ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ"
Watcharakorn (คุย | ส่วนร่วม) +logo |
|||
บรรทัด 3: | บรรทัด 3: | ||
{{กล่องข้อมูล สนามบิน |
{{กล่องข้อมูล สนามบิน |
||
| name = ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ |
| name = ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ |
||
| image = ไฟล์: |
| image = ไฟล์:Suvarnabhumi Airport Logo.svg |
||
| image2 = ไฟล์:Terminal de l'aéroport international de Bangkok.JPG |
|||
| IATA = BKK |
| IATA = BKK |
||
| ICAO = VTBS |
| ICAO = VTBS |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:13, 29 ธันวาคม 2552
แม่แบบ:กล่องข้อมูล สนามบิน ถูกยกเลิกการใช้งานแล้ว กรุณาใช้ แม่แบบ:Infobox airport ทดแทน |
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นสนามบินตั้งอยู่ที่ ถนนบางนา-ตราด ในตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เปิดใช้งานเที่ยวบินระหว่างประเทศเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549[1] รัฐบาลได้มีนโยบายกำหนดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแทนท่าอากาศยานดอนเมือง และตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิถูกออกแบบโดยเฮลมุต ยาห์น มีหอควบคุมที่สูงที่สุดในโลก (132.2 ม.) และอาคารผู้โดยสารเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก (563,000 ม.²) ปัจจุบัน ท่าอากาศยานดังกล่าวเป็นหนึ่งในท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย และยังเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศ รวมไปถึงเป็นศูนย์กลางสำหรับสายการบินหลายแห่ง ได้แก่ การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ พีบีแอร์ และไทยแอร์เอเชีย
ชื่อสนามบิน
ชื่อของสนามบินสุวรรณภูมิ มีความหมายว่า "แผ่นดินทอง" เป็นชื่อพระราชทานโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2543 (ชื่อดังกล่าวถูกนำมาใช้แทนชื่อเดิม คือ "หนองงูเห่า") และเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2545[2]
ชื่อสากลของสนามบินสะกดตามการถ่ายตัวสะกดภาษาสันสกฤต ว่า "Suvarnabhumi" แทนการเขียนทับศัพท์ตามระบบราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งสะกดว่า "Suwannaphum"
ประวัติ
การซื้อที่ดินและการก่อสร้างในช่วงแรก
แนวคิดในการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติแห่งที่สองในกรุงเทพมหานครเริ่มมีขึ้นในปี พ.ศ. 2503 ในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่มีความคืบหน้าในการก่อสร้างน้อยมาก จนในตอนต้นปี พ.ศ. 2511 โครงการก่อสร้างดังกล่าวก็ถูกโจมตีว่าจะเสร็จหลังกำหนดเป็นเวลา 5-7 ปี[3] ในปี พ.ศ. 2516 รัฐบาลทหารของจอมพลถนอม กิตติขจร ได้ซื้อที่ดินหนองน้ำ 20,000 ไร่ บริเวณหนองงูเห่า จังหวัดสมุทรปราการ สำหรับสร้างสนามบินใหม่[4] แต่ภายหลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลา ซึ่งนักศึกษาเดินขบวนขับไล่นั้น ทำให้รัฐบาลจอมพลถนอมต้องออกจากตำแหน่ง และทำให้โครงการดังกล่าวต้องถูกระงับ[5]
และหลังจากความไม่แน่นอนมานานหลายทศวรรษ ในปี พ.ศ. 2539 ได้มีการจัดตั้งบริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (NBIA) ขึ้น เนื่องมาจากความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งเหตุการณ์ที่สำคัญ ได้แก่ วิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 การก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเริ่มขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2545 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยก่อนหน้านั้นได้มีการปรับปรุงพื้นที่เป็นเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2540-2544) และต่อมา ในปี พ.ศ. 2548 ผู้อำนวยการก่อสร้างและการจัดการถูกโอนให้กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยบริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด ถูกปิดตัวลง
การก่อสร้าง
สถาปนิกผู้ออกแบบอาคาร คือ เฮลมุต ยาห์น ชาวอเมริกัน-เยอรมัน และบริษัทเมอร์ฟี/ยาห์น ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา แต่แบบอาคารในท่าอากาศยานเป็นจำนวนมากได้ถูกปรับเปลี่ยนขนาด และวัสดุก่อสร้างจากแบบเดิมไปในหลายส่วน เช่น เพิ่มการประดับยักษ์ และสถาปัตยกรรมไทยเพิ่มเข้าไปโดยสถาปนิกชาวไทย เป็นต้น
รายชื่อบริษัทที่ร่วมก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ:[6]
- สถาปนิก - เมอร์ฟี/ยาห์น (Murphy / Jahn)
- ประสานงาน - ACT
- ผู้จัดการโครงการ - TAMS/Earth Tech
- วิศวกร
- Werner Sobek Ingenieure (โครงสร้าง)
- Transsolar Energietechnik (สภาพแวดล้อม)
- Martin/Martin (โครงสร้างตัวอาคาร)
- John A. Martin & Associates (โครงสร้างคอนกรีต)
- Flack + Kurtz (งานระบบ)
- ที่ปรึกษา
- AIK - Yann Kersalé (ระบบแสง)
- BNP (ระบบกระเป๋า)
- ผู้รับเหมา - ITO Joint
- คอนกรีต - อิตาเลียน-ไทย
- หลังคา - B&O Hightex
- สแตนเลส - Thapanin
- ระบบกระเป๋า - คาวาซากิ
งบประมาณการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 50% เป็นงบประมาณของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในขณะที่อีก 50% มาจากข้อตกลงระหว่างท่าอากาศยานไทยกับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่น[7] ฝ่ายจัดหาที่เกี่ยวข้องกับสนามบินปฏิบัติตามแนวปฏิบัติของธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งประเทศญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัดในด้านความโปร่งใสและการเปิดเผย ถึงแม้ว่าท่าอากาศยานดังกล่าวจะถูกก่อสร้างขึ้นตามนโยบายประชานิยม ดังที่เคยประกาศไว้ว่าท่าอากาศยานดังกล่าวสำหรับผู้โดยสาร แต่บริษัทส่งออกทั้งไทยและต่างประเทศก็ต้องการให้มีการก่อสร้างท่าอากาศยานตามถนนมอเตอร์เวย์ระหว่างโรงงานอุตสาหกรรม กรุงเทพมหานคร และแหลมฉบังด้วยเช่นกัน
ปัญหาในการวางแผนก่อสร้าง
ระหว่างการวางแผนและก่อสร้างสนามบินนั้น โครงการได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ถึงทั้งอุปสรรคปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนั้น และที่เกรงว่าอาจจะเกิดในอนาคต ปัญหาเหล่านี้ถูกยกเป็นประเด็นในแวดวงวิชาการ วิชาชีพ และในสื่อ ปัญหาในการวางแผนก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถประมวลได้ดังนี้:
ปัญหาทางเทคนิควิศวกรรม สถาปัตยกรรม
- ในการก่อสร้างช่วงแรก พบปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่การก่อสร้าง
- ปัญหาการทรุดตัวไม่เท่ากัน ของแต่ละช่วงของ ทางขึ้นลงของเครื่องบิน และทางเชื่อมไปยังรันเวย์ (แท็กซี่เวย์) เนื่องจากเทคนิคการถมและบดอัด
- ปัญหาคุณภาพและความคงทนของวัสดุผ้าใบหลังคาอาคารผู้โดยสาร
- ปัญหาระบบปรับอากาศ เครื่องทำความเย็นต้องใช้พลังงานและกระแสไฟฟ้ามาก เพราะผนังอาคารเป็นกระจกและเพดานสูง 20 เมตร ทำให้ต้องใช้ระบบหล่อน้ำเย็นใต้พื้นชดเชย ซึ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายและการดูแลยากกว่าระบบทั่วไป สิ้นเปลืองพลังงานและต้องเสียค่าน้ำเย็นจากโรงทำน้ำเย็น
- ปัญหาระบบเสียง อะคูสติกไม่มีวัสดุกรุผนังอื่น นอกจากกระจก ทำให้ไม่ส่งเสริมให้เกิดการกระจายเสียงที่ดี อาจก่อให้เกิดปัญหาในการกระจายเสียงได้
- ปัญหาจำนวนห้องสุขา ไม่ได้ตามมาตรฐานอาคารสาธารณะขนาดใหญ่พิเศษ
- ปัญหาความพร้อมของระบบตามมาตรฐานการบินนานาชาติ ซึ่งมีผลต่อการเปิดสนามบิน ที่มีการเลื่อนวันเปิดไป-มา จนมาลงเอยที่วันที่ 28 กันยายน 2549 ซึ่งเช้ามืดในวันดังกล่าวจะมีการหยุดใช้สนามบินนานาชาติกรุงเทพ (ดอนเมือง) อย่างถาวร จึงจะต้องมีการขนย้ายทุกอย่างให้จบสิ้นลง ก่อให้เกิดปัญหาต่อผู้ดำเนินกิจการสายการบินต่างๆ เป็นอันมาก
- ปัญหาหลังคารั่ว - ในวันที่ 18 กันยายน 2549 ขณะยังไม่เปิดการบริการทางพาณิชย์อย่างเต็มที่นั้น หลังคาอาคารผู้โดยสารได้เกิดรั่ว เนื่องจากซิลิโคนที่เชื่อมกระจกหลุด ซึ่งอาจเกิดจากการถูกขูดระหว่างพนักงานทำความสะอาดกระจกหลังคา นายพงศ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ยืนยันว่าจะซ่อมเสร็จภายในกำหนดการเปิดใช้ และหลังจากนั้น 1 ปีแล้วทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์ [8]
ปัญหาการพัฒนาพื้นที่
จากการสัมมนาทางวิชาการหลายเวที โดยเฉพาะทางด้านวิชาชีพสถาปัตยกรรม ผังเมือง และวิศวกรรม ได้แก่ การสัมมนาทางวิชาการในงานสถาปนิก 49, การสัมมนาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมสถาปนิกสยาม สมาคมนักผังเมืองไทย การสัมมนาทางวิชาการที่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าที่ตั้งของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีปัญหาด้านการพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ อาจสรุปเป็นหัวข้อดังต่อไปนี้
- ปัญหาด้านเสียงจากการจราจรทางอากาศ ต่อการพัฒนาที่ดินเป็นแหล่งพักอาศัยโดยรอบ
- ปัญหาน้ำท่วมของพื้นที่โดยรอบและใกล้เคียง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นแนวระบายน้ำหลักและพื้นที่หน่วงน้ำ "แก้มลิง" ด้านตะวันออกของกรุงเทพมหานคร[9]
- ปัญหาระบบจราจรและโครงข่ายถนนเพื่อการเข้าถึงสนามบิน ระบบป้ายนำทาง ความสะดวกของผู้ใช้สนามบินในการเดินทางไปยังอาคารผู้โดยสาร [10]
ปัญหาอื่น
- การออกแบบที่ยังไม่อำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ โดยไม่คำนึงถึงการให้บริการในส่วนที่คนพิการจะสามารถใช้งานได้ ซึ่งในระดับสากลแล้วการสร้างระบบการให้บริการจำเป็นต้องมี และทางหน่วยงานคนพิการทั้งหลายในประเทศไทยเอง พยายามเสนอวิธีแก้ไขปัญหา แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับอย่างชัดเจน[11]
- เนื่องจากอาคารผู้โดยสารสายต่างประเทศและภายในอยู่ในที่เดียวกัน ทำให้ระยะทางเดินต่อเครื่อง ยาวโดยเฉลี่ย 800-1,000 เมตร หรือในจุดที่ยาวสุดระยะทางถึง 3,000 เมตรนั้น เป็นระยะทางที่ไกล ก่อให้เกิดปัญหาได้ในกรณีที่ระยะเวลาต่อเครื่องนั้นกระชั้นชิด อีกทั้งไม่มีรถรางขนส่งดังเช่นแผนเดิมที่ออกแบบไว้[11]
การทดสอบสนามบิน และการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
เดิมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีกำหนดการเปิดในตอนปลายปี พ.ศ. 2548 แต่ก็ถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากข้อบกพร่องในการก่อสร้าง และข้อกล่าวหาในการฉ้อราษฎร์บังหลวง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาในทางความเชื่ออีกว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีวิญญาณสิงสถิตอยู่ ซึ่งคนงานก่อสร้างที่เห็นวิญญาณเหล่านั้นเกิดความกลัว ดังนั้น เมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2548 ท่าอากาศยานไทยจึงได้จัดพิธีสวดมนต์ของพระสงฆ์ 99 รูปเพื่อสะกดดวงวิญญาณ[12]
สนามบินได้เปิดทดลองเต็มรูปแบบ และมีการขายตั๋วที่นั่งให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 โดยมีสายการบินภายในประเทศ 6 สายการบินร่วมทดลอง ได้แก่ การบินไทย นกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย บางกอกแอร์เวย์ พีบีแอร์ และโอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ จาก 20 เที่ยวบินภายในประเทศ[13][14] ส่วนเที่ยวบินทดสอบระหว่างประเทศเที่ยวบินแรกเกิดขึ้นในวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยมีการส่งเครื่องบินไทย 2 ลำไปยังสิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งเป็นการทดสอบทั้งความสามารถของท่าอากาศยานในการรองรับการจราจรทางอากาศที่แออัด
ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2549 ท่าอากาศยานเริ่มเปิดให้บริการเที่ยวบินรายวันอย่างจำกัด โดยเจ็ตสตาร์ เอเชีย แอร์เวย์ มีเที่ยวบิน 3 เที่ยวต่อวันไปยังสิงคโปร์ ส่วนการบินไทยมีเที่ยวบินภายในประเทศไปยังจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอุบลราชธานี ตามด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ แอร์เอเชีย ไทยแอร์เอเชีย และนกแอร์ ซึ่งระหว่างช่วงเริ่มต้นใช้งานนั้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ใช้รหัสสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศชั่วคราว คือ NBK
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 3.00 น. ของวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549
ปัญหาหลังจากเปิดให้บริการ
- ปัญหาหลังคารั่ว[15] - ขณะฝนตกหนักในช่วงวันเปิด ได้เกิดหลังคารั่ว จากการชี้แจงของผู้เกี่ยวข้องว่าเกิดการรอยต่อที่ยาซิลิโคนไว้หลุดร่อน และได้ทำการแก้ไขเฉพาะหน้าไปโดยการใช้ถังรองน้ำฝนที่รั่ว และให้ช่างยาแนวรอยรั่วในวันต่อมา
- ปัญหาการจราจรเข้าสู่สนามบิน - ปัญหานี้เกิดเนื่องจากขาดการประสานงานด้านประชาสัมพันธ์ที่พอเพียง ต่อมา ทอท. ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ประชาสัมพันธ์ และติดป้ายบอกทางทั่วกรุงเทพฯ และบริเวณทางด่วน
- ปัญหาสายพานรับส่งกระเป๋า ทำให้เกิดความล่าช้า และสูญหายของกระเป๋า ในระยะสัปดาห์แรกของการให้บริการ มีกระเป๋าตกค้าง และล่าช้าอยู่ราว 6000 ใบ
- ปัญหาจำนวนห้องน้ำไม่พอ[15] - ปัญหานี้ภายหลังได้มีการแก้ไขโดยมีโครงการก่อสร้างห้องน้ำเพิ่มเติม[16] โดยนายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้สั่งการให้ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ใช้งบประมาณเร่งด่วนของปี 2550 จำนวนประมาณ 40 ล้านบาท มาสร้างห้องน้ำทั้งภายในอาคารผู้โดยสารและนอกอาคารเพิ่มอีก 20 จุด รวม 205 ห้อง (ห้องน้ำชาย 95 ห้อง และห้องน้ำหญิงอีก 110 ห้อง) [15]
- ปัญหาการประชาชนจำนวนมากเข้ามาเที่ยวชม - ทำให้เกิดความแออัด จราจรติดขัด และไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึง ร้านอาหารราคาแพงและไม่เพียงพอ ซึ่งทาง ทอท.ได้แก้ปัญหาโดยใช้เงินลงทุนประมาณ 15 ล้านบาทในการก่อสร้าง ร้านอาหารราคามิตรภาพ บริเวณอาคารเทียบเครื่องบิน A และ G อีกแห่งละจุดรวมเป็น 2 จุด แต่ละจุดจะมีห้องน้ำ 25 ห้อง จะมีการก่อสร้างร้านอาหารที่บรรจุคนได้ 500 ที่นั่ง ส่วนที่บริเวณศูนย์การขนส่งสาธารณะจะก่อสร้างห้องน้ำเพิ่มเติมอีก 25 ห้อง ห้องอาบน้ำ 10 ห้อง พร้อมทั้งที่พักและร้านอาหารราคาถูก 500 ที่นั่ง[15]
- ปัญหาคาร์โก - เกิดการติดขัดของการออกของที่ส่วนคาร์โก เนื่องจากความไม่พร้อม ในส่วนของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการรายใหม่อย่างบริษัทบางกอก ไฟลท์ เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ BFS จนทำให้บรรดาตัวแทนออกของ (ชิปปิ้ง) ลุกขึ้นมาโวยจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต กรณีนี้บีเอฟเอสถูกระบุว่าไม่เป็นมืออาชีพพอที่จะเข้ามาให้บริการคลังสินค้าและขนถ่ายสินค้า จนทำให้มีสินค้าตกค้างอยู่ในโกดังไม่สามารถนำออกมาได้เป็นจำนวนมาก[17]
- ปัญหาสายการบินต้นทุนต่ำมีค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ - ลงทุนที่สุวรรณภูมิไม่คุ้ม ทำให้เกิดการร้องเรียนที่จะกลับไปใช้สนามบินดอนเมือง [18]
- ปัญหาการเรียกค่าชดเชยของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยรอบสนามบิน
- ปัญหาพื้นทางวิ่งร้าว ทรุด - วันที่ 24 ต.ค. ผู้บริหารบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ได้ทำหนังสือถึงสายการบินทุกแห่ง เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ได้ปิดปรับปรุงทางวิ่ง-ทางขับ (แท็กซี่เวย์) บริเวณที 13 ซึ่งเป็นลานจอดเครื่องบินบริเวณ อี 4-อี 8 และแท็กซี่เวย์บริเวณบี โดยเป็นช่วงระหว่างแท็กซี่เวย์ซี 4 และซี 5 หรือตรงกับรันเวย์ 19 ด้านซ้ายของสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากเกิดการทรุดตัว ซึ่งหากเครื่องบินใช้พื้นที่ดังกล่าวแท็กซี่เวย์เพื่อเข้าหลุมจอดมากเกินไป อาจทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะถ้าก้อนหิน หรือคอนกรีตปลิวเข้าไปในใบพัดเครื่องบิน โดยที่กัปตันไม่ทราบอาจทำให้เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุได้[19][20]
- ปัญหาความปลอดภัย จำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่พอเพียง เนื่องจากพื้นที่กว้างใหญ่ของสนามบิน และมีกรณีร้องเรียนของพนักงานและเจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกคุกคาม[21]
- ปัญหาทางเทคนิคสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมของอาคารและทางวิ่งกว่า 60 รายการ เช่น น้ำซึมใต้บริเวณ Taxi way, ระบบไฟฟ้าให้แสงสว่างภายในอาคารไม่พอ, สาย 400 Hz เพื่อส่งไฟให้เครื่องบินสั้นเกินไป, ระบบเครื่องปรับอาคารเย็นไม่พอ, วัสดุไม่ได้มาตรฐาน เช่น กระจก temper laminated ของบานประตูหมุน, จำนวนห้องน้ำต่อพื้นที่ใช้สอย, ภาพลักษณ์ที่เป็นลบในสายตาประชาชนส่วนใหญ่, การปะปนของคนงานก่อสร้างภายในอาคาร, สนามบิน ไม่มีแบบก่อสร้าง และ AS BUILT DRAWING, เกิดอุบัติเหตุกับคนข้ามถนนภายในบริเวณสนามบิน, ระบบ ITภายในอาคารยังใช้งานไม่ได้ 100 %, ระบบป้ายที่ไม่เป็นเอกภาพ, รถเข็นกระเป๋า ไม่เพียงพอ, ความไม่พร้อมของทางหนีภัย ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน, ความไม่พร้อมของบุคลากร ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน,สนามบินไม่คำนึงถึงผู้พิการ, ฯลฯ[22]
- ปัญหาความคับคั่งและปัญหาสั่งสมอื่นที่ต้องพิจารณา - เนื่องจากความเสียหายหลายจุดที่ทางวิ่งใกล้คอนคอร์สอี ด้านทิศตะวันออก จำเป็นต้องมีการปิดซ่อมสนามบินสุวรรณภูมิบางส่วน ทำให้เกิดการจราจรที่คับคั่งภายในสนามบินและเครื่องบินต้องวนคอยเพราะไม่สามารถลงจอดได้ เช่น เหตุการณ์เครื่องบินสายการบินไทยน้ำมันหมด ต้องลงจอดฉุกเฉินแต่เติมน้ำมัน ที่สนามบินอู่ตะเภาเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2550 และที่ประชุมของกรรมการบอร์ด ทอท.ให้ทำการซ่อมผิวทางขับที่เป็นปัญหา ในคืนวันที่ 26 มกราคม 2550 และก่อนหน้านั้นได้มีมติให้เที่ยวบิน pint-to-point ที่เป็นสายในประเทศ สามารถย้ายกลับมาใช้สนามบินดอนเมืองได้ตามความสมัครใจ โดยเริ่มตั้งแต่ 15 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป มีความเห็นหลากหลายทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยหลายฝ่าย[23]
- ปัญหาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อคนพิการไม่พอเพียงและไม่เหมาะสม ได้แก่ ห้องน้ำ ทางลาด สัญญานเสียง ป้ายอักษรแบรลล์ ไม่มีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ จนนายณรงค์ ปฏิบัติสรกิจ ประธานมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย และพ.ต.ศิริชัย ทรัพย์ศิริ นายกสมาคมคนพิการทางการเคลื่อนไหวสากล ได้ออกมาเรียกร้อง ผ่านทางน.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร[24][25]
- ปัญหาท่อน้ำประปาแตกและน้ำนองลงมาในอาคารผู้โดยสาร ทำความเสียหายให้กับกระเป๋า และสำนักงานศุลกากร สร้างความตกตะลึงให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการสนามบินจำนวนมาก เมื่อ 11 น. ของวันที่ 27 มกราคม 2550[26]
- ปัญหาการที่กรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) ไม่ได้มีการต่ออายุใบอนุญาตชั่วคราวทำการบินของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งหมดอายุลง และไม่ได้ต่ออายุเนื่องจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หลายส่วนในสนามบินตามคู่มือที่เรียกว่า Aerodrome Operation Manual ขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีโอ) ยังไม่มีความสัมพันธ์กัน ปัญหานี้ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการใช้สนามบิน[26]
- ปัญหาอื่นๆ ที่ตรวจพบโดยพรรคประชาธิปัตย์ - นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2550 ว่า จากการตรวจสอบในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบจุดอันตรายเพิ่มอีก 2 จุด และอาจส่งผลกระทบต่อการเป็นศูนย์กลางการบินของเอเชียได้ คือ 1) อาคารสินค้าเขตปลอดอากรที่ไม่ มีการถมทรายในชั้นรากฐาน และการก่อสร้างหลังคาที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจพังลงมาได้ทุกเวลา และ 2) อาคารผู้โดยสารหลัก ที่อาจเกิดการทรุดตัวของอาคาร โดย
พบว่ากระจกด้านริมอาคารเริ่มจะปริแตกออก[26]
- ปัญหาเกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมอาคาร - ทางบริษัทผู้ออกแบบ คือ บริษัทกิจการร่วมค้าเมอร์ฟี่ จาห์น แทมป์ แอนด์ แอ๊ค (เอ็มเจทีเอ) ผู้ออกแบบอาคารที่พักผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องสนามบินสุวรรณภูมิ ได้แถลงชี้แจงข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 โดยยอมรับว่า การออกแบบอาคารอาจจะผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร คือทางหนีไฟที่ประตูมีการล็อก และห้องน้ำจำนวนน้อยเกินไป[27]
- ปัญหาการผิดกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานและดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 หรือกฎหมายร่วมทุน ของสัมปทานพื้นที่ร้านค้าของ บริษัทคิงพาวเวอร์ - มติของ บอร์ด ทอท. เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550 ได้ระบุว่ารายละเอียดของสัญญาสัมปทานของบริษัท คิง เพาเวอร์ ในส่วนของสัญญาการประกอบกิจการร้านค้าปลอดภาษีและสัญญาการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้ง 2 สัญญาที่คิง เพาเวอร์ทำกับ ทอท.นั้น เป็นการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมายร่วมทุน เนื่องจากงานในแต่ละสัญญาน่าจะมีวงเงินในการลงทุนมากกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งจะเข้าข่ายกฎหมายร่วมทุน แต่ไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายร่วมทุน[28]
รายละเอียดสนามบิน
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีพื้นที่ประมาณ 20,000 ไร่ ตั้งอยู่ที่ถนนบางนา-ตราด ประมาณกิโลเมตรที่ 15 อยู่ในเขตตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงเทพมหานครไปประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้งบประมาณก่อสร้างราว 150,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 45 ปี[29]
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีรันเวย์ขนาน 2 เส้น กว้างเส้นละ 60 เมตร ยาว 3,700 เมตร และ 4,000 เมตร ห่างกัน 2,200 เมตร และมีทางขับขนานกับทางวิ่งทั้ง 2 เส้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่อากาศยานขาออกและขาเข้าได้พร้อมกัน[30] และมีหลุมจอดอากาศยาน มีจำนวน 120 หลุมจอด (จอดประชิดอาคาร 51 หลุมจอด และจอดระยะไกลอีก 69 หลุมจอด) รวมถึงหลุมจอดอากาศยานที่สามารถรองรับอากาศยานแอร์บัส เอ 380 ได้ถึง 5 หลุมจอด มีท่าเทียบรวม 51 จุด
อาคารผู้โดยสารหลักสามารถรองรับปฏิบัติการเที่ยวบินได้กว่า 76 เที่ยวบินต่อชั่วโมง ในช่วงแรกของการก่อสร้าง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้กว่า 45 ล้านคน และสินค้า 3 ล้านตันต่อปี[31] และหน้าอาคารผู้โดยสารหลักเป็นโรงแรมภายใต้เครื่องหมายการค้าโนโวเตล ซึ่งมีจำนวน 600 ห้อง อีกทั้งระหว่างอาคารผู้โดยสารและโรงแรมก็มีอาคารจอดรถ 5 ชั้น จำนวน 2 หลัง ซึ่งสามารถรองรับรถยนต์ได้ถึง 5,000 คัน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จอดรถเหนือพื้นดินที่สามารถรองรับรถยนต์ได้อีก 1,000 คัน และพื้นที่จอดรถในระยะยาวที่สามารถรองรับรถยนต์ได้ 4,000 คัน และรถโดยสารอีก 78 คัน
นอกจากนี้ ท่าอากาศยานไทยยังมีแผนการที่จะขยายและปรับปรุงสนามบินสุวรรณภูมิด้วยงบประมาณ 800 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเป้าผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 80 ล้านคนต่อปี ภายในปี พ.ศ. 2559 และยังเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้โดยสารภายในประเทศโดยการลงทุนสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และทางวิ่งที่สามเพิ่มขึ้นอีก[32]
รายละเอียดส่วนหลักสนามบินสุวรรณภูมิสามารถประมวลได้ ดังนี้:
อาคารผู้โดยสาร
อาคารผู้โดยสารเป็นอาคารเดี่ยว ช่วงกว้าง ไม่มีเสากลางอาคาร มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 563,000 ม.² มี 9 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้:[33]
- ชั้นใต้ดิน (B2) - ชานชาลาของขบวนรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของทั้งสาย City Line และสาย Express Line ซึ่งวิ่งตรงมาจากสถานีรถไฟฟ้ามักกะสัน หรือสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารท่าอากาศยานภายในเมือง
- ชั้นใต้ดิน (B1) - สถานีรถไฟฟ้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- ชั้น 1 - สถานีรถโดยสาร ศูนย์การแพทย์ และสำนักงานตรวจสอบไฟฟ้าท่าอากาศยานไทยและศูนย์ควบคุมท่าอากาศยาน
- ชั้น 2 - ห้องโถงสำหรับผู้โดยสารขาเข้าทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
- ชั้น 3 - ห้องนั่งเล่น จุดนัดพบ ร้านค้า จุดตรวจ และเคาเตอร์ให้บริการ
- ชั้น 4 - ห้องโถงสำหรับผู้โดยสารขาออกทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ จุดตรวจควบคุมภาษีศุลกากร ศูนย์ราชการบางแห่ง บูทสายการบิน และเคาเตอร์ข้อมูลสนามบิน
- ชั้น 5 - สำนักงานบริษัทการบินไทย และกลุ่มสายการบินสตาร์ อัลไลแอนซ์
- ชั้น 6 - ภัตตาคาร
- ชั้น 7 - ชั้นชมทัศนียภาพ
สำหรับสถานีรถไฟฟ้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเก็บรายละเอียดงานครั้งสุดท้าย และก่อสร้างทางเชื่อมเข้า - ออกสถานีระหว่างโรงแรมโนโวเตลสุวรรณภูมิ และอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2553
การจัดแสดงงานศิลปะและวัฒนธรรมไทย
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีการติดตั้งผลงานศิลปะไทย ทั้งภายในและภายนอกอาคารของสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่ารวมกันทั้งสิ้นกว่า 100 ล้านบาท เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจในบรรยากาศประเทศไทย ด้วยการสะท้อนความงามของศิลปะและวัฒนธรรมไทย เช่น ประติกรรมจำลองยักษ์จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จำนวน 12 ตน ซึ่งเป็นตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ มูลค่า 48 ล้านบาท ภาพจิตรกรรมฝาผนังจำลองของศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทย เป็นต้น[34]
งานภูมิทัศน์
งานออกแบบภูมิทัศน์โดยรอบสนามบินและภายในส่วนเปิดโล่งของอาคารผู้โดยสารมีลักษณะของความเป็นไทย เดิมออกแบบโดย ปีเตอร์ วอล์กเกอร์ ภูมิสถาปนิกชาวอเมริกัน วอล์กเกอร์ระบุว่า ภูมิทัศน์ถนนภายในสนามบินสุวรรณภูมินั้น ประกอบด้วยงานภูมิทัศน์ขนาดใหญ่ที่สามารถสัมผัสได้แม้จากในรถที่กำลังแล่น
ส่วนภูมิทัศน์ภายในท่าอากาศยาน ได้ออกแบบให้เป็นงานภูมิทัศน์ภายในสนามบินขนาดใหญ่แบบ Monumental garden 2 สวน ขนาดพื้นที่ถึงแปลงละ 135×108 ม.[35] ตามแบบเดิมนั้นมีแนวความคิดหลักสองแนวคิด คือ สวน "เมือง" และ สวน "ชนบท" โดยการออกแบบได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดภูมิจักรวาลและอารยธรรมชาวน้ำ
ในเวลาต่อมา เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณและสามารถรองรับการขยายตัวในอนาคต ใน พ.ศ. 2545 ได้มีการเปลี่ยนแปลงแบบใหม่ โดยกลุ่มภูมิสถาปนิกและทีมที่ปรึกษาชาวไทย คือ RPU Design Group ภายใต้การนำของสำนักงานออกแบบระฟ้า ภูมิสถาปนิกที่ร่วมกำหนดแนวทางการออกแบบภูมิทัศน์ เมื่อ พ.ศ. 2537 ทั้งนี้ยังคงแนวคิดหลักของสวนเมืองและชนบทอยู่ แต่ได้ปรับแนวความคิดในขั้นรายละเอียดและเนื้อหาใหม่
"สวนเมือง" มีลักษณะเป็นสวนน้ำพุ ประดับด้วยกระเบื้อง ประติมากรรมรูปทรงเจดีย์และน้ำพุ ได้อาศัยคติความเชื่อของไทยตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น ความเชื่อเรื่องระบบภูมิจักรวาล อันมีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลาง เรื่องการเลือกทำเลในการตั้งเมืองใกล้น้ำ (อารยชนชาวน้ำ) การใช้เส้นสายที่ปรากฏในจิตรกรรมไทย นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง
ส่วน "สวนชนบท" มีการประดับโดยใช้หญ้าท้องถิ่นและต้นไม้ตัดแต่งรูปฝูงช้าง ได้ใช้ลักษณะภูมิประเทศของไทย ซึ่งประกอบด้วยภูเขา แม่น้ำลำคลองและทุ่งราบ มีภูเขาทองเป็นประธาน ในส่วนประติมากรรมได้ใช้ฝูงนกเป็นกลุ่มๆ ที่สามารถไหวได้ตามแรงลม โดยทั้งสองสวนจะสื่อถึงความเป็นไทย และมีรูปแบบทันสมัยเพื่อให้กลมกลืนกับรูปแบบอาคารสนามบินได้โดยไม่ดูล้าสมัย มีความยืดหยุ่นรองรับการขยายตัวของอาคารผู้โดยสารได้ และการออกแบบองค์ประกอบและพืชพันธุ์ต่าง ๆ ได้คำนึงถึงเรื่องการควบคุมจำนวนนกภายในสนามบินด้วย
-
สวน "เมือง" ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
-
สวน "เมือง" ภายในคอร์ท (เดิม) โดย Peter Walker and Partners
-
ภูมิทัศน์สวน "ชนบท" ในบริเวณส่วนอาคารผู้โดยสาร หลังจากการแก้ไขแบบโดยภูมิสถาปนิกไทย
-
สวน "ชนบท" ภายในคอร์ท (เดิม) โดย Peter Walker and Partners
-
งานประติมากรรม และภาพเขียนไทย ในบริเวณอาคาร
-
งานประติมากรรม ภายในสนามบิน ขาออก
-
ภูมิทัศน์สวน "ชนบท" ในบริเวณส่วนอาคารผู้โดยสาร หลังจากการแก้ไขแบบโดยภูมิสถาปนิกไทย
สถิติโลก
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น "ความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ" และยังเป็นสิ่งก่อสร้างที่ทำลายสถิติโลกในหลายประการ[36] ได้แก่
- มีหอบังคับการบินที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 132.2 เมตร
- ล็อบบี้ของโรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งอยู่ด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร มีห้องพักถึง 600 กว่าห้อง เป็นบริเวณล็อบบี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ถึง 17 ไร่
- อาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเคยเป็นอาคารผู้โดยสารเดี่ยวที่ถูกบันทึกว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในการก่อสร้างครั้งเดียว โดยมีพื้นที่ใช้สอยราว 563,000 ม.² แต่ในปัจจุบัน สถิติดังกล่าวตกเป็นของอาคารผู้โดยสารที่ 3 ของท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยราว 1,500,000 ม.²[37]
สายการบิน
ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริการทั้งสิ้น 102สายการบิน แบ่งเป็นบริการผู้โดยสารและขนส่งสินค้า 81สายการบิน บริการขนส่งสินค้า 13สายการบิน และบริการสายการบินประจำ ที่ไม่มีเครื่องบินทำการบินแต่ใช้ชื่อเที่ยวบินทำการบินร่วมกับสายการบินอื่น(code share)จำนวน 8สายการบิน
สายการบินระหว่างประเทศ
สายการบินภายในประเทศ
สายการบิน | จุดหมายปลายทาง |
---|---|
การบินไทย (TG) | กระบี่ เกาะสมุย ขอนแก่น เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ อุดรธานี อุบลราชธานี |
บางกอกแอร์เวย์ (PG) | เกาะสมุย เชียงใหม่ ตราด ภูเก็ต สุโขทัย |
ไทยแอร์เอเชีย (FD) | กระบี่ เชียงราย เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ อุดรธานี |
ชาร์เตอร์เซอร์วิส
สายการบิน | จุดหมายปลายทาง |
---|---|
แอร์ฟินแลนด์ | เฮลซิงกิ |
แอร์อิตาลีโปลสกา | วอร์ซอ (ตามฤดูกาล) |
ฟินน์แอร์ | โอวลุ |
ฟลายแอลเอแอล ชาร์เตอร์ | |
โทมัสคุกแอร์ไลน์สแกนดิเนเวีย | โกเธนบูวร์ก ออสโล |
ทราเวลเซอร์วิส | ปราก |
ทียูไอฟลายนอร์ดิก | โคเปนเฮเกน โกเธนบูวร์ก ออสโล สตอกโฮล์ม |
ขนส่งอากาศยาน
- แอร์ฟรานซ์คาร์โก (Air France Cargo)
- แอร์ฮ่องกง (Air Hong Kong)
- ออลนิปปอนแอร์ไลน์ (All Nippon Cargo/ANA Cargo)
- เอเชียนาคาร์โก (Asiana Cargo)
- คาเธย์แปซิฟิกคาร์โก (Cathay Pacific Cargo)
- คาร์โกลักซ์ (Cargolux)
- ไชน่าแอร์ไลน์ (China Airlines Cargo)
- ดีเอชแอล (DHL)
- เอมิเรตส์สกายคาร์โก (Emirates SkyCargo)
- อีวีเอแอร์คาร์โก (EVA Air Cargo)
- เฟดเอกซ์ (FedEx Express)
- เจแปนแอร์ไลน์คาร์โก (Japan Airlines Cargo)
- เคแอลเอ็ม (KLM Cargo)
- โคเรียนแอร์คาร์โก (Korean Air Cargo)
- กูซูแอร์ไลน์คาร์โก (Kuzu Airlines Cargo)
- ลุฟท์ฮันซา (Lufthansa Cargo)
- มาเลเซียแอร์ไลน์คาร์โก (Malaysia Airlines Cargo)
- มาร์ตินแอร์คาร์โก (Martinair Cargo)
- นิปปอนคาร์โกแอร์ไลน์ (Nippon Cargo Airlines)
- ซาอุดิอาระเบียนแอร์ไลน์คาร์โก (Saudi Arabian Airlines Cargo)
- ช่างไห่แอร์ไลน์คาร์โก (Shanghai Airlines Cargo)
- สิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines Cargo)
- ยูพีเอส (UPS Airlines)
การคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับท่าอากาศยาน
รถยนต์
จากเส้นทางเข้าออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีทางทั้งหมด 6 เส้นทาง มีอยู่ 5 เส้นทางที่เป็นเส้นทางสำหรับรถยนต์ รถแท็กซี่ รถโดยสารขนส่งมวลชนกรุงเทพ และรถโดยสารแอร์พอร์ตเอกซ์เพรส ได้แก่
- ถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 7; มอเตอร์เวย์) ซึ่งเป็นเส้นทางที่สะดวกที่สุด
- ถนนร่มเกล้า และถนนกิ่งแก้ว
- ถนนบางนา-ตราดและทางพิเศษบูรพาวิถี
- ถนนอ่อนนุช
- ถนนกิ่งแก้ว
รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทางเข้าออกท่าอากาศยานเส้นทางสุดท้าย เป็นเส้นทางสำหรับรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง 28.6 กิโลเมตร โดยใช้รถไฟฟ้าความเร็วสูงแบบทางคู่ ยกระดับขนานไปตามแนวเส้นทางรถไฟทางไกลสายตะวันออก มีสถานีรายทางจำนวน 8 สถานี ได้แก่สถานีพญาไท, สถานีราชปรารภ, สถานีมักกะสัน (อโศก), สถานีรามคำแหง, สถานีหัวหมาก, สถานีบ้านทับช้าง, สถานีลาดกระบัง และจะตีโค้งแล้วลดระดับลงไปยังอุโมงค์ใต้ดิน เพื่อเข้าสู่สถานีสุวรรณภูมิ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้นใต้ดินของอาคารผู้โดยสาร
โครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะเปิดเดินรถสองสาย คือสายสีน้ำเงินเข้ม ระยะทาง 28.6 กิโลเมตร เริ่มต้นที่สถานีพญาไท ซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ สายสีเขียวอ่อน ที่สถานีพญาไท และจะจอดรับ-ส่งผู้โดยสารตามสถานีรายทางจำนวน 8 สถานีใช้เวลาเดินทางประมาณ 28-30 นาทีต่อเที่ยว และสายสีแดงเข้ม ระยะทาง 25.4 กิโลเมตร เริ่มต้นที่สถานีรับ - ส่งผู้โดยสารท่าอากาศยานภายในเมือง แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี และจะวิ่งเข้าสู่สถานีสุวรรณภูมิโดยไม่มีการจอดรับผู้โดยสารตามเส้นทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาทีต่อเที่ยว
เนื่องจากรถไฟฟ้าสองสายนี้วิ่งอยู่บนทางยกระดับคู่เส้นเดียวกัน กรณีที่เกิดการไล่จี้กันของรถไฟฟ้าทั้งสองสาย รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเข้มจะต้องจอดหลีกที่สถานีหัวหมาก เพื่อให้สายสีแดงที่ทำความเร็วประมาณ 120 - 140 Km/h แซงไปก่อน จากนั้นจึงจะทำการวิ่งสู่สถานีสุวรรณภูมิต่อไป
รถโดยสารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
รถโดยสารปรับอากาศขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่เดินทางเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีทั้งสิ้น 12 เส้นทาง โดยคิดค่าบริการ 35 บาท โดยไม่จำแนกประเภท[38] เมื่อเดินทางเข้าหรือออกพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เส้นทางทั้งหมดประกอบด้วย:
สายที่ | จุดหมาย | ถนนที่ผ่าน |
---|---|---|
549 (สีแดง) |
มีนบุรี-บางกะปิ | ถนนลาดกระบัง ถนนร่มเกล้า ถนนสีหบุรานุกิจ มีนบุรี ถนนเสรีไทย |
550 (สีน้ำเงิน) |
แฮปปี้แลนด์ | ถนนลาดกระบัง ถนนอ่อนนุช ถนนศรีนครินทร์ ถนนลาดพร้าว ถนนแฮปปี้แลนด์ |
551 (สีน้ำตาล) |
อนุสาวรีชัยสมรภูมิ | ถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรี ทางพิเศษศรีรัช ทางด่วนพระราม 9 ถนนพระราม 9 ถนนอโศก-ดินแดง ถนนราชวิถี |
552 (สีเหลือง) |
อู่คลองเตย | ถนนบางนา-บางปะกง ถนนสุขุมวิท ถนนรัชดาภิเษก ถนนสุนทรโกษา |
552A (สีเหลือง) |
สมุทรปราการ | ถนนบางนา-บางปะกง ถนนสุขุมวิท |
553 (สีเขียว) |
สมุทรปราการ | ถนนลาดกระบัง ถนนกิ่งแก้ว ถนนบางนา-บางปะกง ถนนศรีนครินทร์ ถนนสุขุมวิท |
554 (สีชมพู) |
รังสิต | ถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรี ถนนวงแหวนรอบนอตะวันออก ถนนรามอินทรา ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนพหลโยธิน ถนนรังสิต-ปทุมธานี |
555 (สีม่วงเดิม) |
รังสิต | ถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรี ทางพิเศษศรีรัช ทางด่วนพระราม 9 ถนนพระราม 9 ถนนดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนพหลโยธิน ถนนรังสิต-ปทุมธานี |
556 เลิกกิจการ[39] |
สถานีขนส่งผู้โดยสาร กรุงเทพ (สายใต้) |
ถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรี ทางพิเศษศรีรัช ทางด่วนยมราช ถนนหลานหลวง ถนนราชดำเนินกลาง ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถนนบรมราชชนนี (เสริมพิเศษ บิ๊กซีบางใหญ่) |
558 | เซ็นทรัล สาขาพระราม 2 | ถนนบางนา-บางปะกง ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนพระรามที่ 2 |
559 | รังสิต | ถนนกรุงเทพฯ-ชลบุรี ถนนวงแหวนรอบนอกตะวันออก ถนนรังสิต-นครนายก ถนนพหลโยธิน ถนนรังสิต-ปทุมธานี |
รถโดยสารแอร์พอร์ตเอกซ์เพรส
รถโดยสารแอร์พอร์ตเอกซ์เพรสเป็นรถโดยสารที่บริการระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับจุดหมายในเขตตัวเมืองกรุงเทพมหานคร บริการในราคา 150 บาทตลอดเส้นทาง มีบริการทั้งหมด 4 เส้นทาง ซึ่งสามารถใช้บริการได้ที่ชั้นหนึ่งของอาคารผู้โดยสาร เส้นทางทั้งหมดของรถโดยสารแอร์พอร์ตเอกซ์เพรสประกอบด้วย:
สายที่ | จุดหมาย | ถนนที่ผ่าน |
---|---|---|
ขาไป (ออกจากท่าอากาศยาน) | ||
AE1 | สีลม | ถนนบางนา-บางปะกง ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ถนนเพชรบุรี ถนนราชดำริ ถนนพระรามที่ 4 ถนนสุรวงศ์ ถนนเลียบใต้ทางพิเศษศรีรัช |
AE2 | บางลำพู | ถนนบางนา-บางปะกง ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ถนนเพชรบุรี ถนนหลานหลวง ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินใน ถนนหน้าพระลาน ถนนหน้าพระธาตุ ถนนราชินี ถนนพระอาทิตย์ ถนนพระสุเมรุ ถนนจักรพงษ์ ผ่านถนนข้าวสาร |
AE3 | ถนนวิทยุ | ถนนบางนา-บางปะกง ถนนสุขุมวิท ถนนเพลินจิต ถนนวิทยุถนนพระรามที่ 4 ถนนราชดำริ ถนนเพชรบุรี ถนนชิดลม |
สุขุมวิท 3 | ถนนบางนา-บางปะกง ถนนสุขุมวิท ถนนเพลินจิต ถนนราชดำริ ถนนเพชรบุรี | |
AE4 | หัวลำโพง | ถนนบางนา-บางปะกง ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ถนนพญาไท ถนนพระรามที่ 4 |
ขากลับ (เข้าสู่ท่าอากาศยาน) | ||
AE1 | ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | ถนนสีลม ถนนราชดำริ ถนนราชปรารภ ถนนนิคมมักกะสัน ถนนเพชรบุรี ทางด่วนเพชรบุรี |
AE2 | ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ | ถนนจักรพงษ์ ถนนราชดำเนินกลาง |
เหตุการณ์ที่สำคัญ
เวลาประมาณ 14.45 น. วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประมาณ 1,000 คน เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเข้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออกจากตำแหน่ง ก่อนที่กลุ่มพันธมิตรจะเข้าถึงตัวอาคาร PTC ( Passenger Terminal Complex) มีการสกัดกั้นของทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานและเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 200 - 300 นาย แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้านทานผู้ชุมนุมไม่ไหวได้ถอยร่นมาเรื่อยๆ จนเวลาประมาณ 19.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมก็ต้านเจ้าหน้าที่จนถึงตัวอาคารและทำการชุมนุมอยู่ด้านนอกอาคารผู้โดยสาร และผู้ชุมนุมทยอยเดินทางเข้ามาสมทบมากขึ้นประมาณ 20,000 คน เช้าของวันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2551 ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประกาศหยุดทำการบิน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน เวลา 21.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2551 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงการณ์ประกาศใช้ พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในเขตพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที
จากเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เป็นต้นมาทำให้การเดินทางทางอากาศไปสู่ท่าอากาศยานนานาชาตือื่นต้องหยุดลง ทำให้สายการบินที่มีมีกำหนดลงจอด ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต้องไปลงจอด ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภาแทน ประกอบกับนักท่องเที่ยวติดค้างในประเทศไทยเป็นจำนวนมากทำให้สายการบินต่างต้องใช้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเพื่อขนส่งผู้โดยสารที่ติดค้างแทน แต่เนื่องจากท่าอากาศยานอู่ตะเภารองรับปริมาณผู้โดยสารได้จำนวนจำกัดด้วยเรื่องของพื่นที่และอุปกรณ์ที่จะรองรับได้ สายการบินต่างๆ และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการเพื่อรองรับการ Check In ขึ้นที่ BITEC บางนา ผ่านระบบของ Airline Host โดยตรง โดยเชื่อมต่อเครือข่ายของ True ระบบได้เริ่มติดตั้งที่ไบเทคบางนาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 คาดว่าจะเริ่มบริการให้กับผู้โดยสารได้ในวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป สายการบินที่จะไปบริการแก่ผู้โดยสารที่ไบเทค ดังนี้ สายการบินไทย, สายการบินอีวีเอแอร์ไลน์, สายการบินกรุงเทพ เป็นต้น
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้กิจกรรมบางส่วน เช่น คอนเสิร์ต Yamaha Presents SM Town Live'08 in Bangkok ของศิลปินเกาหลีทั้ง 6 ได้แก่ ดงบังชินกิ ซูเปอร์จูเนียร์ Girls' Generation ชอนชังจีฮี จางลี่อิน และชายนี่ ซึ่งจะแสดงในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2551 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก จึงต้องเลื่อนไปเป็นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2552 แทน ส่วนคอนเสิร์ต Bangkok 100 Rock Festival ซึ่งจะแสดงในวันที่ 29-30 พฤศจิกายน 2551 ที่สนาม ร.1 พัน.1 รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต ประกาศยกเลิก เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในบ้านเมือง ส่วนการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2008 รอบแรก ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับประเทศอินโดนีเซีย จึงต้องย้ายไปแข่งที่สนามสุรกุล จังหวัดภูเก็ตแทน ส่วนการประชุมอาเซียน ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จำเป็นต้องเลื่อนวันและย้ายสถานที่จากเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ไปเป็นวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์แทน
วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เวลา 10.00 น. กลุ่มพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตย ทยอยสลายการชุมนุมหลังจากได้ประกาศเลิกชุมนุมเมื่อวันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ไปแล้ว
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อ้างอิง
- ↑ USA Today, "Bangkok's new airport opens to first commercial flights", 15 September 2006.
- ↑ Suvarnabhumi Airport: Thai Auspicious Name (อังกฤษ)
- ↑ "New airport to be ready on time" [1], Bangkok Post, November 5, 1968.
- ↑ About Suvarnabhumi Airport
- ↑ Handley, Paul M. (2006). The King Never Smiles. Yale University Press, ISBN 0-300-10682-3.
- ↑ Architectural Record, ฉบับสิงหาคม 2550, หน้า 110
- ↑ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก: ข่าวที่ 11 / 09 – 5 วันที่ 9 พฤศจิกายน 2544
- ↑ "เพ้ง" รับหลังคา "เทอร์มินอล" รั่ว อ้างเป็นเรื่องปกติสนามบินใหม่" นสพ.มติชน 19 ก.ย. 2549
- ↑ Bangkokpost newspaper (20 October 2005) Dream city called flood nightmare : Environmental chaos will ensue - Apirak
- ↑ นสพ.เดลินิวส์ 11 กย.49 ผู้โดยสาร 'ป่วนแน่!' 'แท็กซี่' เซ็ง! 'ไม่ไปสุวรรณภูมิ??'
- ↑ 11.0 11.1 สุวรรณภูมิในมุมมองวิศวกรไทย อย่าหลงระเริงกับความอลังการ มองไปข้างหน้า...ก้าวสู่ฮับให้ได้ดั่งฝัน, นสพ.มติชน 8 ก.ย. 2549
- ↑ Richard Lloyd Parry, "Poo Ming – a blue ghost who haunts $4bn airport", The Times, 2006-09-27
- ↑ ThaiDay, "THAI discounts tickets for historic test flights", July 1, 2006.
- ↑ "PM Thaksin says Suvarnabhumi Airport ready in two months", MCOT, 29 July 2006.
- ↑ 15.0 15.1 15.2 15.3 ข่าว"ธีระ"จี้ทอท.แก้"แท็กซี่เวย์"ร้าว! อัด40ล.เพิ่มห้องน้ำสุวรรณภูมิ มติชน 26 ตค. 49/
- ↑ ‘สุวรรณภูมิ’ ความภูมิใจหรือ... (1) ความอลังการบนความไม่พร้อม นสพ.เดลินิวส์, 17 ตุลาคม พ.ศ. 2549
- ↑ ข่าว‘สุวรรณภูมิ’ ความภูมิใจหรือ... (2) ปัญหาคาร์โก...ต้นตออยู่ที่ใคร (จบ) นสพ.เดลินิวส์, 18 ตุลาคม พ.ศ. 2549
- ↑ บินถูกรุกกลับดอนเมือง ชี้ลงทุนสุวรรณภูมิไม่คุ้ม นสพ.มติชน, 22 ตุลาคม พ.ศ. 2549
- ↑ 'สุวรรณภูมิ'ป่วน! สนามบินทรุด-สั่งปิดปรับปรุง, นสพ.เดลินิวส์, 25 ตุลาคม พ.ศ. 2549
- ↑ "ธีระ"จี้ทอท.แก้"แท็กซี่เวย์"ร้าว! อัด40ล.เพิ่มห้องน้ำสุวรรณภูมิ, นสพ.มติชน, 26 ตุลาคม พ.ศ. 2549
- ↑ บทความ‘สุวรรณภูมิ’ ความภูมิใจหรือ.. (1) ความอลังการบนความไม่พร้อม, นสพ.เดลินิวส์, 17 ตุลาคม พ.ศ. 2549
- ↑ เว็บไซต์คณะทำงานชุดที่ 1 : แก้ไขปัญหาผู้โดยสาร พนักงานและประชาชน ของบอร์ดทอท.
- ↑ เปิดสนามบินดอนเมืองดีเดย์15มี.ค.50, นสพ.ผู้จัดการรายวัน 12 มกราคม พ.ศ. 2550
- ↑ นสพ.ข่าวสด, 2 มกราคม พ.ศ. 2549
- ↑ เว็บบอร์ดมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย
- ↑ 26.0 26.1 26.2 "ปชป."ร่วมขย่ม"สุวรรณภูมิ"ซ้ำ แฉอาคารสินค้า-ผู้โดยสารทรุด ท่อประปาแตกน้ำท่วมกระเป๋า!, นสพ.มติชน, 28 มกราคม พ.ศ. 2550
- ↑ ข่าว"เอ็มเจทีเอ"โต้ออกแบบสุวรรณภูมิ "ผู้รับเหมา-เจบิค"เซ็นรับรองแบบ, นสพ.มติชน, 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550
- ↑ บทความปฏิบัติเช็คบิล "คิง เพาเวอร์" อย่ารุกเพลินจนลืมระวังหลัง, นสพ.มติชน, 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550
- ↑ สุวิทย์ สุทธิจิระพันธ์. วารสารเศรษฐกิจและสังคม มกราคม – กุมภาพันธ์ 2547. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ : ท่าอากาศยานที่ทันสมัยที่สุดแห่งใหม่ของโลก
- ↑ Bangkok Post, New Bangkok Airport - Now Aiming For July 2006 Opening, 2005
- ↑ Suvarnabhumi Airport: About Suvarnabhumi
- ↑ MCOT English. AoT to spend Bt800 billion to upgrade Suvarnabhumi Airport. เรียกดู 18-10-09
- ↑ Suvarnabhuni Airport Fact Sheet
- ↑ Suvarnabhumi Airport: Thai Torch (อังกฤษ)
- ↑ Peter Walker and Partners (2005) Landscape Architecture : Defining the Craft. ORO Edition
- ↑ Suvarnabhuni Airport: World Records
- ↑ "Dubai airport passengers top 37m". The National. 2009. สืบค้นเมื่อ 2009-01-30.
- ↑ อัตราค่าโดยสาร รถโดยสารประจำทาง (มีนาคม 2549)
- ↑ http://www.bmta.co.th/th/news_detail.php?id=84
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์หลักของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- เว็บไซต์เขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- เว็บไซต์ท่าอากาศยานไทย
- ข้อมูลท่าอากาศยานในกรุงเทพ (อังกฤษ)
- ความเป็นมาของสนามบินสุวรรณภูมิ
- รวมรูปท่าอากาศยาน ถ่ายภาพโดยคนไทย
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์