ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ประเทศไทย)"
ล ลบ หมวดหมู่:คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ประเทศไทย) ออก ด้วยสจห. |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 23: | บรรทัด 23: | ||
|สืบทอดโดย = |
|สืบทอดโดย = |
||
|เขตอำนาจ = ทั่วราชอาณาจักร |
|เขตอำนาจ = ทั่วราชอาณาจักร |
||
|กองบัญชาการ = {{flagicon|Thailand}}<br> |
|กองบัญชาการ = {{flagicon|Thailand}}<br>120 ม.3 ชั้น 2 อาคารรวมหน่วยราชการ บี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพ 10210 |
||
|latd= |latm= |lats= |latNS= |
|latd= |latm= |lats= |latNS= |
||
|longd= |longm= |longs= |longEW= |
|longd= |longm= |longs= |longEW= |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:09, 1 มกราคม 2554
ไฟล์:280935.jpg ตรา | |
ภาพรวมหน่วยงาน | |
---|---|
ก่อตั้ง | 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 |
เขตอำนาจ | ทั่วราชอาณาจักร |
สำนักงานใหญ่ | 120 ม.3 ชั้น 2 อาคารรวมหน่วยราชการ บี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพ 10210 |
ฝ่ายบริหารหน่วยงาน |
|
หน่วยงานลูกสังกัด | |
เว็บไซต์ | ECT.go.th |
เชิงอรรถ | |
คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย |
คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งราชอาณาจักรไทย (อังกฤษ: Election Commission of Thailand) หรือย่อว่า "กกต." (อังกฤษ: ECT) เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มีหน้าที่หลักในการควบคุมและจัดให้มีการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น
คณะกรรมการการเลือกตั้งมีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นสำนักงานเลขานุการ
ประวัติและโครงสร้างองค์กร
แต่เดิมการจัดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของกองการเลือกตั้ง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ต่อมาในการเลือกตั้งครั้งที่ 16 เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 รัฐบาลของนายอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งรับผิดชอบดำเนินการเลือกตั้ง ได้ตระหนักถึงปัญหาการซื้อขายเสียงที่มีอยู่ทั่วไป จึงแต่งตั้ง "คณะกรรมการติดตามและสอดส่องดูแลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร" หรือที่รู้จักกันในชื่อ องค์กรกลาง เป็นหน่วยงานอิสระไม่มีผลประโยชน์ใดๆ กับการเลือกตั้ง ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงความสำคัญของการเลือกตั้ง และตรวจสอบการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อส่งเสริมการเลือกตั้งอย่างยุติธรรมในประเทศไทย โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งประกอบด้วยคณะกรรมการจำนวน 5 คน ซึ่งเลือกสรรโดยวุฒิสภา ดำรงตำแหน่งได้สมัยเดียวเป็นเวลา 7 ปี (ยกเว้นชุดแรก ดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน ตามเงื่อนไขใน พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง)
ประธานกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นและเป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง
กรรมการการเลือกตั้งต้องไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ ไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่น ไม่ดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไร หรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด และไม่ประกอบวิชาชีพอิสระอื่นใด
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตั้งอยู่ที่เลขที่ 120 ม.3 ชั้น 2 อาคารรวมหน่วยราชการ บี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพ 10210โทร 0-2141-8888
หน้าที่
คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
- ควบคุมและดำเนินการจัด หรือจัดให้มีการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
- ออกประกาศกำหนดการทั้งหลายอันจำเป็นแก่การปฏิบัติตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
- มีคำสั่งให้ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ปฏิบัติการทั้งหลายอันจำเป็นตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
- ออกข้อกำหนดเป็นแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งหรือการออกเสียงประชามติ
- ดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งสำหรับการเลือกตั้งที่ใช้วิธีการแบ่งเขตเลือกตั้ง และจัดให้มีบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
- สืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ หรือกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
- สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือออกเสียงประชามติใหม่ในหน่วยเลือกตั้งใดหน่วยเลือกตั้งหนึ่งหรือทุกหน่วยเลือกตั้ง หรือสั่งให้มีการนับคะแนนใหม่ เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งหรือการออกเสียงประชามติในหน่วยเลือกตั้งนั้น ๆ มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีพิจารณาที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด
- ประกาศผลการเลือกตั้งหรือการออกเสียงประชามติ
- ดำเนินการหรือประสานงานกับหน่วยราชการ ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือสนับสนุนองค์การเอกชนในการให้การศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
- จัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีและข้อสังเกตเสนอต่อรัฐสภา
- ดำเนินการอื่นตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอื่น หรือกฎหมายอื่นกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด บุคคล คณะบุคคลหรือผู้แทนองค์การเอกชน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมอบหมายได้.
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช ๒๕๔๐) ม. ๑๓๖, ๑๓๙, ๑๔๔ และ ๑๔๕ และ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๔๑ ม. ๑๐ และ ๑๑
คณะกรรมการการเลือกตั้ง ชุดแรก
วาระการดำรงตำแหน่ง 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2540 - 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2544[1]
- นายธีรศักดิ์ กรรณสูต ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
- นายสวัสดิ์ โชติพานิช กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย
- นายยุวรัตน์ กมลเวชช กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายจัดการการเลือกตั้ง
- นายจิระ บุญพจนสุนทร กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายกิจการพรรคการเมือง (แทนนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น)
- นายโคทม อารียา กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน
- ร้อยตรีวิจิตร อยู่สุภาพ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง
คณะกรรมการการเลือกตั้ง ชุดที่สอง
วาระการดำรงตำแหน่ง 21 ตุลาคม พ.ศ. 2544 - 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2549[2] ถูกตั้งฉายาว่า "สามหนาห้าห่วง"
- พลเอกศิรินทร์ ธูปกล่ำ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (21 ต.ค. 44 - 15 พ.ค. 45) ลาออกจากตำแหน่งเมื่อ 15 พฤษภาคม 2549
- พลตำรวจเอกวาสนา เพิ่มลาภ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (22 ธ.ค. 45 - 25 ก.ค. 49)
- นายจรัล บูรณพันธุ์ศรี กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย (เสียชีวิตเดือนพฤศจิกายน 2548)
- นายวีระชัย แนวบุญเนียร กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน
- นายปริญญา นาคฉัตรีย์ กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายบริหารการเลือกตั้ง
- พลเอกจารุภัทร เรืองสุวรรณ กรรมการการเลือกตั้ง ฝ่ายกิจการพรรคการเมือง (แทนพลเอกศิรินทร์ ธูปกล่ำ ที่ลาออกจากตำแหน่งเมื่อ 15 พฤษภาคม 2549)
- พลตำรวจตรีเอกชัย วารุณประภา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง
การปรับระบบการทำงาน หลังการเสียชีวิตของนายจรัล บูรณพันธุ์ศรี
ภายหลังการเสียชีวิตของนายจรัล บูรณพันธุ์ศรี และยังไม่มีการสรรหาบุคคลใหม่มาทดแทน กกต.ที่เหลืออยู่ 4 คน ได้แบ่งหน้าที่ใหม่ จากเดิมที่แบ่งตามลักษณะงานตามความเชี่ยวชาญของ กกต. แต่ละคน ออกเป็น 4 เขตพื้นที่ให้ กกต. แต่ละคนดูแล โดยแต่ละคนต่างก็มีอำนาจเด็ดขาดทั้งการบริหาร การเลือกตั้ง การจัดการเลือกตั้ง การสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัย ในเขตพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ คือ
- พลตำรวจเอกวาสนา เพิ่มลาภ ดูแลภาคกลางและกรุงเทพ
- นายปริญญา นาคฉัตรีย์ ดูแลภาคใต้
- นายวีระชัย แนวบุญเนียร ดูแลภาคเหนือ
- พลเอกจารุภัทร เรืองสุวรรณ ดูแลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ทั้งนี้ได้มีการเพิ่มบุคลากรทั้งในสำนักงาน กกต.กลาง และ กกต.จังหวัด จากเดิม 300 คน เป็น 3000 คน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร
มีการปรับโครงสร้างหน่วยงานการวินิจฉัยสืบสวนสอบสวน จากเดิมที่มีสองส่วน เพื่อการตรวจสอบและคานอำนาจ คือ
- สำนักสืบสวนสอบสวน มีหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน และสอบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้ง
- สำนักวินิจฉัย มีหน้าที่พิจารณากลั่นกรองพยานหลักฐานจากเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนสอบสวนสืบสวนก่อนเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่ามีมูลหรือไม่ หากหลักฐานไม่เพียงพอ ก็ส่งเรื่องให้เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือรองเลขาธิการที่ได้รับมอบหมายเพื่อให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาหลักฐานเพิ่มเติม แล้วจึงส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยเป็นผู้พิจารณาก่อนส่งความเห็นในเรื่องนั้นต่อให้ กกต.กลาง วินิจฉัยชี้ขาดขั้นสุดท้าย แต่ในกรณีที่มีความเร่งด่วน ก็อาจส่งเรื่องให้ กกต.กลางวินิจฉัยได้
การจัดโครงสร้างเดิม คล้ายกับการบริหารงานในกระบวนการยุติธรรม ที่มีสำนักสืบสวนสอบสวนทำหน้าที่คล้ายตำรวจ สำนักวินิจฉัยทำหน้าที่คล้ายอัยการ คณะอนุกรรมการวินิจฉัยทำหน้าที่คล้ายเป็นศาลชั้นต้น และ กกต.กลางทำหน้าที่คล้ายกับเป็นศาลสูงสุด
แต่หลังจากที่ กกต. ชุดที่สองเข้ามาดำเนินการไม่นาน ก็มีการปรับให้หน่วยงานทั้งสองมารวมเป็นสำนักเดียวกัน คือ สำนักสืบสวนและวินิจฉัย แต่แบ่งพื้นที่การทำงานเป็นภาค ไม่ได้แบ่งเนื้อหาสาระของการทำงาน มีลักาณะการทำงานคล้ายตำรวจภูธรภาค ไม่มีอัยการ(สำนักวินิจฉัย)
กรณีคำพิพากษาของศาล
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 ศาลอาญาได้ตัดสินตามคำฟ้องของโจทย์คือ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบของ กกต โดยการเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคไทยรักไทย ตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2541 มีโทษตามมาตรา 42 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน (ไม่ได้ลงโทตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา)ศาลได้มีคำตัดสินว่าให้คณะกรรมการสามคนได้แก่ พลตำรวจเอกวาสนา เพิ่มลาภ, นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และนายวีระชัย แนวบุญเนียร ต้องคำพิพากษาศาลอาญา ให้จำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่งผลให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง กกต. เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ
คณะกรรมการการเลือกตั้ง ชุดที่สาม
วาระการดำรงตำแหน่ง 20 กันยายน พ.ศ. 2549 - ปัจจุบัน
- นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบด้านบริหารกลาง
- นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบงานด้านการบริหารการเลือกตั้ง
- นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบด้านการสืบสวนสอบสวน
- นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบด้านกิจการพรรคการเมือง
- นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง รับผิดชอบด้านการมีส่วนร่วม
- ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง
การสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2549
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ประกอบด้วยประธานศาลฎีกา รองประธานศาลฎีกา 3 คน ประธานแผนกคดีต่างๆ ในศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา จำนวน 84 คน ได้ลงมติเพื่อสรรหาผู้สมควรเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งจำนวน 10 คน [3] ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 138 (2) และ (3) จากจำนวนผู้สมัคร 42 คน เพื่อให้ที่ประชุมวุฒิสภา ลงมติคัดเลือกเหลือ 5 คน
คณะกรรมการเลือกตั้งชุดนี้จะปฏิบัติหน้าที่เป็นเวลา 2 ปี ตามวาระที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการเลือกตั้งชุดที่สอง
รายชื่อผู้สมควรเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง 5 คน ตามมาตรา 138 (2)
- นายวิชา มหาคุณ - ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา
- นายอุดม เฟื่องฟุ้ง - ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญา กรุงเทพใต้
- นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ - ประธานแผนกคดีแรงงานในศาลฎีกา
- นายสมชัย จึงประเสริฐ - ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
- นายอภิชาต สุขัคคานนท์ - ประธานแผนกคดีสิ่งแวดล้อมในศาลฎีกา
รายชื่อผู้สมควรเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง 5 คน ตามมาตรา 138 (3) (ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ทำหน้าที่คัดเลือกแทน คณะกรรมการสรรหาจากตัวแทนพรรคการเมือง ซึ่งไม่มีอยู่ในขณะนี้)
- นายประพันธ์ นัยโกวิท - รองอัยการสูงสุด
- นายแก้วสรร อติโพธิ - อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร
- นายสุเมธ อุปนิสากร - ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญา กรุงเทพใต้
- นางสดศรี สัตยธรรม - ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
- นายนาม ยิ้มแย้ม - อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1
เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2549 ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติคัดเลือกคณะกรรมการเลือกตั้ง ประกอบด้วย
- นายประพันธ์ นัยโกวิท
- นายสุเมธ อุปนิสากร
- นายอภิชาต สุขัคคานนท์
- นายสมชัย จึงประเสริฐ
- นางสดศรี สัตยธรรม
ต่อมา นายสุเมธได้หมดวาระไปเมื่ออายุครบ 70 ปี เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติคัดเลือกคณะกรรมการเลือกตั้งคนใหม่แทน มีมติด้วยคะแนน 107 ต่อ 11 เสียง งดออกเสียง 12 เสียง เลือกนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ดำรงตำแหน่งแทน[4]
อ้างอิง
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2540/E/113/3.PDF
- ↑ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2544/E/114/1.PDF
- ↑ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000102221
- ↑ "วุฒิ"ไฟเขียว"วิสุทธ์ โพธิแท่น"เป็นกกต.ใหม่