ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ยิวยิตสู"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Unifza (คุย | ส่วนร่วม)
Unifza (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 43: บรรทัด 43:
พบวิชายูยิสสูจำนวนน้อยที่ยังหลงเหลือโดยเป็นวิชายูยิสสูที่ถูกพัฒนามาใหม่จากอดีตผู้ฝึกยูยิสสูในอดีต
พบวิชายูยิสสูจำนวนน้อยที่ยังหลงเหลือโดยเป็นวิชายูยิสสูที่ถูกพัฒนามาใหม่จากอดีตผู้ฝึกยูยิสสูในอดีต
เช่น วัชระยูยิสสู และ อิทเท็นยูยิสสู
เช่น วัชระยูยิสสู และ อิทเท็นยูยิสสู

== ยูยิสสูในปัจจุบัน ==
ถึงแม้เวลาจะผ่านไปอย่างยาวนาน ยูยิสสูก็ยังมีการฝึกและสืบทอดต่อกันมา และ
มีพัฒนาการต่อมาทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น โดยปัจจุบันยูยิสสูของญี่ปุ่นหรือยูยิสสูที่มีการต่อสู้ในแบบดั้งเดิมคือมีการโจมตี หัก ล๊อค ทุ่ม
ในบางครั้งจะถูกเรียกว่า "นิฮอน ยูยิสสู" (Nihon jūjutsu) เนื่องจากไม่ต้องการให้สับสนกับยูยิสสู
ที่มีการพัฒนาขึ้นมาจากบราซิล นั่นก็คือ [[บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู]] (Jiu-jutsu) ซึ่งเน้นการต่อสู้ในท่านอนมากกว่าแบบดั้งเดิม
หากสังเกตจะเห็นว่าในภาษาอังกฤษนั้นบราซิลเลี่ยน ยูยิสสู จะถูกเขียนว่า Jiu-jutsu ซึ่งแตกต่างกับการเขียนแบบญี่ปุ่น (Jujutsu)

นอกจากนั้นยังสามารถแบ่งยูยิสสูแบบญี่ปุ่นออกมาได้อีกสองประเภท คือ
ยูยิสสูแบบโบราญ (Koryu jujutsu) และ ยูยิสสูสมัยใหม่ (Gedai jujutsu หรือ Modern Jujutsu)

โดนยูยิสสูแบบโบราณ คือ ยูยิสสูในสำนักที่ถูกพัฒนามาตั้งแต่สมัยยุคสงคราม
ส่วนยูยิสสูสมัยใหม่ก็คือยูยิสสูที่เกิดขึ้นมาหลังยุคเมจิ เป็นวิชาถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่
โดยมีรากฐานจากยูยิสสูแบบดั้งเดิมอีกทีหนึ่ง

ศิลปะการต่อสู้ที่คล้ายกับโคริวยูยิสสูคือ มวยโบราณของไทยก็ถูกใช้ต่อสู้ในสงครามเหมือนกัน และกระบวนท่าก็มีความใกล้เคียงกันมากซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะมีต้นกำเนิดเดียวกัน แต่น่าเสียดายที่มวยไทยปัจจุบันลดความรุนแรงลงกลายมาเป็นกีฬาบนเวที หากจะเปรียบเทียบกันแล้ว มวยไทยเป็นมวยแนวยืนที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นมวยที่ใช้แรงปะทะ รุกจู่โจมแสดงความเป็นหยางหรือบุรุษเพศอย่างชัดเจน ขณะที่ยูยิสสูเป็นมวยนอนที่ร้ายกาจ ไม่ใช้แรงปะทะ ใช้การรับแล้วทำลายจุดอ่อนคู่ต่อสู้ ซึ่งแนวนอนและการตั้งรับเป็นลักษณะหยินคือสตรีเพศ จึงกล่าวกันว่า ผู้หญิงใช้เคล็ดวิชายูยิสสูได้ลึกซึ้งมากกว่าผู้ชาย


== ยูยิสสูกับบุคคลทั่วไป ==
== ยูยิสสูกับบุคคลทั่วไป ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:13, 1 มิถุนายน 2554

จูจิตสุ ญี่ปุ่น: 柔術โรมาจิjūjutsu ในภาษาไทยมีการเรียกหลายชื่อตั้งแต่ ยูยิสสู ยูยิตสู (อังกฤษ: Ju-Jitsu, Jiu-Jitsu, Jiujitsu)

ประวัติ

จูจิตสุ ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า ศิลปะแห่งความอ่อน เป็นชื่อเรียกของศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่น โดยบางครั้งอาจจะถูกเรียกด้วยชื่ออื่น ๆ เช่น ยะวะระ (yawara) , ไทจุตสุ (taijutsu)

ประวัติที่มาของยูยิสสูนั้นไม่ชัดแจ้ง โดยมากกล่าวกันว่าถูกพัฒนาขึ้นมาในช่วงยุคของสงครามสมัย ระหว่างศตวรรษที่ 8 ถึง 16 เนื่องจากเป็นยุคสมัยสงครามทำให้เกิดวิชาใหม่ ๆ ขึ้นมาจำนวนมาก ในอดีตประเทศญี่ปุ่นมีสำนักยูยิสสูอยู่หลายร้อยสำนัก โดยแต่ละสำนักมีแนวทางในการฝึกของตัวเอง โดยมากจะรับอิทธิพลมาจากศิลปะการต่อสู้โบราญของซามูไรที่เรียกกันว่า ไทจุสสุ ซึ่งหมายถึงศิลปะการใช้ร่างกาย โดยยูยิสสูนั้นเป็นชื่อเรียกกลางที่ใช้เรียก ศิลปะการต่อสู้มือเปล่าอีกชนิดหนึ่งนั่นเอง

สำนักที่มีชื่อเสียงของยูยิสสูก็เช่น ทะเกะโนะอุจิ ริว ยูยิสสู (takenouchi ryu jujutsu) , โยชิน ริว จูจิตสุ (yoshin ryu jūjutsu) และ ยางิว ชิงกัน ริว (yagyu shingan ryu)

ลักษณะการต่อสู้ของยูยิสสูในสมัยก่อนนั้นจะขึ้นอยู่กับสำนักนั้น ๆ โดยมากจะมีทั้งการโจมตี การล๊อค การทุ่ม ในบางสำนักจะมีการฝึกการใช้อาวุธด้วย จนในบางครั้งจะถูกเรียกกันว่าเป็นวิชาที่มีทุกอย่าง การต่อสู้ของยูยิสสูในสมัยก่อนนั้นจะเป็นการต่อสู้แบบไม่มีกติกา และ จะทำทุกวิถีทางเพื่อล้มคู่ต่อสู้

เนื่องจากการต่อสู้ของยูยิสสูมีความรุนแรง ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นบางครั้งจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้มีการทำการฝึก เมื่อไม่มีผู้สืบทอดวิชา ก็ทำให้วิชาจำนวนมากสูญหายไป นอกจากนั้นในยุคต่อมาเมื่อยุคสมัยของสงครามนั้นจบลงไป วิชายูยิสสูก็จึงถูกมองว่ามีความป่าเถื่อน และ รุนแรงเกินไป รวมทั้งมีการพัฒนาศิลปะการต่อสู้ใหม่ ๆ ออกมาทำให้ยูยิสสูเสื่อมความนิยม

ประวัติความเป็นมาในประเทศไทย

ยูยิสสูในประเทศไทย ได้เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ. 2464 เช่นกัน แต่ภายหลังเนื่องจากกีฬายูโดเริ่มแพร่หลายทั่วโลก ยูยิสสูถูกมองว่ามีความรุนแรงจนเกินไป จึงได้เกิดการปรับเปลี่ยนการฝึกโดยทั่วไปเป็นการฝึกกีฬายูโด

ถึงแม้ปัจจุบันจะหาหลักฐานถึงการสอนยูยิสสูในไทยได้ค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังมีบันทึกถึงเรื่องการฝึกยูยิสสูในช่วงแรก เช่น โรงฝึกแรกที่ชื่อเรนบูกัน และ ห้องยิมของโรงเรียนเทพศิรินทร์ ซึ่งมีการสอนยูยิสสูและมีชื่อเสียงจากการแข่งขันกับโรงเรียนอื่น ๆ โดยมีนักยูยิสสูที่โด่งดังจากการแข่งขัน เช่น ฉลวย อัศวนนท์, ประจันต์ วัชรปาน, จำรัส ศุภวงศ์ , แถม สุดกังวาล, ปิ่น วิจารณ์บุตร, เชษฐ์ วิลิตกุล, สำราญ สุขุม ซึ่งบางคนได้เป็นผู้ที่ได้ไปรับวิชายูโดเข้ามาในประเทศไทยต่อมา

นักยูยิสสู 5 คน ที่ได้รับเลือกไปศึกษายูโดที่โคโดกันประเทศญี่ปุ่นเป็นชุดแรกของไทยได้แก่ 1. อ.จำรัส ศุภวงศ์ 2. อ.ประจันต์ วัชรปาน 3. อ.สมศักดิ์ กิตติสาธร 4. อ.ทนง ชุมสาย 5. อ.นาคา โมโต

ซึ่งในภายหลังโรงฝึกยูยิสสูในประเทศไทยได้เปลี่ยนเป็นยูโดเกือบทั้งหมด พบวิชายูยิสสูจำนวนน้อยที่ยังหลงเหลือโดยเป็นวิชายูยิสสูที่ถูกพัฒนามาใหม่จากอดีตผู้ฝึกยูยิสสูในอดีต เช่น วัชระยูยิสสู และ อิทเท็นยูยิสสู

ยูยิสสูกับบุคคลทั่วไป

นักมวยไทยหลายคนยอมรับว่า การต่อสู้กับยูยิสสูนั้นอันตรายโดยเฉพาะอย่างยื่งถ้าพวกเข้าต้องต่อสู้กับยูยิสสูหญิง เพราะพวกเธอจะรวดเร็ว และเน้นโจมตีจุดอ่อนของบุรุษเพศ แต่ถึงกระนั้นก็ตามการที่มีเรื่องเล่าว่านักมวยไทยจะพ่ายแพ้ต่อยูยิสสูหญิง แต่นั่นมันเป็นแค่การจิตนาการฝันเฟื่องเพื่อที่ลำลายความน่าเชื่อถือของศิลปะชาติอื่น โดยข้อมูลนี้ยืนยันมาจากบุคคลท่านหนึ่งซึ่งเหตุการณ์อยู่ในประเทศแดนมังกร โดยการเผชิญหน้ากันระหว่างหนุ่มจีนกับยูยิสสูหญิง หนุ่มจีนเป็นผู้ที่ไม่ได้เรียนวิชาการป้องกันตัวมาแต่อย่างใด เกิดจากความท้ายและความประหม่าของฝ่ายหญิง จึงขอท้าตีต่อยกับฝ่ายชาย ซึ่งผู้ที่เห็นเหตุการณ์จะขอนำเรื่องราวนี้เล่าสู่สาธารณชนให้รับทราบกัน โดยจะขอย่อเป็นลำดับเหตุการณ์ ดังต่อไปนี้

เหตุการณ์ตอนแรก ฝ่ายหญิง โจมตีพุ่งเข้าหาฝ่ายชายโดยไม่ปราณี ฝ่ายชายเตะเข้าไปที่หว่างขาของฝ่ายหญิงอย่างเกินกำลังเข้าเป้า ฝ่ายหญิงร้องขึ้นมา แต่ตนพยายามยืนหยัดโดยไม่ล้มแต่อย่างใด ฝ่ายชายโจมตีฝ่ายหญิงโดยการใช้วาทะศิลป์การพูดจาที่รุนแรงหยาบคายและเหยียบย่ำต่อเพศแม่ โดยเฉพาะฝ่ายชายโจมตีไปถึงบุพการีของยูยิสสูหญิงโดยเฉพาะมารดา ฝ่ายหญิงโกรธแค้นอย่างมาก จึงพุ่งเข้าใส่ตัวฝ่ายชาย ฝ่ายชายเห็นช่องว่างตรงกลางเปิด ฝ่ายชายจับหน้าอกของฝ่ายหญิงแล้วขยี้ดึงขึ้นลงจากนั้นดึงเต้านมเข้าหาตัวฝ่ายชาย ฝ่ายชายรู้ดีว่าถ้าศัตรูใกล้ตัวแล้วตนอาจจะไม่ปลอดภัย แต่ทันใดนั้น ฝ่ายชายมือ2ข้างที่จับเต้านมของเพศหญิง กลับดึงกระชากโดยแขนซ้ายดึงเต้านมไปทางซ้าย แขนขวาถึงเต้านมไปทางขวา ฝ่ายชายหมุนตัวพร้อมลากกระชากขยี้เต้านมของหญิงทั้ง2มืออย่างบ้าระห่ำ พร้อมทั้งส่งเสียงร้องดังขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อนเสียงของสตรี ไม่เพียงเท่านั้น ฝ่ายชายงัดไม้ตายด้วยวาจาเอ่ยถึงชื่อเรียงนามมารดาของยูยิสสูหญิงคนนั้นพร้อมด้วยสารพันคำด่าที่หยาบคายเกินกว่าการเป็นสุภาพบุรุษอย่างสิ้นเชิง

เหตุการณ์ตอนที่สอง เสื้อผ้าของฝ่ายหญิงและยกทรงถูกแรงของบุรุษดึงกระชากจนขาด ในขณะนั้นเต้านมของฝ่ายหญิงมีเลือดไหลออกมาบริเวณหัวจุกทั้ง2ข้าง ฝ่ายหญิงลงไปนอนกองอยู่กับพื้นฝ่ายชายยังไม่พอ ฝ่ายชายกระโดดกระทืบไปที่ท้องน้อย พร้อมทั้งเตะไปที่เต้มนมที่บอบช้ำอย่างมาก และเอาส้นเท้ากระทืบไปที่ท้องน้อย ซึ่งนั่นเป็นจุดอ่อนที่สำคัญอีกจุดหนึ่งของเพศหญิงที่มี จุดอ่อนถึง3แห่งด้วยกัน จึงเป็นที่มาของคำว่า "สตรี" ซึ่งหมายถึง สัตว์+เพศ3แห่ง คือ 1.อวัยวะเพศหญิง 2.ท้องน้อย(มดลูก&รังไข่)และ 3.เต้านม นั่นเอง ฝ่ายชายเห็นแล้วว่าฝ่ายหญิงกำลังนอนขดบีดตัวไปมาเพราะปวดมดลูกและทรวงอกที่เละเทะ ฝ่ายชายจึงคิดวิธีการทดลองเล่นๆขึ้นมา เพราะยังเหลือจุดอ่อนสุดท้าย นั่นคือ อวัยวะเพศหญิง

เหตุการณ์ตอนท้าย ฝ่ายชายฉีกเสื้อผ้าท่อนล่างของยูยิสสูหญิงจนล่อนจ้อน ในลักษณะที่ยูยิสสูหญิงกำลังนอนหงายอยู่ ฝ่ายชายเริ่มโจมตีด้วยการเตะไปที่อวัยวะเพศหญิงอย่างรุนแรงที่สุดหลายครั้งนับไม่ถ้วน จนช่องคลอดฉีกขาด ฝ่ายชายตั้งกาดกำมือพร้อมด้วยต่อยพุ่งหมัดเข้าใส่ช่องคลอดของยูยิสสูหญิงอย่างแรงที่สุด จนกระทั่งกระลวงเข้าไปถึงตรงกลางแขนของฝ่ายชาย ฝ่ายชายนำมืออีกข้างหนึ่ง จับดึงแล้วแขวกออก ลักษณะเหมือนจับปากถุงแล้วฉีกออกทั้ง2ข้าง ยูยิสสูหญิงกรี๊ดเสียงดังสนั่นจนแทบจะไม่ได้ยินเสียง ช่องคลอดของฝ่ายหญิงในตอนนี้มีลักษณะเป็นโพรงอากาศ

ทันใดนั้น ฝ่ายชายลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป ในตอนนี้เขาได้เล่าว่า เขาวิ่งไปสถานที่ๆหนึ่งเพื่อที่ไปตระเตรียมการบางอย่างที่เขาอยากจะทำ แต่เขาไม่ได้ว่าเขาไป ณ สถานที่ใด

เขาเล่าต่อไปว่า เขาได้วิ่งกลับมาหายูยิสสูหญิงที่นอนเลือดกอง2จุดคือเต้านมและช่องคลอด เขามีเครื่องมือที่นำมา นั่น คือ 1.น้ำมันเบนซิน 2.เหล็กเส้นอย่างหนาแต่ไม่ยาวมาก และ 3.ไฟแช็ค ฝ่ายชายได้ลงมือ โดยเอาเหล็กเส้นทิ่มเข้าไปในช่องคลอดของยูยิสสูหญิงคนนั้น แทงเข้าแทงออกอย่างสุดแรง จนกระทั่งเหล็กเส้นเข้าไปลึกมาก แล้วได้งัดเหล็กตั้งฉากกับพื้น จากนั้นฝ่ายชายนำเอาน้ำมันเบนซินกรอกใส่ช่องคลอดของยูยิสสูหญิงทันที ทันใดนั้นฝ่ายชายได้หยิบเอาไฟแช็ค จุดไฟขึ้นมาแล้วโยนเข้าใส่ช่องคลอดของยูยิสสูหญิง ไฟจึงลุกติดขึ้นมาทันทีด้วยอนุภาพของน้ำมันเบนซิน ฝ่ายหญิงร้องดิ้นกรี๊ดส่ายตัวไปมา ไฟได้โถมเข้าสู่อวัยวะภายในของยูยิสสูหญิง จนกระทั่งหน้าท้องของยูยิสสูหญิงพองขึ้นมาราวกับหญิงตั้งครรภ์อ่อนๆแล้วค่อยขยายใหญ่ขึ้นๆ และไม่กี่นาที ไฟได้ลุกทั่วตัวยูยิสสูหญิงจนขาดใจตายในที่สุด

ฝ่ายชายจึงนำเอาร่างที่ไหม้เกรียมของยูยิสสูหญิงไปโยนทิ้งลงในมหาสมุทรโดยการจ้างวานใช้ให้คนนำไปทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน

เหตุการณ์ในครั้งนั้น ฝ่ายชาย ยังได้ทิ้งท้ายไว้เป็นความรู้ที่บางคนอาจยังไม่รู้มาก่อนเลยว่า มนุษย์เราทุกคน เพศคือจุดอ่อน ผู้ชายก็รู้ๆอยู่ ผู้หญิงนั้นคุณคิดว่าอะไรที่เป็นเครื่องบ่งบอกว่าเป็นเพศหญิงบ้าง นั่นแหล่ะคือจุดอ่อน

แหล่งข้อมูลอื่น