ผลต่างระหว่างรุ่นของ "องคต"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
replaceViaLink
บรรทัด 15: บรรทัด 15:


{{เริ่มกล่อง}}
{{เริ่มกล่อง}}
{{สืบราชสมบัติ
{{สืบตำแหน่ง
| ก่อนหน้า = [[สุครีพ]]
| ก่อนหน้า = [[สุครีพ]]
| ตำแหน่ง = อุปราชเมืองขีดขินในเรื่อง[[รามเกียรติ์]]
| ตำแหน่ง = อุปราชเมืองขีดขินในเรื่อง[[รามเกียรติ์]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:00, 6 สิงหาคม 2554

ไฟล์:Aongkod.jpg
องคต

องคต เป็นตัวละครเอกตัวหนึ่งของเรื่อง รามเกียรติ์ เป็นลูกของพญาพาลี กับนางมณโฑ เป็นทหารเอกของพระรามมีอาวุธเป็นธนูที่แม้แต่ใครก็ตามที่มาสู้กับองคตก็ต้องตายหมด องคตเกิดมาจาก เมื่อพาลีแย่งนางมณโฑมาจากทศกัณฐ์แล้ว นางต้องเป็นภรรยาของพาลีจนกระทั่งตั้งครรภ์ ทศกัณฐ์ไปฟ้องฤๅษีอังคัตผู้เป็นอาจารย์ของพาลีให้มาว่ากล่าวพาลี จนพาลียอมคืนนางมณโฑให้แต่ขอลูกเอาไว้ ฤๅษีอังคัตจึงทำพิธีเอาลูกออกจากท้องนางมณโฑไปใส่ในท้องแพะ เมื่อครบกำหนดคลอดพระฤๅษีก็ทำพิธีให้ออกจากท้องแพะให้ชื่อว่า องคต ทศกัณฐ์ยังผูกใจเจ็บ จึงแปลงกายเป็นปูยักษ์ คอยอยู่ก้นแม่น้ำเพื่อจะฆ่าองคตขณะทำพิธีลงสรง แต่ถูกพาลีจับได้ แล้วเอามาผูกไว้ให้ลูกลากเล่นอยู่เจ็ดวันจึงปล่อยไป เมื่อสุครีพขอให้พระรามมาช่วยปราบพาลี ก่อนที่พาลีจะสิ้นใจตาย ได้สำนึกตนว่าทำผิดต่อสุครีพ ทั้งไม่รักษาคำสัตย์สาบาน จึงได้ทูลฝากฝังสุครีพและองคตไว้กับพระราม องคตได้ช่วยทำศึกกับกองทัพของทศกัณฐ์อย่างเต็มความสามารถ พระรามเคยส่งองคตเป็นทูตไปเจรจากับทศกัณฐ์ เพื่อทวงนางสีดาคืนแม้จะไม่สำเร็จ แต่ก็ได้แสดงความเฉลียวฉลาดและความกล้าหาญ ให้ประจักษ์แก่ตาของทศกัณฐ์

องคตเป็นผู้ที่มีสัมมาวาจา สามารถพูดจาให้คนหลงเชื่อได้ ดังจะเห็นได้จากตอนที่พระรามให้องคตแปลงกายเป็นยักษ์พิจิตรไพรีไปทูลขอแว่นแก้วสุรกานต์จากพระพรหม

ลักษณะทั่วไป

ลักษณะขององคต คือ มีหนึ่งพักตร์ มีกายสีเขียว แต่งตัวตามอย่างกษัตริย์ สวมมงกุฎสามกลีบ(มงกุฎน้ำเต้า) มีพระขรรค์เป็นอาวุธ ภายหลังได้เป็น พระยาอินทรนุภาพ ตำแหน่งผ่ายหน้าเมืองขีดขินพร้อมมงกุฎกุณฑล สังวาลแก้วและทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ทุกประการ

บทกลอนวานรในรามเกียรติ์ 
นามขุนกระบี่นี้  	องคต เสนอนอ
กากาจราชเอารส 	ฤทธิล้ำ
สีเขียวดุจมรกฎ 	มกุฎกลีบ สามแฮ
เถลิงยศอุปราชค้ำ 	เขตรด้าวขีดขิน ฯ 


ก่อนหน้า องคต ถัดไป
สุครีพ อุปราชเมืองขีดขินในเรื่องรามเกียรติ์
เรื่องรามเกียรติ์จบ
ขณะองคตยังอยู่ในตำแหน่ง'พระยาอินทรนุภาพ'