เมตตาบารมี หมายถึง การมีความปรารถดี มีความรักต่อสัตว์ทั้งหลายในโลกอย่างเท่าเทียม ประดุจมารดารักบุตร เมตตาแตกต่างจากราคะตรงที่ ราคะอาจรักเฉพาะตัวหรือพวกพ้อง แต่เมตตาเป็นรักที่ไม่แบ่งแยก
  • 10. อุเบกขาบารมี หมายถึง การวางเฉย มีใจเป็นกลาง การปล่อยวางในสิ่งที่ผิดพลาด ในสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ วางเฉยในความทุกข์ของตน และสัตว์ที่ช่วยไม่ได้ เนื่องจากมีปัญญาเห็นว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรมของตน ไม่มีใครได้รับความยากลำบากโดยไม่มีเหตุปัจจัย ล้วนแล้วแต่เป็นกรรมที่เคยทำมาทั้งสิ้น

ซึ่งในแต่ละบารมีนั้นแบ่งย่อยเป็น 3 ขั้น ได้แก่

  1. บารมีขั้นต้น คือ เนื่องด้วยวัตถุ และทรัพย์นอกกาย เช่น การสละทรัพย์ช่วยผู้อื่น จัดเป็น ทานบารมี, รักษาศีลแม้ว่าจะต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง จัดเป็น ศีลบารมี, หรือ ยอมถือบวชโดยไม่อาลัยในทรัพย์สิน จัดเป็น เนกขัมบารมี เป็นต้น
  2. บารมีขั้นกลางหรืออุปบารมี คือ เนื่องด้วยเลือดเนื้อ อวัยวะ เช่น การสละเลือดเนื้ออวัยวะแก่ผู้อื่น จัดเป็น ทานอุปบารมี, การใช้ปัญญารักษาอวัยวะเลือดเนื้อของผู้อื่น จัดเป็น ปัญญาอุปบารมี ,การมีความเพียรจนไม่อาลัยในเลือดเนื้อหรืออวัยวะ จัดเป็น วิริยะอุปบารมี, มีเมตตาต่อผู้ที่จะมาทำร้ายเลือดเนื้ออวัยวะของตน จัดเป็น เมตตาอุปบารมี, หรือ มีความอดทนอดกลั้นต่อผู้ที่จะมาทำลายอวัยวะของตน จัดเป็น ขันติอุปบารมี เป็นต้น
  3. บารมีขั้นสูงสุดหรือปรมัตถบารมี คือ เนื้องด้วยชีวิต เช่น การสละชีวิตเป็นทานแก่ผู้อื่น จัดเป็น ทานปรมัตถบารมี , ยอมสละแม้ชีวิตเพื่อจะรักษาคำพูด จัดเป็น สัจจปรมัตถบารมี, ตั้งจิตไม่หวั่นไหวต่อคำอธิษฐานแม้จะต้องเสียชีวิต จัดเป็น อธิษฐานปรมัตถบารมี, หรือ วางเฉยต่อผู้ที่จะมาทำร้ายชีวิตของตน จัดเป็น อุเบกขาปรมัตถบารมี เป็นต้น

ดังนั้น จึงรวมเป็นบารมี 30 ทัศ

อานิสงส์ บารมี 30 ทัศ ของพระนิตยะโพธิสัตว์
พระนิตยะโพธิสัตว์เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก จะมีอานิสงค์ 18 อย่างอยู่ตลอด จนได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ได้แก่[2]
  1. เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมไม่เกิดเป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด
  2. ไม่เป็นหูหนวกแต่กำเนิด
  3. ไม่เป็นคนบ้า
  4. ไม่เป็นคนใบ้
  5. ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย
  6. ไม่เกิดในมิลักขประเทศคือประเทศป่าเถื่อน
  7. ไม่เกิดในท้องนางทาสี (แต่เกิดในฐานะคนจันทาลได้ ดัง พระโพธิสัตว์ มาตังคะฤๅษี ท่านเป็นบุตรคนจันทาล แต่ไม่ได้เป็นนางทาสี)
  8. ไม่เป็นนิยตมิจฉาทิฐิ
  9. ไม่เป็นสตรีเพศ
  10. ไม่ทำอนันตริยกรรม
  11. ไม่เป็นโรคเรื้อน
  12. เมื่อเกิดเป็นสัตว์เดียรฉาน มีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และ ไม่ใหญ่ไปกว่าช้าง
  13. ไม่เกิดใน ขุปปิปาสิกเปรต นิชฌานตัณหิกเปรต และกาลกัญจิกาสุรกาย
  14. ไม่เกิดในอเวจีนรก และโลกันตนรก
  15. ไม่เกิดเป็นเทวดาใน กามาพจรสวรรค์ ไม่เกิดเป็นเทวดาที่นับเข้าในเทวดาพวกหมู่มาร
  16. เมื่อเกิดเป็นรูปพรหม จะไม่เกิดใน ปัญจสุทธวาสพรหมโลก (พรหมชั้นอนาคามี) และอสัญญสัตตาภูมิพรหม ( มีแต่รูปอย่างเดียว)
  17. ไม่เกิดในอรูปพรหมโลก
  18. ไม่เกิดในจักรวาลอื่น
อานิสงส์พิเศษอีกอย่างหนึ่งของนิยตโพธิสัตว์ คือ การทำอธิมุตตกาลกริยา คือเมื่อท่านเกิดเป็นเทวดาหรือพระพรหม เกิดความเบื่อหน่าย ในการเสวยสุขนั้น ปรารถนาที่จะสร้างบารมีในโลกมนุษย์ ท่านก็สามารถทำการอธิมุตต คืออธิษฐานให้จุติ (ตายจากการเป็นเทพ) มาเกิดเป็นมนุษย์ได้ทันที ได้โดยง่าย ซึ่งเหล่าเทพเทวดาอื่นๆ ไม่สามารถทำอย่างนี้ได้

คุณสมบัติและอัธยาศัยของพระโพธิสัตว์

ธรรมสโมธาน 8 ประการ

สำหรับพระโพธิสัตว์ ที่เป็น อนิตยโพธิสัตว์ แต่สร้างบารมี 30 ทัศ และมีธรรมสโมธาน 8 ประการสมบูรณ์แล้ว จะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก ต่อหน้าพระพักตร์พุทธเจ้า โดยจะได้รับพุทธพยากรณ์โดยนัยว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงนามว่าอย่างนั้น ในกัปอันเป็นอนาคตที่เท่านั้น และก็จะกลายเป็น นิตยโพธิสัตว์ ทันที คือเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้ ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน [2]
ธรรมสโมธาน 8 ประการคือ
  1. ได้เกิดเป็นมนุษย์
  2. เป็นบุรุษเพศ ไม่เป็นกระเทย
  3. มีอุปนิสสัยปัจจัยแห่งพระอรหันต์รุ่งเรืองอยู่ในขันธสันดาน (ถ้าเกิดเปลี่ยนใจก็จะเป็นพระอรหันต์ทันที)
  4. ต้องพบพระพุทธเจ้าขณะมีพระชนม์ชีพอยู่ และได้สร้างกองบุญกุศลต่อหน้าพระพักตร์
  5. ต้องเป็นบรรพชิต หรือต้องเป็น โยคี ฤๅษี ดาบส หรือปริพาชก ที่มีลัทธิเชื่อว่า บุญมี บาปมี ทำบุญได้บุญ ทำบาปได้บาป ต้องไม่เป็นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน
  6. ต้องมีอภิญญาและฌานสมาบัติ อันเชี่ยวชาญ
  7. เคยให้ชีวิตของตนเป็นทาน เพื่อสัมโพธิญาณมาก่อนในอดีดชาติ
  8. ต้องมี ฉันทะ คือมีความรักความพอใจในพุทธภูมิเป็นกำลัง


กล่าวถึงพุทธภูมิธรรมของนิยตะโพธิสัตว์ ในการเพิ่มพูนบารมีให้มากยิ่งขึ้น มีน้ำใจประกอบไปด้วย พุทธภูมิธรรม 4 ประการ คือ
  1. อุสสาโห คือประกอบไปด้วยพระอุตสาหะ มีความเพียรอันสลักติดแน่นในจิตใจอย่างมั่นคง
  2. อุมัตโต คือประกอบด้วยปัญญา มีปัญญาเชียวชาญเฉียบคม
  3. อวัตถานัง คือมีพระทัยอธิษฐานอันมั่นคง มิได้หวั่นไหวคลอนแคลน
  4. หิตจริยา คือประกอบไปด้วยพระเมตตา เจริญจิตอยู่ด้วยพรหมวิหารเป็นปกติ


อัธยาศัย ที่ทำให้พระโพธิญานของนิตยโพธิสัตว์แก่กล้ายิ่งขึ้น มี 6 ประการ
  1. เนกขัม พอใจในการรักษาศีล การบวช หรือบรรพชา
  2. วิเวก พอใจอยู่ในที่สงบ
  3. อโลภ พอใจในการบริจาคทาน
  4. อโทส พอใจในความไม่โกรธ เจริญเมตตา
  5. อโมห พอใจในการพิจารณาคุณและโทษ เจริญปัญญา
  6. นิพพาน พอใจที่ยกตนออกจากภพ ไม่ยินดีในการเวียนว่ายตายเกิด ประสงค์นิพพานเป็นอย่างยิ่ง

จริยธรรม 10 ประการ

จริยธรรม 10 ประการของพระโพธิสัตว์ ประกอบด้วย[1]
  1. พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาเลยว่า ร่างกายจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
  2. พระโพธิสัตว์ ครองชีพโดยไม่ปรารถนาว่าจะไม่มีภัยอันตราย
  3. พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาเลยว่า จะไม่มีอุปสรรคในการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์
  4. พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาเลยว่า จะไม่มีมารขัดขวางการปฏิบัติภารกิจ
  5. พระโพธิสัตว์ ถือว่าทำงานให้นานที่สุด โดยไม่ปรารถนาจะให้สำเร็จผลเร็ว
  6. พระโพธิสัตว์ คบเพื่อน โดยไม่ปรารถนาจะได้รับผลประโยชน์จากเพื่อน
  7. พระโพธิสัตว์ ไม่ปรารถนาว่า จะให้คนอื่นต้องตามใจตนเองเสมอไปทุกอย่าง
  8. พระโพธิสัตว์ ทำความดีกับคนอื่น โดยไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทน
  9. พระโพธิสัตว์ เห็นลาภแล้ว ไม่ปรารถนาว่าจะได้รับ
  10. พระโพธิสัตว์ เมื่อถูกใส่ร้ายป้ายสี ติเตียนนินทาแล้ว ไม่ปรารถนาที่จะตอบโต้

คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์

คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์มีอยู่ 3 ข้อใหญ่ [1]
  1. มหาปรัชญาหรือปัญญาอันยิ่งใหญ่ หมายความว่าจะต้องเป็นผู้มีปัญญาเห็นแจ้งในสัจธรรม ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส
  2. มหากรุณา หมายความว่าจะต้องเป็นผู้มีจิตกรุณาต่อสัตว์ทั้งหลายอย่างปราศจากขอบเขต พร้อมที่จะสละตนเองเพื่อช่วยสัตว์ให้พ้นทุกข์
  3. มหาอุปาย หมายความว่าพระโพธิสัตว์จะต้องมีวิธีการชาญฉลาดในการแนะนำ อบรมสั่งสอนผู้อื่นให้เข้าถึงสัจธรรม

คุณสมบัติทั้งสามข้อนี้ เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ข้อแรกเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ตนให้ถึงพร้อม ส่วนข้อหลัง 2 ข้อเป็นการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่น

มหาปณิธาน 4

มหาปณิธาน 4 ประกอบด้วย [1]
  1. เราจะละกิเลสให้หมด
  2. เราจะศึกษาสัจธรรมให้จบ
  3. เราจะช่วยโปรดสัตว์ทั้งหลายให้สิ้น
  4. เราจะบรรลุพระพุทธภูมิอันประเสริฐสุด

รายนามพระโพธิสัตว์

พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์
พระนางตารา
พระนางปรัชญาปารมิตา
พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์
พระศรีอริยเมตไตรย
พระสมันตภัทรโพธิสัตว์
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์
พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์

(จีน: 地藏, Di Zang, เกาหลี: Ji Zang, ญี่ปุ่น: Jizo, ทิเบต: Sai Nyingpo, เวียดนาม: Địa Tạng) พระโพธิสัตว์แห่งสัตว์นรกทั้งปวง หรือพระโพธิสัตว์ผู้มีมหาปณิธาน

พระคคนคัญชะโพธิสัตว์

สัญลักษณ์คือต้นกัลปพฤกษ์ หัตถ์ขวายกขึ้น หัตถ์ซ้ายวางบนสะโพก กายสีเหลือง มี 2 กร

พระคันธหัสติโพธิสัตว์

กายสีเขียวหรือขาวอมเขียว 2 กร มือขวาทำปางประทานพร มือซ้ายถืองาช้าง วางบนดอกบัวหรือถือสังข์

พระจันทรประภาโพธิสัตว์

พระโพธิสัตว์ผู้เป็นสาวกของพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต สัญลักษณ์คือดวงจันทร์วางบนดอกบัว หัตถ์ขวาประทานพร หัตถ์ซ้ายถือพระจันทร์บนดอกบัว กายสีขาว 2 กร

พระชญาณเกตุโพธิสัตว์

กายสีเหลืองหรือฟ้า 2 กร มือขวาถือธงกับเพชรพลอย มือซ้ายทำท่าประทานพร

พระชาลินีประภาโพธิสัตว์

สัญลักษณ์คือวงกลมแห่งดวงอาทิตย์ หัตถ์ขวาประทานพร หัตถ์ซ้ายถือพระอาทิตย์บนดอกบัว กายสีแดง มี 2 กร

ไตรโลกยวิชยะ

วิทยราชแห่งทิศตะวันออก ผู้ทำหน้าที่คุ้มครองพระอักโษภยะพุทธะในนิกายวัชรยาน มหายานบางกลุ่มถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์เอกเทศ ไม่ได้จัดอยู่ในสกุลของพระธยานิพุทธะองค์ใด

พระนางตารา

(จีน: 度母, Du Mu) - พระโพธิสัตว์ฝ่ายหญิงในพระพุทธศาสนาฝ่ายวัชรยาน เป็นตัวแทนของคุณธรรมแห่งความสำเร็จในกิจการทั้งปวง ถือกันว่าเป็นร่างสำแดงภาคหนึ่งของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

พระนาคารชุนะ

(จีน: 龍樹, Long Shu, เวียดนาม: Long Thọ) - ผู้ก่อตั้งนิกายมาธยมิกะ อันเป็นนิกายย่อยของศาสนาพุทธมหายาน ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระโพธิสัตว์

นิโอ

ผู้พิทักษ์ที่เข้มแข็ง 2 องค์ของพระพุทธเจ้า มักปรากฏอยู่ที่ประตูทางเข้าวัดพุทธศาสนาหลายแห่งในญี่ปุ่นและเกาหลี มีรูปลักษณ์ดั่งนักมวยปล้ำที่ดูน่าสะพรึงกลัว นิโอทั้งสองนี้เป็นร่างสำแดงของพระวัชรปาณีโพธิสัตว์

พระนางปรัชญาปารมิตา
พระปัทมปาณิโพธิสัตว์
พระปัทมสัมภวะ

(จีน: 蓮華生上師, Lianhuasheng Shang Shi, ทิเบต: Padma Jungne หรือ Guru Rinpoche) - พระลามะในนิกายวัชรยานซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นพระโพธิสัตว์ มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในทิเบตและภูฏาน นิกายญิงมาปะถือว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่สอง

พระประติภานกูฏโพธิสัตว์

กายสีเหลือง เขียว หรือ แดง มือขวาถือแส้ มือซ้ายวางบนเพลา มี 2 กร

พระภัทรปาลโพธิสัตว์

กายสีแดงหรือขาว มี 2 กร มือขวาทำปางประทานพร มือซ้ายถือเพชรพลอย

พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์

(จีน: 大勢至, Da Shì Zhì, เกาหลี: Dae Sae Zhi, ญี่ปุ่น: Seishi, เวียดนาม: Đại Thế Chí) - พระโพธิสัตว์ผู้เป็นตัวแทนของกำลังแห่งปัญญา ปรากฏอยู่เบื้องซ้ายของพระอมิตาภพุทธะ เป็นที่นับถือในนิกายสุขาวดี

พระมัญชุศรีโพธิสัตว์

(จีน: 文殊, Wen Shu, เกาหลี: Moon Soo, ญี่ปุ่น: Monju, ทิเบต: Jampal Yang, เวียดนาม: Văn Thù) - พระโพธิสัตว์แห่งปัญญา

พระรัตนปาณีโพธิสัตว์
นางวสุธระ

พระโพธิสัตว์แห่งความอุดมสมบูรณ์ นับถือกันมากในประเทศเนปาล

พระวัชรครรภโพธิสัตว์

สัญลักษณ์คือหนังสือ มือขวาถือวัชระ มือซ้ายถือหนังสือ กายสีฟ้า มี 2กร

พระวัชรปาณีโพธิสัตว์

(จีน: 金剛手, Jin Gang Shou, เกาหลี: Kum Kang Soo, ญี่ปุ่น:Shukongojin, ทิเบต: Channa Dorje) - พระโพธิสัตว์ในศาสนาพุทธมหายานยุคต้น เป็นประมุขของพระโพธิสัตว์ผู้ค้ำครองพระพุทธเจ้าและเหล่าพระมนุสสิโพธิสัตว์ มีความเชื่อมโยงกับพระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์และนิโอคงโงริกิชิ กล่าวกันว่าพระโพธิสัตว์องค์นี้เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจแห่งพระตถาคตทั้งห้า

พระวิศวปาณีโพธิสัตว์
พระเวทโพธิสัตว์ (พระสกันทะ)

(จีน: 韋馱, Wei Tuo) - เทพธรรมบาลผู้คุ้มครองธรรมในพุทธศาสนา มีส่วนที่เชื่อมโยงกับพระวัชรปาณีโพธิสัตว์ คุณลักษณะตรงกับพระสกันทะ (พระขันธกุมาร) ซึ่งเป็นเทพในศาสนาฮินดู โดยมากนิยมนับถือในศาสนาพุทธแบบจีน

พระศานติเทวะ

พระภิกษุมหายานในช่วงราวพุทธศตวรรษ 13 (คริสต์ศตวรรษที่ 8) ผู้เขียนตำราเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ชื่อ "โพธิสัตตวจารยาวตาร" (หนทางสู่การบำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์)

พระนางศิตาตปัตร

พระโพธิสัตว์ผู้เป็นเทพยดาแห่งฉัตรขาว เป็นผู้คุ้มภัยจากอันตรายเหนือธรรมชาติ

พระศรีอริยเมตไตรย

(จีน: 彌勒, Mi Le, เกาหลี: Mi Ruk, ญี่ปุ่น: Miroku, เวียดนาม: Di Lạc) - พระโพธิสัตว์ผู้ที่จะมาอุบัติเป็นพระพุทธเจ้าลำดับที่ 5 ในภัทรกัปป์ต่อจากพระโคตมพุทธเจ้า เป็นที่รู้จักจากความมีมหากรุณาต่อสรรพสัตว์ เป็นที่นับถือทั่วไปทั้งในฝ่ายเถรวาทและมหายาน

พระสมันตภัทรโพธิสัตว์

(จีน: 普賢, Pu Xian, เกาหลี: Bo Hyun, ญี่ปุ่น: Fugen, ทิเบต: Kuntu Zangpo, เวียดนาม: Phổ Hiền) - พระโพธิสัตว์ผู้เป็นตัวแทนของความกรุณาและสมาธิที่ดิ่งลึกของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์

พระสรรวนิวรณวิษกัมภินโพธิสัตว์

กายสีขาวหรือฟ้า มี 2 กร มือขวาทำญาณมุทรา มือซ้ายทำท่าปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร

พระสรรวโศกตโมนิรฆาตมตีโพธิสัตว์

กายสีเหลืองอ่อนหรือเหลือง มี 2 กร มือขวาถือคฑา มือซ้ายวางบนสะโพก

พระสรรวาปายัญชหะโพธิสัตว์

กายสีขาว 2 กร ทำท่าขจัดบาป หรือถือขอสับช้างทั้งสองมือ

พระสุปุษปจันทระ

พระโพธิสัตว์ซึ่งถูกกล่าวถึงในตำรา "โพธิสัตตวจารยาวตาร" ของพระศานติเทวะ

พระสุรยไวโรจนโพธิสัตว์

(Ch: 日光, Ri Guang, เกาหลี: Il Guang, Jp: Nikkō) - 1 ใน 2 พระโพธิสัตว์ผู้เป็นสาวกของพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต

พระสังฆารามโพธิสัตว์

(จีน: 伽藍, Qie Lan, เวียดนาม: Già Lam) - เรียกอีกอย่างว่า "พระวิหารบาลโพธิสัตว์" เป็นพระโพธิสัตว์ที่นับถือเฉพาะในความเชื่อแบบพุทธ-เต๋า ของจีน คำว่าสังฆารามโพธิสัตว์นั้นอ้างอิงถึงกลุ่มเทพที่ทำหน้าที่คุ้มครองวัดและพิทักษ์พุทธศาสนา แต่นามนี้มักจะถูกใช้อ้างอิงถึงกวนอู ผู้เป็นแม่ทัพในตำนานยุคสามก๊ก ซึ่งได้กลายเป็นเทพธรรมบาลด้วยการประกาศตนเป็นชาวพุทธและตั้งปณิธานในการคุ้มครองศาสนาไว้

พระสาครมติโพธิสัตว์

สัญลักษณ์คือสังข์หรือคลื่น ยื่นพระหัตถ์ไปข้างหน้า ทำนิ้วเป็นรูปคลื่น กายสีขาว มี 2 กร

พระสุรังคมโพธิสัตว์

กายสีขาว 2 กร มือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายวางบนสะโพก

พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

(จีน: 觀音, Guan Yin, เกาหลี: Guan Um, ญี่ปุ่น: Kannon, ทิเบต: Chenrezig, เวียดนาม: Quán Thế Âm) - พระโพธิสัตว์แห่งความกรุณา ผู้สดับเสียงคร่ำครวญในโลกและคอยช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้ข้ามวัฏสงสาร เป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากลที่สุดในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน

พระอักษมยมติโพธิสัตว์

สัญลักษณ์คือพระขรรค์หรือหม้อน้ำ มือขวาประทานพร มือซ้ายทาบบนทาบบนพระอุระ กายสีเหลืองหรือขาว มี 2 กร

พระอากาศครรภโพธิสัตว์

(จีน: 虛空藏, Xu Kong Zang,เกาหลี: Huh Gong Zang, ญี่ปุ่น: Kokuzo) - พระโพธิสัตว์แห่งความปิติอันไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งเกิดจากการช่วยเหลือสรรพสัตว์จำนวนมากพ้นประมาณ สัญลักษณ์คือพระอาทิตย์ มือขวาถือเพชรพลอย มือซ้ายถือดวงแก้ว กายสีเขียว มี 2 กร

พระอโมฆทรรศินโพธิสัตว์

กายสีเหลือง 2 กร มือขวาถือดอกบัว มือซ้ายวางบนสะโพก

ฮุ่ยเหนิง

พระภิกษุจีนในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นสังฆนายกและปรมาจารย์ในนิกายฌาณ ได้รับการยกย่องให้เป็นพระโพธิสัตว์

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 ผาสุข อินทราวุธ. พุทธปฏิมาฝ่ายมหายาน. กทม. โรงพิมพ์อักษรสมัย. 2543. หน้า 83-84
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 ปฏิปทาของพระโพธิสัตว์ ดูแลโดย ธนัท ทองอุทัยศรี
  3. อนาคตวงศ์
  4. เหตุให้พระศษสนาดำรงอยู่ไม่นานและนาน

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น