ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การท่องเที่ยวในประเทศไทย"
บรรทัด 100: | บรรทัด 100: | ||
*[[จังหวัดกระบี่|กระบี่]] |
*[[จังหวัดกระบี่|กระบี่]] |
||
*[[จังหวัดพังงา|พังงา]] |
*[[จังหวัดพังงา|พังงา]] |
||
*[[จังหวัดสงขลา|สงขลา]]-[[หาดใหญ่]] |
*[[จังหวัดสงขลา|สงขลา]]-[[เทศบาลนครหาดใหญ่|หาดใหญ่]] |
||
'''ภาคกลาง''' |
'''ภาคกลาง''' |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:06, 1 มีนาคม 2554
การท่องเที่ยว เป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญในประเทศไทย มีส่วนทำให้ค่าจีดีพีของไทยอยู่ที่ประมาณ 6.7% ใน พ.ศ. 2550[1]
ภาพรวม
สาเหตุที่การท่องเที่ยวไทยได้รับการสนับสนุนมากขึ้นใน พ.ศ. 2503 นั้น เพราะมีความมั่นคงทางการเมือง และมีการพัฒนากรุงเทพมหานครในเรื่องของการคมนาคมทางอากาศ ทำให้ธุรกิจโรงแรมและการค้าปลีกขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพราะมีความต้องการจากนักท่องเที่ยว และยังได้รับการส่งเสริมจากทหารอเมริกันที่เข้ามาพักผ่อนในช่วงสงครามเวียดนามอีกด้วย[2] พร้อมกันนั้นการท่องเที่ยวระหว่างประเทศก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการดำรงชีวิตของผู้คนที่มีเวลาว่างมากขึ้น และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำให้สามารถเดินทางได้เร็วกว่า, ราคาถูกกว่า และดีกว่า ด้วยโบอิง 747 ซึ่งให้บริการเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2513[3] ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศในทวีปเอเชียที่ได้รับผลประโยชน์จากกรณีนี้
จำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจากเดิมที่มีชาวต่างชาติ 336,000 ราย และทหารที่เข้ามาพัก 54,000 นายใน พ.ศ. 2510[2] กลายเป็นชาวต่างชาติมากกว่า 14 ล้านคนใน พ.ศ. 2550 โดยระยะเวลาเฉลี่ยที่อยู่ในประเทศไทยใน พ.ศ. 2550 อยู่ที่ประมาณ 9.19 วัน ทำให้มีรายได้เข้าประเทศมากถึง 547,782 ล้านบาท[4] ใน พ.ศ. 2550 ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้ไปท่องเที่ยวมากที่สุดเป็นอันดับที่ 18 ของโลก ด้วยจำนวน 14.5 ล้านคน ขณะที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก โดยมีมากถึง 82 ล้านคนเลยทีเดียว[5]
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่า[6] 55% ของนักท่องเที่ยวใน พ.ศ. 2550 มาจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้แก่ ญี่ปุ่น และมาเลเซีย เป็นส่วนใหญ่ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกส่วนใหญ่มาจากสหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, เยอรมนี, สหรัฐอเมริกา และสแกนดิเนเวีย ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางและรัสเซียก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน[7] ประมาณ 55% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นผู้ที่กลับมาเพื่อเยี่ยมบ้านเกิด ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ถึงปีใหม่ เมื่อนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกหนีสภาพหนาวเย็น
การท่องเที่ยวในประเทศไทยได้เติบโตขึ้นอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา รายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศได้เพิ่มขึ้นจาก 187,898 ล้านบาทใน พ.ศ. 2541 เป็น 380,417 ล้านบาทใน พ.ศ. 2550[4]
นักท่องเที่ยวชาวเอเชียส่วนใหญ่จะท่องเที่ยวที่กรุงเทพมหานคร และโบราณสถาน, สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปริมณฑล ส่วนนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกจะไม่มาเพียงแค่กรุงเทพมหานครและบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น แต่จะเดินทางไปยังชายหาดและหมู่เกาะต่างๆทางภาคใต้ ส่วนภาคเหนือเป็นพื้นที่หลักในการเดินป่าและผจญภัยบนหมู่บ้านชาวเขา รวมไปถึงป่าและภูเขาต่างๆ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรืออีสานเป็นภาคที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปน้อยที่สุด นอกจากนี้รัฐบาลไทยยังได้มีการจัดตั้งตำรวจท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกด้วย[8]
ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการค้าประเวณียังมีเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายก็ตาม โดยรัฐบาลไทยได้มีความพยายามที่จะติดตามและควบคุมปัญหาดังกล่าว คาดว่ามีชาวต่างชาติประมาณ 20% จากการค้าประเวณีทั้งหมดในประเทศไทย และในปัจจุบันยังมีการค้าประเวณีอย่างแพร่หลายในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น เมืองพัทยา, ถนนพัฒน์พงศ์ และหาดป่าตอง[9]
การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยกับประเทศต่างๆ มีมากขึ้นตั้งแต่ลาว, กัมพูชา และเวียดนาม เปิดให้มีการท่องเที่ยวระหว่างประเทศขึ้นในช่วง พ.ศ. 2523 และ พ.ศ. 2533 สถานที่ท่องเที่ยวอย่างนครวัด, เมืองหลวงพระบาง และอ่าวฮาลอง สามารถแข่งขันกับประเทศไทยซึ่งเคยผูกขาดด้านการท่องเที่ยวในแถบอินโดจีน ทำให้ประเทศไทยต้องมีการกำหนดเป้าหมายต่างๆ มากขึ้น เช่น การตีกอล์ฟในวันหยุด นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีแผนที่จะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาในภูมิภาคอีกด้วย[10] จากข้อมูลของโลนลี่แพลเน็ต ประเทศไทยเป็นอันดับ 2 ใน "จุดหมายคุ้มค่าสุดสำหรับ พ.ศ. 2553" รองจากไอซ์แลนด์ ซึ่งได้รับกระทบอย่างหนักจากวิกฤตซับไพรม์[11]
สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทย
สถิติโดยภาพรวมประจำปี
ปี (พ.ศ.) | จำนวนนักท่องเที่ยว (คน) | เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน (ร้อยละ) | อ้างอิง |
---|---|---|---|
2553 | 15,841,683 | 11.96 % | [12] |
2552 | 14,149,841 | -2.98 % | [13] |
2551 | 14,584,220 | ไม่มีข้อมูล |
15 อันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ข้อมูลจาก กรมการท่องเที่ยว ประจำปี พ.ศ. 2553 [14]
อันดับ | ประเทศ | จำนวน (คน) | ร้อยละ (นักท่องเที่ยวทั้งหมด) |
---|---|---|---|
1 | มาเลเซีย | 1,969,629 | 12.39 |
2 | จีน[15] | 1,127,803 | 7.12 |
3 | ญี่ปุ่น | 984,763 | 6.22 |
4 | สหราชอาณาจักร | 818,303 | 5.17 |
5 | เกาหลีใต้ | 815,970 | 5.15 |
6 | อินเดีย | 791,185 | 4.99 |
7 | ออสเตรเลีย | 715,612 | 4.52 |
8 | ลาว | 689,673 | 4.35 |
9 | สหรัฐ | 620,496 | 3.92 |
10 | เยอรมนี | 612,620 | 3.87 |
11 | รัสเซีย | 611,019 | 3.86 |
12 | สิงคโปร์ | 579,105 | 3.66 |
13 | ฝรั่งเศส | 458,292 | 2.89 |
14 | เวียดนาม | 401,188 | 2.53 |
15 | ไต้หวัน | 385,689 | 2.43 |
คำขวัญรณรงค์เที่ยวไทย
คำขวัญหลักในการรณรงค์ท่องเที่ยวประเทศไทยคือ "มหัศจรรย์ประเทศไทย" (อังกฤษ: Amazing Thailand) ต่อมา พ.ศ. 2552 เกิดวิกฤตการณ์ด้านการท่องเที่ยวจึงมีการจัดโครงการ "มหัศจรรย์ประเทศไทย มหัศจรรย์คุณค่า" (อังกฤษ: Amazing Thailand, Amazing Value)[16]
ท่องเที่ยวไทย
ท่องเที่ยวไทย (อังกฤษ: Unseen In Thailand) เป็นหน่วยงานที่ดูแลด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ โดยได้รับเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยคนไทย
เสน่ห์
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายที่สุดประเทศหนึ่ง โดยมีทั้งจุดดำน้ำ, หาดทราย, เกาะนับร้อย, สถานบันเทิงที่หลากหลาย, โบราณสถาน, พิพิธภัณฑ์, หมู่บ้านชาวเขา, สวนดอกไม้และจุดชมนกที่ยอดเยี่ยม, พระราชวัง, วัดขนาดใหญ่ และมรดกโลกจำนวนมาก มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ตามหลักสูตรระหว่างอยู่ในประเทศไทย สิ่งที่นิยมได้แก่ชั้นเรียนการทำอาหารไทย, พระพุทธศาสนา และการนวดแผนไทย เทศกาลของไทยมีตั้งแต่เทศกาลที่สนุกกับการสาดน้ำอย่างสงกรานต์ ไปจนถึงประเพณีในตำนานอย่างลอยกระทง ท้องถิ่นจำนวนมากในประเทศไทยมีเทศกาลของพวกเขาเองเช่นกัน ที่มีชื่อเสียงได้แก่ "การจัดงานแสดงช้าง" ในจังหวัดสุรินทร์, "ประเพณีบุญบั้งไฟ" ในจังหวัดยโสธร เทศกาลน่าสงสัยอย่าง "ผีตาโขน" ในอำเภอด่านซ้าย.
อาหารไทยบางอย่างมีชื่อเสียงทั่วโลกด้วยการใช้สมุนไพรและเครื่องเทศสด จากส้มตำอร่อยไม่แพงที่ร้านริมถนนเรียบง่ายในชนบทถึงอาหารไทยในร้านอาหารชวนชิมของกรุงเทพฯ ยากมากที่จะไม่ได้กินดีในประเทศไทย
กรุงเทพมหานครมีชื่อเสียงจากห้างสรรพสินค้าหลักในบริเวณใจกลางเมือง ให้ความหลากหลายของสินค้ายี่ห้อท้องถิ่นและนานาชาติ ไปทางเหนือของเมืองมี"ตลาดนัดจตุจักร" ซึ่งสามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าและใต้ดิน เป็นไปได้ว่าเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่อุปกรณ์ใช้งานในบ้าน[17] ไปจนถึงสัตว์ชนิดต่างๆ ตลาด "ประตูน้ำ" ใจกลางเมือง เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านผ้าและเสื้อผ้า นักท่องเที่ยวเน้นตลาดกลางคืนในถนนสีลมและบนถนนข้าวสารเป็นหลัก ซึ่งขายสินค้าเช่น เสื้อยืด, หัตถกรรม, นาฬิกาข้อมือและแว่นกันแดด ในบริเวณใกล้เคียงกรุงเทพมหานครสามารถหาตลาดน้ำยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงเช่นในดำเนินสะดวก "ตลาดถนนคนเดินวันอาทิตย์เย็น" จัดบนถนนราชดำเนินในเมืองเก่าเป็นไฮไลต์ของการช็อปปิ้งเมื่อไปเยือนจังหวัดเชียงใหม่ในภาคเหนือของประเทศไทย มันดึงดูดคนท้องถิ่นมากมายรวมทั้งชาวต่างประเทศ "ไนท์บาซาร์" ในเชียงใหม่เป็นตลาดที่นักท่องเที่ยวเน้นเช่นกัน ซึ่งขยายไปหลายช่วงของเมือง แค่ผ่านกำแพงเมืองเก่าไปตามแม่น้ำ
ภูมิอากาศ
ภูมิอากาศส่วนใหญ่ในประเทศไทยคือ ภูมิอากาศแบบเขตร้อนหรือแบบสะวันนา ขณะที่ภาคใต้และภาคตะวันออกเป็น ภูมิอากาศแบบมรสุม[18]
ประเทศไทยสามารถแบ่งออกได้ 3 ฤดูกาล:
- ฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นฤดูกาลที่อากาศดีมากในเดือนธันวาคมสำหรับจังหวัดเชียงใหม่ อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15 องศาเซลเซียสในตอนกลางคืน และประมาณ 28 องศาเซลเซียสในเวลากลางวัน อากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส ส่วนในบริเวณที่สูงกว่าอย่างบนภูเขานั้นในเวลากลางคืนอุณหภูมิเกือบถึงจุดเยือกแข็ง ในกรุงเทพมหานคร, ภาคกลาง และภาคอีสาน จะมีอุณภูมิประมาณ 30 องศาเซลเซียส
- ฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ในเวลากลางวันจะมีอุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส เป็นช่วงเวลาที่จะมีการจัดเทศกาลต่างๆ (เช่น สงกรานต์ และประเพณีบุญบั้งไฟ) เพื่อต้อนรับฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง
- ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ในเวลากลางวันจะมีอุณภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส และในเวลากลางคืนจะมีอุณหภูมิสูงกว่า 20 องศาเซลเซียส โดยฝนมักจะตกลงมาในเวลากลางวันและช่วงเย็น
ภาคใต้ส่วนที่ลึกกว่าคอคอดกระจะมีภูมิอากาศแบบมรสุม ในเวลากลางวันจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 31 องศาเซลเซียส และมีฝนตกบ่อยครั้ง ภาคตะวันตกจะได้รับผลกระทบจากลมมรสุมในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ส่วนภาคตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับผลกระทบตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนมกราคม[19]
แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
ภาคใต้
ภาคกลาง
ภาคเหนือ
ภาคอีสาน
ดูเพิ่ม
ทั่วไป
ศิลปะและวัฒนธรรม
- ยุคก่อนประวัติศาสตร์ไทย
- ประวัติศาสตร์ไทย
- วัฒนธรรมไทย
- กลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย
- วัดไทย
- รายชื่อวัดในประเทศไทย
- พระพุทธรูปในประเทศไทย
- ปางพระพุทธรูปในประเทศไทย
- โขน
- ผ้าไหมไทย
- อาหารไทย
- ประเพณีไทย
ธรรมชาติและกีฬา
- อุทยานแห่งชาติในประเทศไทย
- รายชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่พบในประเทศไทย
- รายชื่อนกที่พบในประเทศไทย
- รายชื่อเกาะในประเทศไทย
- การดำน้ำในประเทศไทย
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- มวยไทย ศิลปะการต่อสู้ของคนไทย
- รายชื่อสวนสาธารณะในประเทศไทย
- สวนสัตว์ในประเทศไทย
ภาษา
- ภาษาไทย
- ทิงลิช ภาษาอังกฤษที่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากผู้ใช้ภาษาไทย
- ฝรั่ง คำภาษาไทยที่ใช้เรียกชาวต่างชาติที่เชื้อสายยุโรป
การท่องเที่ยว
- การท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร
- ตลาดในกรุงเทพมหานคร
- การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ให้บริการในประเทศไทย
- การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในประเทศไทย
- รายชื่อห้างสรรพสินค้าในประเทศไทย
- ถนนคนเดิน
- แหล่งท่องเที่ยวไทย
อ้างอิง
- ↑ http://www.bangkokpost.com/tourismreview2007/10.html
- ↑ 2.0 2.1 http://repository.kulib.kyoto-u.ac.jp/dspace/bitstream/2433/56779/1/KJ00000132246.pdf
- ↑ http://www.unesco.org/education/tlsf/TLSF/theme_c/mod16/uncom16t01.htm
- ↑ 4.0 4.1 http://www2.tat.or.th/stat/web/static_index.php
- ↑ UNTWO (2008). "UNTWO World Tourism Barometer, Vol.6 No.2" (PDF). สืบค้นเมื่อ 2009-12-03.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|month=
ถูกละเว้น (help) - ↑ http://www.tourismthailand.org/about-tat/about-tat-47-1.html
- ↑ http://www2.tat.or.th/stat/web/static_download.php?Rpt=ita
- ↑ http://www.amazing-thailand.com/Police.html
- ↑ http://www2.hu-berlin.de/sexology/IES/thailand.html
- ↑ http://www.bangkokpost.com/business/tourism/36769/outbound-travel-on-the-upswing
- ↑ http://www.bangkokpost.com/travel/travelnews/158928/thailand-second-in-best-value
- ↑ http://tourism.go.th/2010/th/statistic/tourism.php?cid=30 สืบค้นข้อมูล 4 กุมภาพันธ์ 2554
- ↑ http://tourism.go.th/2010/th/statistic/tourism.php?cid=27 สืบค้นข้อมูล 4 กุมภาพันธ์ 2554
- ↑ http://tourism.go.th/2010/th/statistic/tourism.php?cid=30 สืบค้นข้อมูล 4 กุมภาพันธ์ 2554
- ↑ ไม่รวม ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า
- ↑ http://issuu.com/iasiamagazine/docs/iasia_09_p01-64 page 34
- ↑ http://cms.iucn.org/index.cfm?uNewsID=850
- ↑ http://koeppen-geiger.vu-wien.ac.at/
- ↑ http://www.worldweather.org/089/m089.htm