ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พายุเฮอริเคนไอรีน"
ล r2.6.4) (โรบอต เพิ่ม: be:Ураган Ірына, 2011 |
ล r2.7.1+) (โรบอต เพิ่ม: zh:飓风艾琳 (2011) |
||
บรรทัด 34: | บรรทัด 34: | ||
[[sv:Orkanen Irene (2011)]] |
[[sv:Orkanen Irene (2011)]] |
||
[[uk:Ураган Айрін]] |
[[uk:Ураган Айрін]] |
||
[[zh:飓风艾琳 (2011)]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:07, 28 สิงหาคม 2554
บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ การแก้ไขล่าสุดบนหน้านี้อาจไม่ได้แสดงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุด |
พายุเฮอร์ริเคนไอรีน เป็นพายุเฮอร์ริเคนแอตแลนติกมีพลัง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางต่อหลายประเทศแถบแคริบเบียน และปัจจุบันกำลังพัดขึ้นฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาและแอตแลนติกแคนาดา พายุดังกล่าวเป็นพายุลูกที่เก้าที่ถูกตั้งชื่อ และเป็นพายุเฮอร์ริเคนลูกแรกและลูกใหญ่ในฤดู 2554 ไอรีนก่อตัวขึ้นจากคลื่นกระแสลมจากทะเลแอตแลนติกซึ่งระบุไว้ชัดเจน โดยแสดงสัญญาณก่อตัวทางตะวันออกของแอนทิลลิสน้อย ต่อมามีความกดอากาศหมุนเวียน และศูนย์กลางการหมุนของพายุหมุนแบบปิด ซึ่งทำให้ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติเริ่มแนะนำต่อสาธารณะถึงพายุหมุนเขตร้อนดังกล่าวในวันที่ 20 สิงหาคม ความกดอากาศก่อตัวขึ้นตามมาหลังพายุพัดผ่านหมู่เกาะลีวาร์ด และจนถึงวันที่ 21 สิงหาคม พายุได้พัดเข้าใกล้เกาะเซนต์ครอยมาก วันรุ่งขึ้น พายุไอรีนขึ้นฝั่งใกล้กับเปอร์โตริโก ซึ่งได้สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินเป็นอันมาก
พายุเฮอร์ริเคนดังกล่าวทวีกำลังแรงขึ้นขณะที่พัดผ่านหมู่เกาะบาฮามาส กลายเป็นพายุเฮอร์ริเคนใหญ่ ขณะที่พัดผ่านนั้นก็ได้สร้างความเสียหายแก่หมู่เกาะดังกล่าวไปด้วย ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางมุ่งขึ้นเหนือ และไอรีนเลียบผ่านฟลอริดา โดยแถบพายุรอบนอกทำให้เกิดลมกำลังพายุหมุนเขตร้อน ปัจจุบัน พายุลูกดังกล่าวกำลังพัดเข้าสู่ชายฝั่งนอร์ทแคโรไลนา และพยากรณ์ว่าจะขึ้นฝั่งภายใน 24 ชั่วโมง[1] ตลอดเส้นทางการพัดผ่านของมัน ไอรีนสร้างความเสียหายใหญ่หลวง และทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยเจ็ดคน ความเสียหายทางการเงินประเมินไว้เบื้องต้นที่ 3,100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ[2]
อ้างอิง
- ↑ "Coastal Watches/Warnings and 5-Day Forecast Cone for Storm Cente". National Hurricane Center. 2011-08-26. สืบค้นเมื่อ 2011-08-26.
- ↑ Fieser, Ezra (2011-08-25). "Hurricane Irene barrels toward US as Caribbean islands take stock of damage". The Christian Science Monitor. Christian Science Publishing Society. สืบค้นเมื่อ 2011-08-26.