ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มหาปวารณา"
หน้าใหม่: {{พุทธศาสนา}} '''มหาปวารณา''' ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 พระศาสดาทรง… |
(ไม่แตกต่าง)
|
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:43, 9 พฤษภาคม 2552
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
มหาปวารณา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 พระศาสดาทรงอนุญาตให้พระภิกษุทำปวารณา คือ ยอมให้ว่ากล่าวตักเตือนซึ่้งกันและกัน หมายถึงยอมมอบตนให้สงฆ์กล่าวตักเตือน ในข้อบกพร่องที่ภิกษุทั้งหลายได้เห็นได้ยิน หรือมีข้อสงสัย ด้วขจิตเมตตา เพื่อจักได้สำรวมระวังปรับปรุงแก้ไขตนเอง เพื่อความเจริญของพระธรรมวินัยและความผาสุกในการอยู่ร่วมกัน
ความเป็นมาของวันมหาปวารณา
ภิกษุจำพรรษาในแคว้นโกศล ตั้งกติกาไม่พูดกัน ใช้วิธีบอกใบ้ หรือใช้มือแทนคำพูด เมื่อออกพรรษาแล้วไปเฝ้าพระศาสดา พระองค์ตรัสถาม ทรงติเตียน และทรงอนุญาตการปวารณา คือ การอนุญาตให้ภิกษุอื่นว่ากล่าวตักเตือนกันได้ กิกษุจำพรรรษาแล้วปวารณาด้วยเหตุ 3 ประการคือ
- โดยได้เห็น
- โดยได้ยิน ได้ฟัง
- โดยสงสัย
วิธีปวารณา
ภิกษุเถระพึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า นั่งกระโหย่งประคองอัญชลีแล้วกล่าวปวารณา 3 ครั้งเพื่อให้ภิกษุนวกะกล่าวปรวารณาตอบ ภิกษุนวกะก็ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า นั่งกระโหย่งประคองอัญชลีแล้วกล่าวปวารณา 3 ครั้ง ต่อมา พระุพุทธองค์ทรงอนุญาให้นั่งกระโหย่งในระหว่างที่ยังปวารณา และทรงอนุญาตให้ภิกษุที่ปวารณาแล้วนั่งบนอาสนะ เพราะเคยมีภิกษุชราภาพนั่งกระโหย่งคอยนานจนเป็นลมล้มลง
ปวารณาสูตร พระศาสดาทรงปวารณาแก่หมู่สงฆ์
คราวหนึ่งในพระวิหารบุพพาราม กรุงสาวัตถี พระศาสดาประทับอยู่กับภิกษุสงฆ์ 500 รูป ล้วนเป็นพระอรหัตน์ในวันอุโบสถขึ้น 15 ค่ำเพื่อจะทรงทำปวารณา พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแต่กเหล่าภิกษุนั้นว่า จะติเตียนการกระทำทางกาย ทางวาจาของพระองค์บ้างหรือไม่ พระสารีบุตรตอลปฏิเสธเพราะพระองค์ยังทางที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น จากนั้นพระสารีบุตรก็กล่าวปวารณาให้พระศาสดาติเ้ตียนท่าน พระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวปฏิเสธ เพราะพระสารีบุตรเป็นบัณฑิต เป็นผู้มีปัญญามาก พระสารีบุตรทูลถามอีกว่า พระองค์จะไม่กล่าวติเตียนการกระทำทางกาย ทางวาจา ของเหล่าภิกษุบ้างหรือ พระองค์กล่าวปฏิเสธ เพราะเหล่าภิกษุได้บรรลุวิชชา 3 อภิญญา 6 ได้อุภโตภาควิมุตติ และได้ปัญญาวิมุติเป็นพระอรหัตน์
เหตุที่ทำให้เป็นคนว่ายากและว่าง่าย
อนุมานสูตร ธรรมที่ทำให้เป็นผู้ว่ายาก 16 ประการ
- เป็นผู้มีความปรารถนาลามก
- เป็นผู้ยกตนข่มผู้อื่น
- เป็นผู้มักโกรธ มีความโกรธครอบงำแล้ว
- เป็นผู้มักโกรธ ผูกโกรธ
- เป็นผู้มักโกรธ มักระแวง
- เป็นผู้มักโกรธ เปล่งวาจาใกล้ต่อความโกรธ
- เมื่อภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับโต้เถียงโจทก์
- เมื่อภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับรุกรานโจทก์
- เมื่อภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับเอาเรื่องอื่นมากลบเกลื่อนพูดนอกเรื่อง แสดงความโกรธ ความมุ่งร้าย ความไม่เชื่อฟังปรากฏ
- เมื่อภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง ไม่พอใจตอบในความประพฤติ
- เมื่อภิกษุผู้เป็นโจทก์ฟ้อง กลับปรักปรำโจทก์
- ภิกษุเป็นผู้ลบหลู่ ตีเสมอ
- ภิกษุเป็นผู้ริษยา ตระหนี่
- ภิกษุเป็นผู้โอ้อวด เจ้ามายา
- ภิกษุเป็นผู้กระด้าง ดูหมิ่นผู้อื่น
- ภิกษุเป็นผู้ถือแต่ความเห็นของตน ถือรั้นถอนได้ยาก