ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แกงมัสมั่น"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Koolkoh (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Koolkoh (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4: บรรทัด 4:
แกงมัสมั่นแบบชาวมุสลิมปักษ์ใต้ ต่างจากการปรุงแกงมัสมั่นของชาวไทยภาคกลางคือ จะไม่ทำเป็นน้ำพริกแกงมัสมั่น แต่จะผสมลูกผักชีป่น [[ยี่หร่า]]ป่น พริกป่นอินเดียและ[[พริกไทย]]ป่นไว้เป็นผงเครื่องแกง จากนั้นจึงนำลงไปผัดกับน้ำมันที่เจียวหัวหอมแล้ว ส่วนแกงมัสมั่นแบบมลายู-ชวา จะใส่[[กานพลู]] [[อบเชย]] ลงไปผัดกับน้ำมันและ[[หอมแดง]]จนหอม แล้วจึงใส่พริกป่นอินเดีย ลูกผักชีป่น ยี่หร่าป่น พริกไทยป่นลงไปผัดให้เข้ากัน นอกจากนั้นยังใส่[[มะพร้าว]]คั่ว ผง[[ขมิ้น]] [[ดอกไม้จีน]]และหน่อไม้จีนด้วย
แกงมัสมั่นแบบชาวมุสลิมปักษ์ใต้ ต่างจากการปรุงแกงมัสมั่นของชาวไทยภาคกลางคือ จะไม่ทำเป็นน้ำพริกแกงมัสมั่น แต่จะผสมลูกผักชีป่น [[ยี่หร่า]]ป่น พริกป่นอินเดียและ[[พริกไทย]]ป่นไว้เป็นผงเครื่องแกง จากนั้นจึงนำลงไปผัดกับน้ำมันที่เจียวหัวหอมแล้ว ส่วนแกงมัสมั่นแบบมลายู-ชวา จะใส่[[กานพลู]] [[อบเชย]] ลงไปผัดกับน้ำมันและ[[หอมแดง]]จนหอม แล้วจึงใส่พริกป่นอินเดีย ลูกผักชีป่น ยี่หร่าป่น พริกไทยป่นลงไปผัดให้เข้ากัน นอกจากนั้นยังใส่[[มะพร้าว]]คั่ว ผง[[ขมิ้น]] [[ดอกไม้จีน]]และหน่อไม้จีนด้วย
<br />
<br />
:มัสมั่นเป็นแกงที่มาจากเปอร์เซีย (อิหร่าน) โดยแขกเจ้าเซนซึ่งเข้ามาค้าขายในสมัย[[พระนารายณ์มหาราช]] เป็นแกงที่นิยมรับประทานสำหรับผู้ชอบกลิ่นเครื่องเทศที่โดดเด่น<ref>[http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88]</ref>
:มัสมั่นเป็นแกงที่มาจากเปอร์เซีย([[อิหร่าน]]ปัจจุบัน) โดยแขกเจ้าเซนซึ่งเข้ามาค้าขายในสมัย[[พระนารายณ์มหาราช]] เป็นแกงที่นิยมรับประทานสำหรับผู้ชอบกลิ่นเครื่องเทศที่โดดเด่น<ref>[http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88]</ref>
<br />
<br />
: ''' "มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ ใฝ่ฝันหา" '''โคลงบทนี้หลายคนคงจำกันได้ดี แต่ตอนนั้นที่ท่องกันยังไม่รู้จักด้วยซ้ำไปว่า แกงมัสมั่น หน้าตาเป็นอย่างไร วันนี้ลองมาดูรู้จักวีธีการปรุง แกงมัสมั่น กันดีกว่า...
: ''' "มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ ใฝ่ฝันหา" '''โคลงบทนี้หลายคนคงจำกันได้ดี แต่ตอนนั้นที่ท่องกันยังไม่รู้จักด้วยซ้ำไปว่า แกงมัสมั่น หน้าตาเป็นอย่างไร วันนี้ลองมาดูรู้จักวีธีการปรุง แกงมัสมั่น กันดีกว่า...
บรรทัด 18: บรรทัด 18:
*มันฝรั่งหัวเล็กต้มสุก 500 กรัม
*มันฝรั่งหัวเล็กต้มสุก 500 กรัม
*สับปะรดขนาดกลาง 1 ลูก
*สับปะรดขนาดกลาง 1 ลูก
*ใบกระวาน 7 ใบ
*ใบ[[กระวาน]] 7 ใบ
*ลูกกระวาน 7 ลูก
*ลูกกระวาน 7 ลูก
<br />
<br />
บรรทัด 31: บรรทัด 31:
*กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
*กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
*พริกไทย 15 เม็ด
*พริกไทย 15 เม็ด
*ลูกจันทร์ 1/2 ลูก
*[[ลูกจันทร์]] 1/2 ลูก
*ดอกจันทร์ 1 ดอก
*ดอกจันทร์ 1 ดอก
*เม็ดเมล็ดผักชี 2 เม็ด
*เม็ดเมล็ดผักชี 2 เม็ด

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:15, 25 กรกฎาคม 2554

แกงมัสมั่น

แกงมัสมั่น เป็นอาหารประเภทแกงที่ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารมลายู ชาวไทยมุสลิมเรียกแกงชนิดนี้ว่า ซาละหมั่น แกงมัสมั่นแบบไทยออกรสหวานในขณะที่ตำรับดั้งเดิมของชาวมุสลิมออกรสเค็มมัน[1]

แกงมัสมั่นแบบชาวมุสลิมปักษ์ใต้ ต่างจากการปรุงแกงมัสมั่นของชาวไทยภาคกลางคือ จะไม่ทำเป็นน้ำพริกแกงมัสมั่น แต่จะผสมลูกผักชีป่น ยี่หร่าป่น พริกป่นอินเดียและพริกไทยป่นไว้เป็นผงเครื่องแกง จากนั้นจึงนำลงไปผัดกับน้ำมันที่เจียวหัวหอมแล้ว ส่วนแกงมัสมั่นแบบมลายู-ชวา จะใส่กานพลู อบเชย ลงไปผัดกับน้ำมันและหอมแดงจนหอม แล้วจึงใส่พริกป่นอินเดีย ลูกผักชีป่น ยี่หร่าป่น พริกไทยป่นลงไปผัดให้เข้ากัน นอกจากนั้นยังใส่มะพร้าวคั่ว ผงขมิ้น ดอกไม้จีนและหน่อไม้จีนด้วย

มัสมั่นเป็นแกงที่มาจากเปอร์เซีย(อิหร่านปัจจุบัน) โดยแขกเจ้าเซนซึ่งเข้ามาค้าขายในสมัยพระนารายณ์มหาราช เป็นแกงที่นิยมรับประทานสำหรับผู้ชอบกลิ่นเครื่องเทศที่โดดเด่น[2]


"มัสมั่นแกงแก้วตา หอมยี่หร่า รสร้อนแรง ชายใดได้กลืนแกง แรงอยากให้ ใฝ่ฝันหา" โคลงบทนี้หลายคนคงจำกันได้ดี แต่ตอนนั้นที่ท่องกันยังไม่รู้จักด้วยซ้ำไปว่า แกงมัสมั่น หน้าตาเป็นอย่างไร วันนี้ลองมาดูรู้จักวีธีการปรุง แกงมัสมั่น กันดีกว่า...


ส่วนผสม

  • ไก่ 1 กิโลกรัม
  • มะพร้าวขูด 1-1/2 กิโลกรัม
  • น้ำปลา 1/2-3/4 ถ้วย
  • น้ำตาลปีบ 1-1 1/ ถ้วย
  • ส้มซ่าคั้นแต่น้ำ 1 ลูก
  • น้ำมะขามเปียก 1-1 1/2 ถ้วย
  • ถั่วลิสงคั่ว 1 ถ้วย
  • มันฝรั่งหัวเล็กต้มสุก 500 กรัม
  • สับปะรดขนาดกลาง 1 ลูก
  • ใบกระวาน 7 ใบ
  • ลูกกระวาน 7 ลูก


เครื่องปรุงน้ำพริก

  • พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออก 11 เม็ด
  • หอมแดงซอย 20 หัว
  • กระเทียมซอย 20 หัว
  • ตะไคร้หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข่าหั่นฝอย 1 ช้อนชา
  • รากผักชีหั่นฝอย 9 ราก
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทย 15 เม็ด
  • ลูกจันทร์ 1/2 ลูก
  • ดอกจันทร์ 1 ดอก
  • เม็ดเมล็ดผักชี 2 เม็ด
  • กานพลู 5 ดอก
  • อบเชยยาว 1 นิ้ว


วิธีทำน้ำพริกแกง

  1. ผ่าพริกแห้งเอาเม็ดออกหั่นหยาบๆ แช่น้ำให้นุ่ม บีบให้แห้ง ใส่เกลือ ข่า ตะไคร้ พริกไทย หัวหอม กระเทียม โขลกจนเป็นเนื้อเดียวกัน
  2. ใส่กะปิและเครื่องเทศที่เหลือ ลงโขลกจนละเอียดเข้ากันดี ตักขึ้นพักไว้


วิธีทำน้ำพริก

  1. ล้างมันฝรั่ง ปอกเปลือก หั่นชิ้นพอดีคำ แช่น้ำเกลืออ่อนๆ ไว้ไม่ให้ดำ ปอกหัวหอมแล้วจัดให้เป็นดอก
  2. คั้นมะพร้าวแยกหัวกะทิไว้ 1 1/2 ถ้วยตวง คั่วถั่วลิสงทิ้งให้เย็นแกะเปลือกออกให้หมด ล้างไก่ให้สะอาด ผ่ากลางตัวเป็น 2 ซีก แล้วสับซีกละ 4 ชิ้น (อก 2 ชิ้น สะโพกและน่องส่วนละ 1 ชิ้น) ตั้งหางกะทิบนไฟกลาง พอเดือดใส่ไก่ลง
  3. เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน ใส่น้ำพริกแกงที่โขลกไว้ลงผัดให้หอม ตักใส่หม้อไก่ ใส่ถั่วลิสงคั่ว ลูกและใบกระวาน เคี่ยวไฟอ่อนประมาณ 10 นาที ใส่มันฝรั่ง รสดี รสไก่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล น้ำมะขามให้ได้ 3 รส กลมกล่อม ใส่หัวหอมใหญ่ เคี่ยวต่อจนน้ำแกงข้น ยกลง


วิธีทำ

  1. ล้างไก่ให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ประมาณ 1-1 1/2 นิ้ว คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 3 ถ้วย หางกะทิ 4 ถ้วย
  2. มันฝรั่งกับสับปะรด ปอกเปลือกล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นขนาดคำเล็กพองาม
  3. คั่วพริกไทย ลูกจันทร์ ดอกจันทร์ เมล็ดผักชี ยี่หร่า ลูกกระวาน กานพลู และอบเชยให้เหลือง แล้วโขลกให้ละเอียด ตักขึ้น โขลกพริกแห้ง หอม กระเทียม ตะไคร้ ข่า รากผักชี เกลือให้ละเอียด แล้วเอาไปโขลกรวมกับเครื่องเทศให้เข้ากันดี เตรียมไว้
  4. เคี่ยวไก่กับหางกะทิให้เปื่อยนุ่ม ส่วนหัวกะทิใส่กระทะเคี่ยวให้แตกมัน แล้วเอาน้ำพริกลงไปผัดให้หอม ใส่ไก่ ใส่น้ำปลา แล้วตักไปต้มรวมในหม้อต้มไก่ พอเดือดใส่น้ำตาล น้ำมะขาม น้ำส้มซ่า ถั่วลิสง ชิมรสให้พอดีเคี่ยวจนน้ำข้นพอประมาณ
  5. ใส่มันฝรั่ง สับปะรด ใบกระวาน และลูกกระวาน สักครู่ปิดไฟ ยกลง.

เว็บไซต์ CNNGO ได้จัดอันดับ 50 เมนูอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกโดยการโหวตทางเฟซบุ๊ก ปรากฏว่า แกงมัสมั่นได้รับเลือกให้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก[3]

อ้างอิง

  1. อาหารมุสลิม. แสงแดด. 2547. หน้า 14
  2. [1]
  3. World's 50 most delicious foods