ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คฤหาสน์โวเบิร์น"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Mattis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Mattis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3: บรรทัด 3:
{{กล่องข้อมูล สิ่งก่อสร้าง
{{กล่องข้อมูล สิ่งก่อสร้าง
| ชื่อสิ่งก่อสร้าง = คฤหาสน์โวเบิร์นแอบบี<br><small>Woburn Abbey</small>
| ชื่อสิ่งก่อสร้าง = คฤหาสน์โวเบิร์นแอบบี<br><small>Woburn Abbey</small>
| ชื่อภาษาอื่น = <small>[[:หมวดหมู่:ทรัพย์สินขององค์การอนุรักษ์แห่งชาติ|ทรัพย์สินขององค์การอนุรักษ์แห่งชาติ]]</small>
| ชื่อภาษาอื่น = <small>[[คฤหาสน์คุณค่าแห่งอังกฤษ]]</small>
| ภาพ = WoburnAbbey04.JPG
| ภาพ = WoburnAbbey04.JPG
| คำบรรยายภาพ = คฤหาสน์โวเบิร์นแอบบี
| คำบรรยายภาพ = คฤหาสน์โวเบิร์นแอบบี

รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:26, 21 กุมภาพันธ์ 2553

คฤหาสน์โวเบิร์นแอบบี
Woburn Abbey
คฤหาสน์โวเบิร์นแอบบี
แผนที่
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทคฤหาสน์ชนบท
เมืองโวเบิร์น, มณฑลเบดฟอร์ดเชอร์
ประเทศอังกฤษ, สหราชอาณาจักร
พิกัดแม่แบบ:Coor dms
เริ่มสร้างค.ศ. 1145 - สถาปนาเป็นแอบบี
ปรับปรุงค.ศ. 1744
เว็บไซต์
สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ ระดับ 1

คฤหาสน์โวเบิร์นแอบบี (อังกฤษ: Woburn Abbey, (ออกเสียง Woburn)) เป็นคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่ใกล้โวเบิร์นในมณฑลเบดฟอร์ดเชอร์ในสหราชอาณาจักร โวเบิร์นแอบบีเป็นที่ตั้งของดยุคแห่งเบดฟอร์ดและเป็นที่ตั้งของอุทยานซาฟารีเบดฟอร์ด

ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 20

คฤหาสน์โวเบิร์นประกอบด้วย “อุทยานโวเบิร์น” และ ตัวสิ่งก่อสร้างที่เดิมเป็นแอบบีซิสเตอร์เชียนที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1145 [1] ในปี ค.ศ. 1547 สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ทรงยึดแอบบีโวเบิร์น และนำไปมอบให้แก่จอห์น รัสเซลล์ เอิร์ลแห่งเบดฟอร์ดที่ 1 ซึ่งทำให้โวเบิร์นกลายเป็นที่ตั้งของตระกูลรัสเซลล์และดยุคแห่งเบดฟอร์ด แอบบีส่วนใหญ่ได้รับการสร้างใหม่ ในปี ค.ศ. 1744[1]โดยสถาปนิกเฮนรี ฟลิทครอฟท์ และ เฮนรี ฮอลแลนด์ให้แก่จอห์น รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 4 แอนนา รัสเซลล์ ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ดภรรยาของฟรานซิส รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 7 ได้ชื่อว่าเป็นผู้ริเริ่มอาหารว่างมื้อบ่ายที่กลายมาเป็นประเพณีการดื่มชา ราว ค.ศ. 1800 เพื่อเป็นแก้หิวระหว่างคอยอาหารค่ำ ซึ่งก็ยังประเพณีที่ปฏิบัติกันอยู่บ้างในปัจจุบัน

ค.ศ. 1945 ถึง ค.ศ. 1970s

ผังของโวเบิร์นก่อนที่จะถูกทำลายไปบางส่วน
ด้านตะวันออกของคฤหาสน์โวเบิร์นแอบบีมองจากลานกลางเดิม

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็พบรอยไม้ผุที่ทำให้ต้องรื้อคฤหาสน์ลงครึ่งหนึ่ง เมื่อเฮสติงส์ วิลเลียม แซ็ควิลล์ รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 12 เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1953 บุตรชายจอห์น โรเบิร์ต รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 13 ผู้ประสบกับภาษีมรดกจำนวนมหาศาลสำหรับบ้านที่ถูกรื้อไปครึ่งหนึ่งและอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม แต่แทนที่จะยกคฤหาสน์ให้แก่องค์การเพื่อการอนุรักษ์สิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญและความสวยงามแห่งชาติ หรือ องค์การอนุรักษ์แห่งชาติ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดก็หาทางนำเงินมาช่วยในทำนุบำรุงและรักษาคฤหาสน์โดยการเปิดคฤหาสน์ให้สาธารณชนเข้าชมเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 เมื่อกลายเป็นนิยมทางคฤหาสน์ก็เพิ่มสิ่งต่างๆ ขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่รวมทั้งอุทยานซาฟารีเบดฟอร์ดที่เปิดขึ้นในปี ค.ศ. 1970

คริสต์ทศวรรษ 1970 ถึง ค.ศ. 2003

ในปี ค.ศ. 1975 จอห์น โรเบิร์ต รัสเซลล์ย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่มอนติคาร์โล[2] โรบินบุตรชายผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นมาร์ควิสแห่งทาวิสต็อค (Marquess of Tavistock) และภรรยามาร์ชอนเนสแห่งทาวิสต็อคจึงดำเนินการบริหารคฤหาสน์โวเบิร์นต่อแทนบิดา

ระหว่างปี ค.ศ. 1999 ถึงปี ค.ศ. 2002 บีบีซีสร้างรายการต่อเนื่องสามชุดทั้งหมด 29 ตอนโดยการติดตามรายละเอียดชีวิตประจำวันที่เกี่ยวกับการบริหารและการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับคฤหาสน์โวเบิร์นโดยมีมาร์ควิสและมาร์ชอนเนสเองเป็นผู้แสดงและบรรยาย

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2002 เมื่อดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 13 เสียชีวิตลง มาร์ควิสแห่งทาวิสต็อคก็ได้รับบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดาเป็นโรบิน รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 14 แต่โรบินดำรงบรรดาศักดิ์อยู่ได้เพียงไม่ถึงปีก็มาเสียชีวิตในเดือนมิถุนายนปีต่อมา

ค.ศ. 2003 จนถึงปัจจุบัน

หลังจากการเสียชีวิตของดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 14 บุตรชายคนโตผู้ได้รับบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดาเป็นแอนดรู เอียน เฮนรี รัสเซลล์ ดยุคแห่งเบดฟอร์ดที่ 15 จึงเป็นผู้ดำเนินการบริหารคฤหาสน์ต่อจากบิดา

“คฤหาสน์โวเบิร์นแอบบี” ที่เป็นสิ่งก่อสร้างสิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ ระดับ 1 ในปัจจุบันเป็นขององค์การอนุรักษ์แห่งชาติแห่งอังกฤษ

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 "Woburn, England - LoveToKnow 1911" (HTML). Encyclopædia Britannica Eleventh Edition. Encyclopædia Britannica. 2005-12-15. สืบค้นเมื่อ 2008-10-06.
  2. "The Duchess of Bedford" by Nicole Nobody

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ คฤหาสน์โวเบิร์นแอบบี