ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อู๋ อฺวี่เซียง"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Octahedron80 (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Amx002 (คุย | ส่วนร่วม)
ใส่ชื่อภาษาจีนของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งตัวอักษรจีนและคำอ่าน
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''อู่ อวี่เซียง''' ({{zh-all|c=武禹襄|p=Wǔ Yǔxiāng}}; ค.ศ. 1812-1880) ชื่อเดิม อู่ เหอชิง (武河清) เป็นข้าราชการ[[ราชวงศ์ชิง]] และเป็นครูสอน[[ไท่เก๊ก]]
'''อู่ อวี่เซียง''' ({{zh-all|c=武禹襄|p=Wǔ Yǔxiāng}}; ค.ศ. 1812-1880) ชื่อเดิม อู่ เหอชิง ({{zh-all|c=武河清|p=Wǔ héqīng}}) เป็นข้าราชการ[[ราชวงศ์ชิง]] และเป็นครูสอน[[ไท่เก๊ก]]


== พื้นเพ ==
== พื้นเพ ==
เป็นชาวตำบลกว๋างฝู่ อำเภอหย่งเหนียน [[มณฑลเหอเป่ย]] อู่ อวี่เซียงเกิดในตระกูลบัณฑิต มีพี่ชาย 2 คน คือ อู่ เฉิงชิง ({{zh-all|c=武澄清|p=Wǔ Chéngqīng}}) กับ อู่ หยู่ชิง ({{zh-all|c=武汝清|p=Wǔ Rǔqīng}}) ไปเป็นขุนนาง อู่ อวี่เซียงเป็นบัณฑิต ในเหล่าพี่น้องมีเพียงเขาคนเดียวที่อยู่บ้านเกิด มีอาชีพเป็นครูสอนหนังสือ, วิเคราะห์วิจัยทางมวยไท่เก๊ก อู่ อวี่เซียงกับพี่ชายรวม 3 คน ชอบศึกษาทางด้านศิลปศาสตร์ และวิชาการต่อสู้ตั้งแต่เยาว์วัย มีชาติตระกูลที่มั่งคั่ง มีกิจการห้างขายใบชาอยู่ในเมือง ทั้งถนนด้านทิศตะวันออกและถนนด้านทิศตะวันตก ถนนละ 1 ห้าง ภายหลังได้รวมร้านทั้งสองแห่งเข้ารวมเป็นร้านเดียว โดยร้านทางถนนทิศตะวันตก ได้ปล่อยเช่าให้กับเฉิน เต๋อหู คนของเฉินเจียโกว (หมู่บ้านสกุลเฉิน) ตำบลเวิน [[มณฑลเหอหนาน]] เปิดเป็นร้านขายยาชื่อว่า "ไท้เหอถัง"

เป็นชาวตำบลกว๋างฝู่ อำเภอหย่งเหนียน [[มณฑลเหอเป่ย]] อู่ อวี่เซียงเกิดในตระกูลบัณฑิต มีพี่ชาย 2 คน (อู่ เฉิงชิง, อู่ หยู่ชิง) ไปเป็นขุนนาง อู่ อวี่เซียงเป็นบัณฑิต ในเหล่าพี่น้องมีเพียงเขาคนเดียวที่อยู่บ้านเกิด มีอาชีพเป็นครูสอนหนังสือ, วิเคราะห์วิจัยทางมวยไท่เก๊ก อู่ อวี่เซียงกับพี่ชายรวม 3 คน ชอบศึกษาทางด้านศิลปศาสตร์ และวิชาการต่อสู้ตั้งแต่เยาว์วัย มีชาติตระกูลที่มั่งคั่ง มีกิจการห้างขายใบชาอยู่ในเมือง ทั้งถนนด้านทิศตะวันออกและถนนด้านทิศตะวันตก ถนนละ 1 ห้าง ภายหลังได้รวมร้านทั้งสองแห่งเข้ารวมเป็นร้านเดียว โดยร้านทางถนนทิศตะวันตก ได้ปล่อยเช่าให้กับเฉิน เต๋อหู คนของเฉินเจียโกว (หมู่บ้านสกุลเฉิน) ตำบลเวิน [[มณฑลเหอหนาน]] เปิดเป็นร้านขายยาชื่อว่า "ไท้เหอถัง"


== ประวัติการศึกษามวยไท่เก๊ก ==
== ประวัติการศึกษามวยไท่เก๊ก ==
ใน ช่วงปีรัชกาล[[เต้ากวงฮ่องเต้]] หยาง ลู่ฉาน (ค.ศ. 1799-1872) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทในหมู่บ้านเดียวกัน ได้กลับมาที่หมู่บ้าน หลังจากที่ได้ร่ำเรียนยุทธจากหมู่บ้านสกุลเฉิน อู่ อวี่เซียงมักจะลองวิชากับหยาง ลู่ฉานเป็นประจำ พบว่ายากที่จะรู้ซึ้งถึงความพิสดารและความลึกซึ้งได้
ใน ช่วงปีรัชกาล[[เต้ากวงฮ่องเต้]] หยาง ลู่ฉาน ({{zh-all|c=杨禄禅|p=Yáng Lùshàn}}) (ค.ศ. 1799-1872) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทในหมู่บ้านเดียวกัน ได้กลับมาที่หมู่บ้าน หลังจากที่ได้ร่ำเรียนยุทธจากหมู่บ้านสกุลเฉิน อู่ อวี่เซียงมักจะลองวิชากับหยาง ลู่ฉานเป็นประจำ พบว่ายากที่จะรู้ซึ้งถึงความพิสดารและความลึกซึ้งได้


ในปีที่ 2 ของรัชกาล[[เสียนเฟิงฮ่องเต้]] (ค.ศ. 1852) อู่ เฉิงชิง (ค.ศ. 1800-1884) ซึ่งเป็นพี่ชายของอู่ อวี่เซียง สอบได้จิ้นซื่อ และได้รับการบรรจุเข้ารับราชการ เป็นนายอำเภอที่อำเภออู่หยาง มณฑลเหอหนาน อู่ อวี่เซียงได้รับคำสั่งจากแม่ ให้ไปเยี่ยมเยียนพี่ชายที่อำเภออู่หยาง มณฑลเหอหนาน ระหว่างทางซึ่งต้องผ่านหมู่บ้านสกุลเฉิน จึงคิดที่จะไปเยี่ยมเฉินฉางซิง (ค.ศ. 1771-1853) ซึ่งเป็นอาจารย์ของหยาง ลู่ฉาน เพื่อขอคำชี้แนะ ตอนที่ผ่านหมู่บ้านจ้าวเป่าติ้ง อำเภอเวิน มณฑลเหอหนาน ได้ทราบว่าเฉิน ฉางซิง กำลังป่วยด้วยโรคชรา (ปีนั้นฉางซิงมีอายุได้ 82 ปี และได้ถึงแก่กรรมในปีนั้นเอง) ภายหลังได้รับคำแนะนำจากร้านขายยา "ไท้เหอถัง" ที่หย่งเหนียนว่าที่หมู่บ้านจ้าวเป่าติ้ง มีครูมวยอยู่ท่านหนึ่งคือ เฉิน ชิงผิง มีวิชาหมัดมวยลึกล้ำ มีฝีมือเป็นเลิศ ยากที่จะหาใครทัดเทียมได้ ดังนั้น ระหว่างทางที่อู่ อวี่เซียงเดินทางไปเยี่ยมอู่ เฉิงชิง ผู้พี่ที่อำเภออู่หยาง ได้วกเข้าหมู่บ้านจ้าวเป่า กราบอาจารย์เพื่อเรียนวิชา หลังจากที่ได้ร่ำเรียนวิชาจากเฉิน ชิงผิง (ค.ศ. 1795-1868) เป็นเวลาเดือนเศษ ได้เรียนรู้หลักเกณฑ์จนครบถ้วน รู้ลึกถึงความพิสดาร
ในปีที่ 2 ของรัชกาล[[เสียนเฟิงฮ่องเต้]] (ค.ศ. 1852) อู่ เฉิงชิง (ค.ศ. 1800-1884) ซึ่งเป็นพี่ชายของอู่ อวี่เซียง สอบได้จิ้นซื่อ และได้รับการบรรจุเข้ารับราชการ เป็นนายอำเภอที่อำเภออู่หยาง มณฑลเหอหนาน อู่ อวี่เซียงได้รับคำสั่งจากแม่ ให้ไปเยี่ยมเยียนพี่ชายที่อำเภออู่หยาง มณฑลเหอหนาน ระหว่างทางซึ่งต้องผ่านหมู่บ้านสกุลเฉิน จึงคิดที่จะไปเยี่ยมเฉินฉางซิง ({{zh-all|c=陈长兴|p=Chén zhǎngxìng}}) (ค.ศ. 1771-1853) ซึ่งเป็นอาจารย์ของหยาง ลู่ฉาน เพื่อขอคำชี้แนะ ตอนที่ผ่านหมู่บ้านจ้าวเป่าติ้ง อำเภอเวิน มณฑลเหอหนาน ได้ทราบว่าเฉิน ฉางซิง กำลังป่วยด้วยโรคชรา (ปีนั้นฉางซิงมีอายุได้ 82 ปี และได้ถึงแก่กรรมในปีนั้นเอง) ภายหลังได้รับคำแนะนำจากร้านขายยา "ไท้เหอถัง" ที่หย่งเหนียนว่าที่หมู่บ้านจ้าวเป่าติ้ง มีครูมวยอยู่ท่านหนึ่งคือ เฉิน ชิงผิง ({{zh-all|c=陈清平|p=Chén Qīngpíng}}) มีวิชาหมัดมวยลึกล้ำ มีฝีมือเป็นเลิศ ยากที่จะหาใครทัดเทียมได้ ดังนั้น ระหว่างทางที่อู่ อวี่เซียงเดินทางไปเยี่ยมอู่ เฉิงชิง ผู้พี่ที่อำเภออู่หยาง ได้วกเข้าหมู่บ้านจ้าวเป่า กราบอาจารย์เพื่อเรียนวิชา หลังจากที่ได้ร่ำเรียนวิชาจากเฉิน ชิงผิง (ค.ศ. 1795-1868) เป็นเวลาเดือนเศษ ได้เรียนรู้หลักเกณฑ์จนครบถ้วน รู้ลึกถึงความพิสดาร


== สถาปนามวยไท่เก๊กตระกูลอู่ ==
== สถาปนามวยไท่เก๊กตระกูลอู่ ==
ในสมัยเฉียนหลงฮ่องเต้ อู่ อวี่เซียงยังได้รับ "บันทึกมวยไท่เก๊ก" ซึ่งแต่งโดยซันอิ้วหวังจงเยว่จากอู่ เฉิงชิงผู้พี่ ซึ่งได้บันทึกเล่มนี้จากร้านขายเกลือในอำเภออู่หยางอีกทอดนึง หลังจากกลับถึงกว๋างฝู่แล้ว อู่ อวี่เซียงตั้งอกตั้งใจ วิเคราะห์และฝึกฝนสิ่งที่ได้จากบันทึกเล่มนั้น พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดลออ ร่างกายก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ประลองฝีมือกับเหล่ายอดฝีมือ และไม่เคยแพ้ใครเลย ซึ่งยืนยันได้ถึงพลังฝีมือของมวยไท่เก๊กที่ได้ฝึกฝน มาสองปีให้หลังฝีมือรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ได้ค้นพบหลักเกณฑ์อย่างมากมาย ซึ่งได้รับจาการฝึกฝนด้วยตนเอง เข้าใจถึงแก่นวิชาในบันทึกมวยไท่เก๊ก และได้หล่อหลอมเอาสิ่งที่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งเข้ารวมกับหลักพิชัย สงคราม, แนวทางของเต็มว่างเท็จจริง, อรรถาธิบายเกี่ยวกับเส้นลมปราณภายในร่างกายของวิชาแพทย์, วิชาเต้าอิ่นถู่น่าของวิธีการบำรุงสุขภาพ, การเก็บปล่อยพลังของวิธีการต่อสู้, ความคล่องแคล่วของการยกปล่อย โดยได้ใช้สติปัญญาวิเคราะห์อย่างเต็มความสามารถเป็นเวลาหลายปี ก็สมปรารถนาอันสุดยอด อู่ อวี่เซียงยังได้อาศัยกฎเกณฑ์และหลักเกณฑ์ของวิชามวยบัญญัติมวยขึ้นมาชุด หนึ่ง ซึ่งท่ามวยได้หลอมรวมเอาวิชาต่อสู้กับการบำรุงสุขภาพร่างกายเป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งยังได้บัญญัติท่ากระบี่ไท่เก๊กตระกูลอู่, 13 ดาบไท่เก๊กตระกูลอู่, 13 ทวนไท่เก๊กตระกูลอู่, การฝึกโต้ตอบทวน, ทวนเกาะติด ชุดฝึกเหล่านี้ เป็นต้น ทั้งยังนำเอาการผลักมือมาเปลี่ยนแปลงเป็นการก้าวหน้าถอยหลัง 3 ก้าวครึ่งซึ่งเป็นการผลักมือแบบก้าวย่าง
ในสมัยเฉียนหลงฮ่องเต้ อู่ อวี่เซียงยังได้รับ "บันทึกมวยไท่เก๊ก ({{zh-all|c=太极拳谱|p=Tàijí quán pǔ}})" ซึ่งแต่งโดยซันอิ้วหวังจงเยว่ ({{zh-all|c=山右王宗岳|p=Shān yòu wángzōngyuè}}) จากอู่ เฉิงชิงผู้พี่ ซึ่งได้บันทึกเล่มนี้จากร้านขายเกลือในอำเภออู่หยางอีกทอดนึง หลังจากกลับถึงกว๋างฝู่แล้ว อู่ อวี่เซียงตั้งอกตั้งใจ วิเคราะห์และฝึกฝนสิ่งที่ได้จากบันทึกเล่มนั้น พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดลออ ร่างกายก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ประลองฝีมือกับเหล่ายอดฝีมือ และไม่เคยแพ้ใครเลย ซึ่งยืนยันได้ถึงพลังฝีมือของมวยไท่เก๊กที่ได้ฝึกฝน มาสองปีให้หลังฝีมือรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ได้ค้นพบหลักเกณฑ์อย่างมากมาย ซึ่งได้รับจาการฝึกฝนด้วยตนเอง เข้าใจถึงแก่นวิชาในบันทึกมวยไท่เก๊ก และได้หล่อหลอมเอาสิ่งที่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งเข้ารวมกับหลักพิชัย สงคราม, แนวทางของเต็มว่างเท็จจริง, อรรถาธิบายเกี่ยวกับเส้นลมปราณภายในร่างกายของวิชาแพทย์, วิชาเต้าอิ่นถู่น่าของวิธีการบำรุงสุขภาพ, การเก็บปล่อยพลังของวิธีการต่อสู้, ความคล่องแคล่วของการยกปล่อย โดยได้ใช้สติปัญญาวิเคราะห์อย่างเต็มความสามารถเป็นเวลาหลายปี ก็สมปรารถนาอันสุดยอด อู่ อวี่เซียงยังได้อาศัยกฎเกณฑ์และหลักเกณฑ์ของวิชามวยบัญญัติมวยขึ้นมาชุด หนึ่ง ซึ่งท่ามวยได้หลอมรวมเอาวิชาต่อสู้กับการบำรุงสุขภาพร่างกายเป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งยังได้บัญญัติท่ากระบี่ไท่เก๊กตระกูลอู่, 13 ดาบไท่เก๊กตระกูลอู่, 13 ทวนไท่เก๊กตระกูลอู่, การฝึกโต้ตอบทวน, ทวนเกาะติด ชุดฝึกเหล่านี้ เป็นต้น ทั้งยังนำเอาการผลักมือมาเปลี่ยนแปลงเป็นการก้าวหน้าถอยหลัง 3 ก้าวครึ่งซึ่งเป็นการผลักมือแบบก้าวย่าง


อู่ อวี่เซียงอาศัยความรู้ในหลักวิชามวยที่ละเอียดจนลึกล้ำอย่างยิ่ง รวมทั้งสิ่งที่ค้นพบด้วยตนเองจำนวนไม่น้อย สถาปนามวยไท่เก๊กขึ้นสำนักหนึ่ง คือมวยไท่เก๊กตระกูลอู่ ที่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักวิชาของมวยไท่เก๊กอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังได้รวบรวมเอาสิ่งที่ได้ปฏิบัติจริงและเข้าใจมาประพันธ์ออกมาเป็น เพลงเคล็ดการเดินพลัง 13 ท่า", "ไขความกระจ่างในการผลักมือ", "อรรถาธิบายมวยไท่เก๊ก", "อรรถาธิบายวิพากษ์มวยไท่เก๊ก", "วิพากษ์ 13 ท่าโดยย่อ", "เคล็ดลับ 4 คำ", "แปดหลักร่างกายที่สำคัญ", "สิ่งสำคัญในการผลักมือ" เป็นต้น ซึ่งเป็นวิพากษ์มวยอันเลื่องชื่อ กลายเป็นระบบการศึกษา การวิพากษ์หลักเกณฑ์ของมวยไท่เก๊กที่สมบูรณ์ขึ้นมาชุดหนึ่ง บทประพันธ์เหล่านี้ เป็นผลงานซึ่งได้อุทิศเพื่อการพัฒนาทฤษฎีของมวยไท่เก๊ก ซึ่งจวบปัจจุบันกาล ก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบได้
อู่ อวี่เซียงอาศัยความรู้ในหลักวิชามวยที่ละเอียดจนลึกล้ำอย่างยิ่ง รวมทั้งสิ่งที่ค้นพบด้วยตนเองจำนวนไม่น้อย สถาปนามวยไท่เก๊กขึ้นสำนักหนึ่ง คือมวยไท่เก๊กตระกูลอู่ ที่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักวิชาของมวยไท่เก๊กอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังได้รวบรวมเอาสิ่งที่ได้ปฏิบัติจริงและเข้าใจมาประพันธ์ออกมาเป็น เพลงเคล็ดการเดินพลัง 13 ท่า", "ไขความกระจ่างในการผลักมือ", "อรรถาธิบายมวยไท่เก๊ก", "อรรถาธิบายวิพากษ์มวยไท่เก๊ก", "วิพากษ์ 13 ท่าโดยย่อ", "เคล็ดลับ 4 คำ", "แปดหลักร่างกายที่สำคัญ", "สิ่งสำคัญในการผลักมือ" เป็นต้น ซึ่งเป็นวิพากษ์มวยอันเลื่องชื่อ กลายเป็นระบบการศึกษา การวิพากษ์หลักเกณฑ์ของมวยไท่เก๊กที่สมบูรณ์ขึ้นมาชุดหนึ่ง บทประพันธ์เหล่านี้ เป็นผลงานซึ่งได้อุทิศเพื่อการพัฒนาทฤษฎีของมวยไท่เก๊ก ซึ่งจวบปัจจุบันกาล ก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบได้


กู้ หลิวเซียงนักวิทยายุทธ์ที่มีชื่อเสียง กล่าวถึงบทประพันธ์ของตระกูลอู่ว่า "ข้อความสั้นกระทัดรัดไม่มีข้อความไร้สาระแม้แต่น้อย"
กู้ หลิวเซียง ({{zh-all|c=顾留馨|p=Gùliúxīn}}) นักวิทยายุทธ์ที่มีชื่อเสียง กล่าวถึงบทประพันธ์ของตระกูลอู่ว่า "ข้อความสั้นกระทัดรัดไม่มีข้อความไร้สาระแม้แต่น้อย"


อู่ อวี่เซียงรับศิษย์น้อยมาก รับหลานซึ่งเป็นลูกของน้องสาวคือ หลี่ อวี้อวี๋ เพียงคนเดียวเท่านั้น
อู่ อวี่เซียงรับศิษย์น้อยมาก รับหลานซึ่งเป็นลูกของน้องสาวคือ [[หลี่ อวี้อวี๋]] ({{zh-all|c=李亦畲|p=Liyìyú}}) เพียงคนเดียวเท่านั้น


== ดูเพิ่ม ==
== ดูเพิ่ม ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:44, 25 ธันวาคม 2553

อู่ อวี่เซียง (จีน: 武禹襄; พินอิน: Wǔ Yǔxiāng; ค.ศ. 1812-1880) ชื่อเดิม อู่ เหอชิง (จีน: 武河清; พินอิน: Wǔ héqīng) เป็นข้าราชการราชวงศ์ชิง และเป็นครูสอนไท่เก๊ก

พื้นเพ

เป็นชาวตำบลกว๋างฝู่ อำเภอหย่งเหนียน มณฑลเหอเป่ย อู่ อวี่เซียงเกิดในตระกูลบัณฑิต มีพี่ชาย 2 คน คือ อู่ เฉิงชิง (จีน: 武澄清; พินอิน: Wǔ Chéngqīng) กับ อู่ หยู่ชิง (จีน: 武汝清; พินอิน: Wǔ Rǔqīng) ไปเป็นขุนนาง อู่ อวี่เซียงเป็นบัณฑิต ในเหล่าพี่น้องมีเพียงเขาคนเดียวที่อยู่บ้านเกิด มีอาชีพเป็นครูสอนหนังสือ, วิเคราะห์วิจัยทางมวยไท่เก๊ก อู่ อวี่เซียงกับพี่ชายรวม 3 คน ชอบศึกษาทางด้านศิลปศาสตร์ และวิชาการต่อสู้ตั้งแต่เยาว์วัย มีชาติตระกูลที่มั่งคั่ง มีกิจการห้างขายใบชาอยู่ในเมือง ทั้งถนนด้านทิศตะวันออกและถนนด้านทิศตะวันตก ถนนละ 1 ห้าง ภายหลังได้รวมร้านทั้งสองแห่งเข้ารวมเป็นร้านเดียว โดยร้านทางถนนทิศตะวันตก ได้ปล่อยเช่าให้กับเฉิน เต๋อหู คนของเฉินเจียโกว (หมู่บ้านสกุลเฉิน) ตำบลเวิน มณฑลเหอหนาน เปิดเป็นร้านขายยาชื่อว่า "ไท้เหอถัง"

ประวัติการศึกษามวยไท่เก๊ก

ใน ช่วงปีรัชกาลเต้ากวงฮ่องเต้ หยาง ลู่ฉาน (จีน: 杨禄禅; พินอิน: Yáng Lùshàn) (ค.ศ. 1799-1872) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทในหมู่บ้านเดียวกัน ได้กลับมาที่หมู่บ้าน หลังจากที่ได้ร่ำเรียนยุทธจากหมู่บ้านสกุลเฉิน อู่ อวี่เซียงมักจะลองวิชากับหยาง ลู่ฉานเป็นประจำ พบว่ายากที่จะรู้ซึ้งถึงความพิสดารและความลึกซึ้งได้

ในปีที่ 2 ของรัชกาลเสียนเฟิงฮ่องเต้ (ค.ศ. 1852) อู่ เฉิงชิง (ค.ศ. 1800-1884) ซึ่งเป็นพี่ชายของอู่ อวี่เซียง สอบได้จิ้นซื่อ และได้รับการบรรจุเข้ารับราชการ เป็นนายอำเภอที่อำเภออู่หยาง มณฑลเหอหนาน อู่ อวี่เซียงได้รับคำสั่งจากแม่ ให้ไปเยี่ยมเยียนพี่ชายที่อำเภออู่หยาง มณฑลเหอหนาน ระหว่างทางซึ่งต้องผ่านหมู่บ้านสกุลเฉิน จึงคิดที่จะไปเยี่ยมเฉินฉางซิง (จีน: 陈长兴; พินอิน: Chén zhǎngxìng) (ค.ศ. 1771-1853) ซึ่งเป็นอาจารย์ของหยาง ลู่ฉาน เพื่อขอคำชี้แนะ ตอนที่ผ่านหมู่บ้านจ้าวเป่าติ้ง อำเภอเวิน มณฑลเหอหนาน ได้ทราบว่าเฉิน ฉางซิง กำลังป่วยด้วยโรคชรา (ปีนั้นฉางซิงมีอายุได้ 82 ปี และได้ถึงแก่กรรมในปีนั้นเอง) ภายหลังได้รับคำแนะนำจากร้านขายยา "ไท้เหอถัง" ที่หย่งเหนียนว่าที่หมู่บ้านจ้าวเป่าติ้ง มีครูมวยอยู่ท่านหนึ่งคือ เฉิน ชิงผิง (จีน: 陈清平; พินอิน: Chén Qīngpíng) มีวิชาหมัดมวยลึกล้ำ มีฝีมือเป็นเลิศ ยากที่จะหาใครทัดเทียมได้ ดังนั้น ระหว่างทางที่อู่ อวี่เซียงเดินทางไปเยี่ยมอู่ เฉิงชิง ผู้พี่ที่อำเภออู่หยาง ได้วกเข้าหมู่บ้านจ้าวเป่า กราบอาจารย์เพื่อเรียนวิชา หลังจากที่ได้ร่ำเรียนวิชาจากเฉิน ชิงผิง (ค.ศ. 1795-1868) เป็นเวลาเดือนเศษ ได้เรียนรู้หลักเกณฑ์จนครบถ้วน รู้ลึกถึงความพิสดาร

สถาปนามวยไท่เก๊กตระกูลอู่

ในสมัยเฉียนหลงฮ่องเต้ อู่ อวี่เซียงยังได้รับ "บันทึกมวยไท่เก๊ก (จีน: 太极拳谱; พินอิน: Tàijí quán pǔ)" ซึ่งแต่งโดยซันอิ้วหวังจงเยว่ (จีน: 山右王宗岳; พินอิน: Shān yòu wángzōngyuè) จากอู่ เฉิงชิงผู้พี่ ซึ่งได้บันทึกเล่มนี้จากร้านขายเกลือในอำเภออู่หยางอีกทอดนึง หลังจากกลับถึงกว๋างฝู่แล้ว อู่ อวี่เซียงตั้งอกตั้งใจ วิเคราะห์และฝึกฝนสิ่งที่ได้จากบันทึกเล่มนั้น พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดลออ ร่างกายก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ประลองฝีมือกับเหล่ายอดฝีมือ และไม่เคยแพ้ใครเลย ซึ่งยืนยันได้ถึงพลังฝีมือของมวยไท่เก๊กที่ได้ฝึกฝน มาสองปีให้หลังฝีมือรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ได้ค้นพบหลักเกณฑ์อย่างมากมาย ซึ่งได้รับจาการฝึกฝนด้วยตนเอง เข้าใจถึงแก่นวิชาในบันทึกมวยไท่เก๊ก และได้หล่อหลอมเอาสิ่งที่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งเข้ารวมกับหลักพิชัย สงคราม, แนวทางของเต็มว่างเท็จจริง, อรรถาธิบายเกี่ยวกับเส้นลมปราณภายในร่างกายของวิชาแพทย์, วิชาเต้าอิ่นถู่น่าของวิธีการบำรุงสุขภาพ, การเก็บปล่อยพลังของวิธีการต่อสู้, ความคล่องแคล่วของการยกปล่อย โดยได้ใช้สติปัญญาวิเคราะห์อย่างเต็มความสามารถเป็นเวลาหลายปี ก็สมปรารถนาอันสุดยอด อู่ อวี่เซียงยังได้อาศัยกฎเกณฑ์และหลักเกณฑ์ของวิชามวยบัญญัติมวยขึ้นมาชุด หนึ่ง ซึ่งท่ามวยได้หลอมรวมเอาวิชาต่อสู้กับการบำรุงสุขภาพร่างกายเป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งยังได้บัญญัติท่ากระบี่ไท่เก๊กตระกูลอู่, 13 ดาบไท่เก๊กตระกูลอู่, 13 ทวนไท่เก๊กตระกูลอู่, การฝึกโต้ตอบทวน, ทวนเกาะติด ชุดฝึกเหล่านี้ เป็นต้น ทั้งยังนำเอาการผลักมือมาเปลี่ยนแปลงเป็นการก้าวหน้าถอยหลัง 3 ก้าวครึ่งซึ่งเป็นการผลักมือแบบก้าวย่าง

อู่ อวี่เซียงอาศัยความรู้ในหลักวิชามวยที่ละเอียดจนลึกล้ำอย่างยิ่ง รวมทั้งสิ่งที่ค้นพบด้วยตนเองจำนวนไม่น้อย สถาปนามวยไท่เก๊กขึ้นสำนักหนึ่ง คือมวยไท่เก๊กตระกูลอู่ ที่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักวิชาของมวยไท่เก๊กอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังได้รวบรวมเอาสิ่งที่ได้ปฏิบัติจริงและเข้าใจมาประพันธ์ออกมาเป็น เพลงเคล็ดการเดินพลัง 13 ท่า", "ไขความกระจ่างในการผลักมือ", "อรรถาธิบายมวยไท่เก๊ก", "อรรถาธิบายวิพากษ์มวยไท่เก๊ก", "วิพากษ์ 13 ท่าโดยย่อ", "เคล็ดลับ 4 คำ", "แปดหลักร่างกายที่สำคัญ", "สิ่งสำคัญในการผลักมือ" เป็นต้น ซึ่งเป็นวิพากษ์มวยอันเลื่องชื่อ กลายเป็นระบบการศึกษา การวิพากษ์หลักเกณฑ์ของมวยไท่เก๊กที่สมบูรณ์ขึ้นมาชุดหนึ่ง บทประพันธ์เหล่านี้ เป็นผลงานซึ่งได้อุทิศเพื่อการพัฒนาทฤษฎีของมวยไท่เก๊ก ซึ่งจวบปัจจุบันกาล ก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบได้

กู้ หลิวเซียง (จีน: 顾留馨; พินอิน: Gùliúxīn) นักวิทยายุทธ์ที่มีชื่อเสียง กล่าวถึงบทประพันธ์ของตระกูลอู่ว่า "ข้อความสั้นกระทัดรัดไม่มีข้อความไร้สาระแม้แต่น้อย"

อู่ อวี่เซียงรับศิษย์น้อยมาก รับหลานซึ่งเป็นลูกของน้องสาวคือ หลี่ อวี้อวี๋ (จีน: 李亦畲; พินอิน: Liyìyú) เพียงคนเดียวเท่านั้น

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น