ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฟรันซิสโก ฆาบิเอร์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Woojindo (คุย | ส่วนร่วม)
Woojindo (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 83: บรรทัด 83:


ศพของเขามาถึงกัวในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1554 และถูกฝังไว้ที่นั่น
ศพของเขามาถึงกัวในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1554 และถูกฝังไว้ที่นั่น
[[ไฟล์:Casket_of_Saint_Francis_Xavier.jpg|thumb|100px|หลุมฝังศพที่กัว]]
[[ไฟล์:Casket_of_Saint_Francis_Xavier.jpg|thumb|200px|หลุมฝังศพที่กัว]]


== การสถาปนานักบุญ องค์อุปถัมภ์และงานฉลอง==
== การสถาปนานักบุญ องค์อุปถัมภ์และงานฉลอง==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 01:42, 7 มกราคม 2554

ฟรันซิสโก ฆาเบียร์
เกิด7 เมษายน ค.ศ.1506
อำเภอฆาเบียร์ แคว้นนาบาร์รา ธงของประเทศสเปน สเปน
เสียชีวิต3 ธันวาคม ค.ศ.1552
หมู่เกาะซ้างชวน  จีน
นิกายโรมันคาทอลิก อังกลิคัน ลูเทอรัน
เป็นนักบุญ12 มีนาคม ค.ศ.1622
โดย สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 15
วันฉลอง3 ธันวาคม

ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ (อังกฤษ: Francis Xavier, สเปน: Francisco Javier, บาสก์: Frantzisko Xabierkoaละติน: Franciscus Xaverius) ชื่อจริง Francisco de Jaso y Azpilicueta(อ่านว่า ฟรันซิสโก เด ฆาโซ อี อัสปิลิกุเอตา) เป็นบาทหลวงชาวแคว้นนาบารา ประเทศสเปนที่ นำศาสนาคริสต์มาเผยแพร่ที่ประเทศญี่ปุ่นคนแรก และนำศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกไปเผยแพร่และสร้างความมั่นคงของศาสนา ในประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย ศรีลังกา มาเลเซีย จีน ญี่ปุ่น เสียชีวิต ณ หมู่เกาะซ้างชวน ประเทศจีน ได้รับสถาปนาเป็นนัก บุญในพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ฟรันซิสโก ฆาเบียร์เป็นสมาชิกแรกเริ่ม และหนึ่งในสมาชิกที่มีชื่อเสี่ยงมากที่สุดคนหนึ่งของคณะแห่งพระเยซูเจ้า ซึ่งเขามีความสนิทสนมกับ นักบุญอิกเนเชียสแห่งลาโฮลาผู้ก่อตั้งคณะ

สถานะการณ์ทางประวัติศาสตร์เมื่อเกิด

ฟรันซิสโก ฆาเบียร์เกิดในปี ค.ศ. 1506. หกปีหลังจากนั้น ค.ศ. 1512 ได้เกิดการยึดครองแคว้นนาบาร์รา โดยกองทัพ แคว้นกาสติยาและอารากอน ภายใต้การควบคุมของ Fadrique Álvarez de Toledo, ดยุคแห่งอัลบา ตามพระบัญชาของพระเจ้าเฟรนานโดที่ 2 แห่งอารากอน ซึ่งทำให้เกิดสงครามกลางเมืองนาบาร์ราที่ยุติในปี ค.ศ. 1524 สงครามครั้งนี้ทำให้อาณาจักรนาบาร์ราถูกแบ่งแยกโดยที่นาบาร์ราสูงตกไปอยู่ในกาปกครองของแคว้นกาสติยาถึงแม้ว่าจะคงความเป็นอาณาจักรถึงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ส่วนนาบาร์ราต่ำซึ่งอยู่บริเวณทางเหนือของเทือกเขาพิเรนีสยังคงเป็นรัฐอิสระ แต่ภายหลังก็เข้าร่วมกับฝรั่งเศส

ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ เกิดในตระกูลชั้นสูงในราชวงศ์ อะกรามอนต์ ผู้ปกครองนาบาร์รา บิดาของเขาชื่อ ฆวน เด ฆาโซ ซึ่งเป็นประธานสภาที่ปรึกษาของ กษัตริย์ ฆวนที่ 2 แห่งอัลเบรต หลังจากการยึดครองของกาสติยา ฆวนผู้เป็นบิดาและครอบครัวได้หนีภัยไปอยู่ที่ แบร์อาร์น และได้เสียชีวิตที่นั่นในเวลาต่อมา มิเกล และฆวน พี่ชายของฟรานซิสโก ฆาเบียร์ ได้มีบทบาทสำคัญในการทำศึกเพื่อนำนาบาร์รากลับมาอีกครั้ง ในปี ค.ศ.1521 มิเกล และฆวน ได้ต่อสู้กับ อิกนาซิโอ แห่งโลโยลา ทหารของกาสติยาที่ประจำที่ปัมโปลนา และ อิกนาซิโอได้รับบาดเจ็บ แต่ถึงกระนั้นกองทหารกาสติยาก็ชัยชนะอย่างราบคาบในที่สุด ในไม่กี่ปีต่อมา อิกนาซิโอ แห่งโลโยลาได้ก่อตั้งคณะแห่งพระเยซูเจ้า และมี ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ เป็นสหายและผู้รวมงาน

ประวัติ

ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ เกิดที่ปราสาท ฆาเบียร์ ที่อำเภอฆาเบียร์ แคว้นนาบาร์รา สเปน ซึ่งในเวลานั้นคืออาณาจักรนาบาร์รา เกิดในวันที่ 7 เมษายน ค.ศ.1506 ในครอบครัวชั้นสูงของนาบาร์รา บิดาของเขาคือ ฆวน เด ฆาโซ ประธานสภาที่ปรึกษาของ กษัตริย์ ฆวน ที่ 2 แห่งอัลเบรต มารดาของเขาคือ มารีอา เด อะซิปิลิกัวตา ซึ่งมาจากเชื้อสายเดียวกับ มาร์ติน เด อะซิปิลิกัวตา ผู้ได้รับสมญานาม doctor navarrus นางเป็นลูกสาวคนสุดท้อง มีพี่น้องคือ : มักดาเลนา, อันนา, มิเกล, ฆวน และตัวนางเอง

ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ มีชีวิตวัยเยาว์ที่ได้รับผลกระทบการสูญเสียเอกราชของนาบาร์รา ซึ่งครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบอย่างมาก พี่น้องของเขาที่เป็นทหารของกษัตริย์ ฆวนที่ 3 แห่งนาบาร์ราถูกคุมขัง ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้ฟรานซิสโก ฆาเบียร์ สนใจที่จะเรียนด้านศาสนาและทำการเผยแพร่ภายได้ความคุ้มกันของโปรตุเกต

การศึกษาในปารีส

ในปี ค.ศ. 1542 ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ ได้ตัดสินใจเดินทางไปศึกษา ที่มหาวิทยาลัย ซอร์บอน กรุงปาริส ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้รับการศึกษาในหลายสถาบัน ในหลายเมืองของนาบาร์รา และก่อนที่จะเข้ารับการศึกษาในปารีสเขาได้เรียนในปัมโปลนา

ในเดือนกันยายน ค.ศ.1525 ฟรันซิสโก ฆาเบียร์เดือนทางไปศึกษาที่ปารีส ซึ่งที่นั่นเองเขาได้รู้จักกับอิกนาซิโอแห่งโลโยลา ผู้เป็นพื่อนสนิท และต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญ อิกนาซิโอไม่เคยทิ้งฟรังซิสโก ฆาเบียร์ในยามลำบาก เช่นเมื่อฟรังซิสโก ฆาเบียร์มีปัญหาด้านการเงิน

ฟรันซิสโก ฆาเบียร์เดือนทางไปศึกษาพร้อมกับสหายอีกห้าคน ซึ่งในเวลาต่อมาคือจุดกำเนิดของคณะแห่งพระเยซูเจ้า หลังจากที่สำเร็จการศึกษา วันที่ 15 กันยายน ค.ศ.1534 เหล่าสหายได้ปฏิญาณตนเพื่อถือความรักและความบริสุทธิ์ และในขณะเดียวกันได้ให้คำสัญญาเพื่อจะเดินทางไป ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ส่วนฟรังซิสโก ฆาเบียร์ อยู่ที่ปารีสต่ออีกสองปีเพื่อเรียนเทววิทยา หลังจากนั้นได้รวมการบริหารจิตกับอิกนาซิโอแห่งโลโยลา

ปี ค.ศ. 1537 ฟรันซิสโก ฆาเบียร์กับอิกนาซิโอแห่งโลโยลาเดินทางไปกรุงโรมเพื่อขอพรจากสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 3 ก่อนการเดือนทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่การเดินทางก็ไม่สามารถเกิดขึ้นเนื่องจากเกิดสงครามระหว่างเวนิสและตุรกี เมื่อสหายทั้งสองได้รับศีลบรรพชาเมื่อมาถึงเวนิส ในวันที่ 24 มิถุนายนของปีเดียวกัน ในขณะที่รอเรือเพื่อจะไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกได้เริ่มพระกาศความเชื่อให้กับคนรอบข้าง และพวกเขาได้เสนอตัวต่อสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่อจะไปประกาศความรักของพระเจ้าในสถานที่ใดก็ตาม ด้วยเหตุนั้นนี่เองพวกเขาเดินทางไปลิสบอนในปี ค.ศ.1540 เพี่อเริ่มชีวิตนักแพร่ธรรม เหตุที่ต้องเดินทางไปลิสบอนก็เพราะเอกอัครราชทูตโปรตุเกต ณ กรุงโรม ได้ขอสมาชิกจำนวนหนึ่งจากอิกนาซิโอแห่งโลโยลา ในนามของกษัตริย์เจาที่3 แห่งโปรตุเกต เพื่อส่งไปยังอินเดีย ส่วนฟรังซิสโก ฆาเบียร์ถูกส่งไปโดยพระสันตะปาปาโดยได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนพระองค์ในแผ่นดินของทะเลแดง อ่าวเปอร์เซีย และทะเลทั้งสองฝั่งของแม่น้ำคงคา

เส้นทางการแพร่ธรรม

เส้นทางการแพร่ธรรมของนักบุญฟรันซิสโก ฆาเบียร์

การเดินทางเท้าจากโรมไปลิสบอนโดยพักที่ อัสเปอิเตีย (อยู่ที่จังหวัดกีปุสกัว ประเทศสเปน) เพื่อมอบจดหมายของอิกนาซิโอแห่งโลโยลาให้แก่ครอบครัว ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นพวกเขาก็เทศนาสั่งสนในทุกๆหมู่บ้านที่เดินทางผ่าน

วันที่ 7 เมษายน ค.ศ.1541 วันที่ฟรันซิสโก ฆาเบียร์อายุครบ 35 ปีเป็นวันที่เริ่มเดินทาง วันที่ 22กันยายน เรือเทียบท่าโมซัมบิก และได้อยู่ที่นั้นถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป ซึ่งที่นี่เขาได้ช่วยงานในโรงพยาบาลและที่นั่นเขาได้รู้ถึงความเอารัดเอาเปรียบต่อคนผิวดำ ซึ่งทำให้เขาพบกับความขัดแย้งเริ่มแรก

หลังจากที่เปลี่นเรือที่เมลินด์และโซโกตรา ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ก็เดินทางถึงกัว(ซึ่งต่อมาได้เป็นเมืองหลวงของอินเดียภายใต้โปรตุเกส) ในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ.1542 เขาได้ปรับปรุงหนังสือคำสอนคาทอลิกของ ฆวน บาร์โรส และได้ออกเผยแพร่ความเชื่อตามเมืองต่างๆ ในหลายครั้งได้ช่วยเหลือคนไกล้ตาย เยี่ยมผู้ต้องขัง และช่วยเหลือผู้ยากไร้

เพื่อที่จะเข้าถึงประชาชนได้ง่ายขึ้น ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ได้เรียนภาษาของชนชาติที่เขาเผยแพร่ศาสนา หลังจากที่เขาได้ปฏิเสธิตำแหน่งอธิการสามเณราลัยนักบุญเปาโล เขาจึงเดินทางไปเกาะแห่งการหาปลา ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1542 และอยู่ที่นั่นมากกว่าหนึ่งปี

ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ ได้ประกาศศาสนาให้แก่ชาวปาระวัส และได้รับการต่อต้านจากพราหมณ์ในย้ายนั้น เขาเรียนภาษาทมิฬ แปลหนังสือเกี่ยวกับศาสนา และได้เทศนาเกี่ยวกับนรกและสวรรค์

เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1543 ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ได้เจอกับสหายของเขามิเซร์เปาโลและมานซิยาที่กัวและได้ขอมิชชันนารีเพิ่มจากบิขอป เขาได้บาทหลวงเพิ่มอีก 6 คน ซึ่งเขาและเพื่อนร่วมงานใหม่ได้เดินทางไปเกาะแห่งการหาปลาอีกครั้ง ระหว่างการเดินทางเขาได้เขียนจดหมายหลายฉบับไปยังสหายในโรม หนึ่งในนั้นมีใจความว่า

คริสตชนเราละเลยส่วนนี้ เนื่องจากว่ามีคนทื่ทำหน้าที่ประกาศพระวรสาร หลายครั้งหลายคราวที่ฉันมีความคิดที่ไปยังมหาวิทยาลัยเหล่านั้น และฉันจะใช้เสียงเหมือนคนแพ้คดีความ และโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยแห่งปารีส ไปพูดที่ซอร์บอนกับคนที่มีความรู้มากกว่าความตั้งใจเพราะต้องการได้ดอกผลจากความรู้นั้นว่า มีวิญญาณมากมายที่ไม่ได้ไปสู่สิริรุ่งโรจน์เนื่องจากความละเลยของพวกเขา มีจำนวนมากเหลือเกินคนที่รับเชื่อพระคริสเจ้าในแผ่นดินเหล่านี้ที่ฉันเดินอยู่ และหลายครั้งที่ฉันเหน็ดเหนื่อยเนื่องจากการโอบกอดในศีลล้างบาป ฉันไม่สามารถกล่าวข้อความเชื่อและพระบรรญัติและบทภาวนาอื่นๆในภาษาของพวกเขาหลายครั้ง

ที่เกาะหาปลาได้แบ่งงานเป็นเขตให้แก่ผู้รับผิดชอบ หลังจากแบ่งงานแล้วฟรังซิสโก ฆาเบียร์เดินทางไปยังมานาปาร์ เขาอยู่ที่นั่นหนึ่งเดือนและได้โปรดศีลล้างบาปให้มากกว่าหนึ่งหมื่นคน

ระหว่างปีค.ศ1544 ฟรันซิสโก ฆาเบียร์เดินทางเผยแพร่ศาสนามากกว่ายี่สิบครั้ง เขาได้กลับไปยังกัวและหารือกับผู้ว่าการเมือง เพื่อขอกำลังทหารและขอติดตามไปช่วยเหลือชาวคริสต์ ที่โดนประหารในศรีลังกา แต่ว่าด้วยเหตุผลบางประการการเดินทางนี้ไม่เกิดขึ้น

ปีค.ศ.1545 ฟรันซิสโก ฆาเบียร์เดินทางไปยังเกาะมาลุกะพร้อมกับสหาย ฆวน เอยโร และก็ถึงมะละกาในเวลาต่อมา ในเวลาสามเดือนฟรันซิสโก ฆาเบียร์ได้เรียนภาษาขั้นพื้นฐานและทำความคุ้นเคยกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และเขาก็ได้แปลหลักการพื้นฐานของความเชื่อคาทอลิกด้วยควมช่วยเหลือของผู้รู้คนอื่น และในปีเดียวกันเขาเขียนจดหมายกราบทูลกษัตริย์โปรตุเกสเกี่ยวกับ ความไม่ยุติธรรมและการดูถูกเหยียดหมายของจำนวนหน้าที่ของพระองค์

เดือนมกราคม 1546ออกเดินไปยังเกาะอมบอรีโอและเทอร์เนตหลังจากที่เขียน คู่มือสำหรับครูคำสอนของคณะแห่งพระเยซูเจ้า ในเวลาเดือนครึ่งถึงไปยังจุดหมาย ฟรังซิสโก ฆาเบียร์ประกาสความเชื่อไปในหลายเกาะในเขตเซรัน ตามตำนานกล่าวว่าปูต้วหนึ่งเอากางเขนที่หายไปตอนมีพายุมาคืนเขา

เดือนมิถุนายน ฟรันซิสโก ฆาเบียร์เดินทางถึงเทอร์เนต ซึ่งเป็นเมืองการค้าเครื่องเทศที่มั่งคั่งของโปรตุเกส เขาอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามเดือน จากที่นั่นเขาเดือนทางไปยังเกาะโมโรและอยู่ที่นั่นอีกสามเดือน จากที่เกาะนั้นเขาเดือนทางต่อไปยังโคชิ ถึงโคชิเมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ.1548

หลังจากที่ได้ตรวจตาและจัดระเบียบคณะแพร่ธรรมที่อินเดียและหมู่เกาะมาลุกะแล้ว ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ผิดหวังกับผลงานที่ในอินเดีย เขาจึงเดินทางไปญี่ปุ่น กับสหาย กอสเม เด ตอร์เรส, ฆวน เฟรนันเดส และล่ามนามอะนิจิโร ออกเดินทางในวันอาทิตย์ใบลาน ค.ศ.1549 ถึงญี่ปุ่นวันที่ 15 สิงหาคมของปีเดียวกัน พวกเขาลงเรือที่คะโงะชิมะ เมืองหลวงของญี่ปุ่นใต้ในขณะนั้น เขาอยู่ที่เมืองนั้นหนึ่งปีและอยู่ในญี่ปุ่นเป็นเวลาสองปีสามเดือน ในญี่ปุ่นฟรันซิสโก ฆาเบียร์มีเพื่อนร่วมงานประกาศพระวรสารคือ ปาโบล เด ซานตาเฟ พวกเขาแปล การประกาศข้อความเชื่อ ซึ่งถูกท่องจำและกล่าวตามท้องถนน ซึ่งหากมีคำถามใดจะใช้บริการล่าม ฟรังซิสโกฆาเบียร์มีความคาดหวังว่าหากสามารถเปลี่ยนความเชื่อให้แก่กษัตริย์ได้จะทำให้ประชาชนเปลี่ยนตาม ดังนั้นเขาจึงเดินทางขึ้นเหนือใน ค.ศ.1550 และด้วยความหวังนี้จึงได้ตั้งกลุ่มคริสตชนที่ ฮิระโดะ เดินทางต่อไปยามะงูชิ หลังจากนั้นเดินทางไปซากะอิ และเมอาโกะตามลำดับ แม่เขาไม่เคยได้รับโอกาสที่กษัตริย์จะยอมให้เขาเข้าเฝ้า

ฟรันซิสโก ฆาเบียร์ กลับมายังยะมะงุชิอีกครั้ง และเขาได้รับการรับรองว่าจะไม่เบียดเบียนผู้เปลี่ยนศาสนาจากเจ้าชาย ในขณะนั้นผลงานของการประกาศศาสนาได้ปรากฏขึ้น ที่นั่นมีกลุ่มคาทอลิกเล็ก ผู้รับเชื่อที่นั่นจำมากเป็นซามูไร ซึ่งทำให้เกิดการขัดแย้งตระกูลบอนโซ

เดือนกันยายน ค.ศ. 1551 ฟรันซิสโกฆาเบียร์ถูกเรียกโดยเจ้าชายแห่งบุงโกและอนุญาตให้ประกาศศาสนาได้ทั่วเกาะ หนึ่งเดือนต่อมาฟรันซิสโกฆาเบียร์เดือนทางกลับอินเดีย เดือนทางโดยเรือซานตากรูซโดยมีดิเอโก เปเรยดาเป็นกัปตันเรือ ซึ่งกัปตันผู้นี้เองเป็นผู้ออกึวามคิดเรื่องสถานเอกอัคครราชทูตโปรตุเกสในจีน เมื่อเขาเดือนทางถึงมะละกา เขาได้ทราบว่าอินเดียได้ถูกยกฐานะเป็นแขวงคณะเยสุอิตเอกเทศออกจากแขวงโปรตุเกสที่เขาสังกัดอยู่

24 มกราคม ค.ศ.1552 เดินทางถึงโคชิ และวันที่ 18 กุมภาพันธ์ก็เดินทางมาถึงกัว หลังจากที่แก้ปัญหาต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว ฟรันซิสโกฆาเบียร์ออกเดินทางไปจีน วันที่ 14 เมษายน การเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมทางคือคุณพ่อกาโก พี่ของอันโตนิโอ เฟเรยรา อันโตนิโอ เด ซานตาเฟ (เชื้อสายจีน) และผู้รับใช้ชาวอินเดียนามกริสโตบาล ออกเรือจากซานตากรูซโดยมีเปเรยดาเป็นกัปตันเรือ

เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงมะละกา มีปัญหากับ อัลบาโร เด อาไตเด ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการเดินเรือ เขาพยายามไม่ให้เปเรยดาเป็นกัปตันเรือ ทำให้การเดินทางช้าไปสองเดือน เดินทางมาถีงเกาะซ้างชวน ปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ.1552ถึงเป็นแหล่งค้าขายระหว่างจีนและโปรตุเกส

พวกเขารอเรือจีนเพื่อลักลอบเข้าประเทศจากที่นั่น และวันที่ 3 ธันวาคมของปีเดียว ฟรันซิสโกฆาเบียร์ได้เสียชีวิต ด้วยอายุ 46 ปี

ศพของเขามาถึงกัวในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1554 และถูกฝังไว้ที่นั่น

หลุมฝังศพที่กัว

การสถาปนานักบุญ องค์อุปถัมภ์และงานฉลอง

ถูกสถาปนาเป็นนักบุญโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 15 ค.ศ.1622 พร้อมกับนักบุญอิกนาซิโอแห่งโลโยลส นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู นักบุญอิสิโดร ลาบอดอ และน้กบุญฟิลิป เนรี

ได้รับการยกย่องเป็นองค์อุปถัมภ์ในหลายสถานที่และภารกิจ:

  • ค.ศ.1748 องค์อุปถัมภ์ ในแผ่นดินของแหล่งแห่งความหวังดี
  • ค.ศ.1904 องค์อุปถัมภ์ การประกาศความเชื่อ
  • ค.ศ.1927 สมเด็จพระสันตะปาปาปีอุสที่ 11 สถาปนาเป็นองค์อุปถัมภ์งานแพร่ธรรมร่วมกับนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู
  • องค์อุปถัมภ์ลูกเสือคาทอลิก

องค์อุปถัมภ์ของนาบาร์รา ร่วมกับนักบุญเฟร์มิน และนักบุญ มารีอา ลา เรอัล ต้นเดือนมีนาคมจะมีผู้แสวงบุญจำนวนมากจาริกไปที่ปราสาทฆาเบียร์