ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดีปลี"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
พุทธพร ส่องศรี (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
พุทธพร ส่องศรี (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{เก็บกวาด}}
{{เก็บกวาด}}
'''ชื่อวิทยาศาสตร์''' : ''Piper chaba Hunt''
'''ชื่อวิทยาศาสตร์''' : ''Piper retrofractum'' Vahl


'''วงศ์''' : Piperaceae
'''วงศ์''' : Piperaceae

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:41, 15 ธันวาคม 2552

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Piper retrofractum Vahl

วงศ์ : Piperaceae

ชื่อสามัญ : Long Pepper

ชื่อท้องถิ่น: ดีปลีเชือก (ภาคใต้) ประดงข้อ ปานนุ (ภาคกลาง)


ลักษณะของพืช ดีปลีเป็นไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง ใบรูปไข่ โคนมน ปลายแหลม เป็นพืชใบเดี่ยว คล้ายใบย่านางแต่ผิวใบมันกว่า บางกว่าเล็กน้อย ดอกเป็นรูปทรงกระบอกปลายมน เมื่อแก่จะมีผลเป็นสีแดง


การปลูก นิยมปลูกโดยการใช้เถา ชอบดินร่วนและอุดมสมบรูณ์ ทนแห้งแล้งได้ดี ฤดูที่เหมาะสมในการปลูกก็คือฤดูฝน เวลาปลูกใช้เถาที่ชำจนรากงอกแล้วปลูก แล้วทำเสาให้เลื้อย ควรดูแลเรื่องน้ำและศัตรูพืชด้วย ดีปลีเป็นสมุนไพรที่ใช้มากในอุตสาหกรรม ยาแผนโบราณประมาณ 5000 - 7000 กิโลกรัม/ปี ปลูกได้ดีในภาคกลางของประเทศไทย นับว่าเป็นพืชสมุนไพรตัวหนึ่งที่อยู่ในแผน พัฒนาเพื่อส่งเป็นสินค้าออก


ส่วนที่ใช้เป็นยา ผลแก่แห้ง

ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา ช่วงที่ผลแก่จัดแต่ยังไม่สุก ตากแดดให้แห้ง

รสและสรรพคุณ ไทย รสเผ็ดร้อน ขม ขับลม บำรุงธาตุ แก้จุกเสียด

ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ดีปลีแห้งประกอบด้วย " อัลคาลอยด์" ชื่อว่า Piperine ประมาณ 4 - 6% chavicine, น้ำมันระเหยหอม 1% ตามรายงานการศึกษาวิจัยพบว่า ดีปลีใช้ประกอบตำรับยาที่ใช้รักษาโรค เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ท้องอืดเฟ้อ ธาตุไม่ปกติ ทั้งนี้เพราะดีปลีมีน้ำมัน หอมระเหย

วิธีใช้ ผลแก่แห้งของดีปลี ใช้เป็นยารักษาอาการดังนี้ อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาการปวดท้อง รวมทั้งแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ที่เกิดจากธาตุที่ไม่ปกติ โดยการใช้ผลแก่แห้ง 1 กำมือ (ประมาณ 10-15 ดอก) ต้มเอาน้ำมาดื่ม ถ้าไม่มีดอกก็ให้ใช้เถาต้มแทนได้อาการไอและมีเสมหะ ใช้ผลแก่แห้งประมาณครึ่งผล ฝนกับน้ำมะนาวผสมเกลือกวาดในลำคอหรือจิบบ่อยๆ

คุณค่าทางอาหาร ผลดีปลีแห้งใช้เป็นเครื่องเทศประกอบอาหารต่างๆได้