ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ"
ล r2.6.4) (โรบอต แก้ไข: ar:هنري الثاني (المملكة المتحدة) |
ล r2.6.4) (โรบอต แก้ไข: ar:هنري الثاني ملك إنجلترا |
||
บรรทัด 128: | บรรทัด 128: | ||
[[af:Hendrik II van Engeland]] |
[[af:Hendrik II van Engeland]] |
||
[[an:Henrique II d'Anglaterra]] |
[[an:Henrique II d'Anglaterra]] |
||
[[ar:هنري الثاني |
[[ar:هنري الثاني ملك إنجلترا]] |
||
[[arz:هنرى التانى ملك إنجلترا]] |
[[arz:هنرى التانى ملك إنجلترا]] |
||
[[bg:Хенри II (Англия)]] |
[[bg:Хенри II (Англия)]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:14, 17 กันยายน 2554
|
สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ (อังกฤษ: Henry II of England หรือ “Curtmantle”) (25 มีนาคม ค.ศ. 1133 – 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1189) ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์แพลนทาเจเน็ทองค์แรกของราชอาณาจักรอังกฤษ
พระเจ้าเฮนรีที่ 2 เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1133 ที่เลอ มองส์ ในประเทศฝรั่งเศส ทรงเป็นพระราชโอรสของเจฟรีที่ 5 เคานท์แห่งอองจู และ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาทิลดา ทรงเสกสมรสกับดัชเชสเอเลเนอร์แห่งอากีแตน และทรงราชย์ระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1154 จนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1189 ที่ชินอง ในประเทศฝรั่งเศส พระอิสริยยศต่างๆ ที่พระเจ้าเฮนรีทรงดำรงก็ได้แก่ เคานท์แห่งอองจู, ดยุคแห่งนอร์มังดี, ดยุคแห่งอากีแตน, เคานท์แห่งนองท์, เจ้าแห่งไอร์แลนด์ และบางครั้งก็จะทรงปกครองส่วนหนึ่งของเวลส์ สกอตแลนด์ และด้านตะวันตกของฝรั่งเศส
เบื้องต้น
พระเจ้าเฮนรีที่ 2 เสด็จพระราชสมภพที่เลอ มองส์ ในประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1133 ซึ่งเป็นวันปึใหม่ตามประเพณีในเวลานั้น[1] เจฟฟรีที่ 5 เคานท์แห่งอองจู และ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาทิลดาพระราชบิดาและมารดาทรงอ้างสิทธิในราชบัลลังก์อังกฤษเพราะพระจักรพรรดินีมาทิลดาเป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 1 แห่งอังกฤษ เมื่อยังทรงพระเยาว์เฮนรีใช้ชีวิตอยู่ที่บริเวณอองจู เมื่อพระชนมายุได้ 9 พรรษา โรเบิร์ต เอิร์ลแห่งกลอสเตอร์ที่ 1 ก็นำตัวเฮนรีไปอังกฤษปีหนี่ง ซึ่งเป็นที่ที่เฮนรีได้รับการศึกษาจากมาสเตอร์แม็ทธิวแห่งบริสตอล จากนั้นเฮนรีก็กลับไปอังกฤษอีกเมื่อ เมื่อพระชนมายุได้ 16 พรรษาเพื่อช่วยพระมารดาราชบัลลังก์อังกฤษ
เสกสมรสและพระราชบุตร
พระเจ้าเฮนรีทรงเสกสมรสเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1152 ที่ มหาวิหารบอร์โดซ์เมื่อพระชนมายุได้ 19 พรรษากับเอเลเนอร์แห่งอากีแตนเป็นพิธีอย่างง่าย “โดยไม่มีพิธีรีตองตามที่ควรแก่ตำแหน่ง”[2] ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะสองเดือนก่อนหน้านั้นการแต่งงานของเอเลเนอร์กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศสเพิ่งถูกประกาศให้เป็นโมฆะ ความสัมพันธ์ระหว่างสองพระองค์เป็นความสัมพันธ์ที่รุนแรงและในที่สุดก็สิ้นสุดลงหลังจากที่เอเลเนอร์ยุให้พระโอรสแข็งข้อต่อเฮนรีในปี ค.ศ. 1173 เฮนรีจึงทรงกักตัวเอเลเนอร์ไว้ในวังเป็นเวลา 16 ปี [3]
พระเจ้าเฮนรีและเอเลเนอร์แห่งอากีแตนมีพระโอรสและธิดาด้วยกัน 8 พระองค์: วิลเลียม เคานท์แห่งปอยเตียร์, เฮนรียุวกษัตริย์, พระเจ้าริชาร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ, เจฟฟรีที่ 2 ดยุคแห่งบริตานี, พระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษ, มาทิลดาแห่งอังกฤษ ดัชเชสแห่งแซ็กโซนี, เลโอโนราแห่งอังกฤษ พระราชินีแห่งคาสตีล และ โจนแห่งอังกฤษ พระราชินีแห่งซิซิลี วิลเลียมสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เฮนรีเคานท์แห่งอองจูจึงได้สวมมงกุฏเป็นพระมหากษัตริย์ร่วมแทนที่ แต่ในเมื่อเฮนรีมิได้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ด้วยพระองค์เองจึงได้เรียกกันในพระนาม “เฮนรียุวกษัตริย์” (Henry the Young King) แทนที่จะมีพระนามว่าเฮนรีที่ 3 ตามนิตินัยเฮนรีควรจะเป็นผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระราชบิดา ริชาร์ดควรจะได้ดินแดนของพระราชมารดา และจอห์นควรจะเป็นเจ้าแห่งไอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์มิได้เป็นไปตามที่คาดหมายกันว่าควรจะเป็น
จอห์น สปีดสันนิษฐานกันว่าพระเจ้าเฮนรีและเอเลเนอร์มีพระโอรสด้วยกันอีกองค์หนึ่งเป็นผู้ชายชื่อฟิลลิป[4]แต่คงจะเสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก[5]
นอกพระราชโอรสธิดากับเอเลเนอร์แล้วพระเจ้าเฮนรีก็ยังทรงมีพระราชบุตรนอกสมรสอีกหลายคน ถึงแม้ว่าพระราชบุตรเหล่านี้จะไม่มีสิทธิในราชบัลลังก์ตามกฎหมายแต่ก็ยังเป็นสิ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหากับผู้มิสิทธิโดยตรงต่อมา[6] วิลเลียมแห่งลองสปีเป็นหนึ่งในจำนวนพระราชบุตรนอกสมรสแต่ก็เป็นผู้ที่มีความพอใจกับตำแหน่งและที่ดินที่ได้มาในฐานะลูกนอกกฎหมาย แต่เจฟฟรี บาทหลวงแห่งยอร์คเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และเห็นกันว่าอาจจะเป็นปัญหาแก่พระเจ้าริชาร์ดที่ 1ได้ในอนาคต[6] เจฟฟรีเป็นผู้เดียวที่ดูแลพระเจ้าเฮนรีเมื่อใกล้จะสวรรคตซึ่งแม้แต่จอห์น แล็คแลนด์พระราชโอรสองค์โปรดก็ทรงละทิ้งพระราชบิดา[7] เพื่อให้เจฟฟรีเลิกความหวังที่จะมีตำแหน่งสูงการปกครองพระเจ้าริชาร์ดก็ทรงบังคับให้เจฟฟรีไปบวชที่ยอร์ค[6] พระราชบุตรนอกสมรสอีกองค์หนึ่ง มอร์แกนเป็นบาทหลวงแห่งเดอแรมแต่ก็มิได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการเพราะถูกขัดขวางโดยพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 3.[8]
ศึกสายเลือด
ความรู้สึกรักใคร่ผูกพันกันภายใน ครอบครัวของพระองค์นั้น เห็นได้ชัดจากภาพที่ทรงสั่งให้วาดประดับอยู่ในท้องพระโรง ของมหาวิหารเวสต์มินเตอร์ ซึ่งเป็นภาพลูกเหยี่ยวสี่ตัวที่จ้องจะขย้ำพ่อเหยี่ยว โดยลูกนกตัวที่สี่เล็งจ่อคอหอยของพ่อเหยี่ยว และเตรียมพร้อมที่จะจิกลูกตา ทั้งสองข้าง กล่าวกันว่า พระองค์ได้ตรัสว่า "ลูกเหยี่ยวทั้งสี่ คือโอรสทั้งสี่ของเรา ซึ่งไม่ยอมหยุดจองล้างจองผลาญเราจนกว่าเราจะตาย ตัวเล็กสุดที่เรากำลังกกกอด ด้วยความรัก จะลบหลู่เรา และในที่สุดจะนำทุกข์ภัยมหันต์มาสู่เรายิ่งกว่าตัวอื่นๆ"
อนิจจา คำพยากรณ์ของพระองค์กลายเป็นความจริง ด้วยภายหลังจากที่ทรงประสบ ความสำเร็จในการแผ่ขยายอาณาเขตปกครองของอังกฤษออกไปถึงบางส่วนของยุโรป พระเจ้าเฮ็นรีที่ 2 ทรงเผชิญกับการก่อการกบฎของบรรดาโอรสครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่า พระองค์จะทรงแต่งตั้งเจ้าชายเฮ็นรี โอรสองค์ใหญ่เป็นรัชทายาท โดยเป็นเจ้าชาย องค์เดียวที่ดำรงตำแหน่งนี้ในขณะพระบิดายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ แต่ก็ไม่ได้ช่วย แก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ และแม้ว่าเจ้าชายเฮ็นรีและโอรสอีกสององค์ถัดไป ได้แก่เจ้าชายเจฟฟรี และเจ้าชายริชาร์ด จะได้รับยศศักดิ์พร้อมแบ่งปันที่ดินอาณาจักร อันกว้างใหญ่ไปแล้วก็ตาม บรรดาโอรสต่างก็ยังไม่พอใจ เนื่องจากประสงค์จะได้ ครอบครองทั้งยศศักดิ์และทรัพย์สิน ไม่ต้องการที่จะรอจนกว่าจะสิ้นพระบิดา
ดังนั้น ตลอดระยะเวลาหลายปี โดยมีพระนางเอลานอร์แห่งอากิแตน พระมารดา คอยยุยงอยู่อีกแรงหนึ่ง เนื่องจากพระนางขมขื่นที่พระเจ้าเฮ็นรีที่2 ทรง เหินห่างหมางเมิน มิหนำซ้ำยังทรงสั่งคุมขังพระนางอยู่เนืองๆ บรรดาโอรสจึง รวมกลุ่มต่อต้านพระองค์อยู่เนืองๆ โดยมีพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ของฝรั่งเศสเป็นแนวร่วม ด้วยความเต็มใจ จวบแม้กระทั่งเจ้าชายเฮ็นรี่สิ้นชีวิตเมื่อปีค.ศ. 1183 และ เจ้าชายเจฟฟรีย์ปราชัยถูกสังหารจากการประลองยุทธ์ เมื่อปี ค.ศ. 1186 พระเจ้าเฮ็นรีที่ 2 ก็ยังทรงไม่มีความสงบสุขอยู่ดี เนื่องจากเจ้าชายริชาร์ดโกรธเคืองที่พระองค์โปรดปราน เจ้าชายจอห์นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด จึงเข้าร่วมกับพระเจ้าฟิลลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศส เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1189 ทำให้พระเจ้าเฮ็นรีที่2 ทรงพ่ายแพ้ในการรบครั้งอัปยศนี้ ครั้นรายชื่อของแนวร่วมต่างๆที่ต่อต้านถูกเปิดเผย ทรงตกพระทัยยิ่งนักเมื่อพบว่า มีชื่อของเจ้าชายจอห์นรวมอยู่ด้วย พระโอรสองค์เล็กพระองค์นี้ ตระหนักถึงความปราชัย ของพระองค์ จึงแปรเปลี่ยนไปเป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ เมื่อทรงทราบว่าถูกพระโอรส องค์เล็กทรยศหักหลัง พระองค์จึงทรงท้อแท้ทอดอาลัย ตามจดหมายเหตุได้บันทึก ถ้อยคำที่พระองค์ตรัสไว้ว่า "พอกันที อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เราจะไม่ใส่ใจอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นตัวเรา หรือใครๆ….น่าละอายนัก กษัตริย์ผู้ปราชัย" จากนั้นไม่นาน พระเจ้าเฮ็นรีที่ 2 ผู้สิ้นหวังทรงสิ้นพระชนม์ในที่บรรทม และเจ้าชายริชาร์ดขึ้นครองราชย์ เจ้าชายจอห์นก็เจริญรอยตามขัติยประเพณีด้วยการพยายามล้มล้างพระเชษฐาหลายครั้ง แต่ก็ได้รับการอภัยโทษทุกครั้ง จวบจนเจ้าชายริชาร์ดสิ้นพระชนม์ในสมรภูมิเมื่อปี ค.ศ. 1199 เจ้าชายจอห์นจึงได้ขึ้นครองบัลลังก์สมความปรารถนา
อ้างอิง
- ↑ Harvey, The Plantagenets, p.47
- ↑ Harvey, The Plantagenets, p.49
- ↑ Harvey, The Plantagenets, p.51
- ↑ John Speed's 1611 book, History Of Great Britain. His sources no longer exist
- ↑ Weir, Alison, Eleanor of Aquitaine: A Life, pp.154-155, Ballantine Books, 1999
- ↑ 6.0 6.1 6.2 Turner & Heiser, The Reign of Richard Lionheart
- ↑ Harvey, The Plantagenets
- ↑ British History Online Bishops of Durham. Retrieved 25 October 2007.
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- ลำดับเหตุการณ์ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ
- แหล่งค้นคว้าเกี่ยวกับยุคกลาง: อังกฤษสมัยอองเจวิน
http://www.geocities.com/wilaip/royal_scandals4.html
ก่อนหน้า | พระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระเจ้าสตีเฟน | พระมหากษัตริย์แห่งอังกฤษ (ราชวงศ์แพลนทาเจเน็ท) (ค.ศ. 1154 – ค.ศ. 1189) |
สมเด็จพระเจ้าริชาร์ดที่ 1 |