ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สมเด็จพระราชินีนาถ"
ล โรบอต ลบ: hr:Kraljica |
ล r2.7.1) (โรบอต เพิ่ม: ru:Царствующая королева |
||
บรรทัด 143: | บรรทัด 143: | ||
[[pt:Rainha (título)]] |
[[pt:Rainha (título)]] |
||
[[qu:Quya]] |
[[qu:Quya]] |
||
[[ru:Царствующая королева]] |
|||
[[simple:Queen]] |
[[simple:Queen]] |
||
[[sv:Drottning]] |
[[sv:Drottning]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 07:15, 28 มีนาคม 2554
สมเด็จพระราชินีนาถ (อังกฤษ: Queen Regnant) คือ พระมหากษัตริยา[ต้องการอ้างอิง]ซึ่งทรงมีและสามารถบริหารพระราชอำนาจในการปกครองของกษัตริย์เช่นเดียวกับสมเด็จพระราชาธิบดี โดยแตกต่างจาก "สมเด็จพระราชินี" (Queen Consort) ซึ่งทรงเป็นพระมเหสีในพระมหากษัตริย์ที่ครองราชสมบัติ และไม่ทรงมีอำนาจในการบริหารราชกิจของบ้านเมืองอย่างเป็นทางการใดๆ
โดยหลักการแล้ว พระมหากษัตริย์อาจจะเป็นได้ทั้ง "สมเด็จพระราชาธิบดี" (King Regnant) และ "สมเด็จพระราชาบรมราชสวามี" (King Consort) แต่เกิดขึ้นได้ยาก และมีการใช้พระอิสริยยศเพียงสองครั้งในประวัติศาสตร์ราชวงศ์อังกฤษ ระบอบราชาธิปไตยในปัจจุบันที่ให้สมเด็จพระราชินีนาถทรงครองราชบัลลังก์ พระสวามีของพระองค์จะไม่ได้มีพระอิสริยยศเป็นพระราชา แต่เป็นเพียงแค่ชั้นเจ้าชายเท่านั้น พระราชสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ และพระสวามีคนที่สองของสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งสก็อตแลนด์ ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมราชสวามีในอาณาจักรของพระองค์เอง แต่ไม่เป็นที่ชื่นชอบของพสกนิกรและการอภิเษกสมรสกินเวลาเพียงไม่นาน พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 2 แห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ และพระราชินีนาถแห่งชาวสก็อต ทรงได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี พระมหากษัตริย์ที่ปกครองร่วมกันเป็น สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 แห่งอังกฤษ ที่ 2 แห่งสก็อตแลนด์ และที่ 1 แห่งไอร์แลนด์ แต่ถือเป็นพระมหากษัตริย์ปกครองร่วมกันครั้งเดียว และเป็นทางการที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ แต่หลังจากนั้นมา พระสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถในประเทศอังกฤษได้รับการสถาปนาเป็น "เจ้าชายพระราชสวามี" หรือ Prince Consort (โดยมีเพียงคนเดียวที่ได้รับการแต่งตั้งพระอิสริยยศนี้อย่างเป็นทางการคือ เจ้าชายอัลเบิร์ต พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย)
การเสวยราชสมบัติของสมเด็จพระราชินีนาถจะเกิดขึ้นเมื่อลำดับการสืบราชบัลลังก์เอื้ออำนวย วิธีการสืบราชสมบัติ (เป็นพระมหากษัตริย์ หัวหน้าเผ่า ฯลฯ) และรวมถึงการแต่งตั้ง (พระมหากษัตริย์ในรัฐสภา หรือ คณะมนตรีแต่งตั้งรัชทายาท) การให้สิทธิพระโอรสธิดาตามลำดับการประสูติก่อนที่สุด (primogeniture) การให้สิทธิพระโอรสธิดาตามลำดับการประสูติหลังที่สุด (ultimogeniture) ขอบเขตในการสืบราชสมบัติอาจยึดจากสายทางพระชนก สายทางพระชนนีหรือทั้งสองฝ่าย หรือที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น (เมื่อถึงคราวจำเป็น) มาจากการออกเสียงเลือกตั้ง สิทธิในการสืบราชสมบัติโดยตามเพศ อาจจะให้ทั้งชายและหญิง จำกัดแต่เพศชายเท่านั้น หรือจำกัดแต่เพศหญิงเท่านั้น
การสืบราชบัลลังก์ที่เป็นแบบแผนมากที่สุดตั้งแต่สมัยกลางตอนปลายตลอดจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นแบบการให้สิทธิพระราชโอรสก่อนพระราชธิดา (male-preference primogeniture) กล่าวคือ ลำดับการสืบราชบัลลังก์อยู่ในบรรดาพระราชโอรสของพระมหากษัตริย์ตามลำดับการประสูติก่อนแล้วจึงตามมาด้วยของพระราชธิดา ในบางอาณาจักรทางประวัติศาสตร์ห้ามมิให้มีการสืบราชสมบัติโดยผู้หญิงหรือผ่านทางเชื้อสายของผู้หญิง แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีบางแห่งที่ยังคงยึดถือหลักเกณฑ์นี้ตามกฏบัตรซาลลิค
ดังตัวอย่างเช่น สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งเนเธอร์แลนด์ทรงเป็นแกรนด์ดยุคแห่งลักเซ็มเบิร์ก แต่เมื่อกษัตริย์ดัตช์พระองค์สุดท้ายเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2433 และสืบราชบัลลังก์ต่อมาโดยพระราชธิดา กฎหมายซาลิกจึงไม่ยอมให้ลักเซ็มเบิร์กยอมรับพระองค์ในฐานะเป็นแกรนด์ดัชเชสผู้ปกครองตามพระราชสิทธิของพระองค์เอง เช่นเดียวกับตอนที่ สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ พระองค์ไม่ได้ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งฮาโนเวอร์ด้วย ถึงแม้ว่าสมเด็จพระบรมราชปิตุลาของพระองค์ทรงเคยเป็นกษัตริย์ของทั้งสองประเทศมาก่อน
ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 ประเทศสวีเดน นอร์เวย์ เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ ได้แก้ไขพระราชบัญญัติการสืบราชบัลลังก์จากการให้สิทธิพระราชโอรสก่อนพระราชธิดามาเป็นมีสิทธิสืบราชสมบัติเท่ากันตามลำดับการประสูติโดยไม่จำกัดเรื่องเพศ ในบางกรณี การเปลี่ยนแปลงอาจยังไม่ส่งผลอะไรมากมายจนกว่ารุ่นต่อจากรุ่นปัจจุบันเกิดขึ้นมา เพื่อหลีกเลี่ยงการยึดตำแหน่งของบุคคลที่อยู่ในลำดับการสืบราชบัลลังก์มาก่อน โดยเฉพาะในพระอิสริยยศพิเศษ
พระนามาภิไธยสมเด็จพระราชินีนาถ
ต่อไปนี้คือพระนามาภิไธยสมเด็จพระราชินีนาถ พระมหากษัตรีย์ บางประเทศ และบางพระองค์ที่สำคัญ
สหราชอาณาจักร / อังกฤษ / บริเตนใหญ่ / ประเทศในเครือจักรภพ
- สมเด็จพระจักรพรรดินีมาทิลดา
ทรงเรียกพระองค์เองว่า "Lady of the English." (คุณหญิงแห่งอังกฤษ) [1] สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 1 แห่งอังกฤษ พระราชบิดาทรงเลือกพระองค์เป็นพระรัชทายาท อย่างไรก็ตามมีการคัดค้าน ท้ายที่สุดพระองค์ทรงสละราชสมบัติพระราชทานให้พระราชโอรส สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ บางครั้งพระองค์ได้รับการยอมรับว่าเป็นพระราชินีนาถพระองค์แรกของอังกฤษ - สมเด็จพระราชินีนาถมาร์กาเรท แห่งสกอตแลนด์
- สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งสกอตแลนด์
เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ได้ 6 วัน และทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อพระชนม์ 5 พรรษา ทรงหมั้นกับมกุฎราชกุมารแห่งฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าฟรานซิสที่ 2 แห่งฝรั่งเศส - เลดี้เจน เกรย์
เป็นพระราชปนัดดาในสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 7 ฟรานซิส ดัชเชสแห่งซัฟฟอล์ค มาชันเนสดอร์เส็ท พระมารดาจึงเป็นลูกพี่ลูกน้องกับสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ทรงเลือกเลดี้เจน เกรย์ ซึ่งตามศักดิ์และเป็นพระราชนัดดาให้เป็นพระรัชทายาท โดยการทรงตัดสิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์ของพระเชษฐภคินีทั้งสองพระองค์คือ เจ้าฟ้าหญิงแมรี และเจ้าฟ้าหญิงอลิซาเบธ ออกไป พระบรมราชโองการนั้นไม่ได้ผ่านรัฐสภา และมีการย้อนถามถึงว่ามันถูกต้องหรือไม่ (คือสามารถบังคับใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่) อย่างไรก็ตามเจ้าฟ้าหญิงแมรีเสด็จทรงกรีธาทัพเข้ามาเพื่อทวงพระราชสิทธิ์ พระองค์ทรงปลดเลดี้เจนลงจากราชบัลลังก์ และทรงสำเร็จโทษในเวลาต่อมา เลดี้เจน เกรย์เป็นที่รู้จักกันดีในพระราชสมัญญา "ราชินี 9 วัน" บางครั้งพระองค์ได้รับการยอมรับว่าเป็นพระราชินีนาถองค์แรกของอังกฤษ[2]
- สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ (19 กรกฎาคม พ.ศ. 2096 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2101)
ทรงปลดเลดี้เจน เกรย์ออกจากราชบัลลังก์ และให้นับว่าทรงครองราชสมบัติภายหลังจากการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 พระราชอนุชา โดยไม่ถือว่าเลดี้เจนเคยเป็นพระราชินีนาถแห่งอังกฤษเลย พระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถพระองค์แรกของอังกฤษ ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ[3] - สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ (17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2101 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2146)
ทรงสืบราชสมบัติต่อจากพระเชษฐภคินีซึ่งไม่มีพระราชโอรสและธิดา และสวรรคตโดยปราศจากรัชทายาทด้วย การเสด็จสวรรคตนี้ส่งผลให้เกิดการรวมราชบัลลังก์อังกฤษและสก็อตแลนด์เข้าด้วยกัน (Union of the Crown) โดยกษัตริย์พระองค์ใหม่ พระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของอังกฤษ - สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 2 แห่งอังกฤษ (13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2232 - 28 ธันวาคม พ.ศ. 2237)
ทรงสืบราชสมบัติต่อจากพระราชชนกและทรงครองราชสมบัติร่วมกับสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 พระราชสวามี - สมเด็จพระราชินีนาถแอนน์แห่งบริเตนใหญ่ (8 มีนาคม พ.ศ. 2245 - 1 สิงหาคม พ.ศ. 2257)
ทรงสืบราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 3 พระราชสวามีในสมเด็จพระเชษฐภคินี และทรงเป็นผู้ออกพระราชบัญญัติการรวมประเทศ (Act of Union) ซึ่งเป็นการรวมราชอาณาจักรอังกฤษและสก็อตแลนด์ให้เป็นประเทศหนึ่งเดียวคือ บริเตนใหญ่ (Great Britain) - สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร (20 มิถุนายน พ.ศ. 2380 - 22 มกราคม พ.ศ. 2444)
ทรงสืบราชสมบัติต่อจาก สมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 พระราชปิตุลา และเป็นพระราชินีนาถที่ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ นอกจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 โดยทรงครองราชสมบัตินานถึง 63 ปี ซึ่งยาวนานกว่ารัชกาลใดในบรรดาพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ และทรงปกครองจักรวรรดิอังกฤษอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่ในบางครั้งเรียกว่า "จักรวรรดิวิกตอเรีย" (Victorian Empire) อีกทั้งยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ฉายพระรูปด้วย[4] - สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร (6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 - ปัจจุบัน)
เนเธอร์แลนด์
- สมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์ (23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2433 - 4 กันยายน พ.ศ. 2491)
ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถพระองค์แรกและครองราชสมบัติยาวนานที่สุดของเนเธอร์แลนด์จนถึงการสละราชสมบัติให้แก่พระราชธิดา ถ้าหากพระองค์ทรงอยู่ในราชสมบัติจนถึงการเสด็จสวรรคตจะทรงครองราชสมบัติยาวนานถึง 72 ปี - สมเด็จพระราชินีนาถยูเลียนาแห่งเนเธอร์แลนด์ (4 กันยายน พ.ศ. 2491 - 30 เมษายน พ.ศ. 2523)
- สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ (30 เมษายน พ.ศ. 2523 - ปัจจุบัน)
สวีเดน
- สมเด็จพระราชินีนาถมาร์กาเร็ตแห่งสก็อตแลนด์
(พระองค์เดียวกันกับพระมหากษัตรีย์แห่งสหราชอาณาจักร ดูด้านบน) - สมเด็จพระราชินีนาถคริสตินาแห่งสวีเดน
- สมเด็จพระราชินีนาถอูลริกาแห่งสวีเดน
ต่อมาทรงสละราชสมบัติให้แก่พระราชสวามี โดยยังคงทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน แต่มิใช่ในฐานะกษัตริย์ [5]
เดนมาร์ก
- สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธที่ 1 แห่งเดนมาร์ก (พ.ศ. 1918 - พ.ศ. 1955)
ทรงเป็นพระมหากษัตรีย์พระองค์แรกแห่งเดนมาร์ก นอกจากนี้ยังทรงเป็นพระมหากษัตรีย์แห่ง นอร์เวย์ และยังทรงเป็นสมเด็จพระราชินีผู้สำเร็จราชการแห่งสวีเดนอีกด้วย - สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธที่ 2 แห่งเดนมาร์ก (14 มกราคม พ.ศ. 2515 - ปัจจุบัน)
สเปน
- สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาที่ 1 แห่งคาสตีล
ทรงเป็นพระราชชนนีในเจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งอารากอน พระราชชนนีในสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ - สมเด็จพระราชินีนาถโจแอนนาแห่งคาสตีล (26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2047 - 12 เมษายน พ.ศ. 2098)
พระราชธิดาในสมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาและทรงเป็นที่รู้จักกันดีว่า "ราชินีคลั่ง" หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระสวามี [6] พระองค์ทรงถูกสมเด็จพระราชาธิบดีเฟอร์ดินานด์แห่งอารากอน พระราชชนกปลดออกจากราชบัลลังก์ และได้ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการจนกระทั่งเสด็จสวรรคต จากนั้นสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 5 แห่งอารากอน ซึ่งเป็นพระราชโอรสเสวยราชสมบัติต่อมา (ตามกฎหมายซาลิก) เป็นผู้สำเร็จราชการจนสมเด็จพระราชินีนาถเสด็จสวรรคต หลังจาการสละราชสมบัติของสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 5 สมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน พระราชโอรสทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของราชอาณาจักรสเปนที่รวมกันแล้ว - สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาที่ 2 แห่งสเปน (29 กันยายน พ.ศ. 2376 - 30 กันยายน พ.ศ. 2411)
สมเด็จพระราชินีนาถพระองค์เดียวแห่งสเปน [7]
โปรตุเกส
- สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริซแห่งโปรตุเกส (22 ตุลาคม พ.ศ. 1926 - 6 เมษายน พ.ศ. 1928) (ยังเป็นทื่ถกเถียง) [8]
- สมเด็จพระราชินีนาถมาเรียที่ 1 แห่งโปรตุเกส (24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320 - 20 มีนาคม พ.ศ. 2359)
- สมเด็จพระราชินีนาถมาเรียที่ 2 แห่งโปรตุเกส (29 เมษายน พ.ศ. 2369 - 11 สิงหาคม พ.ศ. 2371 และ พ.ศ. 2377 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2396)
ออสเตรีย, ฮังการี และโบฮีเมีย
- สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถมาเรีย เทเรซาแห่งออสเตรีย (20 ตุลาคม พ.ศ. 2283 - 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2323) แกรนด์ดัชเชสแห่งออสเตรีย สมเด็จพระราชินีนาถแห่งฮังการี โครเอเชีย สโลวีเนีย และโบฮีเมีย
ทรงสืบราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 6 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระราชชนก ซึ่งทำให้เกิดสงครามสืบราชสมบัติออสเตรีย และท้ายที่สุดพระองค์ทรงสละราชสมบัติให้สมเด็จพระจักรพรรดิฟรันซ์ที่ 1 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระบรมราชสวามี แต่อันแท้จริงแล้วพระราชอำนาจทั้งหมดยังอยู่ที่พระองค์เอง และเช่นเดียวกับสมเด็จพระราชินีนาถอูลริกาแห่งสวีเดน พระอิสริยยศไม่เปลี่ยนแม้เมื่อทรงสละราชบัลลังก์แล้ว (เพราะพระราชสวามีทรงดำรงพระอิสริยยศแทนพระองค์ และพระองค์ในฐานะพระมเหสีย่อมมีพระอิสริยยศเท่ากับพระสวามี) พระองค์ทรงเป็นพระราชชนนีของสมเด็จพระราชินีมารี อ็องตัวเน็ตแห่งฝรั่งเศส
อียิปต์โบราณ
- Nitocris (ยังเป็นที่ถกเถียง)
- ฟาโรห์หญิงโซเบคเนฟรู
- ฟาโรห์หญิงฮัตเชปซุต [9]
- ฟาโรห์หญิงทาวอสเรต
- Khent-Kaues
- คลีโอพัตราที่ 1
- คลีโอพัตราที่ 2
- คลีโอพัตราที่ 3
- คลีโอพัตราที่ 4
- คลีโอพัตราที่ 5 ทรีฟาเอนา
- คลีโอพัตราที่ 6
- คลีโอพัตราที่ 7 ฟาโรห์หญิงที่มีชื่อเสียงที่สุดของอียิปต์โบราณ
รัสเซีย
- สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 1 แห่งรัสเซีย (8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2268 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2270)
พระมเหสีองค์ที่สองใน สมเด็จพระจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย ซึ่งทรงได้รับการสถาปนาให้ปกครองร่วมกัน และทรงปกครองจักรวรรดิรัสเซียด้วยพระองค์เองนับตั้งแต่การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 - สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแอนนาแห่งรัสเซีย (29 มกราคม พ.ศ. 2273 - 28 ตุลาคม พ.ศ. 2283)
- สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเอลิซาเบธแห่งรัสเซีย (6 ธันวาคม พ.ศ. 2284 - 5 มกราคม พ.ศ. 2305)
พระราชธิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 และ สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 1 แห่งรัสเซีย - สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่ 2 แห่งรัสเซีย (28 มิถุนายน พ.ศ. 2305 - 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2339)
แรกเริ่มทรงอภิเษกสมรสกับแกรนด์ดยุคปีเตอร์ ซึ่งทรงเป็นองค์รัชทายาทของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเอลิซาเบธ หลังจากการเสวยราชสมบัติของพระราชสวามี พระองค์จึงทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น จักรพรรดินีมเหสีแห่งรัสเซีย ต่อมาหลังเหตุการณ์งานเลี้ยง พระองค์ทรงขับพระราชสวามีออกจากราชบัลลังก์ และเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติเอง พระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแห่งรัสเซียเพียงพระองค์เดียวที่เป็น มหาราชินี[10][11]
เกาหลี
- สมเด็จพระราชินีนาถซอนด๊อก แห่งราชอาณาจักรชิลลา
- สมเด็จพระราชินีนาถจินด๊อก แห่งราชอาณาจักรชิลลา
- สมเด็จพระราชินีนาถจินซอง แห่งราชอาณาจักรชิลลา
จีน
- บูเช็กเทียน
พระมเหสีในถังไท่จง และต่อมาเป็นพระมเหสีในถังเกาจง หลังจากชิงพระราชอำนาจจากฮองเฮาหวังได้สำเร็จ พระนางก็ได้รับการสถาปนาเป็นฮองเฮา หลังจากถังเกาจงสวรรคต พระราชโอรสของพระนางสืบราชสมบัติเป็นฮ่องเต้แห่งจีนสองพระองค์ แต่ถูกบูเชกเทียนถอดลงเสีย และพระองค์ได้เสด็จขึ้นทรงราชย์เสียเองเป็น ฮ่องเต้หญิง เพียงพระองค์เดียวของจีน อย่างไรก็ตามในบั้นปลายพระชนม์ชีพ พระนางมีพระบรมราชโองการให้ลบพระปรมาภิไธยออกจากการเป็นฮ่องเต้ โดยให้เหลือประวัติศาสตร์เพียงว่าทรงเป็นฮองเฮาในฮ่องเต้ถังเกาจงเท่านั้น [12][13]
ญี่ปุ่น
- สมเด็จพระจักรพรรดินีจิงกุ
พระองค์นี้มิได้เป็นจักรพรรดินีนาถ (Empress Regnant) แต่เป็นจักรพรรดินีผู้สำเร็จราชการ และทรงสำเร็จราชการยาวนานถึง 60 ปี พระนางทรงเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นผู้นำประเทศญี่ปุ่น ทรงพระปรีชาสามารถถึงขนาดขณะมีพระครรภ์ 7 เดือนก็ยังเสด็จออกทรงรบร่วมกับพระราชสวามีได้ และทรงตัดหัวแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย ชาวญี่ปุ่นถือเป็นต้นแบบของผู้หญิงเก่ง [14] - สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถซูอิโกะ
- สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถโคเกียวคุ (ทรงราชย์สองครั้ง)
- สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถจิโตะ
- สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเก็มไม
- สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเก็นโช
- สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถโคเกน (ทรงราชย์สองครั้ง)
- สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเมอิโช
- สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถโก-ซากุระมาชิ
ทุกพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์คล้ายกัน คือเพราะพระราชบิดาไม่มีพระราชโอรสจึงทรงเลือกเป็นรัชทายาท หรืออาจให้เสกสมรสกับพระปิตุลา (น้องชายพ่อ) เพื่อให้ทรงราชย์ร่วมกัน หลังจากพระราชสวามี (ซึ่งเป็นอาของพระองค์) สวรรคต สมเด็จพระจักรพรรดินีเหล่านี้จึงทรงปกครองญี่ปุ่นอยู่ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้มกุฎราชกุมารมีพระชนม์มายุพอที่จะครองราชย์เองได้ (ยกเว้นสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเก็นโช ซึ่งทรงเป็นพระปิตุจฉา (ป้า) ของจักรพรรดิองค์ต่อมา สมเด็จพระจักรพรรดิเก็มมุ) แต่ทั้งนี้ก็เพื่อเหตุผลเดียวกันคือรอจนกว่าพระราชวงศ์ฝ่ายหน้าที่เหมาะสมจะมีพระชนม์มากพอเสด็จขึ้นทรงราชย์ได้
ลักเซมเบิร์ก
- แกรนด์ดัชเชสมารี อเดเลดแห่งลักเซมเบิร์ก (25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2455 - 14 มกราคม พ.ศ. 2462)
ทรงเป็นแกรนด์ดัชเชสผู้ปกครองลักเซมเบิร์กพระองค์แรกที่แกรนด์ดยุคกิโยมที่ 4 พระราชชนกทรงเลือกให้เป็นรัชทายาท พร้อมกับทรงแก้ไขกฎมณเทียรบาลให้ผู้หญิงสืบราชสมบัติได้ แกรนด์ดัชเชสมารี อเดเลดจึงทรงเป็นแกรนด์ดัชเชสผู้ปกครองพระองค์แรกแห่งลักเซมเบิร์ก[15] พระองค์ทรงเป็นพระประมุขแห่งรัฐซึ่งมีบทบาทมาก โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยท้ายสุดรัฐสภามีฉันทามติให้พระองค์สละราชสมบัติ และภายหลังจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับนายกรัฐมนตรี พระองค์จึงทรงสละราชสมบัติแก่พระกนิษฐา - แกรนด์ดัชเชสชาร์ล็อตแห่งลักเซมเบิร์ก (14 มกราคม พ.ศ. 2462 - 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507)
ทรงเป็นพระกนิษฐาในแกรนด์ดัชเชสมารี อเดเลด และเป็นพระชนนีในแกรนด์ดยุคฌ็อง ซึ่งทรงเป็นพระชนกในแกรนด์ดยุคอ็องรีที่ 1 แกรนด์ดยุคแห่งลักเซมเบิร์กพระองค์ปัจจุบัน โดยทรงเป็นผู้ที่ปกครองราชรัฐลักเซมเบิร์ก ยาวนานที่สุดเป็นเวลา 45 ปีจนกระทั่งถึงการสละราชสมบัติให้แก่พระราชโอรสในปี พ.ศ. 2507
เชิงอรรถ
- ↑ เพราะพระอิสริยยศราชินีแห่งอังกฤษยังไม่เคยมี พระราชินีคอนสอร์ทแห่งอังกฤษพระองค์แรกที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการคือสมเด็จพระราชินีมาทิลดา แห่งฟลานเดอร์ พระมเหสีในสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ ซึ่งได้มีพระราชพิธีราชาภิเษกสถาปนาพระองค์เป็นพระราชินีพร้อมกับพระเจ้าวิลเลียม ส่วนพระราชินีนาถพระองค์แรกแห่งอังกฤษ ยังเป็นที่ถกเถียง
- ↑ เพราะอ้างว่าสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถมาทิลดาเป็นเพียงผู้สำเร็จราชการระหว่างการเลือกพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ และไม่เคยทรงปกครองอังกฤษจริงๆ เลย
- ↑ เพราะมาทิลดา กับเจนบางครั้งไม่ถูกนับรวมเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษ
- ↑ ดูเพิ่ม พระราชินีนาถวิกตอเรีย พระนิพนธ์ ว.ณ.ประมวลมารค
- ↑ She was continue to be Quuen of Sweden, but as Queen Cosort not Queen Regnant, however her title didn't changed.
- ↑ อ่านเพิ่มใน ว.ณ.ประมวลมารค "คลั่งเพราะรัก"
- ↑ เพราะสองพระองค์ข้างต้นเป็นเพียงพระราชินีนาถแห่งคาสตีล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสเปนเท่านั้น
- ↑ เพราะผู้ปกครองที่แท้จริงคือพระราชสวามีของพระองค์ พระองค์น่าจะเป็นเพียงพระราชินีมเหสีมากกว่า
- ↑ ดูเพิ่มใน ธุวตารา งานเขียนของทมยันตี
- ↑ ดูเพิ่มในคัทริน มหาราชินี พระนิพนธ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์
- ↑ ต่างจากพระราชินีอูลเรก้า และพระจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา ซึ่งเป็นกษัตรีย์ก่อน และค่อยเป็นพระมเหสี พระจักรพรรดินีแคทเธอรีนทรงเป็นพระมเหสีก่อน แล้วจึงเป็นกษัตรีย์ อย่างไรก็ตามผลก็คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงพระอิสริยยศเหมือนกัน
- ↑ พระองค์เป็นฮ่องเต้หญิงเพียงพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์จีน ซูสีไทเฮา แม้จะพยายามเอาอย่างพระนาง แต่ก็มิได้เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็น ฮ่องเต้หญิง เช่นพระนางบูเช็กเทียน
- ↑ และไม่เหมือนกับพระราชินีอูลเรกา จักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา และซารินาแคทเธอรีน มหาราชินี เพราะพระองค์ทรงเป็น ฮ่องเต้ เพียงแต่เป็นผู้หญิง ถึงอย่างไรก็ตามพระยศของพระองค์คือ ฮ่องเต้ พระยศฮองเฮา นั้นไม่ใช้สำหรับพระองค์ขณะทรงราชย์อยู่ เพราะฮ่องเต้หญิงในประวัติศาสตร์จีนมีเพียงพระองค์เดียว และฮ่องเต้หญิงก็มิใช่ตำแหน่งฮองเฮา
- ↑ ดูเพิ่ม คินดะอิจิกับคดีคาตกรรมปริศนา ตอนบทเพลงลูกบอลปิศาจ ของโยโคมิโซะ
- ↑ เพราะถือว่าสมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮมมินา แห่งเนเธอร์แลนด์ (ดูด้านบน) ไม่เคยเป็นแกรนด์ดัชเชสแห่งลักเซมเบิร์กเลย