ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พญาญี่บา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม)
พระยายีบา ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น พระยาญี่บา
(ไม่แตกต่าง)

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:23, 30 ตุลาคม 2554

พญาญี่บา
พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรหริภุญชัย
รัชสมัยพ.ศ. 1814พ.ศ. 1836 (22 ปี)
รัชกาลก่อนหน้าพระยาโยทะ
รัชกาลถัดไปสิ้นสุดราชวงศ์หริภุญชัย
พระราชบุตรพระยาเบิก
พระยายีบา
ราชวงศ์หริภุญชัย
พระราชบิดาพระยาโยทะ

พระยายีบา พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งอาณาจักรหริภุญชัย ปกครองในช่วงปี พ.ศ. 1814พ.ศ. 1836 รวมระยะเวลาการครองราชย์ 22 ปี

ประวัติ

พระยายีบา ได้ปกครองอาณาจักรหริภุญชัยต่อจากพระยาโยทะ ซึ่งพระยาโยทะได้ครองอาณาจักรนี้นานถึง 74 ปี เมื่อพระยาโยทะสิ้นพระชนม์ พระยายีบาจึงได้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้ต่อ ก่อนที่จะถูกทำลายโดยพระยาเม็งรายแห่งอาณาจักรล้านนา โดยพระยายีบาเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายในอาณาจักรหริภุญชัย และเป็นการปิดฉากราชวงศ์หริภุญชัยที่ปกครองมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีเป็นพระปฐมกษัตรีย์พระองค์แรก

การขยายอำนาจของล้านนา

ในปี พ.ศ. 1805 (จ.ศ. 624) พระยามังรายใด้สร้างเมืองเชียงรายขึ้น และทรงเห็นว่าล้านนาไทยแยกกันเป็นหลายวงศ์ ควรรวมกันเป็นแผ่นดินเดียวกันเสีย ดำริแล้วจึงยกทัพไปตีเมืองมอบไร เชียงคำ เชียงร้าง ฝาง เชียงของ และเชิง ต่อมาจะตีเมืองลำพูน (หริภุญชัย) เพราะเป็นเมืองที่มั่งคั่ง แต่ขุนนางชื่อขุนฟ้า ค้านว่าเป็นการยากเพราะกำลังข้าศึกมีมากนัก ควรใช้อุบายยุยงให้แตกแยกกันเสียก่อน ครั้นแล้วพระยามังรายจึงทำอุบายเนรเทศขุนฟ้าออกจากเมืองฐานกบฏ ขุนฟ้าจึงได้ไปรับราชการอยู่กับพระยายีบาเจ้าเมืองลำพูนนานถึง 7 ปี และได้ทำอุบายต่างๆ ให้พระยายีบากดขี่ราษฎร จนชาวเมืองเกลียดชังพระยายีบา

สิ้นสุดอาณาจักรหริภุญชัย

ด้วยอุบายของขุนฟ้าที่ประจบสอพลอพระยีบาทำให้ประชาชนเกลียดชัง พระยามังรายได้ยกทัพไปตีเมืองลำพูนได้อย่างง่ายดายในปี พ.ศ. 1824 (จ.ศ. 643) พระยายีบาเสด็จหนีออกเมืองไปถึงดอยกลางป่าก็คิดนึกได้ที่เสียรู้ขุนฟ้าเป็นไส้ศึกให้พระยาเม็งรายก็เสียใจหลั่งน้ำตาร้องไห้ สถานที่น้ำตาตกนี้จึงมีชื่อว่า “ดอยพระยายีบาร้องไห้” มาจนทุกวันนี้[1] ต่อมาพระยายีบาจึงหนีมาอยู่กับพระยาเบิกเจ้าเมืองลำปาง(เขลางค์) ผู้เป็นโอรส เวลาล่วงไป 14 ปี พระยาเบิกทรงช้างชื่อ ปานแสนพล ยกทัพไปหมายจะตีเมืองลำพูนคืนให้พระบิดา พระยามังรายให้เจ้าขุนสงครามทรงช้างชื่อแก้วไชยมงคลออกรับศึก ทั้งสองได้ทำยุทธหัตถีกัน ที่บ้านขัวมุงขุนช้าง ใกล้เมืองกุมกาม พระยาเบิกถูกหอกแทงบาดเจ็บ และตีฝ่าวงล้องออกมาได้ จึงมาตั้งรับอยู่ที่ตำบลแม่ตาล เขตเมืองลำปาง ได้สู้รบกันเป็นสามารถผล ที่สุดทัพลำปางแพ้ยับเยิน เจ้าขุนสงครามจับกุมตัวพระยาเบิกแม่ทัพได้ และปลงพระชนม์เสียที่นี่ ดวงวิญญาณอันกล้าหาญเปี่ยมไปด้วยกตัญญูเวทิคุณนี้ จึงได้รับพระราชทานนามว่า "เจ้าพ่อขุนตาน" [2]

ศาลเจ้าพ่อขุนตานสร้างขึ้นเป็นที่สักการะแด่ดวงวิญญาณการสร้างวีรกรรม และความกตัญญูกตเวทิตาของพระยาเบิก โอรสของพระยายีบา แต่เดิมสร้างเป็นศาลเล็กๆ ต่อมามีการสร้างรูปหล่อเจ้าพ่อขุนตานและศาลขึ้นควบคู่กับศาลเดิม เพื่อให้ประชากรสักการะบูชา กราบไหว้ [3]

อ้างอิง

  1. วิชาการ.คอม - จามเทวี
  2. พงษาวดารโยนก ฉบับหอสมุดแห่งชาติ
  3. พระประวัติเจ้าพ่อขุนตาน