ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ชอว์น ไมเคิลส์"
บรรทัด 77: | บรรทัด 77: | ||
เมื่อถึง ศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 22 ชอว์น ไมเคิลส์ ก็สามารถเอาชนะ วินซ์ แมคแมน ถึงแม้ว่าจะมีลูกน้องของ วินซ์ แมคแมน ออกมาช่วย แต่ ชอว์น ไมเคิลส์ ก็สามารถจัดการ แล้วเอาชนะมาได้ในที่สุด ท่ามกลางความสะใจของแฟนๆมวยปล้ำ |
เมื่อถึง ศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 22 ชอว์น ไมเคิลส์ ก็สามารถเอาชนะ วินซ์ แมคแมน ถึงแม้ว่าจะมีลูกน้องของ วินซ์ แมคแมน ออกมาช่วย แต่ ชอว์น ไมเคิลส์ ก็สามารถจัดการ แล้วเอาชนะมาได้ในที่สุด ท่ามกลางความสะใจของแฟนๆมวยปล้ำ |
||
วินซ์ แมคแมน ได้ไปมีเรื่องกับ ทริปเปิล เอช จนต้องจัดแมตช์ให้ ทริปเปิล เอช เจอกับ กลุ่ม [[สปีริต สค๊วด]] ในแมตช์การปล้ำ Handicap Match แบบ 5 รุม 1 ชอว์น ไมเคิลส์ ก็ออกมาช่วย ทริปเปิล เอช แล้ววันนั้นก็เป็นการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของกลุ่ม [[ดิ-เจเรเนชั่น เอ็กซ์]] ต่อมา ในศึก อันฟอร์กิฟเว่น (2006) ดิ-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ จะต้องเจอกับ วินซ์ แมคแมน, เชน แมคแมน และ บิ๊กโชว์ ในการปล้ำ 3 รุม 2 ในกรงเหล็ก และสุดท้าย ดี-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ ก็เอาชนะไปได้สำเร็จ ต่อมา ดิ-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ ไปเปิดศึกกับกลุ่ม Rated-RKO (เอดจ์ และ แรนดี ออร์ตัน) ซึ่งผลัดแพ้ผลัดชนะกันหลายรอบ จนจบด้วยการที่ ทริปเปิล เอช เจ็บเข่าต้องพักไป 7 เดือน |
วินซ์ แมคแมน ได้ไปมีเรื่องกับ ทริปเปิล เอช จนต้องจัดแมตช์ให้ ทริปเปิล เอช เจอกับ กลุ่ม [[สปีริต สค๊วด]] ในแมตช์การปล้ำ Handicap Match แบบ 5 รุม 1 ชอว์น ไมเคิลส์ ก็ออกมาช่วย ทริปเปิล เอช แล้ววันนั้นก็เป็นการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของกลุ่ม [[ดิ-เจเรเนชั่น เอ็กซ์]] ต่อมา ในศึก อันฟอร์กิฟเว่น (2006) ดิ-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ จะต้องเจอกับ วินซ์ แมคแมน, เชน แมคแมน และ บิ๊กโชว์ ในการปล้ำ 3 รุม 2 ในกรงเหล็ก และสุดท้าย ดี-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ ก็เอาชนะไปได้สำเร็จ ต่อมา ดิ-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ ไปเปิดศึกกับกลุ่ม Rated-RKO ([[เอดจ์]] และ แรนดี ออร์ตัน) ซึ่งผลัดแพ้ผลัดชนะกันหลายรอบ จนจบด้วยการที่ ทริปเปิล เอช เจ็บเข่าต้องพักไป 7 เดือน |
||
=====ปี 2007===== |
=====ปี 2007===== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:13, 24 กรกฎาคม 2554
ชอว์น ไมเคิลส์ | |
---|---|
เกิด | 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 (อายุ 46 ปี) เชนด์เลอร์ อริโซนา |
ที่พัก | แซนแอนโทนีโอ, รัฐเทกซัส |
ประวัติมวยปล้ำอาชีพ | |
ชื่อบนสังเวียน | ชอว์น ไมเคิลส์ (Shawn Michaels) เชน ไมเคิลส์ (Sean Michaels) |
ส่วนสูง | 6 ft 1 in (1.85 m) |
น้ำหนัก | 225 lb (102 กก.) |
มาจาก | แซนแอนโทนีโอ, รัฐเทกซัส |
ฝึกหัดโดย | โจส์ โรเทริโอ |
เปิดตัว | 16 ตุลาคม ค.ศ. 1984 |
รีไทร์ | 28 มีนาคม ค.ศ. 2010 |
ชอว์น ไมเคิลส์ (อังกฤษ: Shawn Michaels) มีชื่อจริงว่า ไมเคิล ชอว์น ฮิกเค็นบ็อตตอม เกิดวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 บ้านเกิดของเขาอยู่ที่ แซนแอนโทนีโอ, รัฐเทกซัส เป็นนักมวยปล้ำอาชีพและอดีตนักฟุตบอลชาวอเมริกัน เจ้าของท่าไม้ตาย Sweet Chin Music เซ็นสัญญาให้กับสมาคม ดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ / ดับเบิลยูดับเบิลยูอี ในค่ายสังกัด รอว์ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1988 หลังจากแมตช์ชิงแชมป์โลก WWE กับ เควิน แนช ทำให้ ชอว์น ไมเคิลส์ มีชื่อเสียงขึ้นมาเรื่อยๆ จากการที่เป็นคนที่สนุกสนาน ตลก ขี้เล่น ทำให้มีแฟนๆมวยปล้ำชื่นชอบเพิ่มขึ้นอีกมาก อย่างรวดเร็ว จนถึงปัจจุบัน ต่อมา ในปี ค.ศ. 2010 ชอว์น ไมเคิลส์ ได้ประกาศเลิกปล้ำและลาออกจาก ดับเบิลยูดับเบิลยูอี และได้รับบรรจุชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศ ดับเบิลยูดับเบิลยูอี ฮอลล์ออฟเฟม ประจำปี ค.ศ. 2011 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เหตุการณ์สำคัญในปีต่างๆ
ชอว์น ไมเคิลส์ ถือเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความสำคัญกับวงการมวยปล้ำในสมาคม WWE เขายอมลงทุนเจ็บตัวเพื่อให้คนดูมีความสนุก มีอารมณ์กับแมตช์การปล้ำของเขาอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขามีแฟนๆมวยปล้ำ มากติดอันดับในสมาคมอีกด้วย
เวิลด์เรสต์ลิงเฟเดเรชั่น / เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (1988 - 2010)
ปี 2002
ชอว์น ไมเคิลส์ กลับสู่สังเวียนมวยปล้ำอีกครั้ง หลังจากอาการบาดเจ็บที่หลังเป็นเวลา 5 ปี (ตั้งแต่ ปี 1997 - ปี 2002) ในนามกลุ่ม "nWo" ซึ่งในขณะนั้นมีสมาชิกได้แก่ เควิน แนช, สก็อตต์ ฮอลล์, เอ็กซ์-แพค, บูเกอร์ ที, บิ๊กโชว์ แต่กลับมาได้ไม่นาน กลุ่ม "nWo" ก็ได้สลายไป และ ชอว์น ไมเคิลส์ ได้แยกมาปล้ำเดี่ยวอีกครั้ง ในศึก ซัมเมอร์สแลม 2002 เจอกับ ทริปเปิล เอช ในรูปแบบการปล้ำแบบ "สตรีทไฟท์" และ ชอว์น ไมเคิลส์ สามารถเอาชนะ ทริปเปิล เอช ได้สำเร็จ แต่ทว่า ทริปเปิล เอช ลอบใช้ค้อนปอนด์มาตีที่หลัง ชอว์น ไมเคิลส์ หลังจบแมตช์และ ชอว์น ไมเคิลส์ ต้องพักไปอีกเป็นเวลา 3 เดือน
ชอว์น ไมเคิลส์ ได้กลับมาอีกครั้ง ในศึก เซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ 2002 และได้เข้าร่วมแมตช์การปล้ำแบบ อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ เป็นครั้งแรกซึ่งถูกคิดค้นขึ้นโดย เอริค บิสชอฟฟ์ และในแมตช์นี้เอง ชอว์น ไมเคิลส์ สามารถเอาชนะนักมวยปล้ำอีก 5 คน ในกรงเหล็ก อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ และสามารถคว้า แชมป์โลกเฮฟวี่เวท มาครอง ส่งผลให้ตัว ชอว์น ไมเคิลส์ เป็นแชมป์โลกสมัยที่ 4 ได้สำเร็จและได้ล้างแค้น ทริปเปิล เอช เพื่อนสนิทด้วย
แต่หลังจากนั้น ชอว์น ไมเคิลส์ ก็เสีย แชมป์โลกเฮฟวี่เวท กลับไปให้กับ ทริปเปิล เอช อีกครั้ง ในแมตช์การปล้ำแบบ 2 ใน 3 ยก ซึ่งประกอบไปด้วย
ยกที่ 1 สู้กันแบบ สตรีทไฟท์ ซึ่งผลที่ออกมา ยกแรก ทริปเปิล เอช เป็นฝ่ายกด ชอว์น ไมเคิลส์ นับ 3 ทำให้ ทริปเปิล เอช มีคะแนนนำ ชอว์น ไมเคิลส์ อยู่ 1 คะแนน
ยกที่ 2 สู้กันแบบ การปล้ำในกรงเหล็ก ซึ่งผลที่ออกมา ยกที่ 2 ชอว์น ไมเคิลส์ ใส่ท่า Splash ลงมากด ทริปเปิล เอช กับโต๊ะนับ 3 ทำให้ ชอว์น ไมเคิลส์ มีคะแนนมาเสมอกับ ทริปเปิล เอช เป็น 1-1 คะแนน
ยกที่ 3 สู้กันแบบ ไต่บันได ซึ่งผลที่ออกมา ยกสุดท้าย ทริปเปิล เอช เป็นฝ่ายเอาชนะ และได้ แชมป์โลกเฮฟวี่เวท ไปครองอีกครั้ง
ปี 2003
ในปีนี้ ชอว์น ไมเคิลส์ ได้เปิดศึกกับ คริส เจอริโค ในช่วงต้นปี และทั้งคู่ได้เจอกัน ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 19 ซึ่งผลที่ออกมา ชอว์น ไมเคิลส์ สามารถเอาชนะ คริส เจอริโค ได้ในแมตช์สุดมันส์ หลังจากนั้นก็ปล้ำไปเรื่อยๆตามสไตล์และมีโอกาสได้ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท อีกครั้ง ในศึก ซัมเมอร์สแลม 2003 ในแมตช์การปล้ำแบบ อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ ซึ่ง ชอว์น ไมเคิลส์ เคยเอาชนะได้ในครั้งแรก แต่ครั้งนี้ ชอว์น ไมเคิลส์ พลาดถูก โกลด์เบิร์ก ใช้ท่า สเปียร์ + แจ็คแฮมเมอร์ ต่อเนื่อง กดนับ 3 ชวดการเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 5 อย่างน่าเสียดาย
แต่หลังจากนั้นเพียง 1 เดือน ชอว์น ไมเคิลส์ ถูกสั่งให้มาปล้ำกับเด็กเมื่อวานซืนอย่าง แรนดี ออร์ตัน ที่ช่วงนั้นยังอยู่ในกลุ่ม เอฟโวลูชั่น ซึ่ง ทริปเปิล เอช ก่อตั้งขึ้นมา ถูกสั่งโดย สตีฟ ออสติน ซึงในช่วงนั้นเป็นผู้จัดการทั่วไปของศึก รอว์ ร่วมกับ เอริค บิสชอฟฟ์ โดยให้ ชอว์น ไมเคิลส์ เจอกับ แรนดี ออร์ตัน ในศึก อันฟอร์กิฟเว่น 2003 ซึ่งผลที่ออกมา คือ แรนดี ออร์ตัน สามารถเอาชนะ ชอว์น ไมเคิลส์ ไปได้จากการช่วยเหลือของ ริก แฟลร์ โดยการลอบส่งสนับมือ ให้กับ แรนดี ออร์ตัน และ แรนดี ออร์ตัน ใช้สนับมือชกใส่ ชอว์น ไมเคิลส์ กดนับ 3 ไป
และในช่วงปลายปี 2003 สตีฟ ออสติน ประกอบไปด้วย 1. บูเกอร์ ที 2. ดี-วอน ดัดลีย์ 3. บับบา เรย์ ดัดลีย์ 4. ร็อบ แวน แดม 5. ชอว์น ไมเคิลส์ ได้ตั้งทีมของตนเองขึ้นมาเพื่อสู้กับทีมของ เอริค บิสชอฟฟ์ ประกอบไปด้วย 1. คริส เจอริโค 2. คริสเตียน 3. มาร์ก เฮนรี 4. สก็อต สไตเนอร์ 5. แรนดี ออร์ตัน ในศึก เซอร์ไวเวอร์ ซีรีส์ 2003 โดยมีข้อแม้ว่า หากทีมของ สตีฟ ออสติน แพ้ต้องลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปร่วมของ ศึก รอว์ และต้องออกจากวงการมวยปล้ำด้วย ซึ่งในทีมของ สตีฟ ออสติน มี ชอว์น ไมเคิลส์ ร่วมอยู่ด้วย แต่ ชอว์น ไมเคิลส์ ไม่สามารถช่วยให้ทีมของ สตีฟ ออสติน ชนะไปได้ ซึ่งผลที่ออกมา คือ ทีมของ เอริค บิสชอฟฟ์ สามารถเอาชนะไปได้จากการที่ ชอว์น ไมเคิลส์ ถูก บาทิสตา มาเล่นงานด้วยท่า Sitdown Powerbomb ต่อมา เปลี่ยนชื่อเป็น Batista Bomb และ แรนดี ออร์ตัน ฉวยโอกาสเข้ามากด ชอว์น ไมเคิลส์ นับ 3 ไป ส่งผลให้ สตีฟ ออสติน ต้องลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปร่วมของ ศึก รอว์ และต้องออกจากวงการมวยปล้ำไปในที่สุด
และอีกเพียง 3 สัปดาห์ ต่อมา ชอว์น ไมเคิลส์ ได้ท้า บาทิสตา เจอกันในศึก อาร์มาเกดดอน 2003 ซึ่ง ในศึกใหญ่ครั้งนี้ ชอว์น ไมเคิลส์ สามารถล้างแค้น บาทิสตา ได้สำเร็จจากการใส่ท่า Sweet Chin Music ใส่ บาทิสตา กดนับ 3 ไปได้ในแมตช์สุดมันส์อีกเช่นกัน
ปี 2004
ในช่วงต้นปี ชอว์น ไมเคิลส์ มีโอกาสได้ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท อีกครั้งกับ ทริปเปิล เอช ในศึก รอยัลรัมเบิล 2004 ในแมตช์การปล้ำแบบ Last Man Standing กติกาคือ เล่นงานคู่ต่อสู้จนถูกกรรมการนับ 10 ใครทำได้คนนั้นคือผู้ชนะ ชอว์น ไมเคิลส์ กับ ทริปเปิล เอช ผลัดกันเล่นงานจนทั้งคู่หน้าแตกยับเยินทั้ง 2 ฝ่าย แต่ผลที่ออกมาคือ ชอว์น ไมเคิลส์ และ ทริปเปิล เอช ถูกกรรมการนับ 10 พร้อมกัน ลุกไม่ขึ้นทั้งคู่ส่งผลให้ ทริปเปิล เอช สามารถป้องกันแชมป์ไปได้แบบส้มหล่น และ ชอว์น ไมเคิลส์ พลาดโอกาสเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 5 อย่างน่าเสียดายเช่นกัน
แต่โอกาสอีกครั้งก็มาถึง เมื่อ ชอว์น ไมเคิลส์ ได้ออกมาทำร้าย คริส เบนวา ผู้ชนะเลิศ ในศึก รอยัลรัมเบิล 2004 และมีสิทธิ์ท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท กับ ทริปเปิล เอช ได้ ในระหว่างการเซ็นสัญญาการชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท ซึ่ง ชอว์น ไมเคิลส์ เซ็นสัญญาการชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท แทน คริส เบนวา ทำให้ทางด้านของ สตีฟ ออสติน ต้องออกมาจัดแมตช์การปล้ำ 3 เส้าขึ้นระหว่าง ทริปเปิล เอช (แชมป์) VS คริส เบนวา VS ชอว์น ไมเคิลส์ ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 20 แทน และผลที่ออกมาคือ คริส เบนวา สามารถคว้า แชมป์โลกเฮฟวี่เวท มาครองได้สำเร็จ ส่งผลให้ตัวของ คริส เบนวา เป็นแชมป์โลกได้เป็นสมัยแรกจากการที่ คริส เบนวา ใส่ท่า Clipper Crossface เล่นงาน ทริปเปิล เอช จน ทริปเปิล เอช ต้องตบพื้นยอมแพ้และเสียแชมป์ไปในที่สุด
ในช่วงนั้น ทั้ง 3 คนยังคงมาเจอกันอีกครั้ง ในศึก แบคแลช 2004 โดยเจอกันในรูปแบบเดิมเหมือน ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 20 และผลที่ออกมาคือ คริส เบนวา สามารถป้องกันแชมป์ได้สำเร็จจากการที่ คริส เบนวา เล่นงาน ชอว์น ไมเคิลส์ ด้วยท่า SharpShooter จน ชอว์น ไมเคิลส์ ต้องตบพื้นยอมแพ้ไปในที่สุด
ถึงจะได้แชมป์โลกคนใหม่ แต่ความแค้นระหว่าง ชอว์น ไมเคิลส์ กับ ทริปเปิล เอช ยังไม่จบ ทั้งคู่ได้มาเจอกันอีกครั้ง ในแมตช์ที่ได้ชื่อว่าโหดร้ายที่สุดใน WWE นั่นก็ คือ แมตช์การปล้ำแบบ เฮลล์อินเอเซลล์ ในศึก แบดบลูด 2004 และทั้งคู่สามารถสู้กันได้อย่างสูสี แต่ผลที่ออกมาคือ ทริปเปิล เอช ใช้ท่า Pedigree เล่นงาน ชอว์น ไมเคิลส์ กดนับ 3 ไปในที่สุด ทริปเปิล เอช เป็นผู้ชนะในแมตช์สุดโหดนั้น และส่งผลให้ ชอว์น ไมเคิลส์ ต้องพักการปล้ำอีกประมาณ 3 เดือน
และเมื่อ ชอว์น ไมเคิลส์ กลับมาอีกครั้ง ก็ถูก เคน เล่นงานตลอดช่วง 1 เดือน ชอว์น ไมเคิลส์ ขอท้าเจอกับ เคน ในศึก อันฟอร์กิฟเว่น 2004 ในรูปแบบแมตช์การปล้ำแบบไม่มีการจับแพ้ฟาล์ว กล่าว คือ ในระหว่างแมตช์นั้น สามารถเล่นงานคู่ต่อสู้ด้วยอาวุธได้ทุกรูปแบบ และ ชอว์น ไมเคิลส์ สามารถล้างแค้นและเอาชนะ เคน ได้ในที่สุด สร้างความปลาบปลื้มให้กับแฟนๆมวยปล้ำอีกครั้ง
ปี 2005
ในแมตช์ที่ ชอว์น ไมเคิลส์ จับคู่กับ ฮัลค์ โฮแกน เจอกับ คาร์ลิโต้ และ เคิร์ต แองเกิล หลังจากที่ ชอว์น ไมเคิลส์ และ ฮัลค์ โฮแกน สามารถเอาชนะ คาร์ลิโต้ และ เคิร์ต แองเกิล ได้ ชอว์น ไมเคิลส์ ได้ Sweet Chin Music ใส่ ฮัลค์ โฮแกน เนื่องจากไม่พอใจที่ ฮัลค์ โฮแกน เป็นคนจับ คาร์ลิโต้ กดนับ 3
ชอว์น ไมเคิลส์ ได้ท้า ฮัลค์ โฮแกน ให้เจอกับตน ในศึก ซัมเมอร์สแลม 2005 แต่สุดท้าย ฮัลค์ โฮแกน ก็เป็นฝ่ายเอาชนะ ชอว์น ไมเคิลส์ ไปในที่สุด
ปี 2006
ในศึก รอว์ นั้น ชอว์น ไมเคิลส์ ได้ออกมาบนเวที แล้วบอกกับ วินซ์ แมคแมน ว่า ถึงเขาจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีฐานะร่ำรวย แต่สิ่งหนึ่งที่ วินซ์ แมคแมน ทำผิดอย่างร้ายแรงก็ คือ การปล้นชัยชนะของ เบรต ฮาร์ต จนทำให้ เบรต ฮาร์ต ต้องลาออก
หลังจากนั้นเป็นต้นมา วินซ์ แมคแมน ก็มีเรื่องกับ ชอว์น ไมเคิลส์ อยู่เรื่อยมา ตั้งแต่ให้ ชอว์น ไมเคิลส์ เจอกับ แชมป์โลกเฮฟวี่เวท หรือแม้แต่ ในศึก รอยัลรัมเบิล (2006) ที่ วินซ์ แมคแมน และ เชน แมคแมน มาก่อกวน ชอว์น ไมเคิลส์ จนทำให้ตกเวที หมดสิทธิ์การเป็นผู้ท้าชิงเข็มขัดในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 22 ชอว์น ไมเคิลส์ แค้นใจ เป็นอย่างมาก และก่อนจะถึง ศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 22 นั้น วินซ์ แมคแมน ได้ออกมาท้า ชอว์น ไมเคิลส์ ให้เจอกับตนในแมตช์ No Hold Barred (การปล้ำแบบไม่มีกฎ กติกา)
เมื่อถึง ศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 22 ชอว์น ไมเคิลส์ ก็สามารถเอาชนะ วินซ์ แมคแมน ถึงแม้ว่าจะมีลูกน้องของ วินซ์ แมคแมน ออกมาช่วย แต่ ชอว์น ไมเคิลส์ ก็สามารถจัดการ แล้วเอาชนะมาได้ในที่สุด ท่ามกลางความสะใจของแฟนๆมวยปล้ำ
วินซ์ แมคแมน ได้ไปมีเรื่องกับ ทริปเปิล เอช จนต้องจัดแมตช์ให้ ทริปเปิล เอช เจอกับ กลุ่ม สปีริต สค๊วด ในแมตช์การปล้ำ Handicap Match แบบ 5 รุม 1 ชอว์น ไมเคิลส์ ก็ออกมาช่วย ทริปเปิล เอช แล้ววันนั้นก็เป็นการกลับมารวมตัวกันอีกครั้งของกลุ่ม ดิ-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ ต่อมา ในศึก อันฟอร์กิฟเว่น (2006) ดิ-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ จะต้องเจอกับ วินซ์ แมคแมน, เชน แมคแมน และ บิ๊กโชว์ ในการปล้ำ 3 รุม 2 ในกรงเหล็ก และสุดท้าย ดี-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ ก็เอาชนะไปได้สำเร็จ ต่อมา ดิ-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ ไปเปิดศึกกับกลุ่ม Rated-RKO (เอดจ์ และ แรนดี ออร์ตัน) ซึ่งผลัดแพ้ผลัดชนะกันหลายรอบ จนจบด้วยการที่ ทริปเปิล เอช เจ็บเข่าต้องพักไป 7 เดือน
ปี 2007
ในปีนี้ ชอว์น ไมเคิลส์ ได้ร่วมลงแข่ง ในศึก รอยัลรัมเบิล (2007) อีกครั้ง โดยออกมาเป็นคนที่ 23 และได้เป็น 2 คนสุดท้ายที่จะชิงว่าใครจะได้เป็นผู้ท้าชิงแชมป์ ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 23 โดยคู่ต่อสู้อีกคน คือ ดิอันเดอร์เทเกอร์ แต่ ชอว์น ไมเคิลส์ ก็ไม่สามารถเอาชนะ ดิอันเดอร์เทเกอร์ ได้ จึงต้องเสียสิทธิ์ในการท้าชิงแชมป์ครั้งนั้นไป
ชอว์น ไมเคิลส์ ได้เป็นรองชนะเลิศ รอยัลรัมเบิล และคาดว่าตนเองเป็นรองชนะเลิศน่าจะมีสิทธิ์ในการท้าชิงแชมป์โลก WWE เพราะ ดิอันเดอร์เทเกอร์ ไปเลือกชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท ซึ่งในตอนนั้น แชมป์โลก WWE ก็คือ จอห์น ซีนา
จอห์น ซีนา รับคำท้าและเจอกับ ชอว์น ไมเคิลส์ ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 23 แต่สุดท้าย ชอว์น ไมเคิลส์ ก็ไม่สามารถที่จะคว้า แชมป์โลก WWE มาครอบครองได้
ปี 2008
ในช่วงต้นปี วินซ์ แมคแมน ได้ออกมาพูดกับ ริก แฟลร์ ว่า ถ้าในการปล้ำครั้งต่อไป ริก แฟลร์ แพ้ ริก แฟลร์ จะต้องออกจาก WWE ทันที จากนั้น วินซ์ แมคแมน ก็จัดแมตช์การปล้ำต่างๆนานา ให้ ริก แฟลร์ แต่ ริก แฟลร์ ก็ยังสามารถเอาตัวรอดชนะมาได้ จนในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 24 ริก แฟลร์ แชมป์โลก 16 สมัยที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล จะต้องเจอกับ ชอว์น ไมเคิลส์ ท้ายที่สุด ชอว์น ไมเคิลส์ ก็เอาชนะ ริก แฟลร์ ไปได้ ทำให้ ริก แฟลร์ ต้องออกจาก WWE ไปในที่สุด
ในท้ายปี ช่วงที่ เศรษฐกิจ ของ อเมริกา มีปัญหา เจบีแอล ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยครอบครัวของ ชอว์น ไมเคิลส์ โดยมีข้อแม้ว่า ชอว์น ไมเคิลส์ จะต้องทำให้ เจบีแอล ได้เป็น แชมป์โลกเฮฟวี่เวท
ต่อมา หาผู้ท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท ในศึก รอยัลรัมเบิล ชอว์น ไมเคิลส์ ก็ช่วยให้ เจบีแอล ได้เป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท โดยการจัดการกับ คริส เจอริโค และ แรนดี ออร์ตัน ด้วยท่า Sweet Chin Music แล้วให้ เจบีแอล ทำ Clothesline From Hell ใส่ ชอว์น ไมเคิลส์ จับกด นับ 3 ไป
ปี 2009
ในศึก รอยัลรัมเบิล (2009) นั้น เจบีแอล ได้เป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท กับ จอห์น ซีนา โดยที่ ชอว์น ไมเคิลส์ ได้มาเป็นผู้ช่วย เจบีแอล อยู่ข้างเวที พอเริ่มการปล้ำ การต่อสู้ก็ดำเนินไปอย่างดุเดือด จนถึงที เจบีแอล จะ Big Boot ใส่ จอห์น ซีนา แต่ จอห์น ซีนา หลบได้ จึงทำให้ไปโดนกรรมการแทน ชอว์น ไมเคิลส์ ที่อยู่ข้างล่างจึงขึ้นมาบนเวที เจบีแอล บอกให้ Sweet Chin Music ใส่ จอห์น ซีนา แต่ ชอว์น ไมเคิลส์ กลับ Sweet Chin Music ใส่ เจบีแอล แล้ว Sweet Chin Music ใส่ จอห์น ซีนา อีกที ก่อนจากไป ชอว์น ไมเคิลส์ ก็ลาก เจบีแอล ที่สลบไป มาจับกด จอห์น ซีนา แต่ จอห์น ซีนา ก็ยังไม่ยอมแพ้ จับ เจบีแอล ใส่ Attitude Adjustment จับกดนับ 3 ไป
ในศึก โนเวย์เอาท์ (2009) นั้น เจบีแอล ได้ท้า ชอว์น ไมเคิลส์ ให้เจอกับตนเองเพราะแค้นเหตุการณ์ ในศึก รอยัลรัมเบิล ที่ผ่านมา ในแมตช์นี้ ภรรยาของ ชอว์น ไมเคิลส์ ก็มาดูอยู่ข้างเวทีด้วย การต่อสู้ดำเนินไป เจบีแอล ทำ Clothesline From Hell ใส่ ชอว์น ไมเคิลส์ ไป 2 ครั้ง จนตกลงมาข้างเวทีฝั่งที่ภรรยาของ ชอว์น ไมเคิลส์ อยู่ เจบีแอล ได้แสดงอาการดูถูกเหยียดหยาม ชอว์น ไมเคิลส์ ต่อหน้าภรรยาของเขา ภรรยาของ ชอว์น ไมเคิลส์ จึงชกหน้า เจบีแอล ไป 1 ครั้ง ชอว์น ไมเคิลส์ ฮึดสู้ และ Sweet Chin Music ใส่ เจบีแอล จับกดชนะไปในที่สุด แล้วกลับมาเป็น ชอว์น ไมเคิลส์ คนเดิม หลังจากที่ต้องตกอยู่ใต้คำสั่งของ เจบีแอล
เจบีแอล ได้ออกมาเล่าเหตุการณ์ ในศึก โนเวย์เอาท์ แล้วประกาศว่าตนจะเป็นคู่ต่อสู้กับ ดิอันเดอร์เทเกอร์ ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 25 ชอว์น ไมเคิลส์ ก็ออกมาแล้วบอกว่า ถ้าจะไปเจอกับ ดิอันเดอร์เทเกอร์ ให้ชนะตนเสียก่อนเพื่อหาผู้ชนะไปเจอกับ ดิอันเดอร์เทเกอร์ แล้ว ชอว์น ไมเคิลส์ ก็เป็นฝ่ายชนะแต่ วลาดิเมียร์ คอซลอฟ ได้ออกมาทำร้าย ชอว์น ไมเคิลส์ เพราะ ต้องการที่จะไปเจอกับ ดิอันเดอร์เทเกอร์ อาทิตย์ต่อมา จึงเป็นศึกระหว่าง ชอว์น ไมเคิลส์ กับ วลาดิเมียร์ คอซลอฟ เพื่อหาผู้ชนะไปเจอกับ ดิอันเดอร์เทเกอร์ อีกครั้ง ท้ายที่สุด ชอว์น ไมเคิลส์ ก็เป็นฝ่ายชนะ แล้วได้ไปเจอกับ ดิอันเดอร์เทเกอร์ ผู้ที่ไม่เคยแพ้ใคร ในศึก เรสเซิลเมเนีย มาก่อน ด้วยสถิติ 16-0 ผลปรากฏว่า ชอว์น ไมเคิลส์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ทำให้ ดิอันเดอร์เทเกอร์ สร้างสถิติเป็น 17-0 ไปได้สำเร็จ
หลังจากนั้น ชอว์น ไมเคิลส์ ก็ได้พักการปล้ำไป 3-4 เดือน และกลับมาอีกครั้ง ในศึก ซัมเมอร์สแลม (2009) โดยกลับมาจับคู่กับ ทริปเปิล เอช อีกครั้ง ในกลุ่ม ดิ-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ และสามารถเอาชนะ เดอะเลกาซี ไปได้สำเร็จ หลังจากนั้นใน เดือนธันวาคม ในศึก TLC: Tables, Ladders & Chairs (2009) ทีม ดิ-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ ก็สามารถคว้า แชมป์แทคทีมยูนิฟายด์ มาได้จาก คริส เจอริโค และ บิ๊กโชว์ หรือ JeriShow ในแมตช์การปล้ำ ทีแอลซี แมตช์
ปี 2010
ในช่วงต้นปีนั้น ชอว์น ไมเคิลส์ และ ทริปเปิล เอช ได้ครองแชมป์แทคทีมยูนิฟายด์ ร่วมกัน แต่ทั้งคู่พลาดท่าเสียแชมป์ให้กับ บิ๊กโชว์ และ เดอะ มิซ หรือ ShoMiz จากการที่ เดอะ มิซ ฉวยโอกาสรวบกดนับ 3 ไป ซึ่งเป็น ศึก รอว์ ที่ต่อจาก ศึก รอยัลรัมเบิล (2010) เพียงแค่ 1 วัน[1][2] และหลังจากนั้น ชอว์น ไมเคิลส์ ก็พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เจอกับ ดิอันเดอร์เทเกอร์ อีกครั้ง เพราะคิดว่าฝีมือตนเองสามารถเองชนะ ดิอันเดอร์เทเกอร์ ได้ และในช่วง ศึก รอยัลรัมเบิล นั้น ชอว์น ไมเคิลส์ ได้เข้าร่วมอีกครั้ง และหมายมั่นปั้นมือว่าจะเอาชนะแมตช์ รอยัลรัมเบิล ให้ได้ เพื่อที่จะได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 และจะใช้สิทธิ์นี้ไปเจอกับ ดิอันเดอร์เทเกอร์ ซึ่งในขณะนั้น ดิอันเดอร์เทเกอร์ ครองตำแหน่ง แชมป์โลกเฮฟวี่เวท อยู่ แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายเพราะ ชอว์น ไมเคิลส์ ไม่สามารถเอาชนะแมตช์ รอยัลรัมเบิล ได้ จากการที่ถูก บาทิสตา เอาออกจากเวทีไป ซึ่งในคืนนั้นเป็นคืนที่น่าผิดหวังสำหรับ ชอว์น ไมเคิลส์ อย่างมาก[3]
ในศึก อิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2010) นั้น ดิอันเดอร์เทเกอร์ จะต้องป้องกัน แชมป์โลกเฮฟวี่เวท กับ คริส เจอริโค, เรย์ มิสเตริโอ, จอห์น มอร์ริสัน, อาร์-ทรูธ และ ซีเอ็ม พังค์ ซึ่ง ชอว์น ไมเคิลส์ ได้แอบเข้าไปลอบทำร้าย ดิอันเดอร์เทเกอร์ ด้วยการใส่ Sweet Chin Music เล่นงาน ดิอันเดอร์เทเกอร์ ทำให้ ดิอันเดอร์เทเกอร์ เป็นฝ่ายแพ้และเสียแชมป์ให้กับ คริส เจอริโค ไปในที่สุด[4]
ดิอันเดอร์เทเกอร์ ปรากฏตัวอีกครั้ง ในศึก รอว์ และได้รับคำท้าจาก ชอว์น ไมเคิลส์ ว่าจะให้เจออีกครั้ง ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26 โดยกติกานั้น หากว่า ชอว์น ไมเคิลส์ ไม่สามารถเอาชนะ ดิอันเดอร์เทเกอร์ มาได้ จะต้องรีไทร์ตนเองออกจากวงการมวยปล้ำไป ซึ่งก็เป็นอันว่า ชอว์น ไมเคิลส์ ก็จะได้ไปเจอกับ ดิอันเดอร์เทเกอร์ อีกครั้ง ในศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26 และครั้งนี้เป็นการเดิมพันระหว่าง สถิติไร้พ่าย ในศึก เรสเซิลเมเนีย ของ ดิอันเดอร์เทเกอร์ กับ อาชีพมวยปล้ำของ ชอว์น ไมเคิลส์ ผลปรากฏว่า ชอว์น ไมเคิลส์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป ซึ่งทำให้สถิติของ ดิอันเดอร์เทเกอร์ เป็นสถิติ 18-0 และทำให้อาชีพมวยปล้ำของเขาจบลง ถือว่าเป็นการยุติอาชีพมวยปล้ำของ ชอว์น ไมเคิลส์ อย่างเป็นทางการ[5]
ปี 2011
ชอว์น ไมเคิลส์ ได้กลับมาใน WWE อีกครั้ง และได้มาปรากฏตัวบนเวที ในศึกรอว์ ชอว์น ไมเคิลส์ ได้รับการบรรจุชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศ ดับเบิลยูดับเบิลยูอี ฮอลล์ออฟเฟม ประจำปี 2011 อีกด้วย แต่ไม่ทันไร อัลเบอร์โต เดล รีโอ ออกมาขัดขวาง และได้พูดจาเยาะเย้ยดูถูก ชอว์น ไมเคิลส์ จน ชอว์น ไมเคิลส์ ทนไม่ได้ใส่ Sweet Chin Music เล่นงาน อัลเบอร์โต เดล รีโอ สร้างความสะใจให้กับแฟนๆมวยปล้ำไปในที่สุด
เกี่ยวกับมวยปล้ำ
- ท่าไม้ตาย
- “สวีต ชิน มิวสิก” (Sweet Chin Music)
- ท่าเอกลักษณ์
- “โมดิฟายด์ ฟิกเกอร์ โฟร์ เลกล็อก” (Modified figure four leglock)
- “มูนซอลท์” (Moonsault)
- “ดรอปคิก” (Dropkick)
- “แบคแฮน ชอป” (Backhand chop)
- “เบลลี่ ทู แบค ซูเพล็ก” (Belly to back suplex)
- “ฟลายยิ่ง ฟอเริม สแมช” (Flying forearm smash)
- “อินเวอเทด อะตอมมิค ดรอป” (Inverted atomic drop)
- “สโคป สแลม” (Scoop slam)
- “ไดวิ่ง เอลโบว ดรอป” (Diving elbow drop)
- “ฟิกเกอร์ โฟร์ เลกล็อก” (Figure four leglock)
- “อาร์ม แทรป ครอสเฟกซ์” (Arm trap crossface)
- “สกิน เดอะ แคต” (Skin the cat)
- “สลิงช็อต ครอสส์บอดี้” (Slingshot crossbody)
- ฉายา และ ชื่ออื่นๆ
- The Heartbreak Kid (HBK)
- The Showstopper
- The Headliner
- The Main Event
- The Icon
- Mr.WrestleMania
- เพลงเปิดตัว
- Sexy Boy โดย Jimmy Hart เป็นคนร้อง และมี Sherri เป็นผู้ช่วยร้อง
- "Break It Down" (DX) โดย The DX Band
ผลงานในสมาคม WWF / WWE
- World Wrestling Federation / World Wrestling Entertainment
- WWF Championship (3 สมัย)
- WWF European Championship (1 สมัย)
- WWF Intercontinental Championship (3 สมัย)
- WWF/E World Tag Team Championship (5 สมัย) – คู่กับ ดีเซล (2), สโตน โคลด์ สตีฟ ออสติน (1), จอห์น ซีนา (1) และ ทริปเปิล เอช (1)
- WWE Tag Team Championship (1 สมัย) – คู่กับ Triple H
- World Heavyweight Championship (1 สมัย)
- รอยัลรัมเบิล (1995, 1996)
- Fourth Triple Crown Champion
- First Grand Slam Champion
- WWE Hall of Fame (Class of 2011)
- สแลมมีอวอร์ด for Best Slammin' Jammin' Entrance (1996)
- Slammy Award for Best Threads (1996)
- Slammy Award for Squared Circle Shocker (1996) Won for collapsing; Owen Hart accepts the award for making Michaels collapse
- Slammy Award for Master of Mat Mechanics (1996)
- Slammy Award for US West Match of the Year (1996) vs. เรเซอร์ รามอน in a Ladder match at ซัมเมอร์สแลม
- Slammy Award for Leader of the New Generation (1996)
- Slammy Award for Best Finisher (1997)
- Slammy Award for US West Match of the Year (1997) vs. เบรต ฮาร์ต in an Iron Man match at WrestleMania XII
- Slammy Award for Match of the Year (2008) vs. ริก แฟลร์ at เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 24
- Slammy Award for Match of the year (2009) vs. ดิอันเดอร์เทเกอร์ ใน เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 25
- Slammy Award for Moment of the Year (2010) vs. The Undertaker ใน เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26
ผลงานทั้งหมด
- American Wrestling Association
- AWA World Tag Team Championship (2 สมัย) – คู่กับ Marty Jannetty
- Central States Wrestling
- NWA Central States Tag Team Championship (1 สมัย) – คู่กับ Marty Jannetty
- Continental Wrestling Association
- AWA Southern Tag Team Championship (2 สมัย) – คู่กับ Marty Jannetty
- Pro Wrestling Illustrated
- PWI Feud of the Year (2008) vs. คริส เจอริโค
- PWI Match of the Year (1993) vs. Marty Jannetty on มันเดย์ไนท์รอว์ on May 17
- PWI Match of the Year (1994) vs. Razor Ramon in a Ladder match at WrestleMania X
- PWI Match of the Year (1995) vs. Diesel at WrestleMania XI
- PWI Match of the Year (1996) vs. Bret Hart in an Iron Man match at WrestleMania XII
- PWI Match of the Year (2004) vs. คริส เบนวา and Triple H at WrestleMania XX
- PWI Match of the Year (2005) vs. เคิร์ต แองเกิล at เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 21
- PWI Match of the Year (2006) vs. วินซ์ แม็กแมเฮิน in a No Holds Barred match at เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 22
- PWI Match of the Year (2007) vs. John Cena on Raw on April 23
- PWI Match of the Year (2008) vs. Ric Flair at WrestleMania XXIV
- PWI Match of the Year (2009) vs. The Undertaker at WrestleMania XXV
- PWI Match of the Year (2010) vs. The Undertaker in a Career vs. Streak match at WrestleMania XXVI
- PWI Most Inspirational Wrestler of the Year (2010)
- PWI Most Popular Wrestler of the Year (1995, 1996)
- PWI ranked him #1 of the top 500 singles wrestlers of the year in the PWI 500 in 1996
- PWI ranked him #10 of the top 500 singles wrestlers of the "PWI Years" in 2003
- PWI ranked him #33 of the Top 100 Tag Teams of the "PWI Years" with Marty Jannetty in 2003
- Texas All-Star Wrestling
- TASW Texas Tag Team Championship (2 สมัย) – คู่กับ Paul Diamond
- Texas Wrestling Alliance
- TWA Heavyweight Championship (1 สมัย)
- Wrestling Observer Newsletter
- 5 Star Match (1994) vs. Razor Ramon in a Ladder match at WrestleMania X.
- 5 Star Match (1997) vs. The Undertaker in a Hell in a Cell at Badd Blood.
- Best Babyface (1996)
- Feud of the Year (2004) vs. Triple H and Chris Benoit
- Feud of the Year (2008) vs. Chris Jericho
- Match of the Year (1994) vs. Razor Ramon in a Ladder match at WrestleMania X
- Match of the Year (2008) vs. Chris Jericho in a Ladder match at No Mercy
- Match of the Year (2009) vs. The Undertaker at WrestleMania XXV
- Match of the Year (2010) vs. The Undertaker at WrestleMania XXVI
- Most Charismatic (1995, 1996)
- Tag Team of the Year (1989) คู่กับ Marty Jannetty as The Rockers
- Worst Feud of the Year (2006) คู่กับ Triple H vs. เชน แมคแมน และ Vince McMahon
- Wrestling Observer Newsletter Hall of Fame (ประจำปี 2003)
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ↑ McCoy, Heath (2010-01-10). "Back in the Ring: Hart seeks closure in comeback". Calgary Sun. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-02-10. สืบค้นเมื่อ 2010-01-11.
- ↑ Eck, Kevin. "Q&A with Shawn Michaels". The Baltimore Sun. สืบค้นเมื่อ 2010-04-04.
- ↑ Adkins, Greg (2010-02-08). "Raw's pit stomp". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2010-02-09.
- ↑ Adkins, Greg (2010-02-21). "Heartbroken". World Wrestling Entertainment. สืบค้นเมื่อ 2010-02-21.
- ↑ Plummer, Dale; Nick Tylwalk (2010-03-29). "Undertaker ends Shawn Michaels' career in thrilling rematch to cap off Wrestlemania XXVI". Slam! Sports. Canadian Online Explorer. สืบค้นเมื่อ 2010-10-29.