ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด"
บรรทัด 64: | บรรทัด 64: | ||
== ผลงาน == |
== ผลงาน == |
||
* 2553 - ไทยพรีเมียร์ลีก - ชนะเลิศ |
|||
* 2553 - ถ้วยพระราชทาน ก - ชนะเลิศ |
* 2553 - ถ้วยพระราชทาน ก - ชนะเลิศ |
||
* 2552 - ไทยพรีเมียร์ลีก - ชนะเลิศ |
* 2552 - ไทยพรีเมียร์ลีก - ชนะเลิศ |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:17, 25 ตุลาคม 2553
สโมสรฟุตบอลเมืองทองฯ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลของประเทศไทย ลงเล่นในระดับไทยพรีเมียร์ลีก โดยเลื่อนชั้นขึ้นมาในฐานะแชมป์ดิวิชั่น 1เมื่อจบฤดูกาล 2008
ประวัติสโมสร
ยุคแรก (โรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์)
บุคคลที่เป็นผุ้ก่อตั้งสโมสรฟุตบอลเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด คือ นายวรวีร์ มะกูดี ซึ่งปัจจุบันเป็นนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยเป็นการก่อตั้งหลังจากทีมโรงเรียนศาสนวิทยา หรือทีมบีอีซี เทโรศาสน ในปัจจุบันเพียง 3 ปี ชื่อแรกที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสมาคมฟุตบอลฯเป็นชื่อทีมโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์ ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ เริ่มไตเต้าจากถ้วยเล็กสุดอย่างถ้วยพระราชทานประเภท ง กระทั่งในการแข่งขันฟุตบอลลีกดิวิชั่น1 ฤดูกาล 2545-2546 ทีม ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นหนแรกเป็น สโมสรฟุตบอลไข่มุกดำหนองจอก โดยได้นายหัว วีระ มุสิกพงศ์ อดีตนักการเมืองดังเข้ามาทำทีม แต่แค่ฤดูกาลเดียวเมื่อไม่ประสบความสำเร็จนายวีระ ก็เลิกลาไปโดยที่ทีมยังคงอยู่ในลีกดิวิชั่น1 ต่อไป
เข้าสู่ระบบลีก
ฤดูกาลต่อมาของลีกดิวิชั่น1 2546-2547 ทีมเปลี่ยนชื่ออีกครั้งตามกลุ่มที่เข้าเทกโอเวอร์รับทำทีมต่อก้คือ สโมสรฟุตบอล หลักทรัพย์โกล์เบล็ค หนองจอก โดยมีโค้ชหลอ สมศักดิ์ เซ็นเชาวนิช เป็นกุนซือแต่ปีนั้นทีมทำผลงานได้ย่ำแย่จนสุดท้ายก็ต้องตกชั้นไปเล่นในถ้วยพระราชทานประเถท ข ในฤดูกาล 2547-2548 โดยกลับไปใช้ชื่อเดิม ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จุดเริ่มต้นจริงๆก่อนจะมายิ่งใหญ่เช่นทุกวันนี้นั้นน่าจะเป็นเพราะสมาคมฟุตบอลฯต้องการยกระดับลีกการแข่งขันในประเทศของไทยให้เป็นสากลมากขึ้นจึงก่อตั้งลีกดิวิชั่น2 ขึ้นมาโดยนำทีมจากถ้วยพระราชทาน ข และ ค มาผสมรวมกันเพื่อแข่งขันในลีกนี้ในฤดูกาล 2549-2550 ซึ่งแน่นอนว่า ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ได้สิทธิ์เข้าแข่งขันด้วยและปีนั้นกับลีกดิวิชั่น2 ของไทยครั้งแรกชื่อทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด ก็ปรากฏขึ้นมาโดยผู้สนับสนุนทีมคือ นายระวิ โหลทอง ที่รับตำแหน่งประธานสโมสรด้วยตนเอง ใครก็รู้ดีว่านายใหญ่ของค่ายสยามสปอร์ต ผู้นี้ที่เป็นเจ้าพ่อสื่อกีฬาในปัจจุบันนั้นพิสมัยเกมลูกหนังขนาดไหนด้วยใจรักจึงอยากจะมีทีมฟุตบอลของตัวเองขึ้นมาสักทีมเพื่อหวังทำให้ประสบความสำเร็จเหมือนที่เคยทำหนังสือพิมพ์กีฬาให้โด่งดังมาแล้ว
ยุคเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ
ปีนั้นทีมใช้บริการกุนซืออย่าง นพพร เอกศาสตรา คุมทีมโดยมี มร.โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ เป็นผจก.ทีมและสุดท้ายปีนั้นชื่อทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด ก็ได้รับการจารึกว่าเป็นเจ้าของแชมป์ลีกดิวิชั่น2 ครั้งแรกพร้อมได้สิทธิ์ก้าวไปเล่นลีดดิวิชั่น1 ในปี พ.ศ. 2551 ได้สำเร็จ ความสำเร็จจากแชมป์ลีกดิวิชั่น2 จุดประกายฝันให้ทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด เดินหน้าต่อในลีกดิวิชั่น1 ที่เขี้ยวและหินกว่าลีกดิวิชั่น2 เยอะแต่สุดท้ายทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด ก็ทำได้เมื่อกุนซืออย่าง โค้ชหมี สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น1 ประจำปี 2551 มาครอบครองได้สำเร็จ พร้อมตั๋วขึ้นชั้นมาเล่นไทยพรีเมียรืลีก2009 หรือไทยลีก ครั้งที่ 13 ได้สำเร็จ ไทยพรีเมียรืลีก2009 อันเป็นครั้งแรกของทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด หรือทีม ร.ร.หนองจอกพิทยานุสรณ์ เดิม ได้ขึ้นมาเล่นลีกสูงสุดของประเทศได้เป็นครั้งแรกนับจากก่อตั้งสโมสรมา 20 ปีนั้น สุดท้ายประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังไทยก็ต้องจารึกอีกครั้งเป็นตำนานบทใหม่ว่าเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด นั้นเป็นทีมแรกที่สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกของไทยไล่จากลีกดิวิชั่น2,ดิวิชั่น1 จนถึงลีกสูงสุดของไทยอย่าง ไทยพรีเมียร์ลีก แบบใช้เวลา 3ปี ถ้วยต่อถ้วยได้สำเร็จเป็นทีมแรกที่ยังไม่เคยมีสโมสรไหนทำได้มาก่อนนับแต่ที่ลีกลูกหนังไทยปรับโฉมมาเป็นลีกดิวิชั่น2,1 และไทยพรีเมียร์ลีก จากเดิมที่เป็นถ้วยง,ค,ข และลีกดิวิชั่น1 ก่อนถึงไทยลีกเท่านั้น
สนามเหย้า
สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด ใช้สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยมเป็นสนามเหย้า โดยสนามแห่งนี้อยู่หลังอาคารชาเลนเจอร์ เป็นพื้นที่โล่งใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วนพิเศษ ไปได้ทุกที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ติดกับธันเดอร์โดมที่ใช้จัดคอนเสิร์ตในเรียลลิตี้ โชว์ชื่อดัง “เอเอฟ” หรืออะคาเดมี่ แฟนเทเชีย
สำหรับสนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม นั้นปัจจุบันมีความจุโดยประมาณ 15,000 ที่นั่ง และเมื่อต่อเติมและปรับปรุงเสร็จจะมีความจุรวมเพิ่มเป็น 25,000 ที่นั่ง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกทั้ง 2 ฝั่งอัฒจรรย์, ห้อง VIP รอบสนาม, ห้องสื่อมวลชน, ร้านอาหาร, พลาซ่า, จูเนียร์ช็อป, พิพิธภัณฑ์สโมสร ฯลฯ นอกจากนี้สโมสร ยังเปิดโอกาสให้สโมสรอื่นๆ ทั้งในระดับไทยลีกและดิวิชั่นต่างๆ และยังได้มาตรฐานเอเอฟซีและของโลกด้วย และอีกหนึ่งการพัฒนาคือได้เข้ามาศึกษาระบบการจัดการของสโมสรเพื่อพัฒนาลีกอาชีพของไทยให้ก้าวไปสู่ ความเป็นสากลต่อไป
และนอกจากนี้ก็ยังเปิดโอกาสให้ทีมชาติใหญ่ทำการแข่งขันด้วย
โลโก้สโมสรจากอดีตถึงปัจจุบัน
-
ฤดูกาล 2005 - 2007
-
ฤดูกาล 2008
-
ฤดูกาล 2009 - 2010
ผลงาน
- 2553 - ไทยพรีเมียร์ลีก - ชนะเลิศ
- 2553 - ถ้วยพระราชทาน ก - ชนะเลิศ
- 2552 - ไทยพรีเมียร์ลีก - ชนะเลิศ
- 2551 - ไทยลีก ดิวิชั่น 1 - ชนะเลิศ
- 2550 - ไทยลีก ดิวิชั่น 2 - ชนะเลิศ
ผู้ฝึกสอน
รายชื่อผู้ฝึกสอน(2550 - ปัจจุบัน)
ชื่อ | สัญชาติ | ระยะเวลา | ความสำเร็จ |
---|---|---|---|
นพพร เอกศาสตรา | 2550-2551 | แชมป์ ดิวิชั่น 2 | |
นาวาเอก สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ | 2551-เมษายน 2552 | แชมป์ ดิวิชั่น 1 | |
อรรถพล บุษปาคม | เมษายน 2552-มกราคม 2553 | แชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก | |
เรอเน เดอซาแยร์ | มกราคม 2553-ปัจจุบัน | แชมป์ ถ้วย ก แชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก |
รายชื่อนักฟุตบอล
31 กรกฎาคม 2553 หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
|
นักฟุตบอลที่ปล่อยให้ยืม
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
การซื้อขายนักเตะในฤดูกาล 2010
- เข้า
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
- ออก
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
|
เกร็ดน่ารู้
เพลงมารซ์ "กิเลนผยอง" เอาทำนองมาจากเพลง 'The Battle Hymn of Repubilc' หรือ ' glory glory man united'
อ้างอิง
สโมสรพันธมิตร
แหล่งที่มา
อ้างอิง
นิตยสาร เอ็มทียูทีดี รายเดือนฉบับแรก(เดือนพฤษจิกายน)