ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เอไอเอ็ม-9 ไซด์ไวน์เดอร์"
Elite501st (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{กล่องข้อมูล อาวุธ |
|||
{{รอการตรวจสอบ}} |
|||
|name= เอไอเอ็ม-9 ไซด์ไวน์เดอร์ |
|||
[[ภาพ:AIM-9 Sidewinder.jpg|จรวดไซด์ไวน์เดอร์ที่กำลังจะติดตั้งกับเครื่อง[[เอฟ/เอ-18|เอฟ-18]]|thumb|300px|right]] |
|||
|ภาพ=[[File:N-0507F-003.jpg|300px]] |
|||
'''เอไอเอ็ม-9 ไซด์ไวน์เดอร์''' ({{lang-en|''AIM-9 Sidewinder''}}) เป็น[[ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ]]ติดตามความร้อนพิสัยใกล้ซึ่งใช้โดย[[เครื่องบินขับไล่]]และล่าสุดยังใช้โดย[[เฮลิคอปเตอร์โจมตี]] มันถูกตั้งชื่อตามงูไซด์ไวน์เดอร์ซึ่งหาเหยื่อของมันผ่านทางความร้อนของร่างกายและยังเพราะว่าขีปนาวุธมีเส้นทางการเคลื่อนที่คล้ายงูเลื้อย ไซด์ไวน์เดอร์เป็นขีปนาวุธอากาศสู่อากาศที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงแบบแรก มักถูกใช้และลอกเลียนแบบอย่างกว้างขวาง ถึงกระนั้นแบบต่างๆ และการพัฒนาของมันยังคงอยู่ในประจำการในหลายกองทัพอากาศหลังจากที่มันทำงานมากว่าห้าทศวรรษ เมื่อไซด์ไวน์เดอร์เริ่มถูกใช้ นักบินของ[[นาโต้]]ใช้รหัสเรียกมันว่า"ฟ็อกซ์ ทู" (''Fox two'') ทางวิทยุสื่อสาร เช่นเดียวกับขีปนาวุธติดตามความร้อนแบบอื่นๆ |
|||
|สัญชาติ= {{flagcountry|สหรัฐอเมริกา}} |
|||
|role=ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ |
|||
|manufacturer=[[แนมโม]]<br>[[เรย์ธีออน]]<br>[[ฟอร์ด แอโรสเปซ]]<br>[[โลรัล คอร์เปอเรชั่น]] |
|||
|cost= 85,000 ดอลลาร์สหรัฐ |
|||
|service= พ.ศ. 2599-ปัจจุบัน (เอไอเอ็ม-9บี) |
|||
|engine=[[จรวดเชื้อเพลิงแข็ง]] |
|||
|weight= 91 กิโลกรัม |
|||
|length= 2.85 กิโลกรัม |
|||
|diameter= 127 ม.ม. |
|||
|wing_span= 630 ม.ม. |
|||
|speed= 2.5 มัก |
|||
|พิสัยปฏิบัติการ= 1-18 กิโลกรัม |
|||
|วัตถุระเบิด= ระเบิดสะเก็ดวงแหวน 9.4 กิโลกรัม |
|||
|guidance= อินฟราเรด |
|||
|detonation= พลังแม่เหล็ก (แบบเก่า)<br>อินฟราเรดปฏิบัติ (เอไอเอ็ม-9แอลเป็นต้นไป) |
|||
|launch_platform=อากาศยานและเฮลิคอปเตอร์ |
|||
}} |
|||
'''เอไอเอ็ม-9 ไซด์ไวน์เดอร์''' ({{lang-en|''AIM-9 Sidewinder''}}) เป็น[[ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ]]พิสัยใกล้ติดตามความร้อน ซึ่งใช้กับ[[เครื่องบินขับไล่]]และ[[เฮลิคอปเตอร์โจมตี]] แบบอื่นและการพัฒนายังคงอยู่ในประจำการในกองทัพอากาศต่างๆ หลังจากผ่านไปห้าทศวรรษ นักบิน[[นาโต้]]ใช้รหัสเรียกมันว่า'''ฟ็อกซ์ ทู''' (''Fox Two'') ซึ่งหมายถึงขีปนาวุธติดตามความร้อน |
|||
ไซด์ไวน์เดอร์ประมาณ 110,000 ลูกได้ถูกสร้างขึ้นมาซึ่งอาจมีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นท์เท่านั้นที่ใช้ไปในการต่อสู้ ส่งผลให้มีการสังหารไป 250-300 ทั่วโลก ขีปนาวุธนั้นถูกออกแบบมาอย่างง่ายดาย<ref>[http://www.strategypage.com/htmw/htairw/articles/20080223.aspx Air Weapons: Beyond Sidewinder<!-- Bot generated title -->]</ref> |
|||
ไซด์ไวน์เดอร์เป็นขีปนาวุธที่ใช้กว้างขวางที่สุดในฝั่งตะวันตก ด้วยการผลิตมากกว่า 110,000 ลูกสำหรับสหรัฐและอีก 27 ประเทศ ซึ่งอาจมีเพียง 1 % เท่านั้นที่ใช้ในการรบ มันถูกผลิตภายใต้ใบอนุญาตโดยบางชาติรวมทั้งสวีเดน เอไอเอ็ม-9 เป็นหนึ่งในขีปนาวุธอากาศสู่อากาศที่เก่าแก่ที่สุด ถูกที่สุด และประสบความสำเร็จที่สุด ด้วยคะแนนสังหารถึง 270 จากทั่วโลก<ref>{{cite web|url=http://www.designation-systems.net/dusrm/m-9.html|title=Raytheon AIM-9 Sidewinder|publisher=www.designation-systems.net|accessdate=2 February 2010}}</ref> |
|||
มันถูกออกแบบมาเพื่อทำการพัฒนาได้โดยง่าย<ref>{{cite web|url=http://www.strategypage.com/htmw/htairw/articles/20080223.aspx|title=Air Weapons: Beyond Sidewinder|publisher=www.strategypage.com|accessdate=2 February 2010}}</ref> กล่าวกันว่าเป้าหมายของการออกแบบสำหรับไซด์ไวน์เดอร์ดั้งเดิมนั้นคือสร้างขีปนาวุธที่ไว้ใจได้และมีประสิทธิภาพ กองทัพเรือสหรัฐได้ฉลองครบรอบ 50 ปีของการใช้มันในปีพ.ศ. 2545 |
|||
ไซด์ไวน์เดอร์ (''sidewinder'') มาจากชื่อของ[[งูหางกระดิ่ง]] ซึ่งใช้อินฟราเรดในการหาความร้อนจากตัวเหยื่อ |
|||
==หลักฟิสิกส์ในการใช้อินฟราเรด== |
==หลักฟิสิกส์ในการใช้อินฟราเรด== |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:28, 25 กุมภาพันธ์ 2553
เอไอเอ็ม-9 ไซด์ไวน์เดอร์ | |
---|---|
บทบาท | |
ประจำการ | พ.ศ. 2599-ปัจจุบัน (เอไอเอ็ม-9บี) |
ประวัติการผลิต | |
บริษัทผู้ผลิต | แนมโม เรย์ธีออน ฟอร์ด แอโรสเปซ โลรัล คอร์เปอเรชั่น |
ข้อมูลจำเพาะ | |
มวล | 91 กิโลกรัม |
ความยาว | 2.85 กิโลกรัม |
เส้นผ่าศูนย์กลาง | 127 ม.ม. |
เอไอเอ็ม-9 ไซด์ไวน์เดอร์ (อังกฤษ: AIM-9 Sidewinder) เป็นขีปนาวุธอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ติดตามความร้อน ซึ่งใช้กับเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์โจมตี แบบอื่นและการพัฒนายังคงอยู่ในประจำการในกองทัพอากาศต่างๆ หลังจากผ่านไปห้าทศวรรษ นักบินนาโต้ใช้รหัสเรียกมันว่าฟ็อกซ์ ทู (Fox Two) ซึ่งหมายถึงขีปนาวุธติดตามความร้อน
ไซด์ไวน์เดอร์เป็นขีปนาวุธที่ใช้กว้างขวางที่สุดในฝั่งตะวันตก ด้วยการผลิตมากกว่า 110,000 ลูกสำหรับสหรัฐและอีก 27 ประเทศ ซึ่งอาจมีเพียง 1 % เท่านั้นที่ใช้ในการรบ มันถูกผลิตภายใต้ใบอนุญาตโดยบางชาติรวมทั้งสวีเดน เอไอเอ็ม-9 เป็นหนึ่งในขีปนาวุธอากาศสู่อากาศที่เก่าแก่ที่สุด ถูกที่สุด และประสบความสำเร็จที่สุด ด้วยคะแนนสังหารถึง 270 จากทั่วโลก[1]
มันถูกออกแบบมาเพื่อทำการพัฒนาได้โดยง่าย[2] กล่าวกันว่าเป้าหมายของการออกแบบสำหรับไซด์ไวน์เดอร์ดั้งเดิมนั้นคือสร้างขีปนาวุธที่ไว้ใจได้และมีประสิทธิภาพ กองทัพเรือสหรัฐได้ฉลองครบรอบ 50 ปีของการใช้มันในปีพ.ศ. 2545
ไซด์ไวน์เดอร์ (sidewinder) มาจากชื่อของงูหางกระดิ่ง ซึ่งใช้อินฟราเรดในการหาความร้อนจากตัวเหยื่อ
หลักฟิสิกส์ในการใช้อินฟราเรด
ในทศวรรษที่ 1920 มีการค้นพบว่าการเผยสารประกอบตัวนำกำมะถันให้กับอินฟราเรดจะลดการต้านทานไฟฟ้าของการผสมสาร สิ่งนี้เป็นตัวอย่างของสิ่งที่เรียกว่า"โฟโตคอนดักทิวิตี้" (อังกฤษ: photoconductivity) สิ่งนี้ยังสามารถเปล่งแสงได้โดยคลื่นความยาวของแสง[3] สิ่งดังกล่าวสามารถวัดขนาดผลในปัจจุบันและจากนั้นก็ส่งต่อผลดังกล่าวเพื่อเกิดการกระทำ—ในกรณีนี้ หัวที่หาเป้าจะส่งผลให้ขีปนาวุธเพื่อบินตรงไปที่แหล่งความร้อน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง กองกำลังส่วนใหญ่พยายามที่จะสร้างระบบมองกลางคืนโดยใช้เครื่องตรวจจับตัวนำกำมะถันและจอมองเพิ่มความเข้มข้น ส่วนใหญ่สำหรับการตรวจจับเครื่องบินในระยะไกล แต่ก็ไม่มีการพิสูจน์ใดๆ ที่พบว่าประสบผลสำเร็จและมีเพียงระบบสแปนเนอร์ (Spanner) ของเยอรมันเท่านั้นที่เข้าสู่การผลิต สแปนเนอร์ใช้ท่อมองขนาดยาวฉายผ่านจอของเครื่องบินเพื่อให้นักบินมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าได้อย่างชัดเจนแต่มันก็มีพิสัยที่จำกัด โครงการทั้งหมดนี้จบลงด้วยการใช้เรดาร์ทางอากาศ
เครื่องตรวจจับอินฟราเรดถูกใช้อย่างกว้างขวางบนฐานภาคพื้นดิน สิ่งเหล่านี้ยังรวมทั้งทุกสิ่งจากระบบมองเห็นสำหรับรถถังและแม้แต่พลซุ่มยิง เพื่อช่วยในการเคลื่อนที่ในตอนกลางคืน อย่างไรก็ตามเยอรมนียังได้ทำการทดลองระบบนำวิถีขีปนาวุธอัตโนมัติโดยตั้งใจที่จะนำไปหาความร้อนจากเครื่องยนต์เครื่องบิน มันใช้เครื่องตรวจจับเพียงเครื่องเดียวตรงกล้องมองขนาดเล็ก พร้อมกังหันสี่ตำแหน่งระหว่างเครื่องตรวจจับและกล้องโทรทรรศน์ กล้งอโทรทรรศน์จะส่งผลให้สัญญาณตกลงบนเครื่องตรวจจับเพื่อเพิ่มและลดโดยขึ้นอยู่กับว่าสัญญาณถูกกั้นจากกังหันมากแค่ไหน จากนั้นสัญญาณนี้จะถูกใช้เป็นเสมือนนักบินอัตโนมัติ โดยจากนั้นจะเริ่มหันไปที่แกนของกล้องโทรทรรศน์ ขีปนาวุธถูกนำวิถีไปที่เป้าหมายโดยใช้สิ่งที่เรียกว่าการไล่ตาม (pure pursuit) การพัฒนาไม่สิ้นสุดจนกระทั่งสงครามจบลง
ข้อมูลทั่วไป
- ประเภท AIR TO AIR MISSILE
- ผู้ผลิต LOCKHEED MARTIN USA.
- ปีผลิต 1956
- ระยะยิง 10-18 MILE (depending on altitude)
- ความเร็ว SUPERSONIC MACH 2.5
- ดินขับ SOLID STATE
- หัวรบ 20.8-25 LBS. BLAST FRAGMENTATION
- ระบบนำวิถี INFRARED HOMIMG SYSTEM
อ้างอิง
- ↑ "Raytheon AIM-9 Sidewinder". www.designation-systems.net. สืบค้นเมื่อ 2 February 2010.
- ↑ "Air Weapons: Beyond Sidewinder". www.strategypage.com. สืบค้นเมื่อ 2 February 2010.
- ↑ Encyclopedia Britannica