ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การแปลงลาปลัส"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Robosorne (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Robosorne (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 21: บรรทัด 21:
! หมายเหตุ
! หมายเหตุ
|-
|-
! [[ภาวะเชิงเส้น]]
! [[ภาวะเชิงเส้น]] (Linearity)
| <math> a f(t) + b g(t) \ </math>
| <math> a f(t) + b g(t) \ </math>
| <math> a F(s) + b G(s) \ </math>
| <math> a F(s) + b G(s) \ </math>
| สามารถพิจน์ได้โดยคุณสมบัติความเป็นเชิงเส้นของอินทิเกรท
| สามารถพิสูจน์ได้โดยคุณสมบัติความเป็นเชิงเส้นของการหาปริพันธ์
|-
|-
! [[อนุพันธ์เชิงความถี่|อนุพันธ์เชิงความถี่]] (Frequency differentiation)
! [[อนุพันธ์เชิงความถี่]] (Frequency differentiation)
| <math> t f(t) \ </math>
| <math> t f(t) \ </math>
| <math> -F'(s) \ </math>
| <math> -F'(s) \ </math>
| <math>F'\,</math> เป็นอนุพันธอันดับแรกของ <math>F\,</math>.
| <math>F'\,</math> เป็นอนุพันธอันดับแรกของ <math>F\,</math>.
|-
|-
! [[อนุพันธ์เชิงความถี่|อนุพันธ์เชิงความถี่]] (Frequency differentiation)
! อนุพันธ์เชิงความถี่ (Frequency differentiation)
| <math> t^{n} f(t) \ </math>
| <math> t^{n} f(t) \ </math>
| <math> (-1)^{n} F^{(n)}(s) \ </math>
| <math> (-1)^{n} F^{(n)}(s) \ </math>
| รูปแบบทั่วไปของอนุพันธอันดับ ''n''<sup>th</sup> ของ F(s)
| รูปแบบทั่วไปของอนุพันธอันดับ ''n''<sup>th</sup> ของ F(s)
|-
|-
! [[อนุพันธ]] (Differentiation)
! อนุพันธ์ (Differentiation)
| <math> f'(t) \ </math>
| <math> f'(t) \ </math>
| <math> s F(s) - f(0) \ </math>
| <math> s F(s) - f(0) \ </math>
บรรทัด 61: บรรทัด 61:
| <math>u(t)</math> คือ ฟังก์ชั่นขั้นบันไดเฮวิไซด์ (Heaviside step function) และ <math>(u * f)(t)</math> คือสังวัตนาการ (convolution) ของ <math>u(t) </math> และ <math>f(t)</math>
| <math>u(t)</math> คือ ฟังก์ชั่นขั้นบันไดเฮวิไซด์ (Heaviside step function) และ <math>(u * f)(t)</math> คือสังวัตนาการ (convolution) ของ <math>u(t) </math> และ <math>f(t)</math>
|-
|-
! ขยายเชิงเวลา (Time scaling)
! การขยายเชิงเวลา (Time scaling)
| <math> f(at) \ </math>
| <math> f(at) \ </math>
| <math> \frac{1}{|a|} F \left ( {s \over a} \right )</math>
| <math> \frac{1}{|a|} F \left ( {s \over a} \right )</math>
บรรทัด 71: บรรทัด 71:
|
|
|-
|-
! การเลื่ออนเชิงเวลา (Time shifting)
! การเลื่อนเชิงเวลา (Time shifting)
| <math> f(t - a) u(t - a) \ </math>
| <math> f(t - a) u(t - a) \ </math>
| <math> e^{-as} F(s) \ </math>
| <math> e^{-as} F(s) \ </math>
บรรทัด 86: บรรทัด 86:
| ในนิยามของการสังวัตนาการ เราสามรถกำหนดให้ ''ƒ''(''t'') และ ''g''(''t'') มีค่าเป็นศูนย์ได้ เมื่อ ''t''&nbsp;<&nbsp;0
| ในนิยามของการสังวัตนาการ เราสามรถกำหนดให้ ''ƒ''(''t'') และ ''g''(''t'') มีค่าเป็นศูนย์ได้ เมื่อ ''t''&nbsp;<&nbsp;0
|-
|-
! [[สังยุค (จำนวนเชิงซ้อน)|สังยุคของจำนวนเชิงซ้อน]]Complex conjugation
! [[คอนจูเกตเชิงซ้อน]]Complex conjugation
| <math> f^*(t) </math>
| <math> f^*(t) </math>
| <math> F^*(s^*) </math>
| <math> F^*(s^*) </math>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:05, 13 ตุลาคม 2554

ในทางคณิตศาสตร์ การแปลงลาปลาส (อังกฤษ: Laplace transform) คือการแปลงเชิงปริพันธ์ที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง แสดงอยู่ในรูป การแปลงลาปลาสจะทำให้เกิดความเป็นเชิงเส้นของ f(t) ซึ่งค่า t เป็นอาร์กิวเมนต์จริง(t ≥ 0) จะแปลงไปอยู่ในรูปฟังก์ชัน F(s) โดย s เป็นอาร์กิวเมนต์เชิงซ้อน การแปลงนี้เป็นการทำฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่งที่สำคัญมากในการใช้งานในทางปฏิบัติ คู่ฟังก์ชัน f(t) กับ F(s) นั้นจับคู่กันในตาราง การแปลงลาปลาสถูกใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติที่มันมีความสัมพันธ์และการดำเนินการของฟังกันดังเดิม f(t) น้นสอดคล้องกับความสัมพันธ์กับการดำเนินการในรูปของ F(s) การแปลงลาปลาสถูกประยุกต์ใช้ในงานสำคัญมากมายที่เป็นแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ สำหรับชื่อลาปลาสนี้มาจากชื่อของปีแยร์-ซีมง ลาปลาส ผู้ที่นำการแปลงนี้ไปใช้ในทฤษฎีความน่าจะเป็น

การแปลงลาปลาสเกี่ยวข้องกับการแปลงฟูรีเย แต่ขณะที่การแปลงฟูรีเยนั้นใช้ในการแก้ฟังก์ชันหรือสัญญาณในโหมดของการสั่นสะเทือน

คุณสมบัติ

กำหนดให้ f(t) และ g(t) มีผลการแปลงลาปลาสเป็น F(s) และ G(s) ตามลำดับ:

ตารางต่อไปนี้เป็นตารางคุณสมบัติของการแปลงลาปลาสด้านเดียว (unilateral Laplace transform):[1]

คุณสมบัติของการแปลงลาปลาสด้านเดียว
โดเมนเวลา โดเมน 's' หมายเหตุ
ภาวะเชิงเส้น (Linearity) สามารถพิสูจน์ได้โดยคุณสมบัติความเป็นเชิงเส้นของการหาปริพันธ์
อนุพันธ์เชิงความถี่ (Frequency differentiation) เป็นอนุพันธอันดับแรกของ .
อนุพันธ์เชิงความถี่ (Frequency differentiation) รูปแบบทั่วไปของอนุพันธอันดับ nth ของ F(s)
อนุพันธ์ (Differentiation) สมมุติให้ ƒ เป็นฟังก์ชั่นที่อนุพันธได้ (differentiable function)
อนุพันธอันดับสอง (Differentiation) สมมุติให้ ƒ มีอนุพันธอันดับสอง
อนุพันธอันดับใดๆ (Differentiation) สมมุติให้ ƒ มีอนุพันธอันดับ n ใดๆ
ปริพันธ์เชิงความถี่ (Frequency integration)
ปริพันธ์ Integration คือ ฟังก์ชั่นขั้นบันไดเฮวิไซด์ (Heaviside step function) และ คือสังวัตนาการ (convolution) ของ และ
การขยายเชิงเวลา (Time scaling)
การเลื่อนเชิงความถี่ (Frequency shifting)
การเลื่อนเชิงเวลา (Time shifting) คือ ฟังก์ชั่นขั้นบันไดเฮวิไซด์ (Heaviside step function)
การคูณ (Multiplication) การหาปริพันธ์จะกระทำบนแกนแนวดิ่ง ซึ่งอยู่ในขอบเขตการลู่เข้า (region of convergence) ของ F[2]
สังวัตนาการ (Convolution) ในนิยามของการสังวัตนาการ เราสามรถกำหนดให้ ƒ(t) และ g(t) มีค่าเป็นศูนย์ได้ เมื่อ t < 0
สังยุคของจำนวนเชิงซ้อนComplex conjugation
สหสัมพันธ์ไขว้ (Cross-correlation)
ฟังก์ชันคาบ (Periodic Function) เป็น ฟังก์ชันคาบ ของคาบ กล่าวคือ เป็นการรวมการของคุณสมบัติการเลื่อนเชิงเวลาและคุณสมบัติของลำดับเรขาคณิต

เชิงอรรถ

  • อาจพบเห็นการสะกดชื่อการแปลงลาปลาสอย่างอื่นเช่น การแปลงลาปลาซ, การแปลงลาพลาส, การแปลงลาพลาซ หรือใช้คำนำหน้าว่า ผลการแปลง–, การแปลงรูป–

อ้างอิง

  • Arendt, Wolfgang; Batty, Charles J.K.; Hieber, Matthias; Neubrander, Frank (2002), Vector-Valued Laplace Transforms and Cauchy Problems, Birkhäuser Basel, ISBN 3764365498.
  • Bracewell, R. N. (2000), The Fourier Transform and Its Applications (3rd ed.), Boston: McGraw-Hill, ISBN 0071160434.
  1. (Korn & Korn 1967, pp. 226–227)
  2. Bracewell 2000, Table 14.1, p. 385