ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮกุ พ.ศ. 2554"
ล r2.7.1) (โรบอต เพิ่ม: kl:Jordskælvet ved Torquato 2011 |
WikitanvirBot (คุย | ส่วนร่วม) ล r2.7.1) (โรบอต เพิ่ม: hif:TohokuSanrikujisinn |
||
บรรทัด 236: | บรรทัด 236: | ||
[[he:רעידת האדמה בסנדאי (2011)]] |
[[he:רעידת האדמה בסנדאי (2011)]] |
||
[[hi:२०११ सेन्दाई भूकम्प और सुनामी]] |
[[hi:२०११ सेन्दाई भूकम्प और सुनामी]] |
||
[[hif:TohokuSanrikujisinn]] |
|||
[[hr:Potres i cunami u Sendaiju 2011.]] |
[[hr:Potres i cunami u Sendaiju 2011.]] |
||
[[hu:2011-es tóhokui földrengés és szökőár]] |
[[hu:2011-es tóhokui földrengés és szökőár]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:18, 28 มีนาคม 2554
เวลาสากลเชิงพิกัด | ?? |
---|---|
วันที่* | 11 มีนาคม พ.ศ. 2554
[[Category:EQ articles using 'date' or 'time'(deprecated)]] |
เวลา* | 05:46:23 UTC (14:46 ท้องถิ่น) [[Category:EQ articles using 'origintime'(deprecated)]] |
ระยะเวลา | 6 นาที[1] |
ขนาด | 9.0 แมกนิจูด[2][3] |
ความลึก | 32 กิโลเมตร (19.9 ไมล์) |
ศูนย์กลาง | 38°19′19″N 142°22′08″E / 38.322°N 142.369°E |
ประเภท | แผ่นดินไหวเมกะทรัสต์ |
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ | ญี่ปุ่น ประเทศบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก |
ความเสียหายทั้งหมด | น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม ไฟไหม้ สิ่งก่อสร้างและสาธารณูปโภคเสียหาย อุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ |
สึนามิ | ใช่ (ความสูง 10-14 เมตร) |
แผ่นดินถล่ม | ใช่ |
แผ่นดินไหวตาม | มากกว่า 700 ครั้ง (มากกว่า 46 ครั้งที่รุนแรงกว่า 6.0 แมกนิจูด) |
ผู้ประสบภัย | ผู้เสียชีวิต 10,035 ราย[4][5] บาดเจ็บ 2,777 ราย[4][5] สูญหาย 17,443 ราย[4][5] |
* เลิกใช้แล้ว | ดูเอกสาร |
แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในภูมิภาคโทโฮะกุพ.ศ. 2554 ญี่ปุ่น: 東北地方太平洋沖地震; โรมาจิ: Tōhoku Chihō Taiheiyō-oki Jishin[6] เป็นแผ่นดินไหวเมกะทรัสต์ขนาด 9.0 แมกนิจูด นอกชายฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่นซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.46 น. ตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 [2][3][7] จุดเหนือศูนย์การเกิดแผ่นดินไหวได้รับรายงานว่าอยู่นอกชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรโอชิกะ โทโฮะกุ โดยมีจุดเกิดแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน 32 กิโลเมตร[8][9]
แผ่นดินไหวครั้งดังกล่าวก่อให้เกิดคลื่นสึนามิซึ่งมีความสูงถึง 10 เมตร พัดเข้าถล่มประเทศญี่ปุ่นไม่กี่นาทีหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ในบางพื้นที่พบว่าคลื่นได้พัดเข้าไปในแผ่นดินลึกถึง 10 กิโลเมตร[10] และมีคลื่นที่เล็กกว่าพัดไปยังอีกหลายประเทศหลายชั่วโมงหลังจากนั้น ได้มีการประกาศเตือนภัยสึนามิและคำสั่งอพยพตามชายฝั่งด้านแปซิฟิกของญี่ปุ่นและอีกอย่างน้อย 20 ประเทศ รวมทั้งชายฝั่งแปซิฟิกทั้งหมดของประเทศอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้[11][12][13]
สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นระบุว่าขณะนี้มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว 10,035 คน ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2,777 คน และอีก 17,443 คนยังคงหายสาบสูญ ใน 18 จังหวัด เช่นเดียวกับอาคารที่ถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายกว่า 125,000 หลัง[4][5] แผ่นดินไหวครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งความเสียหายอย่างหนักต่อถนนและรางรถไฟ เช่นเดียวกับเหตุเพลิงไหม้ในหลายพื้นที่ และเขื่อนแตก บ้านเรือนราว 4.4 ล้านหลังคาเรือนทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ และอีก 1.5 ล้านคนไม่มีน้ำใช้[14] เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหลายเครื่องไม่สามารถใช้การได้ และเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อย่างน้อยสามเตาได้รับความเสียหาย เนื่องจากแก๊สไฮโดรเจนที่เกิดขึ้นในอาคารคลุมเตาปฏิกรณ์ชั้นนอก และยังได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิเกิดระเบิดขึ้นเกือบ 24 ชั่วโมงภายหลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งแรก อย่างไรก็ตาม แรงระเบิดในพื้นที่ไม่รวมสารกัมมันตรังสีอยู่ด้วย[15][16][14] ประชาชนซึ่งอยู่อาศัยในรัศมี 20 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิและรัศมี 10 กิโลเมตรรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดนิถูกสั่งอพยพ
จากแรงสั่นสะเทือนที่วัดได้ จึงนับได้ว่าเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และเป็นเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงเป็นอันดับสี่ของโลกเท่าที่มีการบันทึกสมัยใหม่มาตั้งแต่ พ.ศ. 2443[7][17][18] นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นะโอะโตะ คัง กล่าวว่า "ในช่วงเวลาหกสิบห้าปีนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง วิกฤตการณ์ครั้งนี้นับว่าร้ายแรงและยากลำบากที่สุดสำหรับญี่ปุ่น"[19] เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวได้เคลื่อนเกาะฮอนชูไปทางตะวันออก 2.4 เมตร และเคลื่อนแกนหมุนของโลกไปเกือบ 10 เซนติเมตร[20][21] ประมาณการความเสียหายเบื้องต้นอยู่ระหว่าง 14,500 ถึง 34,600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ[22] ธนาคารกลางญี่ปุ่นอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบอย่างน้อย 15 ล้านล้านเยนเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554 เพื่อพยายามฟื้นฟูสภาพการตลาดให้กลับคืนสู่สภาพปกติ[23] เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ธนาคารโลกประมาณการความเสียหายระหว่าง 122,000 ถึง 235,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ[24] รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่ามูลค่าความเสียหายจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิอาจมีมูลค่าสูงถึง 309,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งทำให้มันเป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดเท่าที่มีการบันทึกมา[25]
แผ่นดินไหว
แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในระยะ 130 กม. ทางตะวันออกของเซ็นได เกาะฮนชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะเกิดคลื่นสึนามิในหลายประเทศรวมทั้งประเทศญี่ปุ่น ศูนย์กลางที่เกิดอยู่ห่างจากกรุงโตเกียว 373 กม. เป็นระยะเวลานานอย่างน้อยหกนาที[1] ตามข้อมูลของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกา (USGS) เกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 7.0 แมกนิจูดได้รับรายงานเมื่อเวลา 15.06 น. ตามเวลาท้องถิ่น และ 7.2 แมกนิจูดเมื่อเวลา 15.26 น. ตามเวลาท้องถิ่น[26] เกิดอาฟเตอร์ช็อกความรุนแรง 4.5 แมกนิจูดขึ้นไป มากกว่าห้าร้อยครั้งหลังจากแผ่นดินไหวครั้งแรก[27]
ก่อนหน้าแผ่นดินไหวหลักได้เกิดฟอร์ช็อก (แผ่นดินไหวนำ) รุนแรงหลายครั้ง เริ่มจากเหตุการณ์ 7.2 แมกนิจูดซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ห่างออกไปจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคมไปอย่างน้อย 40 กิโลเมตร ตามด้วยฟอร์ช็อกอีกสามครั้งที่เกิดขึ้นในวันเดียวกัน โดยมีความรุนแรงมากกว่า 6 แมกนิจูด[2][28] หนึ่งนาทีก่อนหน้าผลกระทบจากแผ่นดินไหวจะไปถึงกรุงโตเกียว ระบบแจ้งเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้าซึ่งเชื่อมโยงเข้ากับเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวมากกว่าหนึ่งพันตัวในญี่ปุ่นได้ส่งคำเตือนออกอากาศทางโทรทัศน์เกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหวที่กำลังใกล้เข้ามาให้แก่ชาวญี่ปุ่นหลายล้านคน คลื่นเอสแผ่นดินไหว ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็ว 4 กิโลเมตรต่อวินาที ใช้เวลา 90 วินาทีในการเดินทาง 373 กิโลเมตรไปยังโตเกียว สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเชื่อว่าระบบการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าสามารถช่วยชีวิตได้เป็นจำนวนมาก[29][30]
ในตอนแรก USGS ได้รายงานความรุนแรงของแผ่นดินไหวอยู่ที่ 7.9 แมกนิจูด แต่ต่อมาได้ปรับเพิ่มแมกนิจูดเป็น 8.8 และ 8.9 อย่างรวดเร็ว[31] และปรับเพิ่มอีกครั้งเป็น 9.0 แมกนิจูด[3] แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นโดยแผ่นแปซิฟิกกดตัวลงใต้แผ่นเปลือกโลกใต้ฮนชูเหนือ ซึ่งแผ่นเปลือกโลกแผ่นใดที่เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้นนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในหมู่นักวิทยาศาสตร์[32][33] แผ่นแปซิฟิก ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยอัตรา 8 ถึง 9 เซนติเมตรต่อปี ลาดลงไปใต้แผ่นเปลือกโลกซึ่งรองรับฮนชู และปลดปล่อยพลังงานออกมามหาศาล การเคลื่อนไหวนี้ดึงแผ่นเปลือกโลกที่อยู่ข้างบนลงจนกระทั่งเกิดความเครียดมากพอที่จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น รอยแตกซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งเซ็นได 130 กิโลเมตร มีการประมาณว่าจะมีความยาวหลายสิบกิโลเมตรและลึกเพียง 32 กิโลเมตร และทำให้ก้นมหาสุมทรดีดตัวขึ้นมาหลายเมตร และก่อให้เกิดแผ่นดินไหว[32][34]
แผ่นดินไหวครั้งดังกล่าวถูกจัดให้อยู่ในระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของมาตราวัดความรุนแรงของแผ่นดินไหวของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นในคุริฮาระ จังหวัดมิยะงิ[35] ส่วนในอีกสามจังหวัด ได้แก่ จังหวัดฟุกุชิมะ จังหวัดอิบะระกิ และจังหวัดโทะชิงิ ถูกบันทึกไว้ว่าอยู่ในระดับ 6 บนตามมาตราดังกล่าว ส่วนสถานีแผ่นดินไหวในจังหวัดอิวะเตะ จังหวัดกุมมะ จังหวัดไซตะมะ และจังหวัดชิบะ วัดความรุนแรงได้ในระดับ 6 ล่าง และ 5 บนในโตเกียว
สถาบันพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยตัวเลขซึ่งระบุว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวสร้างความเร่งสูงสุดของพื้นดินอยู่ที่ 0.35 จี (3.43 ม./วินาที²) ใกล้กับจุดเหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว[36] จากการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยโตเกียวชี้ว่าในบางพื้นที่มีค่าความเร่งสูงสุดเกินกว่า 0.5 จี (4.9 ม./วินาที²)[37] สถาบันวิจัยแห่งชาติทางด้านศาสตร์ที่เกี่ยวกับโลกและการป้องกันภัยพิบัติ (NIED) ของญี่ปุ่นได้บันทึกค่าความเร่งสูงสุดของพื้นดินไว้ที่ 2.99 จี (29.33 ม./วินาที²)[38]
พลังงาน
แผ่นดินไหวดังกล่าวปลดปล่อยพลังงานพื้นผิวออกมากว่า 1.9±0.5×1017 จูล[39] ซึ่งประกอบด้วยพลังงานสั่นสะเทือนและสึนามิ ซึ่งคิดเป็นเกือบสองเท่าของพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 230,000 คน สำหรับพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาทั้งหมด หรือที่รู้จักกันว่า โมเมนต์แผ่นดินไหว มีค่ามากกว่า 200,000 เท่าของพลังงานพื้นผิว และสามารถคำนวณได้อยู่ที่ 3.9×1022 จูล[40] น้อยกว่าแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดียเมื่อ พ.ศ. 2547 เล็กน้อย พลังงานดังกล่าวเทียบเท่ากับทีเอ็นที 9.32 เตตระตัน หรืออย่างน้อย 600 ล้านเท่าของพลังงานของระเบิดนิวเคลียร์ที่ถล่มฮิโรชิมา
ผลกระทบทางธรณีฟิสิกส์
แผ่นดินไหวดังกล่าวได้ขยับส่วนทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นไปราว 2.4 เมตรเข้าใกล้ทวีปอเมริกาเหนือ[20][33] ทำให้ทวีปของญี่ปุ่น "กว้างขึ้นกว่าแต่ก่อน" ตามข้อมูลของนักธรณีฟิสิกส์ รอส สไตน์[33] ส่วนของญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้จุดเหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวมากที่สุดถูกขยับไปมากที่สุด[33] สไตน์ระบุว่าแนวชายฝั่งยาว 400 กิโลเมตรลดความยาวลงในแนวตั้ง 0.6 เมตร ทำให้คลื่นสึนามิเคลื่อนที่พัดเข้าสู่พื้นดินได้ไกลขึ้นและเร็วขึ้น[33] ด้านแผ่นแปซิฟิกเองได้ขยับไปทางทิศตะวันออกมากที่สุดถึง 20 เมตร ถึงแม้ว่าการเคลื่อนของทวีปที่แท้จริงนั้นจะลดลงด้วยระยะห่างที่มากขึ้นจากจุดเกิดรอยเลื่อน[41] ประมาณการอื่น ๆ ชี้ว่าการเลื่อนไหลอาจเป็นระยะทางมากถึง 40 เมตร มีความยาวระหว่าง 300 ถึง 400 กิโลเมตร และกว้าง 100 กิโลเมตร หากข้อมูลดังกล่าวได้รับการพิสูจน์ยืนยัน แผ่นดินไหวครั้งนี้อาจเป็นหนึ่งในการเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว[42]
ตามข้อมูลของสถาบันธรณีฟิสิกส์และวิทยาภูเขาไฟแห่งชาติของอิตาลี แผ่นดินไหวดังกล่าวได้ย้ายตำแหน่งแกนโลกไป 25 เซนติเมตร การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลกเล็กน้อยหลายอย่าง รวมไปถึงความยาวของวันและความเอียงของโลก[43] อัตราเร็วในการหมุนรอบตัวเองของโลกเพิ่มมากขึ้น ทำให้วันหนึ่งสั้นลง 1.8 ไมโครวินาทีเนื่องจากการกระจายมวลของโลกใหม่ การเคลื่อนย้ายแกนเกิดขึ้นจากการกระจายมวลบนพื้นผิวของโลกใหม่[44] ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงโมเมนต์ความเฉื่อยของโลก เนื่องจากผลกระทบในการอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงมุม การเปลี่ยนแปลงความเฉื่อยดังกล่าวทำให้อัตราการหมุนของโลกเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย[45] ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไว้[43]สำหรับแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงระดับนี้[20][44]
ภูเขาไฟชินโมอิเดเกะ ภูเขาไฟบนเกาะคิวชู ปะทุขึ้นสองวันหลังจากแผ่นดินไหวดังกล่าว จากที่เคยปะทุขึ้นมาแล้วเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2554 ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าการปะทุดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับแผ่นดินไหวหรือไม่[46] ในแอนตาร์กติกา คลื่นแผ่นดินไหวจากแผ่นดินไหวดังกล่าวได้รับรายงานว่าทำให้ธารน้ำแข็งวิลแลนส์ไถลไป 0.5 เมตร[47]
คลื่นสึนามิ
แผ่นดินไหวดังกล่าวทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงตามแนวชายฝั่งแปซิฟิกของหมู่เกาะตอนเหนือของญี่ปุ่น คลื่นสีนามิแพร่ขยายไปตลอดมหาสมุทรแปซิฟิก และมีการออกคำเตือนและคำสั่งอพยพในหลายประเทศที่มีพรมแดนติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก รวมไปถึงชายฝั่งแปซิฟิกทั้งหมดของอเมริกาเหนือและใต้ ตั้งแต่อะแลสกาไปจนถึงชิลี[11][12][13] อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าสึนามิจะเดินทางไปถึงหลายประเทศ แต่ก็สร้างผลกระทบค่อนข้างเล็กน้อยเท่านั้น ชายฝั่งชิลีส่วนที่ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งอยู่ห่างจากญี่ปุ่นมากที่สุด (ราว 17,000 กิโลเมตร[48] ส่วนระยะทางบนโลกที่ไกลที่สุดที่เป็นไปได้อยู่ที่ครึ่งเส้นรอบวง ราว 20,000 กิโลเมตร[49]) ก็ยังได้รับผลกระทบเป็นคลื่นสึนามิสูง 2 เมตร[50][51]
ญี่ปุ่น
ประกาศเตือนภัยสึนามิออกโดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาจัดสึนามิดังกล่าวในระดับสูงสุด โดยจัดเป็น "สึนามิขนาดใหญ่" ซึ่งมีความสูงอย่างน้อย 3 เมตร[52] ความสูงที่แท้จริงจากการคาดการณ์นั้นแตกต่ากันไป โดยมีการคาดการณ์สูงที่สุดในจังหวัดมิยะงิที่ 10 เมตร[53] แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 14.46 น. ตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่น ราว 70 กิโลเมตรจากแนวชายฝั่งที่ใกล้ที่สุดของญี่ปุ่น และแต่เดิมมีการคาดการณ์ว่าคลื่นสึนามิจะใช้เวลาเดินทางมายังพื้นที่แรกที่ได้รับผลกระทบระหว่าง 10 ถึง 30 นาที ตามมาด้วยพื้นที่ทางเหนือและใต้กว่าตามภูมิศาสตร์ของแนวชายฝั่ง ราวหนึ่งชั่วโมงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น เมื่อเวลา 15.55 น. ตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่น คลื่นสึนามิได้รับรายงานว่าพัดเข้าท่วมท่าอากาศยานเซนได ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งของจังหวัดมิยะงิ[54][55] โดยคลื่นได้พัดพาเอารถยนต์และเครื่องบิน ตลอดจนท่วมอาคารเป็นจำนวนมากขณะที่คลื่นพัดพาเข้าไปในแผ่นดิน[14][56] นอกจากนี้ ยังมีรายงานคลื่นสึนามิความสูง 4 เมตรเข้าถล่มจังหวัดอิวะเตะ[57]
เช่นเดียวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย พ.ศ. 2547 และเหตุการณ์พายุไซโคลนนาร์กิส ความเสียหายจากคลื่นที่พัดเข้าถล่ม ถึงแม้ว่าจะกินพื้นที่จำกัดกว่ามาก แต่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสร้างความเสียหายมากกว่าตัวแผ่นดินไหวเอง มีรายงานว่า "เมืองทั้งเมืองหายไป" จากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิในญี่ปุ่น รวมทั้งเมืองมินามิซานริคุ ซึ่งมีผู้สูญหายกว่า 9,500 คน[58] ร่างของผู้เสียชีวิตหนึ่งพันคนถูกเก็บกู้ในเมืองเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554[59]
เมืองคุจิและโอฟุนาโตะถูก "พัดพาไปกับกระแสน้ำ ... ไม่เหลือร่องรอยเลยว่ามีแมืองตั้งอยู่ตรงนั้น"[60][61] นอกจากนี้ คลื่นสึนามิยังได้ทำลายเมืองริคุเซนตาคาตะ ซึ่งมีรายงานว่าคลื่นสึนามิมีความสูงเท่ากับตึกสามชั้น[62][63][64] เมืองอื่นที่ได้รับรายงานว่าถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายอย่างหนักจากคลื่นสึนามิ ได้แก่ โอนากาวะ, นาโตริ, โอตสุชิ และยามาดะ (จังหวัดอิวะเตะ) นามิเอะ โซมะ และมินาชิโซมะ (จังหวัดฟุกุชิมะ) และโอนากาวะ นาโตริ อิชิโนมากิ และเคเซนนูมะ (จังหวัดมิยะงิ)[65][66][67][68][69] ผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดของคลื่นสึนามิเกิดขึ้นตามแนวชายฝั่งยาว 670 กิโลเมตรตั้งแต่เอริมะทางเหนือไปจนถึงโออาราอิทางใต้ ซึ่งการทำลายล้างส่วนใหญ่ในพื้นที่เกิดขึ้นในชั่วโมงหลังจากเกิดแผ่นดินไหว[70] คลื่นสึนามิยังได้พัดพาเอาสะพานเพียงหนึ่งเดียวที่เชื่อมต่อกับมิยาโตจิมะ จังหวัดมิยะงิ ทำให้ประชากร 900 คนบนเกาะขาดการติดต่อทางบกกับแผ่นดินใหญ่[71]
ประเทศอื่นรอบมหาสมุทรแปซิฟิก
ไม่นานหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิกได้ออกคำเตือนสึนามิไปยังประเทศต่าง ๆ รอบมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อเวลา 7.30 น. UTC ศูนย์เคือนภัยได้ออกประกาศเตือนภัยซึ่งครอบคลุมมหาสมุทรแปซิฟิกทั้งหมด[72][73] ศูนย์เตือนภัยสึนามิชายฝั่งตะวันตกและอะแลสกาของสหรัฐอเมริกาได้ออกประกาศเตือนภัยสึนามิสำหรับพื้นที่ชายฝั่งของรัฐแคลิฟอร์เนียและโอเรกอน ตั้งแต่พอยท์คอนเซปชัน รัฐแคลิฟอร์เนีย ไปจนถึงพรมแดนโอเรกอน-วอชิงตัน[74] ในรัฐแคลิฟอร์เนียและโอเรกอน คลื่นสึนามิสูง 2.4 เมตรได้พัดเข้าถล่มบางพื้นที่ สร้างความเสียหายให้แก่อู่จอดเรือและท่าเรือ คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 10 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ[75][76] รัฐฮาวายประมาณความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสาธารณูปโภคสาธารณะเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ 3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และความเสียหายต่อทรัพย์สินของเอกชนอีกหลายล้านดอลล่าร์สหรัฐ[77]
ในเปรู มีรายงานว่าคลื่นสูง 1.5 เมตรพัดเข้าถล่ม และบ้านเรือนมากกว่า 300 หลังคาเรือนได้รับความเสียหาย[78] คลื่นสึนามิในชิลีเองก็มีขนาดใหญ่พอที่จะสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนมากกว่า 200 หลังคาเรือน[79] โดยมีรายงานว่าคลื่นสูง 3 เมตร[80][81] ในหมู่เกาะกาลาปาโกส 260 ครอบครัวได้รับความช่วยเหลือหลังจากคลื่นสูง 3 เมตรพัดเข้าถล่ม ยี่สิบชั่วโมงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น แต่หลังจากประกาศแจ้งเตือนภัยสึนามิถูกยกเลิกไปแล้ว[82][83]
บางประเทศในแปซิฟิกใต้ รวมไปถึงตองกาและนิวซีแลนด์ รวมไปถึงดินแดนของสหรัฐ อเมริกันซามัวและเกาะกวม ประสบกับคลื่นที่ใหญ่กว่าปกติ แต่ไม่มีรายงานว่าได้รับความเสียหายมากนัก[84] บ้านบางหลังตามชายฝั่งจายาปุระ ประเทศอินโดนีเซีย ถูกทำลาย[85] ตามชายฝั่งแปซิฟิกของเม็กซิโกและอเมริกาใต้ มีรายงานคลื่นสึนามิพัดถล่ม แต่ในหลายกรณีได้สร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อยไปจนถึงไม่เกิดผลกระทบเลย[78] รัสเซียสั่งอพยพประชากร 11,000 คนจากพื้นที่ชายฝั่งของหมู่เกาะคิวริว[86] ในฟิลิปปินส์ คลื่นสูง 0.5 เมตรพัดเข้าถล่มชายฝั่งตะวันออกของประเทศ คลื่นสึนามิสูง 1 เมตรได้รับรายงานว่าพบเห็นในบางพื้นที่ของบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ทำให้คลื่นน้ำรอบเกาะดูอันตราย เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายไว้ก่อน เรือจึงถูกห้ามออกจากฝั่ง ทำให้ชาวเกาะบางคนติดอยู่[87][88]
ผลกระทบ
ระดับและขอบเขตของความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามินั้นใหญ่หลวง โดยความเสียหายส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นจากคลื่นสึนามิ คลิปวีดิโอของเมืองที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุดแสดงให้เห็นภาพของเมืองที่เหลือเพียงเศษซาก และแทบจะไม่เหลือส่วนใดของเมืองเลยที่ยังมีสิ่งปลูกสร้างเหลืออยู่[89] ประมาณการมูลค่าความเสียหายอยู่ในระดับหลายพันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ภาพถ่ายดาวเทียมเปรียบเทียบก่อนและหลังของพื้นที่ที่ถูกทำลายล้างนั้นแสดงให้เห็นถึงความเสียหายอย่างมโหฬารที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่[90][91] ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะลงทุนไปหลายพันล้านดอลล่าร์ไปกับกำแพงกั้นน้ำต่อต้านสึนามิ ซึ่งลากผ่านอย่างน้อย 40% ของแนวชายฝั่งทั้งหมด 34,751 กิโลเมตร และสูงกว่า 12 เมตรก็ตาม แต่คลื่นสึนามิก็ไหลข้ามกำแพงกั้นน้ำบางส่วน และทำให้กำแพงบางแห่งพังทลาย[92]
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดนิ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์โอะนะงะวะ และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โทไก ซึ่งประกอบด้วยเตาปฏิกรณ์ 11 เตา ถูกปิดลงโดยอัตโนมัติหลังแผ่นดินไหว[93] หลังจากเตาปฏิกรณ์ดับเครื่องแล้ว ระบบหล่อเย็นซึ่งใช้พลังงานจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลสำรองจะต้องทำงานต่ออีกเป็นเวลาหลายวันเพื่อกำจัดความร้อนจากการสลายตัว[94] แต่ทว่าที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ 1 และ 2 คลื่นสึนามิซัดข้ามกำแพงและทำลายระบบกำเนิดไฟฟ้าดีเซลสำรอง จึงเกิดปัญหาในการลดความร้อน และทำให้เกิดระเบิด 2 ครั้งที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ 1 และทำให้กัมมันตภาพรังสีในบริเวณรอบข้างมีระดังสูงขึ้น ประชาชนกว่า 200,000 คนในบริเวณใกล้เคียงต้องอพยพหนี[95] หลังจากที่ความพยายามในการลดอุณหภูมิไม่ประสบความสำเร็จมาเกือบสัปดาห์ จึงมีการใช้รถดับเพลิงและเฮลิคอปเตอร์ในการเทน้ำเพื่อลดอุณหภูมิ [96][97]
ท่าเรือ
ท่าเรือทั้งหมดของญี่ปุ่นปิดชั่วคราวหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ก่อนที่บางแห่งในโตเกียวหรือใต้ลงไปกว่านั้นจะเปิดใช้อีกครั้งในเวลาไม่นาน ท่าเรือตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ฮาชิโนเฮะ เซนได อิชิโนมากิ และโอนาฮามะถูกทำลาย ในขณะที่ท่าเรือชิบะ (ซึ่งรองรับอุตสาหกรรมไฮโดรคาร์บอน) และท่าเรือคาชิมะ ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับเก้าในญี่ปุ่น ได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่น้อยกว่ามาก ท่าเรือที่ฮิตาชินากะ ฮิตาชิ โซมะ ชิโอกามะ เคเซนนุมะ โอฟุนาโตะ คามาชิ และมิยาโกะ ได้รับความเสียหายเช่นกัน และคาดการณ์ว่าจะไม่สามารถเปิดใช้ได้อีกหลายสัปดาห์[98] ท่าเรือโตเกียวได้รับความเสียหายเล็กน้อย ผลกระทบของแผ่นดินไหวรวมไปถึงควันที่มองเห็นได้ลอยขึ้นมาจากอาคารในท่าเรือ ซึ่งบางส่วนของท่าถูกน้ำท่วม รวมทั้งการเหลวตัวของดินในพื้นที่ที่จอดรถของโตเกียวดิสนีย์แลนด์[99][100]
เขื่อนล้มเหลว
เขื่อนชลประธานฟุจินุมะในสุคากาวะแตก[101] ทำให้เกิดอุทกภัยและน้ำได้พัดพาบ้านเรือนหลายหลังไปกับกระแสน้ำ[102] มีผู้สูญหายแปดคน และร่างผู้เสียชีวิตสี่คนถูกค้นพบในเช้าวันรุ่งขึ้น[103][104][105] ตามรายงาน ประชาชนท้องถิ่นบางคนพยายามซ่อมแซมรอยแตกของเขื่อนก่อนที่เขื่อนจะแตก[106] เมื่อวันที่ 12 มีนาคม เขื่อน 252 แห่งถูกตรวจสอบ และพบว่าเขื่อนกั้นหกแห่งมีรอยแตกตื้น ๆ บริเวณสันเขื่อน อ่างเก็บน้ำที่เขื่อนคอนกรีตถ่วงน้ำหนักแห่งหนึ่งมีการพังทลายตามลาดที่ไม่น่าวิตกกังวล เขื่อนที่ได้รับความเสียหายทั้งหมดสามารถดำเนินการต่อไปโดยไม่มีปัญหา สี่เขื่อนในพื้นที่แผ่นดินไหวยังไม่สามารถเข้าถึงได้ เมื่อการติดต่อทางถนนสามารถเข้าถึงได้ ผู้เชี่ยวชาญจะถูกส่งไปตรวจสอบเพิ่มเติม[107]
ไฟฟ้า
ตามข้อมูลของโทโฮะกุอิเล็กทริกพาวเวอร์ มีบ้านเรือนราว 4.4 ล้านหลังคาเรือนทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้[108] เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และเครื่องปฏิกรณ์ไฟฟ้าทั่วไปหลายเครื่องไม่สามารถใช้การได้หลังจากเกิดแผ่นดินไหว[109] การปลดโหลดเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 14 มีนาคม เนื่องจากการขาดแคลนพลังงานซึ่งเป็นผลมาจากแผ่นดินไหว บริษัทผลิตไฟฟ้าโตเกียว (TEPCO) ซึ่งโดยปกติแล้ว ผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างน้อย 40 กิกะวัตต์ ประกาศว่าขณะนี้ทางบริษัทสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพียงราว 30 กิกะวัตต์ ที่เป็นเช่นนี้เพราะไฟฟ้าร้อยละ 40 ที่ใช้ในพื้นที่เขตมหานครโตเกียวปัจจุบันนี้ได้รับกระแสไฟฟ้าที่ผลิตในจังหวัดนิอิงะตะและฟุกุชิมะ[110] เครื่องปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิและฟุกุชิมะไดนิถูกปิดตัวลงอัตโนมัติ เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นครั้งแรกและได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นตามมา มีการคาดการณ์ว่าจะมีการปลดโหลดนานสามชั่วโมงจนกระทั่งถึงสิ้นเดือนเมษายนและจะส่งผลกระทบถึงจังหวัดโตเกียว คะนะงะวะ ชิซุโอกะ ยามานาชิ ชิบา อิราบากิ ไซตามะ โตชิงิ และกุนมะ[111] การเต็มใจลดการใช้กระแสไฟฟ้าโดยผู้บริโภคในเขตคันโตช่วยลดความถี่และระยะที่เกิดไฟฟ้าดับจากที่เคยทำนายไว้[112]
โทโฮะกุอิเล็กทริกพาวเวอร์ (TEP) ปัจจุบันไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มเติมให้กับเขตคันโตได้ เนื่องจากเครื่องปฏิกรณ์ของบริษัทได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวด้วยเช่นกัน คันไซอิเล็กทริกพาวเวอร์คอมปานี (Kepco) ไม่สามารถแบ่งกระแสไฟฟ้าให้ได้ เนื่องจากระบบของบริษัททำงานอยู่ที่ 60 เฮิร์ตซ์ ขณะที่ของอีกสองบริษัทนั้นทำงานที่ 50 เฮิร์ตซ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาทางอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภคในยุคเริ่มแรกในยุคทศวรรษ 1880 ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นไม่มีสายส่งไฟฟ้าแห่งชาติที่เป็นเอกภาพ[113] สถานีย่อยสองแห่ง หนึ่งในชิซุโอกะและนางาโนะ สามารถเปลี่ยนแปลงความถี่และสามารถส่งกระแสไฟฟ้าจากคันไซไปยังคันโตและโทโฮะกุ แต่ปริมาณสูงสุดที่จะกระทำได้อยู่ที่ 1 กิกะวัตต์ และจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเครื่องปฏิกรณ์หลายเครื่องนั้น อาจต้องใช้เวลาหลายปีจึงจะฟื้นฟูระดับการผลิตกระแสไฟฟ้าทางตะวันออกของญี่ปุ่นให้กลับคืนสู่ระดับก่อนที่จะเกิดเหตุแผ่นดินไหว[114]
น้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน
โรงกลั่นน้ำมันของคอสโมออยล์คอมปานี ซึ่งมีกำลังการผลิต 220,000 บาร์เรลต่อวัน[115] เกิดเหตุเพลิงไหม้ซึ่งเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวที่อิชิฮาระ จังหวัดชิบะ ทางตะวันออกของโตเกียว[116] ขณะที่โรงกลั่นน้ำมันแห่งอื่น ๆ ชะลอการผลิตเนื่องจากการตรวจสอบความปลอดภัยและการสูญเสียพลังงาน[117][118] ในเซนได โรงกลั่นน้ำมันกำลังการผลิต 145,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นของบริษัทโรงกลั่นที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เจเอ็กซ์นิปปอนออยล์แอนด์เอเนอร์จี ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้จากแผ่นดินไหวด้วยเช่นกัน[115] มีการอพยพคนงาน[119] แต่ประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิได้ขัดขวางความพยายามที่จะดับไฟจนกระทั่งวันที่ 14 มีนาคม เมื่อเจ้าหน้าที่ทางการวางแผนที่จะดำเนินการ[115]
ผู้เชี่ยวชาญประมาณว่าการบริโภคน้ำมันหลายประเภทอาจเพิ่มสูงขึ้นเป็นถึง 300,000 บาร์เรลต่อวัน (รวมทั้งก๊าซธรรมชาติเหลว) เพื่อใช้ป้อนให้กับเครื่องปฏิกรณ์ชนิดเผาผลาญเชื้อเพลิงซากฟอสซิลเพื่อพยายามทดแทนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ 11 กิกะวัตต์ของญี่ปุ่น[120][121]
เครื่องปฏิกรณ์ของเมืองเซนไดที่นำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวได้รับความเสียหายอย่างหนัก และวัตถุดิบถูกชะลอไว้อย่างน้อยหนึ่งเดือน[122]
การขนส่ง
เครือข่ายการขนส่งของญี่ปุ่นหยุดชะงักอย่างรุนแรง สายโทโฮะกุหลายส่วนที่อยู่ทางตอนเหนือของญี่ปุ่นได้รับความเสียหาย[123] บริการรถรางหยุดชะงักในโตเกียว โดยมีประมาณว่าผู้โดยสารอย่างน้อย 20,000 คนติดค้างอยู่ที่สถานีหลัก ๆ ในเมือง ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากแผ่นดินไหว บริการรถไฟบางส่วนได้กลับมาให้บริการอีกครั้ง[124] รถไฟส่วนใหญ่ในโตเกียวได้กลับมาเปิดให้บริการเต็มที่ภายในหนึ่งวันหลังจากเหตุแผ่นดินไหว (12 มีนาคม)[125] นักท่องเที่ยวกว่าสองหมื่นคนใช้ชีวิตอยู่ภายในโตเกียวดิสนีย์แลนด์ในคืนวันที่ 11-12 มีนาคม[126]
คลื่นสึนามิท่วมท่าอากาศยานเซนไดเมื่อเวลา 15.55 น. ตามเวลามาตรฐานญี่ปุ่น[54] ราวหนึ่งชั่วโมงหลังจากแผ่นดินไหวครั้งแรก ทั้งท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะและฮาเนดะได้ชะลอการให้บริการหลังจากแผ่นดินไหว โดยเที่ยวบินส่วนใหญ่เปลี่ยนไปลงท่าอากาศยานแห่งอื่นเป็นเวลาราว 24 ชั่วโมง[100] สายการบินสิบสายที่ปฏิบัติการที่นาริตะได้ย้ายที่ทำการยังฐานทัพอากาศโยโกตะที่อยู่ใกล้เคียงแทน[127]
บริการรถไฟทั่วญี่ปุ่นจำนวนมากถูกยกเลิก โดยบริษัทรถไฟญี่ปุ่นตะวันออกชะลอการให้บริการทั้งหมดทั้งวัน[128] รถไฟสี่ขบวนบนสายชายฝั่งได้รับรายงานว่าขาดการติดต่อกับผู้ให้บริการ รถไฟขบวนหนึ่ง ซึ่งเป็นรถไฟสี่โบกี้บนสายเซ็นเซกิ ถูกพบว่าตกราง และผู้โดยสารได้รับการช่วยเหลือไม่นานหลังจาก 8.00 น. ของวันรุ่งขึ้น[129]
ไม่มีรายงานรถไฟหัวกระสุนชินกันเซ็นตกรางทั้งในและนอกโตเกียว แต่บริการรถไฟดังกล่าวหยุดชะงัก[100] โทไดโดชินกันเซ็นได้กลับมาให้บริการอีกครั้ง แต่ไม่ทั้งหมด ภายในวันเดียวกัน และเปิดให้บริการตามตารางเวลาปกติภายในวันรุ่งขึ้น ขณะที่โจเอ็ตสุและนางาโนะชินกันเซ็นได้กลับมาให้บริการอีกครั้งในวันที่ 12 มีนาคม อย่างไรก็ตาม โทโฮกุชินกันเซ็นยังคงชะลอการให้บริการ และสภาพของรางในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักยังยากที่จะสืบหาความจริง[130] การให้บริการของโทโฮะกุชินกันเซ็นบางส่วนกลับมาให้บริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม โดยมีการให้บริการไปอย่างเดียวหนึ่งขบวนต่อชั่วโมงระหว่างโตเกียวและนาสุ-ชิโอบาระ[131]
โทรคมนาคม
บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และสายดินได้รับผลกระทบอย่างมากในพื้นที่แผ่นดินไหว[132] บริการอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ที่สาธารณูปโภคพื้นฐานยังคงมีอยู่ ถึงแม้ว่าแผ่นดินไหวจะสร้างความเสียหายแก่ระบบเคเบิลใต้ทะเลหลายส่วนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ระบบเหล่านี้สามารถเลี่ยงส่วนที่ได้รับผลกระทบไปยังส่วนที่ซ้ำซ้อนกันแทน[133][134] ในญี่ปุ่น มีเพียงไม่กี่เว็บไซต์เท่านั้นที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในตอนแรก[135] ผู้ให้บริการฮอตสปอตวายฟายหลายแห่งได้รับมือกับเหตุแผ่นดินไหวโดยให้บริการเข้าถึงเครือข่ายของพวกเขาฟรี[135]
ศูนย์อวกาศ
องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่นได้สั่งอพยพพนักงานจากศูนย์อวกาศซึกุบะในซึกุบะ จังหวัดอิราบากิ ศูนย์อวกาศดังกล่าวถูกปิดลง โดยมีรายงานได้รับความเสียหายบางส่วน ศูนย์อวกาศซึกุบะเป็นที่ตั้งของห้องควบคุมชิ้นส่วนของสถานีอวกาศนานาชาติ[136][137]
ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์บางคนทำนายว่าค่าฟื้นฟูบูรณะทั้งหมดอาจสูงถึง 10 ล้านล้านเยน (122,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ)[138] พื้นที่โทโฮะกุเหนือ ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด มีส่วนสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศถึงราว 8% โดยโรงงานที่ผลิตสินค้า อย่างเช่น รถยนต์และเบียร์ ตลอดจนสาธารณูปโภคด้านพลังงาน[139] พื้นที่ดังกล่าวรวมไปถึงจังหวัดมิยะงิทางตอนเหนือ อันเป็นที่ตั้งของเมืองเซนได ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของโตเกียวราว 300 กิโลเมตร จังหวัดมิยะงิมีเขตผลิตและอุตสาหกรรมและเครื่องปฏิกรณ์เคมีและไฟฟ้า มีการประมาณการว่าจังหวัดมิยะงิมีผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของญี่ปุ่น 1.7%[140]
แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิมีผลกระทบอย่างรุนแรงเฉียบพลันแก่ธุรกิจ อย่างเช่น โตโยต้า นิสสันและฮอนด้า ซึ่งชะลอการผลิตอัตโนมัติทั้งหมดจนถึงวันที่ 14 มีนาคม บริษัทนิปปอนสตีล ก็ได้ยุติการผลิตด้วยเช่นกัน บริษัทโตโยไทร์แอนด์รับเบอร์ และซุมิโตโมรับเบอร์อินดัสตรีส์ ปิดสายการผลิตยางรถยนต์และยาง ขณะที่จีเอส ยูอาสะได้เปิดการผลิตแบตเตอร์รีรถยนต์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่คาดว่าจะขัดขวางการสามารถจัดหาอุปทานสำหรับผู้ผลิตรถยนต์[141] บริษัทผลิตไฟฟ้าโตเกียว โตชิบา บริษัททางรถไฟญี่ปุ่นตะวันออก และชิน-เอทซุเคมิคัล ได้รับการเสนอว่าเป็นบริษัทที่ไม่มั่นคงที่สุดจากผลของแผ่นดินไหว[142] โซนียังได้ชะลอการผลิตที่โรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดหกแห่งในพื้นที่ ขณะที่ฟูจิเฮวีอินดัสตรีส์ไม่สามารถดำเนินการผลิตต่อได้ในโรงงานอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมดในจังหวัดกุนมะและจังหวัดโทะชิงิ[143] โรงงานอื่น ๆ ชะลอการผลิต ซึ่งรวมไปถึง คิรินโฮลดิงส์ แกล็กโซสมิทไคล์น เนสเล่[144] และโตโยต้า เนื่องจากการถูกตัดพลังงาน[145] การปิดตัวลงของโรงงาน การตัดไฟฟ้า และผลกระทบตามมาที่สันนิษฐานไว้ต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอาจส่งผลร้ายต่อจีดีพีของประเทศเป็นเวลาหลายเดือน ถึงแม้ว่านักเศรษฐศาสตร์ ไมเคิล บอสกิน จะทำนายว่า "เศรษฐกิจโดยรวมของญี่ปุ่นจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย"[139][146]
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ญี่ปุ่นที่เครดิตสวิส ฮิโรมิชิ ชิรากาวา กล่าวในบันทึกถึงลูกค้าว่าประมาณการความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจอยู่ที่ระหว่าง 171,000-183,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ แค่เฉพาะพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิเท่านั้น เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ธนาคากลางญี่ปุ่น ในความพยายามที่จะรักษาเสถียรภาพของตลาด[147][148] ได้อัดฉีดเงินกว่า 15 ล้านล้านเยนเข้าสู่ตลาดการเงินเพื่อรับประกันเสถียรภาพทางการเงินท่ามกลางสภาวะที่หุ้นดิ่งลงอย่างรวดเร็วและความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน หลังจากที่ธนาคารกลางได้จัดคณะทำงานเฉพาะกิจฉุกเฉินเพื่อรับประกันสภาพคล่องหลังจากเกิดภัยพิบัติขึ้น ผู้ว่าการมาซาอากิ ชิรากาวา และคณะกรรมการบริหารธนาคารได้ขยายโครงการโดยซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อแลกเปลี่ยน-ค้ากองทุนถึง 10 ล้านล้านเยน ประธานธนาคารกลางญี่ปุ่นกล่าวว่า การอัดฉีดเงินจะดำเนินต่อไปหากจำเป็น[149] อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดวิกฤตนิวเคลียร์รั่วไหล การกระทำของธนาคารกลางถูกตลาดมองว่าไร้ประสิทธิภาพ[150] ถึงแม้ว่าจะมีการอักฉีดเงินเข้าสู่ตลาดมากกว่า 8 ล้านล้านเยนก็ตาม[151] วันที่ 15 ตุลาคม ดัชนีโทปิกซ์ดิ่งลงอีกครั้ง นับเป็นการดิ่งลงสองวันติดต่อกัน ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนนับตั้งแต่ พ.ศ. 2530 เมื่อความเสี่ยงทางการเงินของญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นาโอโตะ คัง ประกาศเตือนว่ามีการรั่วไหลเพิ่มเติมจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ไม่รับความเสียหาย โภคภัณฑ์ได้มีจำนวนลดลงอย่างมาก[152] มีรายงานว่าผู้อยู่อาศัยในโตเกียวแตกตื่นแห่กันไปเลือกซื้อสินค้าเพื่อกักตุนของใช้ประจำวันที่จำเป็นและน้ำมัน จากความเสี่ยงจากการรั่วไหลของกัมมันตรังสีนิวเคลียร์ที่เพิ่มมากขึ้น[153]
เลขานุการคณะรัฐมนตรี ยูกิโอะ เอดาโนะ กล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นประชุมในวันที่ 13 มีนาคม เพื่อประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อหายนะดังกล่าว[154] เขายังกล่าวแก่โทรทัศน์เอ็นเอชเคว่า รัฐบาลจะใช้เงิน 200,000 ล้านเยนซึ่งยังคงเหลือจากปีงบประมาณปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม เพื่อความพยายามฟื้นฟูประเทศอย่างเร่งด่วน มาตรการเพิ่มเติมอาจสามารถก่อหนี้สาธารณะของญี่ปุ่นได้ (ซึ่งมีหนี้สาธารณะสูงที่สุดในโลกอยู่แล้ว) การใช้จ่ายเพิ่มเติมนี้ยังอาจกระทบต่อความต้องการพันธบัตรรัฐบาลอีกด้วย[139]
การผลิตซิลิกอนเวเฟอร์ชะงักในโรงงานของชินเอ็ตสึเคมิคอลและเอ็มอีเอ็มซีอิเล็กทรอนิกส์แมทีเรียล ซึ่งผลผลิตของทั้งสองบริษัทนี้คิดเป็น 25% ของการผลิตซิลิกอนเวเฟอร์ทั่วโลก การชะลอการผลิตดังกล่าวเป็นที่คาดว่าจะกระทบต่อการผลิตสารกึ่งตัวนำในประเทศอย่างรุนแรง ขึ้นอยู่กับการสามารถหาซิลิกอนเวเฟอร์ดังกล่าว[155][156]
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจบางคนมองว่า ท้ายที่สุดแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของญี่ปุ่น โดยเป็นการเพิ่มอาชีพระหว่างความพยายามฟื้นฟูประเทศ โดยหลังจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ฮันชิน พ.ศ. 2538 ผลประกอบการทางอุตสาหกรรมลดลง 2.6% แต่ได้เพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนต่อมา และอีก 1% ในอีกสองเดือนถัดมา หลังจากนั้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นเวลาอีกสองปีต่อมา และเร็วกว่าอัตราเติบโตเดิมเสียอีก[146] ขณะที่ความคิดเห็นบางส่วนระบุว่าภัยพิบัติดังกล่าวจะสร้างผลเสียต่อเศรษฐกิจ[157]
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ตลาดหลักทรัพย์นิคเคอิของญี่ปุ่น ในส่วนของตลาดซื้อขายสินค้าล่วงหน้ามีการปรับตัวลดลง 5% หลังจากทำการซื้อขายในตลาด[158] ธนาคารกลางญี่ปุ่นออกมาระบุว่าจะพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงิน[159] เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ข่าวของระดับกัมมันตรังสีที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ตลาดนิคเคอิดิ่งลงมากกว่า 1,000 จุด หรือ 10.6% (รวมแล้วทั้งสัปดาห์ลดลงถึง 16%)[160]
ตลาดหุ้นอื่นทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ดัชนีแด็กซ์ของเยอรมนีดิ่งลง 1.2% ภายในไม่กี่นาที[161] ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงดิ่งลง 1.8% ขณะที่ดัชนีคอมโพสิตเกาหลีใต้ตกลงไป 1.3%[162] เมื่อตลาดปิดทำการซื้อขายในวันที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นนั้น ดัชนีเอ็มเอสซีไอเอเชียแปซิฟิกลดลงถึง 1.8%[163] ตลาดหุ้นสำคัญของสหรัฐเพิ่มขึ้นระหว่าง 0.5% ถึง 0.7%[164] ราคาน้ำมันเองก็ได้ปรับตัวลดลงจากผลของการปิดโรงกลั่นน้ำมันในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงในลิเบียจะยังคงดำเนินต่อไป และการเดินขบวนประท้วงซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในซาอุดิอาระเบีย ราคาน้ำมันดิบสหรัฐลดลงเหลือ 99.01 ดอลล่าร์สหรัฐ จาก 100.08 ดอลล่าร์สหรัฐในช่วงเที่ยง และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 2.62 ปอนด์ เหลือ 112.81 ปอนด์[165]
เงินสกุลเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่หลังจากเกิดแผ่นดินไหว และแตะระดับสูงสุดหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ 76.25 เยนต่อดอลล่าร์สหรัฐ หลังจากมีการคาดคัเนว่านักลงทุนญี่ปุ่นจะส่งทรัพย์สินกลับประเทศเพื่อใช้จ่ายในการบูรณะ[166] เนื่องจากญี่ปุ่นพึ่งพาภาคการส่งออกเป็นหลัก เงินเยนที่แข็งค่านั้นอาจทำลายเศรษฐกิจยิ่งลงไปอีก ความไร้เสถียรภาพของตลาดการเงินได้ทำให้กลุ่มจี 7 ประชุมกันเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ซึ่งได้ข้อสรุปเป็นความตกลงในการแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนกับดอลล่าร์ร่วมกัน[167] ซึ่งนับเป็นพฤติการณ์ดังกล่าวครั้งแรกนับตั้งแต่ พ.ศ. 2543[168]
การตอบสนองในญี่ปุ่น
นายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ประกาศว่ารัฐบาลได้เรียกระดมกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นเข้าไปในพื้นที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวแล้วหลายพื้นที่[169] เขาขอร้องให้สาธารณชนญี่ปุ่นให้อยู่ในความสงบและคอยรับฟังข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ เพื่อรับทราบข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลง[169][170] เขายังได้รายงานว่าเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลายครั้งได้ปิดตัวลงอัตโนมัติเพื่อป้องกันความเสียหายและการรั่วไหลของกัมมันตรังสี[169] นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งศูนย์ฉุกเฉินในสำนักงานของเขาเพื่อประสานการตอบสนองของรัฐบาล[170]
ปัจจุบันที่พักอพยพกำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มพกพา อาหาร ผ้าห่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกห้องน้ำ โดยรัฐบาลได้จัดการของจำเป็นเหล่านี้ส่งไปยังพื้นที่ที่ต้องการเร่งด่วนอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากหลายพื้นที่ของญี่ปุ่นและต่างประเทศ[171] อุณหภูมิที่ลดลงเนื่องจากสายไฟฟ้าและแก๊สถูกรบกวนนั้นได้สร้างปัญหาเพิ่มเติมที่ที่พักพิงชั่วคราวดังกล่าว[14] เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554 มีประชากรในญี่ปุ่น 336,521 คนที่ต้องย้ายออกจากบ้านและอาศัยอยู่ที่อื่น รวมทั้งในที่พักพิงชั่วคราว 2,367 แห่ง[172]
ทีมค้นหาและกู้ภัยในเมืองของญี่ปุ่นที่ถูกส่งตัวไปยังนิวซีแลนด์ ภายหลังแผ่นดินไหวที่ไครสต์เชิร์ช พ.ศ. 2554 ถูกเรียกตัวกลับประเทศ[173]
สื่อหลายสำนักรายงานว่าชาวญี่ปุ่นรับมือกับภัยธรรมชาติดังกล่าวอย่างเป็นระเบียบและอดทน โดยไม่มีการปล้นสะดมหรือเกิดเหตุรุนแรงขึ้นแต่อย่างใด นอกจากนี้ชาวญี่ปุ่นยังเข้าแถวรอซื้อสินค้าแม้ว่าสินค้านั้นจะหมดไปแล้วก็ตาม[174] ลักษณะเช่นนี้อาจเป็นลักษณะเฉพาะของชาวญี่ปุ่นซึ่งเรียกว่า กามัง ซึ่งมีความหมายอย่างกว้าง ๆ ว่า "ความอดทนและความอุตสาหะ"[175][176][177]
สิบวันหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ได้เริ่มต้นมีรายงานการลักขโมยและลักทรัพย์ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ เมื่อถึงวันที่ 20 มีนาคม ตำรวจจังหวัดมิยะงิได้รับรายงานว่ามีการก่อเหตุลักทรัพย์ขึ้น 250 ครั้ง และสินค้าถูกขโมยไปจากร้านค้ารวมมูลค่า 4.9 ล้านเยน และเงินสด 5.8 ล้านเยน พยานรายงานว่าโจรได้ขโมยเงินสดและสมุดเงินฝากธนาคารจากบ้านที่ถูกทำลาย ฉกชิงทรัพย์จากร้านค้า และถ่ายน้ำมันจากยานพาหนะที่ถูกทิ้งไหว้หรือได้รับความเสียหาย[178][179][180]
การตอบสนองจากนานาชาติ
การร้องขอความช่วยเหลือ
ทางประเทศญี่ปุ่นได้ขอทีมช่วยเหลือจากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา[181][182] และได้ขอร้องผ่านทางองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่นให้มีการเคลื่อนไหวด้านกฎบัตรระหว่างประเทศในพื้นที่และภัยพิบัติครั้งใหญ่ ให้ดาวเทียมได้แสดงความหลากหลายของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมใช้งานร่วมกันกับการกู้ภัยและองค์กรให้ความช่วยเหลือ[183]
ความเกี่ยวข้องกับโลก
ญี่ปุ่นได้รับสาส์นแสดงความเสียใจและเสนอความช่วยเหลือจากผู้นำนานาประเทศ ตามข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม มี 128 ประเทศ และ 33 องค์การระหว่างประเทศได้เสนอความช่วยเหลือไปยังญี่ปุ่น[184]
เหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะได้จุดประเด็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ได้รับความสนใจในระดับนานาชาติ และนำไปสู่การเดินขบวนประท้วงต่อต้านนิวเคลียร์ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 50,000 คนในสตุตการ์ตและการยกเลิกการแถลงข่าวที่เห็นด้วยกับนิวเคลียร์ในสหราชอาณาจักร[185]
ขณะที่กำลังเฝ้าจับตาระดับกัมมันตรังสีตามแนวชายฝั่งหลังจากเกิดวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ จีน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักในปฏิบัติการช่วยเหลือในญี่ปุ่นถึงแม้ว่าจะประสบกับวิกฤตการณ์แผ่นดินไหวในประเทศของตนด้วยในขณะเดียวกัน ได้เริ่มต้นอพยพพลเมืองของตนจากพื้นที่ประสบภัยพิบัติเลวร้ายที่สุดในญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554[186] ฝรั่งเศสเองก็ได้เริ่มต้นอพยพผู้ที่มีสัญชาติจากพื้นที่ประสบภัยพิบัติเลวร้ายที่สุดเช่นกัน โดยมีการส่งเครื่องบินของสายการบินไปช่วยเหลือการอพยพเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554[187][188] และเพื่อเป็นการรับมือกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการรั่วไหลของกัมมันตรังสี รัฐบาลออสเตรียได้ย้ายสถานทูตในญี่ปุ่นของตนจากโตเกียวไปยังโอซากา ห่างออกไป 400 กิโลเมตร[189]
ในหลายประเทศ ได้มีการจัดการรณรงค์ช่วยเหลือขึ้นทั้งโดยภาครัฐและเอกชนเพื่อส่งเงินสนับสนุนและส่งความช่วยเหลือมายังผู้ประสบภัยพิบัติและประชากรทั่วไปในญี่ปุ่น ไซท์ซื้อแบบเป็นกลุ่มได้จัดการรณรงค์ออนไลน์ซึ่งมีการระดมเงินหลายล้านดอลล่าร์สหรัฐเพื่อส่งไปให้กับองค์การช่วยเหลือที่กำลังทำงานอยู่ในประเทศญี่ปุ่น[190]
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 "震災の揺れは6分間 キラーパルス少なく 東大地震研". Asahi Shimbun (ภาษาJapanese). Japan. 2011-03-17. สืบค้นเมื่อ 2011-03-18.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ 2.0 2.1 2.2 "Magnitude 9.0 – Near The East Coast Of Honshu, Japan". United States Geological Survey (USGS). สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ 3.0 3.1 3.2 Reilly, Michael (11 March 2011). "Japan's quake updated to magnitude 9.0". New Scientist (Short Sharp Science ed.). สืบค้นเมื่อ 11 March 2011.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 "Damage Situation and Police Countermeasures associated with 2011Tohoku district – off the Pacific Ocean Earthquake" (PDF). Japanese National Police Agency. 25 March 2011, 12:00 JST. สืบค้นเมื่อ 25 March 2011.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 "平成23年(2011年)東北地方太平洋沖地震の被害状況と警察措置" (PDF). Japanese National Police Agency. 25 March 2011, 12:00 JST. สืบค้นเมื่อ 25 March 2011.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ 気象庁 Japan Meteorological Agency. "平成23年3月11日14時46分頃の三陸沖の地震について(第2報) 気象庁 | 平成23年報道発表資料" (ภาษาJapanese). JP: JMA. สืบค้นเมื่อ 11 March 2011.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ 7.0 7.1 "New USGS number puts Japan quake at 4th largest". CBS News. 14 มีนาคม 2554. สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2554.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ "Séisme et tsunami dévastateurs: plus de 1000 morts et disparus au Japon". Le Parisien (ภาษาFrench). 11 March 2011. สืบค้นเมื่อ 12 March 2011.
{{cite news}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|trans_title=
ถูกละเว้น แนะนำ (|trans-title=
) (help)CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "Tsunami hits north-eastern Japan after massive quake". BBC News. UK. 11 March 2011. สืบค้นเมื่อ 11 March 2011.
- ↑ Roland Buerk. "Japan earthquake: Tsunami hits north-east". News. UK: BBC. สืบค้นเมื่อ 12 March 2011.
- ↑ 11.0 11.1 "Tsunami bulletin number 3". Pacific Tsunami Warning Center/NOAA/NWS. 11 March 2011. สืบค้นเมื่อ 11 March 2011.
- ↑ 12.0 12.1 Wire Staff (11 March 2011). "Tsunami warnings issued for at least 20 countries after quake". CNN. สืบค้นเมื่อ 11 March 2011.
- ↑ 13.0 13.1 "PTWC warnings complete list". สืบค้นเมื่อ 11 March 2011.
- ↑ 14.0 14.1 14.2 14.3 "NHK WORLD English". NHK. March 12, 2011. สืบค้นเมื่อ March 12, 2011. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "nhk-english-stream" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน - ↑ By the CNN Wire Staff. "Report: Explosion at Japanese nuclear plant". Edition.cnn.com. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
- ↑ "Huge blast at Japan nuclear power plant (with video of explosion)". BBC News. 12 March 2011. สืบค้นเมื่อ 12 March 2011.
- ↑ Branigan, Tania (2011-03-13). "Tsunami, earthquake, nuclear crisis – now Japan faces power cuts". The Guardian. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-15. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ "Japan quake – 7th largest in recorded history". 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ "Japanese PM: 'Toughest' crisis since World War II". CNN International. CNN. 13 March 2011. สืบค้นเมื่อ 13 March 2011.}
- ↑ 20.0 20.1 20.2 "Quake shifted Japan by over two meters". Deutsche Welle. March 14, 2011. สืบค้นเมื่อ March 14, 2011.
- ↑ Kenneth Chang (March 13, 2011). "Quake Moves Japan Closer to U.S. and Alters Earth's Spin". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
- ↑ Molly Hennessy-Fiske (13 March 2011). "Japan earthquake: Insurance cost for quake alone pegged at $35 billion, AIR says". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ 13 March 2011.
- ↑ Uranaka, Taiga (14 March 2011). "New explosion shakes stricken Japanese nuclear plant". Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 March 2011. สืบค้นเมื่อ 15 March 2011.
{{cite news}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) (help) - ↑ Victoria Kim (March 21, 2011). "Japan damage could reach $235 billion, World Bank estimates". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ March 21, 2011.
{{cite news}}
: ไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัปตัวเอียงหรือตัวหนาใน:|publisher=
(help) - ↑ Japan disaster likely to be world's costliest - Yahoo! News
- ↑ "地震情報 – 2011年3月10日 15時6分 – 日本気象協会 tenki.jp"."地震情報 – 2011年3月11日 15時15分 – 日本気象協会 tenki.jp"."地震情報 – 2011年3月11日 15時26分 – 日本気象協会 tenki.jp".
- ↑ "Earthquake Information". Japan Meteorological Agency. สืบค้นเมื่อ 11 March 2011.
- ↑ Lovett, Richard A. (2011-03-14). "Japan Earthquake Not the "Big One"?". National Geographic News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-15. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ Foster, Peter. "Alert sounded a minute before the tremor struck". The Daily Telegraph. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ Talbot, David. "80 Seconds of Warning for Tokyo". MIT Technology Review. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ "Magnitude 8.9 – NEAR THE EAST COAST OF HONSHU, JAPAN 2011 March 11 05:46:23 UTC". United States Geological Survey (USGS). สืบค้นเมื่อ 11 March 2011.
- ↑ 32.0 32.1 Ian Sample. "newspaper: Japan earthquake and tsunami: what happened and why". Guardian. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
- ↑ 33.0 33.1 33.2 33.3 33.4 Chang, Kenneth (2011-03-13). "Quake Moves Japan Closer to U.S. and Alters Earth's Spin". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
- ↑ "Honshu earthquake and tsunami in Japan, 8.9 Mw ". Stucturalgeography.org
- ↑ "Japan Meteorological Agency | Earthquake Information". Jma.go.jp. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ Lavelle, Michelle (2011-03-14). "Japan Battles to Avert Nuclear Power Plant Disaster". National Geographic News. สืบค้นเมื่อ 2011-03-16.
- ↑ "EQECAT Analyzes Specific Exposures from Japan Quake/Tsunami". Insurance Journal. Wells Publishing. 2011-03-15. สืบค้นเมื่อ 2011-03-16.
- ↑ "2011 Off the Pacific Coast of Tohoku earthquake, Strong Ground Motion" (PDF). National Research Institute for Earth Science and Disaster Prevention. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-18.
- ↑ "USGS Energy and Broadband Solution". Neic.usgs.gov. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
- ↑ "USGS.gov: USGS WPhase Moment Solution". Earthquake.usgs.gov. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Rincon, Paul (2011-03-14). "How the quake has moved Japan". สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ Reilly, Michael (2011-03-12). "Japan quake fault may have moved 40 metres". New Scientist. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ 43.0 43.1 Chai, Carmen (2011-03-11). "Japan's quake shifts earth's axis by 25 centimetres". Montreal Gazette. Postmedia News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ 44.0 44.1 "Earth's day length shortened by Japan earthquake". CBS News. 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Harris, Bethan (2011-03-14). "Can an earthquake shift the Earth's axis?". BBC News. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ Hennessy-Fiske, Molly (2011-03-13). "Volcano in southern Japan erupts". Los Angeles Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Ananthaswamy, Anil (2011-03-15). "Japan quake shifts Antarctic glacier". สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ "Distance between Dichato, Chile and Sendai, Japan is 17228km". Mapcrow.info. 2007-10-23. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ "The circumference of the earth is about 40,000km". Geography.about.com. 2010-06-16. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ Attwood, James. "Chile Lifts Tsunami Alerts After Japan Quake Spawns Waves". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ Chilean site: (Tsunami) waves penetrated 70-100 m in different parts of the country
- ↑ Tsunami Warning System information, Japan Meteorological Agency
- ↑ "Tsunami Information (Estimated Tsunami arrival time and Height)". 2011-03-11.
- ↑ 54.0 54.1 "News: Tsunami rolls through Pacific, Sendai Airport under water, Tokyo Narita closed, Pacific region airports endangered". Avherald.com. 2001-07-06. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ "10-meter tsunami observed in area near Sendai in Miyagi Pref". The Mainichi Daily News. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ "Japan 8.9-magnitude earthquake sparks massive tsunami". Herald Sun. Associated Press. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ "Earthquake, tsunami wreak havoc in Japan". rian.ru. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ "9,500 unaccounted for in Miyagi's Minamisanriku: local gov't – The Mainichi Daily News". Mdn.mainichi.jp. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Kyodo News, "2,000 more added to death toll in Miyagi", Japan Times, 15 March 2011, p. 1.
- ↑ Tritten, Travis, J., and T. D. Flack, "U.S. rescue teams find devastation in northern city of Ofunato", Stars and Stripes, 15 March 2011, Retrieved 16 March 2011.
- ↑ "Whole towns gone-no cars or people seen". Yomiuri. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Staff Reporter (12 March 2011) "Wiped off the map: The moment apocalyptic tsunami waves drown a sleepy coast town". www.dailymail.co.uk, Retrieved 12 March 2011
- ↑ "Honderden doden in Japanse kuststad (Hundreds dead in Japanese coastal town)" (in Dutch). www.rtlnieuws.nl, Retrieved 12 March 2011
- ↑ "Japan army says 300–400 bodies found in Rikuzentakata: Report". Nst.com.my. 2011-02-03. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Kyodo News, "Miyagi coastal whaling port pulverized, little more than memory", Japan Times, 18 March 2011, p. 3.
- ↑ Kyodo News, "Deaths, people missing set to top 1,600: Edano", Japan Times, 13 March 2011.
- ↑ Kyodo News, "Survivors in trauma after life-changing nightmare day", Japan Times, 13 March 2011, p. 2.
- ↑ Kyodo News, "Death toll may surpass 10,000 in Miyagi", Japan Times, 14 March 2011, p. 1.
- ↑ Alabaster, Jay, and Todd Pitman, (Associated Press), "Hardships, suffering in earthquake zone", Japan Times, 15 March 2011, p. 3.
- ↑ Tsunami Slams Japan After Record Earthquake, Killing Hundreds, 11 March (Bloomberg), San Francisco Chronicle, Retrieved 14 March 2011
- ↑ Kyodo News, "Survivors on cut-off isle were ready for disaster", Japan Times, 19 March 2011, p. 2.
- ↑ "Evacuate all coastal areas immediately, Hawaii Civil Defense says". 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ "Text of PTWC Pacific-wide tsunami warning". 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ "Tsunami Warning and Advisory #7 issued 03/11/2011 at 3:39 am PST". สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ Tsunami Damages Santa Cruz, Crescent City Harbors, KSBW, 11 March 2011
- ↑ Helen Jung and Jeff Manning, "Waves bring destruction to Oregon's south coast", The Oregonian, 12 March 2011, p. 1+
- ↑ Nakaso, Dan (14 March 2011)Tsunami damage estimate for Hawaii now tens of millions Star Advertiser, Retrieved 15 March 2011
- ↑ 78.0 78.1 Minor damage in Latin America by Japan's tsunami, channelnewsasia.com, 13 March 2011
- ↑ (สเปน) Más de 200 casas dañadas dejó seguidilla de olas. ANSA Latina. 03/13/2011.
- ↑ (สเปน) Caldera: 80 viviendas resultaron destruidas en Puerto Viejo por efecto de las olas. Radio Bio-Bio. 3/12/2011.
- ↑ (สเปน) Más de 200 casas dañadas dejó seguidilla de olas que azotaron las costas chilenas La Tercera. 3/12/2011.
- ↑ "Gareth Morgan's Galapagos hotel destroyed by tsunami". The National Business Review. 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
- ↑ "Ecuador Sends Aid To Galapagos After Islands Hit By Tsunami From Japan". LATIN AMERICA NEWS DISPATCH. 2011-03-15. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
- ↑ "South Pacific islands hit by tsunami swells". 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ "Tsunami destroys houses in Jayapura". The Jakarta Post. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
- ↑ CP, Google (2011-03-11). "Tsunami from Japanese quake prompts evacuation of 11,000 residents on Russia's Pacific islands". The Associated Press. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
{{cite news}}
:|first=
มีชื่อเรียกทั่วไป (help) - ↑ "B.C. tsunami threat passes". CBC.ca. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ "Public divided on local tsunami advisory notification". Canada.com. 17 March 2011. สืบค้นเมื่อ 18 March 2011.
- ↑ "film shown by BBC showing only rubble where there were buildings". Bbc.co.uk. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
- ↑ "Before-and-after satellite photographs of devastated regions". Picasaweb.google.com. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
- ↑ "animated images showing undamaged places become damaged". BBC. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ Onishi, Norimitsu (2011-03-13). "Seawalls Offered Little Protection Against Tsunami's Crushing Waves". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ "Japan earthquake: Evacuations ordered as fears grow of radiation leak at nuclear plant; News.com.au". News. AU. 2011. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
According to the industry ministry, a total of 11 nuclear reactors automatically shut down at the Onagawa plant, the Fukushima No. 1 and No. 2 plants and the Tokai No. 2 plant after the strongest recorded earthquake in the country's history
- ↑ "Japan initiates emergency protocol after earthquake". Nuclear Engineering International. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ "Japan's nuclear fears intensify at two Fukushima power stations". The Guardian. 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ "Helicopters dump water on nuclear plant in Japan". CNN. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
- ↑ "東京消防庁 3号機に向け放水". NHK News. 2011-03-19. สืบค้นเมื่อ 2011-03-19.
- ↑ "Status of Japanese ports 5 days after devastating quake and tsunami". Reuters. 2011-03-15. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ "Tokyo Disneyland hit by liquefaction after quake". MediaCorp Channel NewsAsia. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ 100.0 100.1 100.2 "Japan issues top tsunami warning after major quake". MediaCorp Channel NewsAsia. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ "Japan's Afternoon of Horror". The Gulf Today. 2011-03-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ "1,500 dead or missing after huge earthquake, tsunami". Asahi Shimbun. 2011-03-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ "Dam Breaks In Northeast Japan, Washes Away Homes". Arab Times. 2011-03-12. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
- ↑ Azuma, Kita (2011-03-12). "Pacific Ocean coast Earthquake" (ภาษาJapanese). MSN. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "5 buildings collapsing dam outflow Hukushima Sukagawa" (ภาษาJapanese). Fukushima News. 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "Lupo Fujinuma Sukagawa dam collapsed eight people missing" (ภาษาJapanese). Fukushima News. 2011-03-12. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "A quick report on Japanese Dams after the Earthquake". Chinese National Committee on Large Dams. 2011-03-12. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ "People near Japan nuke plant told to leave". News. AU: Yahoo!.
- ↑ "Power Outage To Deal Further Blows To Industrial Output". Nikkei.com. 14 March 2011, 04:34. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(help) - ↑ "東京電力ホームページ – エネルギーの最適サービスを通じてゆたかで快適な環境の実現に貢献します -" (ภาษาJapanese). Tokyo Electric Power Company. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "News". Nikkan Sports. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Joe, Melinda, "Kanto area works on energy conservation", Japan Times, 17 March 2011, p. 11.
- ↑ http://www.itworld.com/business/140626/legacy-1800s-leaves-tokyo-facing-blackouts
- ↑ Hongo, Jun, "One certainty in the crisis: Power will be at a premium", Japan Times, 16 March 2011, p. 2.
- ↑ 115.0 115.1 115.2 Fernandez, Clarence (2011-03-14). "Japan's shipping, energy sectors begin march back from quake". Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-14. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
- ↑ Japan earthquake causes oil refinery inferno Daily Telegraph, London, 11 March 2011
- ↑ Fires, safety checks take out Japanese refineries Argus Media, 14 March 2011. Accessed: 18 March 2011.
- ↑ Japanese refiners try to offset shortages Argus Media, 15 March 2011. Accessed: 18 March 2011.
- ↑ Tsukimori, Osamu (2011-03-11). "JX refinery fire seen originated from shipping facility". Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-14. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
{{cite news}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) (help) - ↑ Analysis - Oil markets adjust to Japan’s disaster Argus Media, 16 March 2011. Accessed: 18 March 2011.
- ↑ Japan quake begins to impact LNG trade Argus Media, 15 March 2011. Accessed: 18 March 2011.
- ↑ Tsunami Disaster: “Japan’s Sendai says LNG Infrastructure Badly Damaged” Argus Media, 16 March 2011. Accessed: 18 March 2011.
- ↑ "Fears of massive death toll as ten-metre tall tsunami races across Pacific after sixth largest earthquake in history hits Japan". Daily Mail. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ "Many Rail Services In Tokyo Suspended After Quake". NIKKEI. 2011-03-12. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
- ↑ Associated Press, "When Tokyo's clockwork trains stopped ticking", Japan Times, 13 March 2011, p. 3.
- ↑ Kyodo News, "Disney reality check for the stuck", Japan Times, 13 March 2011, p. 3.
- ↑ Kyodo News, "USS Reagan on way", Japan Times, 13 March 2011, p. 2.
- ↑ "JR東日本:列車運行情報" (ภาษาJapanese). Traininfo.jreast.co.jp. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "脱線のJR仙石線車内から、県警ヘリで9人救出 : 社会 : YOMIURI ONLINE(読売新聞)" (ภาษาJapanese). Yomiuri.co.jp. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "asahi.com(朝日新聞社):東北新幹線、早期復旧は困難 栃木以北の状況把握難航 – 社会" (ภาษาJapanese). Asahi.com. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "asahi.com(朝日新聞社):東北新幹線、東京―那須塩原で再開 各停、1時間に1本" (ภาษาJapanese). Asahi.com. 2001-03-15. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "Tokyo phone lines jammed, trains stop". Times of India. 2011-03-12.
The temblor shook buildings in the capital, left millions of homes across Japan without electricity, shut down the mobile phone network and severely disrupted landline phone service.
- ↑ "In Japan, Many Undersea Cables Are Damaged: Broadband News and Analysis «". Gigaom.com. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
- ↑ Cowie, James (2011-03-11). "Japan Quake – Renesys Blog". Renesys.com. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ 135.0 135.1 "Japan's phone networks remain severely disrupted". Computerworld. 2011-03-12.
- ↑ Malik, Tariq (2011-03-12). "Quake forces closure of Japanese space center". msnbc.com. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
- ↑ "asahi.com(朝日新聞社):茨城の宇宙機構施設が損傷 「きぼう」一部管制できず – サイエンス" (ภาษาJapanese). Asahi.com. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "Japan looks for market stability after quake". The Independent. 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ 139.0 139.1 139.2 Anstey, Christopher. "Japan Plans Spending Package as Quake Slams World's Most Indebted Economy". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Osamu Tsukimori and Stanley White (2011-03-11). "BoJ pledges support; Toyota halts output". Reuters via Financial Post.
- ↑ "Toyota, other automakers to suspend production at all domestic plants". Mainichi Daily News. Tokyo. 2011-03-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Fujimura, Naoko. "Tokyo Electric, Toshiba, East Japan Rail May Be Among Most Hurt by Quake". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Knight, Ben (2011-03-13). "Japan's monster quake cripples industry, strains economic recovery". Deutsche Welle. Reuters; Agence France-Presse. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Webb, Tim (2011-03-13). "Japan's economy heads into freefall after earthquake and tsunami". The Guardian. UK. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Langeland, Terje. "Sony, Toyota Close Plants After Earthquake Damages Factories, Cuts Power". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
- ↑ 146.0 146.1 Wiseman, Paul; Rugaber, Christopher S. (2011-03-11). "Quake and tsunami a blow to fragile Japan economyR". San Francisco Chronicle. Associated Press. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ Kihara, Leika (2011-03-14). "BOJ offers record 7 trillion yen to soothe markets". Reuters. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
{{cite news}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) (help) - ↑ Wearden, Graeme (2011-03-14). "Bank of Japan pumps billions into financial markets". The Guardian. UK. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-14. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ Christopher Anstey and Mayumi Otsuma (2011-03-11). "BOJ Pledges Support on Japan Earthquake; Toyota Halts Output". Bloomberg News. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
- ↑ Ujikane, Keiko. "Bank of Japan Fails to Contain Investor Panic as Nuclear Danger Escalates – Bloomberg". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ Funabiki, Saburo. "Bank of Japan Adds 8 Trillion Yen Through 1-Day Operations – Bloomberg". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ Armstrong, Paul. "Stocks, Commodities Fall Amid Japan Disaster; Treasuries Up – Bloomberg". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ Ozasa, Shunichi. "Tokyo Shoppers Strip Stores as Nuclear Risk Sparks Panic – Bloomberg". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2011-03-15.
- ↑ "Japan says quake impact on economy 'considerable'". Agence France-Presse. 2011-03-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-03-13. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Becker, Nathan (21 March 2011). "Japan Quake Has Stopped About 25% Of Silicon-Wafer Production -IHS iSuppli". The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
- ↑ King, Ian (21 March 2011). "Japan Earthquake Suspends 25% of World Silicon, ISuppli Says". Bloomberg News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 March 2011. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
- ↑ "Japan's Tsunami- The Broken Window Fallacy Returns | XChange – The NBR Blog | Nightly Business Report". PBS. สืบค้นเมื่อ 2011-03-13.
- ↑ Japan earthquake: market reaction
- ↑ "BOJ to Work to Ensure Financial Market Stability". 2011-03-11.
- ↑ "Treasurys Surge Following Nikkei Plunge". CNBC. 2011-03-15. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
- ↑ "Erdbeben Japan: Riesige Flutwelle spült Trümmer übers Land". Zeit Online (ภาษาGerman). 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
{{cite web}}
: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์) - ↑ "Japan earthquake hits global markets". London: The Telegraph. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
- ↑ "Roubini Says Earthquake Is 'Worst Thing' at Worst Time for Japan Economy". Bloomberg. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
- ↑ Bharatwaj, Shanthi (2011-03-11). "Stocks rebound after Japan earthquake". The Street. สืบค้นเมื่อ 2011-03-12.
- ↑ "Oil prices drop after Japan quake". Raidió Teilifís Éireann. 2011-03-11. สืบค้นเมื่อ 2011-03-11.
- ↑ "Yen hits record-high against US dollar as Nikkei falls". BBC. 17 March 2011. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
- ↑ "Yen Declines After G-7's Post-Earthquake Market Intervention Pares Gain". Bloomberg.com. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
- ↑ "G7 agrees joint intervention to curb strong yen". Reuters.com. 18 March 2011. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
- ↑ 169.0 169.1 169.2 Christopher Anstey (2011-03-11). "Kan Mobilizes Forces, BOJ Pledges Liquidity After Quake".
- ↑ 170.0 170.1 Nikkei Inc. (2011-03-11). "Govt Takes Emergency Steps, Kan Asks People To Stay Calm". Nikkei.com.
- ↑ Watts, Jonathan (2011-03-16). "After Japan's quake and tsunami, freezing weather threatens relief efforts". The Guardian. London. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
- ↑ NHK, 17 Mar, 04:01 am.
- ↑ "Japanese rescue team in NZ heads home". BigPond News. 2011-03-12.
- ↑ โลกทึ่งญี่ปุ่นไร้เหตุการณ์ปล้นสะดม-รับมือวิกฤตอย่างมีระเบียบวินัย เป็นตัวอย่างให้โลกอย่างดี. (15 มีนาคม 2554). มติชน. สืบค้น 23-3-2554.
- ↑ "U.S. troops exposed to radiation". Detroit Free Press. 16 March 2011. สืบค้นเมื่อ 18 March 2011.
- ↑ Lloyd, Mike (16 March 2011). "Japanese remain calm while dealing with quake aftermath". National Post. สืบค้นเมื่อ 18 March 2011.
- ↑ "Crushed, but true to law of 'gaman'". The Australian. 16 March 2011. สืบค้นเมื่อ 18 March 2011.
- ↑ Agence France-Presse and Jiji Press, "Desperation tests crime taboo", Japan Times, 21 March 2011, p. 2.
- ↑ Jiji Press, "Thieves, looters targeting Miyagi's quake-hit stores", Japan Times, 21 March 2011, p. 2.
- ↑ Allen, Nick (21 March 2011). "Japan earthquake: Looting reported by desperate survivors". The Daily Telegraph. London. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 March 2011. สืบค้นเมื่อ 21 March 2011.
- ↑ Nebehay, Stephanie (11 March 2011). "Japan requests foreign rescue teams, UN says". Reuters. สืบค้นเมื่อ 11 March 2011.
- ↑ "Japan earthquake: Aid request to the UK". BBC News. 12 March 2011. สืบค้นเมื่อ 12 March 2011.
- ↑ "Disaster Charter – Earthquake in Japan". Disasterscharter.org. 28 May 2010. สืบค้นเมื่อ 12 March 2011.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อReuters figures
- ↑ Stuart, Becky (2011-03-14). "Nuclear power comes under attack; solar stocks increase". pv magazine. สืบค้นเมื่อ 2011-03-14.
- ↑ "China evacuates citizens from Japan quake areas". Yahoo!.
- ↑ "Japan earthquake: Anger over Fukushima evacuation plan". BBC. 16 March 2011.
- ↑ "Japan earthquake and tsunami: UN predicts nuclear plume could hit US by Friday | Mail Online". The Daily Mail. London. 17 March 2011. สืบค้นเมื่อ 2011-03-17.
- ↑ Joe McDonald. "China activating plans to evacuate citizens from Japan". The Washington Times.
- ↑ "After Japan's Earthquake, Daily Deals became a Useful Tool for Daily Giving". Pinggers Blog
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help)CS1 maint: postscript (ลิงก์)
แหล่งข้อมูลอื่น
- javascript animation of earthquakes
- Earthquake Swarm Google Earth Animation ที่ยูทูบ
- Earthquake Report from United States Geological Survey (USGS)
- Pacific Tsunami Warning Center at National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA)
- Japan Earthquake 2011 All Partners Access Network (APAN)
- West Coast and Alaska Tsunami Information at National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA)
- Seismic Monitor at Incorporated Research Institutions for Seismology (IRIS)
- Integrated Tsunami Watcher Service
- Japan Incident Map at Esri
- Japan Disaster: Most Shocking Pics – slideshow by Life
- Massive earthquake hits Japan Photos from The Boston Globe
- Japan Earthquake: before and after aerial and satellite images from ABC News, credited to Post-earthquake images of Japan
- Satellite Photos of Japan, Before and After the Quake and Tsunami The New York Times
- Diverse satellite imagery taken under the aegis of the International Charter on Space and Major Disasters
- 110311 JapanEarthquake at the Federation of Earth Science Information Partners (ESIP Federation)
- 2011 Japanese Earthquake and Tsunami at Google Crisis Response
- Red Earthquake and Tsunami Alert in Japan at the Global Disaster Alert and Coordination System (GDACS)
- Japan Earthquake and Tsunami Datafeeds gathering and Japan Data Profile inputs for Common Operational Datasets at CrisisCommons
- Japan earthquake: disaster by numbers The Daily Telegraph
- Japan: Earthquake and Tsunami - Mar 2011 ReliefWeb
- Fukushima I radiation plume projections at various altitudes
- CS1 errors: markup
- CS1 maint: postscript
- EQ articles needing UTC timestamp
- EQ articles waiting for ISC event id
- EQ articles needing ANSS url
- EQ articles needing 'local-date'
- EQ articles needing 'local-time'
- หน้าที่ใช้กล่องข้อมูลแผ่นดินไหวที่มีพารามิเตอร์ที่ไม่รู้จัก
- แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554