ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาษาเกาหลี"
ล โรบอต แก้ไข: ga:An Chóiréis |
|||
บรรทัด 22: | บรรทัด 22: | ||
== สำเนียงท้องถิ่น == |
== สำเนียงท้องถิ่น == |
||
[[ไฟล์:Koreandialects.png|thumb|180px|สำเนียงท้องถิ่นภาษาเกาหลี]] |
[[ไฟล์:Koreandialects.png|thumb|180px|สำเนียงท้องถิ่นภาษาเกาหลี]] |
||
ภาษาเกาหลีมี[[สำเนียงท้องถิ่น]]มากมาย ภาษาทางการที่ใช้ในเกาหลีใต้คือสำเนียงท้องถิ่นที่ใช้ในพื้นที่บริเวณ[[กรุงโซล]] และภาษาทางการที่ใช้ในเกาหลีเหนือคือสำเนียงท้องถิ่นที่ใช้บริเวณ[[เปียงยาง|กรุงเปียงยาง]] สำเนียงท้องถิ่นโดยทั่วไปจะมีความคล้ายคลึงกัน ยกเว้นสำเนียงท้องถิ่นบน[[เกาะเชจู]]ที่มีความแตกต่างค่อนข้างมาก ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างสำเนียงท้องถิ่นแต่ละแห่งคือ [[การเน้นเสียง]] (stress) สำเนียงท้องถิ่นของกรุงโซลจะเน้นเสียงน้อยมาก และไม่ค่อยมีความสูงต่ำในการเปล่งเสียง ในทางกลับกัน สำเนียงท้องถิ่นของ คยองซัง มีความสูงต่ำของการออกเสียงอย่างมากจนคล้ายกับภาษาทางยุโรป อย่างไรก็ตามเราสามารถจำแนกสำเนียงท้องถิ่นของภาษาเกาหลีออกเป็นภูมิภาคต่างๆได้ดังตาราง โดยพิจารณาจากขอบเขตของภูเขาและทะเล |
ภาษาเกาหลีมี[[สำเนียงท้องถิ่น]]มากมาย ภาษาทางการที่ใช้ในเกาหลีใต้คือสำเนียงท้องถิ่นที่ใช้ในพื้นที่บริเวณ[[กรุงโซล]] และภาษาทางการที่ใช้ในเกาหลีเหนือคือสำเนียงท้องถิ่นที่ใช้บริเวณ[[เปียงยาง|กรุงเปียงยาง]] สำเนียงท้องถิ่นโดยทั่วไปจะมีความคล้ายคลึงกัน ยกเว้นสำเนียงท้องถิ่นบน[[เกาะเชจู]]ที่มีความแตกต่างค่อนข้างมาก ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างสำเนียงท้องถิ่นแต่ละแห่งคือ [[การเน้นเสียง]] (stress) สำเนียงท้องถิ่นของกรุงโซลจะเน้นเสียงน้อยมาก และไม่ค่อยมีความสูงต่ำในการเปล่งเสียง ในทางกลับกัน สำเนียงท้องถิ่นของ คยองซัง มีความสูงต่ำของการออกเสียงอย่างมากจนคล้ายกับภาษาทางยุโรป อย่างไรก็ตามเราสามารถจำแนกสำเนียงท้องถิ่นของภาษาเกาหลีออกเป็นภูมิภาคต่างๆได้ดังตาราง โดยพิจารณาจากขอบเขตของภูเขาและทะเล** |
||
{| class="wikitable" |
{| class="wikitable" |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:45, 26 พฤศจิกายน 2552
ภาษาเกาหลี | |
---|---|
한국어 ฮันกุกอ, 조선어 โชซอนอ | |
ประเทศที่มีการพูด | เกาหลีเหนือ, เกาหลีใต้, ตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและ ญี่ปุ่น |
จำนวนผู้พูด | 80 ล้าน [1] (ไม่พบวันที่) |
ตระกูลภาษา | ไม่มีการจัด อาจจะเป็นภาษาตระกูลอัลไตอิก หรือ ภาษาเอกเทศ |
สถานภาพทางการ | |
ภาษาทางการ | เกาหลีเหนือ และ เกาหลีใต้ |
ผู้วางระเบียบ | สถาบันภาษาเกาหลีแห่งชาติ |
รหัสภาษา | |
ISO 639-1 | ko |
ISO 639-2 | kor |
ISO 639-3 | kor |
ภาษาเกาหลี (한국어/조선어, ดูในส่วนชื่อ) เป็นภาษาที่ส่วนใหญ่พูดใน ประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งใช้เป็นภาษาราชการ และมีคนชนเผ่าเกาหลีที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนพูดโดยทั่วไป(ในจังหวัดเหยียนเปียน มณฑลจื๋อหลิน ซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลี) ทั่วโลกมีคนพูดภาษาเกาหลี 78 ล้านคน รวมถึงกลุ่มคนในอดีตสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล ญี่ปุ่น และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีผู้พูดใน ฟิลิปปินส์ ด้วย การจัดตระกูลของภาษาเกาหลีไม่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป แต่คนส่วนมากมักจะถือเป็นภาษาเอกเทศ นักภาษาศาสตร์บางคนได้จัดกลุ่มให้อยู่ใน ภาษาตระกูลอัลไตอิกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากภาษาเกาหลีมีวจีวิภาคแบบภาษาคำติดต่อ ส่วนวากยสัมพันธ์หรือโครงสร้างประโยคนั้น เป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา (SOV)
อักษรเกาหลี เรียกว่าอักษรฮันกึล ใช้แทนเสียงของแต่ละพยางค์ นอกจากนี้ใช้ยังตัวอักขระแบบจีนเรียกว่าอักษรฮันจา ในการเขียนด้วย ในขณะที่คำศัพท์ที่ใช้กันส่วนใหญ่เป็นคำภาษาเกาหลีแท้ โดยที่มีคำศัพท์มากกว่า 50% มาจากภาษาจีนทั้งทางตรงและทางอ้อม
เกี่ยวกับชื่อ
ชื่อเรียกคำว่า "ภาษาเกาหลี" ในเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้มีความแตกต่างกัน ในเกาหลีเหนือ ชาวเกาหลีเหนือส่วนใหญ่มักเรียกว่า โชซอนมัล (조선말) หรือหากเป็นทางการขึ้นจะเรียกว่า โชซอนอ (조선어).
ในเกาหลีใต้ ประชาชนส่วนใหญ่เรียกภาษาของตนว่า ฮันกุกมัล (한국말) หรือ ฮันกุกอ (한국어) หรือ กุกอ (국어) บางครั้งอาจเรียกในแบบภาษาชาวบ้านว่า อูรีมัล (แปลว่า "ภาษาของเรา"; มาจากคำว่า 우리말 (เขียนติดกันในเกาหลีใต้),หรือ 우리 말 (เขียนแยกกันในเกาหลีเหนือ))
สำเนียงท้องถิ่น
ภาษาเกาหลีมีสำเนียงท้องถิ่นมากมาย ภาษาทางการที่ใช้ในเกาหลีใต้คือสำเนียงท้องถิ่นที่ใช้ในพื้นที่บริเวณกรุงโซล และภาษาทางการที่ใช้ในเกาหลีเหนือคือสำเนียงท้องถิ่นที่ใช้บริเวณกรุงเปียงยาง สำเนียงท้องถิ่นโดยทั่วไปจะมีความคล้ายคลึงกัน ยกเว้นสำเนียงท้องถิ่นบนเกาะเชจูที่มีความแตกต่างค่อนข้างมาก ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างสำเนียงท้องถิ่นแต่ละแห่งคือ การเน้นเสียง (stress) สำเนียงท้องถิ่นของกรุงโซลจะเน้นเสียงน้อยมาก และไม่ค่อยมีความสูงต่ำในการเปล่งเสียง ในทางกลับกัน สำเนียงท้องถิ่นของ คยองซัง มีความสูงต่ำของการออกเสียงอย่างมากจนคล้ายกับภาษาทางยุโรป อย่างไรก็ตามเราสามารถจำแนกสำเนียงท้องถิ่นของภาษาเกาหลีออกเป็นภูมิภาคต่างๆได้ดังตาราง โดยพิจารณาจากขอบเขตของภูเขาและทะเล**
สำเนียงทางการ | บริเวณที่ใช้ |
---|---|
โซล | โซล อินชอน เกียงกี (เกาหลีใต้) และ แคซอง (เกาหลีเหนือ) |
เปียงยาง | เปียงยาง ชากัง (เกาหลีเหนือ) |
สำเนียงท้องถิ่น | บริเวณที่ใช้ |
ชุงชอง | แตจอน ชุงชอง (เกาหลีใต้) |
กังวอน | กังวอน (เกาหลีใต้)/ กังวอน (เกาหลีเหนือ) |
คยองซัง | บูซาน, แทกู, อุลซาน, เขตคยองซัง (เกาหลีใต้) |
ฮัมกยึง | ราซึน, เขตฮัมกยึง, รยังกัง (เกาหลีเหนือ) |
ฮวังแฮ | เขตฮังแฮ (เกาหลีเหนือ) |
เชจู | เกาะเชจู/จังหวัดเชจู (เกาหลีใต้) |
จอลลา | กวางจู, เขตจอลลา (เกาหลีใต้) |
อักษรเกาหลี
- ดูบทความหลักที่ อักษรฮันกึล
อักษรเกาหลี เรียกว่าอักษรฮันกึล โดยผิวเผินแล้ว อักษรฮันกึลคล้ายกับอักษรรูปภาพเหมือนอักษรจีน แต่จริงๆ แล้ว อักษรฮันกึลอยู่ในระบบอักษรแทนเสียง (ตัวพยัญชนะเป็นอักษรรูปภาพเลียนแบบอวัยวะการออกเสียงในขณะที่ออกเสียงนั้นๆ สระเป็นอักษรรูปภาพใช้แนวคิดเชิงปรัชญา เกี่ยวกับ ท้องฟ้า พื้นดิน และมนุษย์)คือประกอบด้วยพยัญชนะและสระ ซึ่งมีทั้งหมด 24 ตัว ประกอบด้วย
- พยัญชนะ 14 ตัว คือ ㄱ ㄴ ㄷ ㄹ ㅁ ㅂ ㅅ ㅇ ㅈ ㅊ ㅋ ㅌ ㅍ และ ㅎ
- สระ 10 ตัว คือ ㅏ ㅑ ㅓ ㅕ ㅗ ㅛ ㅜ ㅠ ㅡและ ㅣ
พยัญชนะและสระดังกล่าวเรียกว่า พยัญชนะเดี่ยว และสระเดี่ยว ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เรียกว่าพยัญชนะซ้ำ และสระประสมด้วย คือ
- พยัญชนะซ้ำ 5 ตัว ได้แก่ ㄲ ㄸ ㅃ ㅆ และ ㅉ
- สระประสม 11 ตัว ได้แก่ ㅐ ㅒ ㅔ ㅖ ㅚ ㅟ ㅘ ㅙ ㅝ ㅞ และ ㅢ
อักษรเกาหลีมีลำดับการเขียนคล้ายอักษรจีน คือ ลากจากบนลงล่าง และจากซ้ายไปขวา นอกจากนี้การเขียนพยางค์หนึ่งๆ จะเริ่มเขียนจากพยัญชนะต้น ไปสระ และตัวสะกดตามลำดับ
การเทียบเสียง
ในภาษาเกาหลี ได้มีการกำหนดระบบในการถอดภาษาเกาหลีด้วยอักษรโรมัน ไว้ โดยเป็นที่นิยมมาก 2 ระบบ คือ ระบบกระทรวงวัฒนธรรมเกาหลี 2000 ระบบที่ใช้อย่างเป็นทางการในประเทศเกาหลีใต้ปัจจุบัน และ ระบบแมกคูน-ไรซ์ชาวเออร์ ใช้ในประเทศเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการในปัจจุบัน และเคยใช้ในเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการในช่วง พ.ศ. 2527-2543
สำหรับในภาษาไทยนั้น เนื่องจากยังไม่มีการเทียบเสียงภาษาเกาหลีกับภาษาไทยอย่างเป็นทางการ ข้อมูลการเทียบเสียงต่อไปนี้จึงเป็นเพียงการเทียบเสียงเบื้องต้น ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องมากนัก พยัญชนะทุกตัวในภาษาเกาหลีมีเสียงแตกต่างกัน แต่พบว่าบางครั้งการได้ยินของคนไทยไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างได้เหมือนคนเกาหลี เช่น คำว่า 자 กับ 차 เป็นต้น
พยัญชนะ
ฐานริมฝีปาก | ฐานปุ่มเหงือก | ฐานหลังปุ่มเหงือก | ฐานเพดานอ่อน | ฐานเส้นเสียง | ||
---|---|---|---|---|---|---|
เสียงกักและ เสียงกึ่งเสียดแทรก |
สิถิลเบา | ㅂ /p/ ป | ㄷ /t/ ต | ㅈ /t͡ɕ/ จ | ㄱ /k/ ก | ㅇ /ʔ/ อ (ตัวต้น) |
สิถิลหนัก | ㅃ /p͈/ ป* | ㄸ /t͈/ ต* | ㅉ /t͡ɕ͈/ จ* | ㄲ /k͈/ ก* | ||
ธนิต | ㅍ /pʰ/ พ | ㅌ /tʰ/ ท | ㅊ /t͡ɕʰ/ ช | ㅋ /kʰ/ ค | ||
เสียงเสียดแทรก | เบา | ㅅ /s/ ซ | ㅎ /h/ ฮ | |||
หนัก | ㅆ /s͈/ ซ* | |||||
เสียงนาสิก | ㅁ /m/ ม | ㄴ /n/ น | ㅇ /ŋ/ ง (ตัวสะกด) | |||
เสียงข้างลิ้น | ㄹ /l/ ล |
พยัญชนะบางตัวเช่น ㅂㅈㄱ เมื่ออยู่หน้าคำ (พยางค์แรกของคำ) จะออกเสียงเป็น พ, ช, ค ตามลำดับ หากไม่ได้อยู่ในพยางค์แรกจะอ่านเป็น บ, จ, ก เป็นต้น พยัญชนะที่กำกับดอกจันไว้หมายถึงพยัญชนะเสียงหนัก
ตัวอย่างคำศัพท์
หน่วยเสียง | ตัวอย่าง | ทับศัพท์ | คำแปล |
---|---|---|---|
ㅂ /p/ | 발 [pal] | bal | เท้า |
ㅃ /p͈/ | 빨다 [p͈alda] | ppalda | ซักผ้า |
ㅍ /pʰ/ | 팔 [pʰal] | pal | แขน |
ㅁ /m/ | 말 [mal] | mal | ม้า |
ㄷ /t/ | 달 [tal] | dal | พระจันทร์ |
ㄸ /t͈/ | 딸 [t͈al] | ttal | ลูกสาว |
ㅌ /tʰ/ | 타다 [tʰada] | tada | ขี่ |
ㄴ /n/ | 날 [nal] | nal | วัน |
ㅈ /ʨ/ | 잘 [ʨal] | jal | บ่อน้ำ |
ㅉ /ʨ͈/ | 짜다 [ʨ͈ada] | jjada | คั้น |
ㅊ /ʨʰ/ | 차다 [ʨʰada] | chada | เตะ |
ㄱ /k/ | 가다 [kada] | gada | ไป |
ㄲ /k͈/ | 깔다 [k͈alda] | kkalda | กระจาย |
ㅋ /kʰ/ | 칼 [kʰal] | kal | มีด |
ㅇ /ŋ/ | 방 [paŋ] | bang | ห้อง |
ㅅ /s/ | 살 [sal] | sal | เนื้อหนัง |
ㅆ /s͈/ | 쌀 [s͈al] | ssal | ข้าวสาร |
ㄹ /l/ | 바람 [paɾam] | baram | ลม |
ㅎ /h/ | 하다 [hada] | hada | ทำ |
สระ
ฐาน | +อี | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ฐาน | ㅏ /a/ อา | ㅓ /ʌ/ ออ | ㅗ /o/ โอ | ㅜ /u/ อู | ㅡ /ɯ/ อือ | ㅣ /i/ อี | ㅐ /ɛ/ แอ | ㅔ /e/ เอ | ㅚ /ø/ เออ | ㅟ /wi/ วี | ㅢ /ɰi/ งึย (อึย) |
ย+ | ㅑ /ja/ ยา | ㅕ /jʌ/ ยอ | ㅛ /jo/ โย | ㅠ /ju/ ยู | ㅒ /jɛ/ แย | ㅖ /je/ เย | |||||
ว+ | ㅘ /wa/ วา | ㅝ /wʌ/ วอ | ㅙ /wɛ/ แว | ㅞ /we/ เว |
- /ʌ/ ออกเสียงอยู่ระหว่าง "ออ" กับ "เออ" บางตำราก็ใช้ /ə/ "เออ" ไปเลย
- /ø/ ออกเสียงอยู่ระหว่าง "เอ" กับ "เออ"
สระเกาหลีไม่เหมือนภาษาไทยซึ่งมีเสียงสั้นเสียงยาวแยกกัน เช่น สระอิ หรือ สระอี จะรวมเป็นสระเดียว คือ /i/ แต่จะเป็นเสียงสั้นหรือเสียงยาวนั้นขึ้นอยู่กับการเน้นเสียง แม้คำที่เขียนเหมือนกันแต่อ่านด้วยเสียงที่ต่างกัน ความหมายก็อาจเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
สระเสียงสั้น | สระเสียงยาว | ||
---|---|---|---|
/i/ อิ | 시장 (sijang [ɕiˈʥaŋ], ความหิว) | /iː/ อี | 시장 (sijang [ˈɕiːʥaŋ], ตลาด) |
/e/ เอะ | 베개 (begae [peˈɡɛ], หมอน) | /eː/ เอ | 베다 (beda [ˈpeːda], ตัด) |
/ɛ/ แอะ | 태양 (taeyang [tʰɛˈjaŋ], พระอาทิตย์) | /ɛː/ แอ | 태도 (taedo, [ˈtʰɛːdo], ความคิดเห็น) |
/a/ อะ | 말 (mal [ˈmal], ม้า) | /aː/ อา | 말 (mal [ˈmaːl], คำ, ภาษา) |
/o/ โอะ | 보리 (bori [poˈɾi], ข้าวบาร์เล่ย์) | /oː/ โอ | 보수 (bosu [ˈpoːsu], เงินเดือน) |
/u/ อุ | 구리 (guri [kuˈɾi], ทองแดง) | /uː/ อู | 수박 (subak [ˈsuːbak], แตงโม) |
/ʌ/ เอาะ | 벌 (beol [ˈpʌl], การลงโทษ) | /əː/ เออ | 벌 (beol [ˈpəːl], ผึ้ง) |
/ɯ/ อึ | 어른 (eoreun [ˈəːɾɯn], ผู้อาวุโส) | /ɯː/ อือ | 음식 (eumsik [ˈɯːmɕik], อาหาร) |
^ ชาวเกาหลีส่วนใหญ่ออกเสียง /ʌː/ "ออ" (เสียงยาว) เป็น /əː/ "เออ"
ตัวสะกด
แม้พยัญชนะเกาหลีจะมีหลายตัว และแต่ละตัวเสียงแตกต่างกัน แต่เมื่อนำมาใช้เป็นตัวสะกดแล้ว จะมีทั้งหมด 7 แม่เท่านั้น ดังตาราง จะเห็นว่าคล้ายคลึงกับภาษาไทย โดยที่ต่างออกไปคือ เสียง "ล" เมื่อนำไปเป็นตัวสะกดแล้วจะไม่ใช่เสียง "น" นอกจากนี้อาจพบตัวสะกดแบบที่มีพยัญชนะสะกดสองตัว เช่น 여덟, 앉다 ฯลฯ ตัวสะกดลักษณะนี้จะเลือกออกเสียงเฉพาะตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น และอีกตัวจะไม่ออกเสียง เช่น 여덟 อ่านว่า /ยอ-ดอล/ ไม่ใช่ /ยอ-ดอบ/ การที่จะทราบว่าตัวสะกดคู่จะออกเสียงพยัญชนะตัวใด แสดงดังตาราง อย่างไรก็ตามมีตัวสะกดคู่บางส่วนที่ออกเสียงไม่แน่นอนขึ้นกับคำ คือ ㄺ และ ㄼ
ตัวสะกด | พยัญชนะ | ตัวอย่าง |
---|---|---|
กง | ㅇ | 성 = /ซอง/ |
กน | ㄴ ㄵ ㄶ | 원 = /วอน/ |
กม | ㅁ ㄻ | 남 = /นัม/ |
กก | ㄱ ㄲ ㅋ ㄳ | 밖 = /ผัก/ |
กด | ㄷ ㅅ ㅆ ㅈ ㅉ ㅊ ㅌ ㅎ | 이것 = /อี-กอด/ |
กบ | ㅂ ㅍ ㅄ ㄿ | 십 = /ฉิบ/, 없 = /ออบ/ |
กล | ㄹ ㄽ ㄾ ㅀ | 팔 = /พัล/ |
ไม่แน่นอน | ㄺ ㄼ | 여덟 = /ยอ-ดอล/ |
การอ่านโยงเสียง
ในพยางค์หนึ่งๆ กรณีที่พยัญชนะต้นเป็นตัวอีอึง (ㅇ) เสียงของมันอาจไม่ใช่เสียง "อ" แต่จะเป็นเสียงของตัวสะกดในพยางค์ก่อนหน้าแทน เช่น
- 직업 อ่านว่า /지겁/ (ชี-กอบ) ไม่ใช่ /직-업/ (ชิก-ออบ)
- 당신은 อ่านว่า /당시는/ (ทัง-ชี-นึน) ไม่ใช่ /당-신-은/ (ทัง-ชิน-อึน)
กฎการอ่านแบบกลมกลืนเสียง*
ในพยางค์ใดที่ลงท้ายด้วยตัวสะกดและพยัญชนะต้นในพยางค์ถัดไปที่ติดกัน
เสียงของตัวสะกดจะเปลี่ยนเพื่อให้ออกเสียงได้สะดวกกลมกลืนและไม่ขัดกัน โดยจำแนกไว้เป็นกฎต่างๆดังต่อไปนี้
1. พยางค์ใดลงท้ายด้วยตัวสะกดในแม่ /ㄱ/, /ㄷ/, /ㅂ/ และพยัญชนะต้นในพยางค์ถัดไปเป็นเสียงนาสิก เสียงตัวสะกดจะเปลี่ยนเป็น /ㅇ/,/ㄴ/,/ㅁ/ ตามลำดับ เพื่อให้ออกเสียงได้สะดวกกลมกลืนและไม่ขัดกัน
ตัวอย่างเช่น
집는다 -> /짐는다/ เขียนว่า "ชิบนึนดา" แต่จะอ่านเป็น "ชิมนึนดา" เพื่อให้ออกเสียงได้สะดวกกลมกลืนและไม่ขัดกัน
받는다 -> /반는다/ เขียนว่า "พัดนึนดา" แต่จะอ่านเป็น "พันนึนดา" เพื่อให้ออกเสียงได้สะดวกกลมกลืนและไม่ขัดกัน
속는다 -> /송는다/ เขียนว่า "ซ๊กนึนดา" แต่จะอ่านเป็น "ซงนึนดา" เพื่อให้ออกเสียงได้สะดวกกลมกลืนและไม่ขัดกัน
ที่คุ้นเคยกันดีได้แก่ ไวยากรณ์ลงท้ายประโยคอย่างสุภาพ "~습니다" ถึงแม้ว่าจะเขียนเป็น ซึ่บนิดา แต่เพื่อให้เป็นไปตามเหตุผลดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว เราก็จะอ่านว่า ซึมนิดา
ตัวอย่างประโยคหรือวลีที่มักพบ
ประโยคเกาหลี | คำอ่านไทย | คำแปล |
---|---|---|
안녕하세요. | อัน-นยอง-ฮา-เซ-โย | สวัสดี |
감사합니다./고맙습니다. | คัม-ซา-ฮัม-นิ-ดะ / โค-มับ-ซึม-นิ-ดะ | ขอบคุณ |
사랑해. | ซา-รัง-แฮ | ฉันรักคุณ |
실례지만. | ชิล-รเย-จี-มัน | ขอประทานโทษครับ |
안녕히 주무세요. | อัน-นยอง-ฮี๊ จู-มู-เซ-โย | ราตรีสวัสดิ์ |
반갑습니다. | พัน-กั๊บ-ซึม-นี-ดา | ยินดีที่ได้รู้จัก |
죄송합니다. 저먼저갑니다 | ชเว-ซง-ฮัม-นี-ดา. ชอ-มอน-จอ-กัม-นี-ดา. | ขอโทษครับ ผมไปก่อนนะครับ |
ไวยากรณ์
การวางคำในประโยคภาษาเกาหลีมีลักษณะใกล้เคียงกับการเรียงในภาษาญี่ปุ่นและภาษาตุรกีรวมไปถึงภาษาในประเทศอินเดีย โดยเรียงลำดับคำในประโยคเป็น "ประธาน-กรรม-กริยา" ซึ่งแตกต่างกับประโยคในภาษาไทยที่เป็น "ประธาน-กริยา-กรรม" เช่นประโยค "ฉันกินข้าว" ในภาษาไทย จะเขียนลำดับเป็น "ฉันข้าวกิน" ในภาษาเกาหลี
ภาษาเกาหลีมีคำช่วยเพื่อบอกหน้าที่ของคำต่างๆ ในประโยค เช่น เป็นคำช่วยที่ใช้วางหลังสถานที่เพื่อระบุตำแหน่ง และ หรือ เป็นคำช่วยที่วางหลังคำเพื่อระบุว่าคำนั้นเป็นประธานของประโยค เป็นต้น นอกจากนี้ภาษาเกาหลียังมีการผันรูปกริยาหลายรูปแบบเพื่อเปลี่ยนแปลงกาลเทศะ เช่น ระดับความสุภาพและความเป็นทางการของประโยค สภาพกาลของประโยคว่าเป็นอดีต อนาคต หรือปัจจุบัน
อ้างอิง
- Sohn, H.-M. (1999). The Korean Language. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 978-0-521-36943-5.
- Song, J.J. (2005). The Korean Language: Structure, Use and Context. London: Routledge. ISBN 0-415-32802-0.