ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระนิกโก"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 14: | บรรทัด 14: | ||
หลังจากการก่อตั้งวัดไทเซขิจินั้น พระนิกโคได้แต่งตั้งศิษย์ขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดคือ [[พระนิชิโมขุ]] ([[ค.ศ. 1260]]– [[ค.ศ. 1333]]) และได้เกษียณอายุและเดินทางไกลไปยัง โอโมะสุ ซึ่งท่านได้สร้างโรงเรียนสอนธรรมมะ และได้สอนลูกศิษย์จนกระทั่งได้ดับขันธ์ใน เดือนที่ 2 ตามจันทรคติ ในปี [[ค.ศ. 1333]] เมื่ออายุได้ 87 พรรษา |
หลังจากการก่อตั้งวัดไทเซขิจินั้น พระนิกโคได้แต่งตั้งศิษย์ขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดคือ [[พระนิชิโมขุ]] ([[ค.ศ. 1260]]– [[ค.ศ. 1333]]) และได้เกษียณอายุและเดินทางไกลไปยัง โอโมะสุ ซึ่งท่านได้สร้างโรงเรียนสอนธรรมมะ และได้สอนลูกศิษย์จนกระทั่งได้ดับขันธ์ใน เดือนที่ 2 ตามจันทรคติ ในปี [[ค.ศ. 1333]] เมื่ออายุได้ 87 พรรษา |
||
== การเป็นผู้สืบทอดของพระนิชิเรน == |
|||
ผู้นับถือศาสนาพุทธนิกายนิชิเรนสายของพระนิกโค หรือก็คือ นิชิเรนโชชู เชื่อว่าพระนิกโคเป็นผู้สืบทอดอย่างถูกต้องและบริสุทธิ์ของพระนิชิเรน ในฐานะ พระสังฆราชหรือพระสัฆนายกแห่งนิชิเรนโชชู โดยได้อ้างอิงจากเอกสาร ในเดือน 9 ตามจันทรคติของปี [[ค.ศ. 1282]] ที่มีชื่อว่า นิชิเรน อิชิโกะ กุโฮะ ฟุโซะกุโช หรือ จดหมายที่กำหนดคำสอนทั้งหมดที่จะถูกส่งต่อในช่วงชีวิตของพระนิชิเรน ในเอกสารฉับบนี้ พระนิชิเรนได้มอบหมาย คำสอนทั้งหมดของชีวิตท่าน ให้แก่พระนิกโค และแต่งตั้งให้เป็น '''''ผู้นำสูงสุดแห่งการสืบทอดคำสอนที่ถูกต้องแท้จริง''''' อย่างไรก็ตาม พระสงฆ์อาวุโสรูปอื่นๆที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งนั้น ได้ปฏิเสธการแต่งตั้งครั้งนี้ และตั้งนิกาย [[นิชิเรนชู]] ขึ้นมา |
|||
ลูกศิษย์สายตรงของพระนิกโคบางคน ได้แตกแยกออกเป็นนิกายของตนเอง โดยได้บิดเบือนคำสอนบางประการจากนิชิเรนโชชู อย่างไรก็ตามในภายหลังนิกายที่เหล่านี้ได้กลับมาเข้ากับนิชิเรนโชชู |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:00, 31 มีนาคม 2553
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
พระนิกโค (日興 Nikkō) (ค.ศ. 1246 - ค.ศ. 1333) หรือ พระนิกโค โชนิน เป็นผู้ก่อตั้งนิกายย่อยของศาสนาพุทธ นิกายนิชิเรน ซึ่งคือ นิชิเรนโชชู นามแบบเต็มของท่านคือ ฮะวะคิ-โบะ เบียวคุเร็น อาจาริ นิกโค (伯耆房 白蓮阿闍梨 日興 Hawaki-bō Byakuren Ajari Nikkō)
ว่ากันว่าพระนิกโค เข้าเป็นศิษย์ของ พระนิชิเร็นไดโชนิน ระหว่างปี ค.ศ. 1258 และ ปี ค.ศ. 1260 ซึ่งไม่ระบุเวลาที่แน่ชัด ท่านได้ตามรับใช้พระนิชิเรนอย่างใกล้ชิด จนถึงวันที่ท่านดับขันธ์ จากบันทึกของนิชิเรนโชชู พระนิกโคยังได้โดนเนรเทศพร้อมๆกับพระนิชิเรนถึงสองครั้ง และยังเป็นผู้ทำการเก็บรักษาบทธรรมนิพนธ์ที่พระนิชิเรนเขียนไว้อย่างมหาศาล โดยได้ทำการเก็บรักษาอย่างดีและระมัดระวัง
ในวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1282 พระนิกโคได้รับการแต่งตั้งเป็น หนึ่งในหกของ พระสงฆ์อาวุโส ซึ่งพระนิชิเรนคาดหวังไว้ให้เป็นผู้เผยแผ่คำสอนหลังจากการดับขันธ์ของท่าน ต่อมาในวันที่ 13 ตุลาคม พระนิชิเรนได้แต่งตั้งให้ พระนิกโคเป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดคุอนจิ แห่งเขามิโนบุ ซึ่งเป็นสถานที่พระนิชิเรนได้ใช้ชีวิตอยู่ในปีที่สุดท้ายของชีวิต อย่างไรก็ตามนิกายนิชิเรนชู และนิกายอื่นๆได้ปฏิเสธเรื่องนี้ วันต่อมาพระนิชิเรนได้ดับขันธ์ ฤ คฤหาสถ์ตระกูลอิเคนามิในโตเกียว
หลังจากพิธีศพของพระนิชิเรน พระนิกโคได้เดินทางออกจากบ้านตระกูลอิเคนามิในวันที่ 21 ตุลาคม และนำอัฐิ ของพระนิชิเร็นกลับไปยังเขามิโนบุ จนถึงเขามิโนบุในวันที่ 25 ตุลาคม หลังจากครบ 100 วัของจากดับขันธืของพระนิชิเรน พระนิกโคและพระสงฆ์อาวุโสอื่นๆทั้ง 5 และลูกศิษย์ ได้ร่วมพิธีรำลึกการดับขันธ์ครบ 100 วันของท่าน
หลังจากนั้น พระนิกโค ได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดคุอนจิ สอนลูกศิษย์และดูแลฆราวาสที่นับถือ หน้าที่หลักที่สำคัญที่สุดของท่านคือการดูแลและปกป้องรักษาไดโงะฮนซน (สิ่งสักการะบูชาสูงสุดของนิชิเรนโชชู) ดูแลรักษาสุสานของพระนิชิเรน และ ทำหน้าที่รวบรวมคำสอนและบทธรรมนิพนธ์ของพระนิชิเรน ระหว่างนั้นนั่นเอง พระสงฆ์อาวุโสอีก 5 รูป ได้มาเยือนเขามิโนบุนานๆครั้งเท่านั้น และค่อยๆเบี่ยนเบนและถอยห่างจากพระนิกโคที่ดำเนินคำสอนและการปฏิบัติตามแบบพระนิชิเรนซึ่งเปนแบบดั้งเดิม อาทิเช่น บางท่านได้เริ่มปั้นพระพุทธรูปของพระพุทธเจ้าศากยุมุนี หรือ ไปเข้ากับ นิกายเทียนไท้ สำหรับพระ นิโค นั้นได้ถูก ฮาการิ ซาเนะนากะ ยุยงให้ไปนับถือนิกายสุขาวดี และเคารพเทพเจ้าของชินโตอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ส่งผลให้พระนิกโค เล็งเห็นว่า การเผยแผ่ธรรมของพระนิชิเรน คงไม่อาจดำเนินต่อไปได้ ณ วัดคุอนจิ แห่งเขามิโนบุอีกต่อไป ในฐานะที่เป็นพระสงฆ์ที่พระนิชิเรนแต่งตั้งให้เป็น พระสังฆราช พระนิกโคได้วางแผนว่าถึงเวลาแล้วที่จะไปจากเขามิโนบุ พระนิกโคจึงได้เดินทางออกจากเขามิโนบุ พร้อมกับได้นำไดโงะฮนซน อัฐิของพระนิชิเรน และของตกทอดต่างๆจากพระนิชิเรน และได้ออกจากเขามิโนบุพร้อมกับลูกศิษย์ในฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ. 1289 นันโจะ โทะชิมัตุ ฆราวาสที่นับถือได้มอบที่ดินบริเวณใกล้ภูเขาไฟฟูจิให้กับพระนิกโค ภายหลังได้บริจาคให้สร้างเป็นวัด ซึ่งต่อมาเป็นวัดไทเซขิจิ ซึ่งเป็นวัดใหญ่และศูนย์กลางของนิชิเรนโชชู
หลังจากการก่อตั้งวัดไทเซขิจินั้น พระนิกโคได้แต่งตั้งศิษย์ขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดคือ พระนิชิโมขุ (ค.ศ. 1260– ค.ศ. 1333) และได้เกษียณอายุและเดินทางไกลไปยัง โอโมะสุ ซึ่งท่านได้สร้างโรงเรียนสอนธรรมมะ และได้สอนลูกศิษย์จนกระทั่งได้ดับขันธ์ใน เดือนที่ 2 ตามจันทรคติ ในปี ค.ศ. 1333 เมื่ออายุได้ 87 พรรษา
การเป็นผู้สืบทอดของพระนิชิเรน
ผู้นับถือศาสนาพุทธนิกายนิชิเรนสายของพระนิกโค หรือก็คือ นิชิเรนโชชู เชื่อว่าพระนิกโคเป็นผู้สืบทอดอย่างถูกต้องและบริสุทธิ์ของพระนิชิเรน ในฐานะ พระสังฆราชหรือพระสัฆนายกแห่งนิชิเรนโชชู โดยได้อ้างอิงจากเอกสาร ในเดือน 9 ตามจันทรคติของปี ค.ศ. 1282 ที่มีชื่อว่า นิชิเรน อิชิโกะ กุโฮะ ฟุโซะกุโช หรือ จดหมายที่กำหนดคำสอนทั้งหมดที่จะถูกส่งต่อในช่วงชีวิตของพระนิชิเรน ในเอกสารฉับบนี้ พระนิชิเรนได้มอบหมาย คำสอนทั้งหมดของชีวิตท่าน ให้แก่พระนิกโค และแต่งตั้งให้เป็น ผู้นำสูงสุดแห่งการสืบทอดคำสอนที่ถูกต้องแท้จริง อย่างไรก็ตาม พระสงฆ์อาวุโสรูปอื่นๆที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งนั้น ได้ปฏิเสธการแต่งตั้งครั้งนี้ และตั้งนิกาย นิชิเรนชู ขึ้นมา
ลูกศิษย์สายตรงของพระนิกโคบางคน ได้แตกแยกออกเป็นนิกายของตนเอง โดยได้บิดเบือนคำสอนบางประการจากนิชิเรนโชชู อย่างไรก็ตามในภายหลังนิกายที่เหล่านี้ได้กลับมาเข้ากับนิชิเรนโชชู
อ้างอิง
- Nikkō Shōnin Nichimoku Shōnin Shōden (日興上人・日目上人正伝: "Orthodox biography of Nikkō Shōnin and Nichimoku Shōnin"), Taisekiji, 1982
- Nichiren Daishōnin Shōden (日蓮大聖人正伝: "Orthodox biography of Nichiren Daishōnin"), Taisekiji, 1981
- The Life of Nichiren Daishonin. Kirimura, Yasuji. Nichiren Shoshu International Center (no longer connected to Nichiren Shoshu), 1980