ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไหม (วัสดุ)"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4: บรรทัด 4:
“[[ไหมป่า]]” (Wild silk) ผลิตจาก[[ดักแด้]]ที่ไม่ใช่[[ตัวไหม]][[มัลเบอรรี]]และสามารถผลิตเทียมได้ การใช้ไหมป่าทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณใน[[จีน]], [[เอเชียใต้]] และ [[ยุโรป]]แต่เป็นการผลิตระดับต่ำเมื่อเทียบกับไหมแท้ ไหมป่าจะมีลักษณะต่างๆ จากไหมเลี้ยง[[ดักแด้]]ที่ไปเก็บมามักจะได้รับความเสียหายจากการที่ตัวดักแด้เจาะทะลุ “รัง” ออกมาก่อนที่จะทำการสาวซึ่งทำให้เส้นที่ออกมาเป็นเส้นสั้นๆ ไหมที่เลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมจะถูกฆ่าก่อนที่จะทำการสาวไหมโดยการต้มก่อนที่ตัวไหมจะโผล่ออกเป็นผีเสื้อ หรือเจาะด้วยเข็มที่ทำให้ “รังไหม” เพื่อที่จะไม่ให้รังได้รับความเสียหายจากการถูกเจาะ ซึ่งเป็นการทำให้สาวเส้นไหมได้เป็นเส้นเดียวตลอดทั้งรัง และทำให้ผ้าที่ทอออกมามีความแข็งแรงทนทานเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นไหมป่าก็ยังย้อมยากกว่าไหมเลี้ยง
“[[ไหมป่า]]” (Wild silk) ผลิตจาก[[ดักแด้]]ที่ไม่ใช่[[ตัวไหม]][[มัลเบอรรี]]และสามารถผลิตเทียมได้ การใช้ไหมป่าทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณใน[[จีน]], [[เอเชียใต้]] และ [[ยุโรป]]แต่เป็นการผลิตระดับต่ำเมื่อเทียบกับไหมแท้ ไหมป่าจะมีลักษณะต่างๆ จากไหมเลี้ยง[[ดักแด้]]ที่ไปเก็บมามักจะได้รับความเสียหายจากการที่ตัวดักแด้เจาะทะลุ “รัง” ออกมาก่อนที่จะทำการสาวซึ่งทำให้เส้นที่ออกมาเป็นเส้นสั้นๆ ไหมที่เลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมจะถูกฆ่าก่อนที่จะทำการสาวไหมโดยการต้มก่อนที่ตัวไหมจะโผล่ออกเป็นผีเสื้อ หรือเจาะด้วยเข็มที่ทำให้ “รังไหม” เพื่อที่จะไม่ให้รังได้รับความเสียหายจากการถูกเจาะ ซึ่งเป็นการทำให้สาวเส้นไหมได้เป็นเส้นเดียวตลอดทั้งรัง และทำให้ผ้าที่ทอออกมามีความแข็งแรงทนทานเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นไหมป่าก็ยังย้อมยากกว่าไหมเลี้ยง


[[ประวัติผ้าไหมในยุคเริ่มแรก]]
==ประวัติผ้าไหมในยุคเริ่มแรก==
ผ้าไหมมีต้นกำเนิดจากประเทศจีนเมื่อกว่า 3500 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยในตำนานเชื่อว่าจักรพรรดิเล่ยซู (Lei Zu) ของจีนเป็นผู้เริ่มพัฒนาผ้าไหม ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นจักรพรรดิจีนจะเก็บผ้าไหมไว้สำหรับให้เป็นของกำนัล กระทั่งผ้าไหมกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมจีน และถูกขนส่งแลกเปลี่ยนไปยังหลายประเทศในแถบเอเชีย ลวดลายและความเงางามของผ้าไหมทำให้ผู้คนต่างต้องการผ้าไหมเป็นอย่างมาก การค้าขายผ้าไหมยุคนั้นจึงนับว่าเป็นช่วงแรกของค้าขายเชิงอุตสาหกรรมระบบข้ามชาติ ปีพ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) นักประวัติศาสตร์ค้นพบผ้าไหมสมัยราชวงศ์โจวตะวันออก (ราว 2,500 ปีที่แล้ว) ณ หลุมฝังศพที่มณฑลเจียงซี ซึ่งผ้าไหมดังกล่าวมีการทอและย้อมอย่างประณีตด้วยเทคนิคที่ซับซ้อน นั่นจึงสามารถตอบความสงสัยของนักประวัติศาสตร์เกี่ยวกับระยะเวลาอันยาวนานของผ้าไหมจีนยุคแรกว่า มีมาก่อนการค้นพบผ้าไหมในสมัยราชวงศ์ฮั่นที่หม่าหวางตุย (Mawandui)
ผ้าไหมมีต้นกำเนิดจากประเทศจีนเมื่อกว่า 3500 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยในตำนานเชื่อว่าจักรพรรดิเล่ยซู ([[Lei Zu]]) ของจีนเป็นผู้เริ่มพัฒนาผ้าไหม ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นจักรพรรดิจีนจะเก็บผ้าไหมไว้สำหรับให้เป็นของกำนัล กระทั่งผ้าไหมกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมจีน และถูกขนส่งแลกเปลี่ยนไปยังหลายประเทศในแถบเอเชีย ลวดลายและความเงางามของผ้าไหมทำให้ผู้คนต่างต้องการผ้าไหมเป็นอย่างมาก การค้าขายผ้าไหมยุคนั้นจึงนับว่าเป็นช่วงแรกของค้าขายเชิงอุตสาหกรรมระบบข้ามชาติ ปีพ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) นักประวัติศาสตร์ค้นพบผ้าไหมสมัย[[ราชวงศ์โจว]]ตะวันออก (ราว 2,500 ปีที่แล้ว) ณ หลุมฝังศพที่มณฑลเจียงซี ซึ่งผ้าไหมดังกล่าวมีการทอและย้อมอย่างประณีตด้วยเทคนิคที่ซับซ้อน นั่นจึงสามารถตอบความสงสัยของนักประวัติศาสตร์เกี่ยวกับระยะเวลาอันยาวนานของผ้าไหมจีนยุคแรกว่า มีมาก่อนการค้นพบผ้าไหมในสมัย[[ราชวงศ์ฮั่น]]ที่หม่าหวางตุย ([[Mawangdui]])


== ดูเพิ่ม ==
== ดูเพิ่ม ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:38, 21 ธันวาคม 2553

การสาวไหม

ไหม เป็นเส้นใยโปรตีนธรรมชาติ มีความเหนียว ทนทาน และมันวาว สามารถนำไปใช้ทอเป็นผืนผ้าได้อย่างงดงาม ไหมที่ดีที่สุดได้มาจากตัวอ่อนของตัวไหมหรือผีเสื้อไหมมัลเบอรรีชนิดที่เรียกว่า Bombyx mori ซึ่งชักใยออกมาพันรอบตัวขณะเป็นดักแด้ก่อนจะเจาะออกมาเป็นผีเสื้อตัวเต็มวัย การดึงเส้นไหมออกจากดักแด้ หรือปลอกไหม เรียกว่า การสาวไหม ความเงามันวาวของเส้นไหมนั้น มาจากคุณสมบัติของโครงสร้างที่คล้ายปริซึมสามเหลี่ยมของเส้นใยนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ผ้าไหม (ผ้าที่ทอจากเส้นไหม) จึงมีความมัน สะท้อนแสงเป็นประกายวับวาวจากมุมต่างๆ ที่ทำให้สะท้อนออกเป็นสีต่างๆ

ไหมป่า” (Wild silk) ผลิตจากดักแด้ที่ไม่ใช่ตัวไหมมัลเบอรรีและสามารถผลิตเทียมได้ การใช้ไหมป่าทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณในจีน, เอเชียใต้ และ ยุโรปแต่เป็นการผลิตระดับต่ำเมื่อเทียบกับไหมแท้ ไหมป่าจะมีลักษณะต่างๆ จากไหมเลี้ยงดักแด้ที่ไปเก็บมามักจะได้รับความเสียหายจากการที่ตัวดักแด้เจาะทะลุ “รัง” ออกมาก่อนที่จะทำการสาวซึ่งทำให้เส้นที่ออกมาเป็นเส้นสั้นๆ ไหมที่เลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมจะถูกฆ่าก่อนที่จะทำการสาวไหมโดยการต้มก่อนที่ตัวไหมจะโผล่ออกเป็นผีเสื้อ หรือเจาะด้วยเข็มที่ทำให้ “รังไหม” เพื่อที่จะไม่ให้รังได้รับความเสียหายจากการถูกเจาะ ซึ่งเป็นการทำให้สาวเส้นไหมได้เป็นเส้นเดียวตลอดทั้งรัง และทำให้ผ้าที่ทอออกมามีความแข็งแรงทนทานเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นไหมป่าก็ยังย้อมยากกว่าไหมเลี้ยง

ประวัติผ้าไหมในยุคเริ่มแรก

ผ้าไหมมีต้นกำเนิดจากประเทศจีนเมื่อกว่า 3500 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยในตำนานเชื่อว่าจักรพรรดิเล่ยซู (Lei Zu) ของจีนเป็นผู้เริ่มพัฒนาผ้าไหม ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นจักรพรรดิจีนจะเก็บผ้าไหมไว้สำหรับให้เป็นของกำนัล กระทั่งผ้าไหมกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมจีน และถูกขนส่งแลกเปลี่ยนไปยังหลายประเทศในแถบเอเชีย ลวดลายและความเงางามของผ้าไหมทำให้ผู้คนต่างต้องการผ้าไหมเป็นอย่างมาก การค้าขายผ้าไหมยุคนั้นจึงนับว่าเป็นช่วงแรกของค้าขายเชิงอุตสาหกรรมระบบข้ามชาติ ปีพ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) นักประวัติศาสตร์ค้นพบผ้าไหมสมัยราชวงศ์โจวตะวันออก (ราว 2,500 ปีที่แล้ว) ณ หลุมฝังศพที่มณฑลเจียงซี ซึ่งผ้าไหมดังกล่าวมีการทอและย้อมอย่างประณีตด้วยเทคนิคที่ซับซ้อน นั่นจึงสามารถตอบความสงสัยของนักประวัติศาสตร์เกี่ยวกับระยะเวลาอันยาวนานของผ้าไหมจีนยุคแรกว่า มีมาก่อนการค้นพบผ้าไหมในสมัยราชวงศ์ฮั่นที่หม่าหวางตุย (Mawangdui)

ดูเพิ่ม


แม่แบบ:Link FA