ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อันดับปลาซีกเดียว"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 35: บรรทัด 35:
หัวมีลักษณะแหลม ตาทั้งสองเมื่อยังเป็นตัวอ่อนเป็นสองข้างเหมือนปลาชนิดอื่น แต่เมื่อโตเต็มวัยจะไม่สมมาตร ตาข้างหนึ่งย้ายไปรวมกับอีกด้านหนึ่งของกะโหลก ตาทั้งสองข้างสามารถยื่นเหนือลำตัวเพื่อใช้ในการมอง
หัวมีลักษณะแหลม ตาทั้งสองเมื่อยังเป็นตัวอ่อนเป็นสองข้างเหมือนปลาชนิดอื่น แต่เมื่อโตเต็มวัยจะไม่สมมาตร ตาข้างหนึ่งย้ายไปรวมกับอีกด้านหนึ่งของกะโหลก ตาทั้งสองข้างสามารถยื่นเหนือลำตัวเพื่อใช้ในการมอง


ครีบหลังและครีบทวารมีฐานครีบยาว ลำตัวเกือบแบนราบและเป็นรูปกลมรีเมื่อมองจากด้านข้าง ช่องว่างบริเวณลำตัวจะมีน้อยเนื่องจากลำตัวเปลี่ยนไปมีรูปทรงแบนมาก ในตัวเต็มวัยนั้นส่วนใหญ่จะไม่มี[[กระเพาะปลา|ถุงลม]]ที่ช่วยในการ[[ว่ายน้ำ]] เกล็ดมีลักษณะเป็นแบบ Cycloid หรือ Ctenoid
ครีบหลังและครีบทวารมีฐานครีบยาว ลำตัวเกือบแบนราบและเป็นรูปกลมรีเมื่อมองจากด้านข้าง ช่องว่างบริเวณลำตัวจะมีน้อยเนื่องจากลำตัวเปลี่ยนไปมีรูปทรงแบนมาก ในตัวเต็มวัยนั้นส่วนใหญ่จะไม่มี[[กระเพาะปลา|ถุงลม]]ที่ช่วยในการ[[ว่ายน้ำ]] [[เกล็ดปลา|เกล็ด]]มีลักษณะเป็นแบบสากและแบบเรียบ


ปลาในอันดับนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของ[[ทฤษฎีวิวัฒนาการ]]ในการปรับตัวที่ [[ริชาร์ด ดอว์กินส์]] นัก[[ชีววิทยา]][[ชาวอังกฤษ]] อธิบายไว้ว่า
ปลาในอันดับนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของ[[ทฤษฎีวิวัฒนาการ]]ในการปรับตัวที่ [[Richard Dawkins|ริชาร์ด ดอว์กินส์]] นัก[[ชีววิทยา]][[ชาวอังกฤษ]] อธิบายไว้ว่า


{{คำพูด|บรรพบุรุษของปลาลิ้นหมาในธรรมชาติ อาศัยอยู่บริเวณพื้นใต้ทะเล พวกมันจึงปรับตัวนอนราบไปกับพื้นด้วยด้านใดด้านหนึ่งของลำตัว ซึ่งมันได้สร้างปัญหากับดวงตาข้างหนึ่งที่จะมองเห็นแต่พื้นด้านล่างอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ในทราย และจะทำให้ใช้งานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นการวิวัฒนาการจึงเกิดขึ้นเพื่อการแก้ปัญหาตาข้างที่อยู่ด้านล่าง ทำให้ตาด้านนั้นเคลื่อนมาอยู่ด้านเดียวกับที่หงายขึ้นสู่ท้องทะเล|}}<ref>[[Dawkins, Richard]] ([[ค.ศ. 1991|1991]]). ''The Blind Watchmaker''. London: Penguin Books. pp. 92. ISBN 0140144811.</ref>
{{คำพูด|บรรพบุรุษของปลาลิ้นหมาในธรรมชาติ อาศัยอยู่บริเวณพื้นใต้ทะเล พวกมันจึงปรับตัวนอนราบไปกับพื้นด้วยด้านใดด้านหนึ่งของลำตัว ซึ่งมันได้สร้างปัญหากับดวงตาข้างหนึ่งที่จะมองเห็นแต่พื้นด้านล่างอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ในทราย และจะทำให้ใช้งานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นการวิวัฒนาการจึงเกิดขึ้นเพื่อการแก้ปัญหาตาข้างที่อยู่ด้านล่าง ทำให้ตาด้านนั้นเคลื่อนมาอยู่ด้านเดียวกับที่หงายขึ้นสู่ท้องทะเล|}}<ref>[[Dawkins, Richard]] ([[ค.ศ. 1991|1991]]). ''The Blind Watchmaker''. London: Penguin Books. pp. 92. ISBN 0140144811.</ref>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:33, 16 กันยายน 2554

อันดับปลาซีกเดียว
ปลาลิ้นหมาไม่ทราบชนิด
ภาพวาดในศตวรรษที่ 19 ที่แสดงถึงปลาในอันดับนี้หลายวงศ์ หลายชนิด
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Actinopterygii
อันดับ: Pleuronectiformes
อันดับย่อย Psettodoidei
อันดับย่อย Pleuronectoidei
อันดับย่อย Soleoidei
  • Soleidae (วงศ์ปลาลิ้นหมา)
  • Achiridae (วงศ์ปลาลิ้นหมาอเมริกา)
  • Cynoglossidae (วงศ์ปลายอดม่วง)

อันดับปลาซีกเดียว (อันดับ: Pleuronectiformes, Heterosomata อังกฤษ: Flatfish) ปลากระดูกแข็งในกลุ่ม ปลาที่มีก้านครีบ (Ray-finned fishes) พบได้ทั้งทะเล, น้ำกร่อย และน้ำจืด ในภาษาไทยมักเรียกปลาในอันดับนี้รวม ๆ กัน เช่น "ลิ้นหมา", "ซีกเดียว", "ยอดม่วง", "ลิ้นเสือ", "ลิ้นควาย", "ใบไม้" หรือ "จักรผาน" เป็นต้น

ลักษณะ

ลักษณะพิเศษคือ มองผิวเผินเหมือนมีแค่ด้านเดียว ลำตัวปรับตะแคงข้างด้านใดด้านหนึ่ง (ซ้ายหรือขวาขึ้นกับวงศ์) ราบไปกับพื้นน้ำเพื่อปรับตัวให้ซ่อนบนทราย หัวมีลักษณะแหลม ตาทั้งสองเมื่อยังเป็นตัวอ่อนเป็นสองข้างเหมือนปลาชนิดอื่น แต่เมื่อโตเต็มวัยจะไม่สมมาตร ตาข้างหนึ่งย้ายไปรวมกับอีกด้านหนึ่งของกะโหลก ตาทั้งสองข้างสามารถยื่นเหนือลำตัวเพื่อใช้ในการมอง

ครีบหลังและครีบทวารมีฐานครีบยาว ลำตัวเกือบแบนราบและเป็นรูปกลมรีเมื่อมองจากด้านข้าง ช่องว่างบริเวณลำตัวจะมีน้อยเนื่องจากลำตัวเปลี่ยนไปมีรูปทรงแบนมาก ในตัวเต็มวัยนั้นส่วนใหญ่จะไม่มีถุงลมที่ช่วยในการว่ายน้ำ เกล็ดมีลักษณะเป็นแบบสากและแบบเรียบ

ปลาในอันดับนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของทฤษฎีวิวัฒนาการในการปรับตัวที่ ริชาร์ด ดอว์กินส์ นักชีววิทยาชาวอังกฤษ อธิบายไว้ว่า

บรรพบุรุษของปลาลิ้นหมาในธรรมชาติ อาศัยอยู่บริเวณพื้นใต้ทะเล พวกมันจึงปรับตัวนอนราบไปกับพื้นด้วยด้านใดด้านหนึ่งของลำตัว ซึ่งมันได้สร้างปัญหากับดวงตาข้างหนึ่งที่จะมองเห็นแต่พื้นด้านล่างอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ในทราย และจะทำให้ใช้งานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นการวิวัฒนาการจึงเกิดขึ้นเพื่อการแก้ปัญหาตาข้างที่อยู่ด้านล่าง ทำให้ตาด้านนั้นเคลื่อนมาอยู่ด้านเดียวกับที่หงายขึ้นสู่ท้องทะเล

[1]

พฤติกรรม

ปลาในอันดับนี้อาศัยบริเวณพื้นทะเลหรือพื้นน้ำ ออกหากินเวลากลางคืน มักใช้วิธีพรางตัวเพื่อจับเหยื่อ อาจมีความสามารถในการปรับสีผิวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม อาจพบบางชนิดเกาะอยู่ตามท้องเรือหรือเสาใต้น้ำ และอาจส่งเสียงร้องได้

เป็นปลากินเนื้อ กินอาหารได้แก่ สัตว์หน้าดินขนาดเล็ก ลูกกุ้ง, ลูกปู, ลูกปลา, หมึกและหอยไม่มีฝา

การกระจายพันธุ์

โดยมากพบในทะเล มีไม่กี่ชนิดที่พบในน้ำจืดหรือน้ำกร่อย มีความแตกต่างของสายพันธุ์และขนาดมาก ใหญ่สุดคือ สายพันธุ์ที่พบในทะเลเขตหนาวแถบอลาสกา เรียกว่า แฮลิบัต (halibuts) มีขนาดได้ถึง 2 เมตร หนักได้ถึง 325 กิโลกรัม คือ แอตแลนติก แฮลิบัต (Hippoglossus hippoglossus) และเล็กสุดเพียง 10 เซนติเมตร โดยมากเป็นปลาเศรษฐกิจใช้บริโภค

มีความหลากหลายและการแพร่กระจายเป็นวงกว้าง มีอยู่ทั่วโลก บางชนิดอาศัยอยู่ในน้ำเค็ม บางชนิดอาศัยอยู่ในน้ำจืด บางชนิดอาศัยอยู่บริเวณพื้นน้ำตื้น แต่บางชนิดอาจจะอยู่บริเวณพื้นทะเลที่มีความลึกเป็นร้อยฟุต

ในประเทศไทยส่วนใหญ่อาศัยในน้ำเค็ม พบได้ทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ส่วนชนิดน้ำจืดมี 4 ชนิด ซึ่งทั้งหมดอยู่ในวงศ์ปลาลิ้นหมา (Soleidae) พบมากตามแม่น้ำใหญ่ ๆ ในภาคกลาง และจัดเป็น ดัชนีชี้วัดคุณภาพน้ำ เมื่อน้ำใกล้จะเน่าปลาลิ้นหมาจะขึ้นมาหายใจบริเวณผิวน้ำก่อนปลาอื่น[2]

อื่น ๆ

อ้างอิง