ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจมส์ ฟรานซิส เอ็ดเวิร์ด สจวต"
WikitanvirBot (คุย | ส่วนร่วม) ล r2.7.1) (โรบอต เพิ่ม: bg:Джеймс Франсис Едуард Стюарт |
ล r2.6.1) (โรบอต เพิ่ม: nn:James Francis Edward Stuart |
||
บรรทัด 70: | บรรทัด 70: | ||
[[ko:제임스 프랜시스 에드워드 스튜어트]] |
[[ko:제임스 프랜시스 에드워드 스튜어트]] |
||
[[nl:Jacobus Frans Eduard Stuart]] |
[[nl:Jacobus Frans Eduard Stuart]] |
||
[[nn:James Francis Edward Stuart]] |
|||
[[no:James Francis Edward Stuart]] |
[[no:James Francis Edward Stuart]] |
||
[[pl:Jakub Franciszek Edward Stuart]] |
[[pl:Jakub Franciszek Edward Stuart]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:50, 19 พฤษภาคม 2554
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
เจมส์ ฟรานซิส เอ็ดเวิร์ด สจวต หรือ ผู้อ้างสิทธิ(ภาษาอังกฤษ: James Francis Edward Stuart หรือ The Old Pretender หรือ The Old Chevalier) (10 มิถุนายน ค.ศ. 1688 – 1 มกราคม ค.ศ. 1766) เจมส์ได้รับการขนานพระนามว่า The Old Pretender (ผู้อ้างสิทธิในราชบัลลังก์) ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษผู้ถูกปลดจากราชบัลลังก์อังกฤษ และ สมเด็จพระราชินีแมรีแห่งโมดีนา ในฐานะที่เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 เจมส์ ฟรานซิสจึงอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ของราชอาณาจักรอังกฤษ และราชอาณาจักรสกอตแลนด์ในนาม เจมส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ และ เจมส์ที่ 8 แห่งสกอตแลนด์ เมื่อพระราชบิดาเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1701 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสทรงประกาศว่าเจมส์ ฟรานซิสเป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ สกอตแลนด์และไอร์แลนด์
กำเนิด
เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิส เอ็ดเวิร์ด สจวตทรงเป็นปัญหาตั้งแต่วันที่เกิดที่พระราชวังเซนต์เจมส์ในปี ค.ศ. 1688 ทรงประสูติในรัชสมัยของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 และพระราชินีแมรีแห่งโมดีนาผู้เป็นโรมันคาทอลิก พระเจ้าเจมส์ที่ 2 ทรงมีพระราชธิดาสองพระองค์ก่อนหน้านั้นผู้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างนิกายโปรเตสแทนต์ การที่พระเจ้าเจมส์ที่ 2 ทรงมีพระราชโอรสเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่กลัวว่าอังกฤษจะกลับไปตกไปอยู่ใต้การปกครองของประมุขที่เป็นโรมันคาทอลิกต้องหาวิธีกำจัด พระเจ้าเจมส์ที่ 2
เมื่อเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสประสูติก็มีข่าวลือว่าเจมส์ ฟรานซิสมิใช่พระราชโอรสที่แท้จริงแต่เป็นเด็กที่ถูกลักลอบเข้ามาในถาดถ่านที่ใช้อุ่นเตียงก่อนนอน (bed-warming pan) เข้ามาในห้องที่แมรีแห่งโมดีนาใช้ประสูติเพื่อแทนพระโอรสที่สิ้นพระชนม์หลังประสูติ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมเพียงไม่ถึงหกเดือนหลังประสูติพระราชินีแมรีแห่งโมดีนาก็พาพระโอรสหลบหนีไปฝรั่งเศสเพื่อความปลอดภัย ขณะที่พระเจ้าเจมส์ที่ 2 ยังประทับอยู่ในอังกฤษพยายามรักษาราชบัลลังก์ไว้
เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสและพระขนิษฐาลุยซา มาเรีย เทเรซา สจวตเติบโตในฝรั่งเศส ในฝรั่งเศสพระเจ้าหลุยส์ที่ 14ทรงยอมรับว่าเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสเป็นรัชทายาทของอังกฤษและสกอตแลนด์ เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสกลายเป็นศูนย์กลางของขบวนการสนับสนุนการปกครองโดยราชวงศ์สจวต (Jacobitism)
ชิงราชบัลลังก์
เมื่อพระเจ้าเจมส์ที่ 2 เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1701 เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสก็ทรงประกาศพระองค์เป็นพระเจ้าแผ่นดินในพระนาม เจมส์ที่ 3 แห่งอังกฤษ และ เจมส์ที่ 8 แห่งสกอตแลนด์และเป็นที่ยอมรับในฝรั่งเศส สเปน วาติกันและโมดีนา รัฐต่างๆ เหล่านี้ไม่ยอมรับว่าพระราชินีนาถแมรีที่ 2 และ พระเจ้าวิลเลียมที่ 3เป็นพระมหากษัตริย์ของอังกฤษโดยชอบธรรม
การแข็งข้อของผู้สนับสนุนการปกครองโดยราชวงศ์สจวต
เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสพยายามชิงพระราชบัลลังก์โดยทรงพยายามที่จะรุกรานอังกฤษเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1708 โดยขึ้นที่เฟิร์ธออฟฟอร์ธ แต่กองทัพเรือฝรั่งเศสของพระองค์ถูกขับโดยกองทัพเรือของจอร์จ บิง ไวเคานท์ทอร์ริงตัน ถ้าเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสประกาศยกเลิกการเป็นโรมันคาทอลิกก็คงทรงมีโอกาสได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ[1] แต่ก็ไม่ทรงยอมทำ เมื่อกองทัพฝรั่งเศสพ่ายแพ้ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็ทรงถูกบังคับให้มีสัมพันธไมตรีกับอังกฤษและพันธมิตรของอังกฤษโดยการลงนามในสนธิสัญญาอูเทรชท์ ค.ศ. 1713 ซึ่งข้อหนึ่งในสนธิสัญญาระบุว่าต้องขับเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสจากฝรั่งเศส
สิบห้า
ปีต่อมาผู้สนับสนุนการปกครองโดยราชวงศ์สจวต (Jacobite) ก็ริเริ่ม สงครามฟื้นฟูราชวงศ์สจวต (The Fifteen Jacobite rising) ในสกอตแลนด์เพื่อกู้ราชบัลลังก์ให้แก่เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิส ในปี ค.ศ. 1715 เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสก็ได้ขึ้นฝั่งที่สกอตแลนด์หลังศึกเชอริฟเมอร์ แต่ก็ทรงผิดหวังกับกำลังที่สนับสนุน แทนที่จะเข้าพิธีราชาภิเศกที่สโคน เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสเสด็จกลับฝรั่งเศสทางเรือจากมอนท์โรส แต่ไม่ทรงได้รับการต้อนรับในฝรั่งเศสหลังจากที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เสด็จสวรรคตไปแล้ว
ชีวิต “ผู้อ้างสิทธิ”
สมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 11ประทานวังมูติในกรุงโรมให้เป็นที่ประทับของเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิส สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 13ก็ทรงสนับสนุนเจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสเช่นกัน นอกจากนั้นคาร์ดินัลฟิลลิปโป อันโตนิโอ กุอัลเทริโอยังเจรจาตกลงให้ทางวาติกันจ่ายเงินประจำปึตลอดชีพปีละ 8,000 โรมันซึ่งเป็นจำนวนที่พอเพียงสำหรับการตั้งราชสำนักจัคโคไบต์ที่โรมได้
การแต่งงาน
เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1719 เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสก็ทรงเสกสมรสกับมาเรีย เคลเม็นทินา โซบิเอสกา (Maria Klementyna Sobieska) ผู้เป็นพระนัดดาของพระเจ้าจอห์นที่ 3 แห่งโปแลนด์ ทรงมีพระโอรสด้วยกันสององค์
- ชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ด สจวต (Charles Edward Stuart), (31 ธันวาคม ค.ศ. 1720 – 31 มกราคม ค.ศ. 1788) หรือที่รู้จักกันในนาม บอนนีพรินซ์ชาร์ลี (Bonnie Prince Charlie)
- เฮนรี เบนเนดิค สจวต (Henry Benedict Stuart), (11 March ค.ศ. 1725 – 13 July ค.ศ. 1807) ต่อมาเป็นคาร์ดินัล
บอนนีพรินซ์ชาร์ลี
หลังจากที่เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสไม่ประสพความสำเร็จก็ทรงหันไปสนับสนุนพระโอรสในการพยายามยึดราชบัลลังก์อังกฤษและสกอตแลนด์ ความพยายามในปี ค.ศ. 1745 เกือบได้รับความสำเร็จ แต่ความพ่ายแพ้ครั้งที่สองทำให้ความหวังในการยึดราชบัลลังก์อังกฤษและสกอตแลนด์เป็นอันต้องสิ้นสุดลง
สิ้นพระชนม์
เจ้าชายเจมส์ ฟรานซิสสิ้นพระชนม์ที่กรุงโรมเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1766 พระศพถูกฝังไว้ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1766 รัฐบาลวาติกันก็ยอมรับราชวงศ์ฮาโนเวอร์ว่าเป็นราชวงศ์ที่ปกครองอังกฤษและไอร์แลนด์โดยชอบธรรม
ข้อมูลเพิ่มเติม
อ้างอิง
- ↑ Sir Winston Churchill, A History of the English-Speaking Peoples, Vol. 2, Dodd, Mead & Co., NY 1957, pp. 97-98.