ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คุยกับผู้ใช้:พ.น.บุญรอด/ทดสอบ"
พ.น.บุญรอด (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
พ.น.บุญรอด (คุย | ส่วนร่วม) |
||
บรรทัด 11: | บรรทัด 11: | ||
# ในกรณีที่ทราบความยาวด้านคู่ขนาน (a และ b) และความสูงของรูป (h) สามารถใช้สูตรดังต่อไปนี้เพื่อหาพื้นที่ (A) |
# ในกรณีที่ทราบความยาวด้านคู่ขนาน (a และ b) และความสูงของรูป (h) สามารถใช้สูตรดังต่อไปนี้เพื่อหาพื้นที่ (A) |
||
<math>\frac{h{(a+b)}}{2}</math> |
:<math>\frac{h{(a+b)}}{2}</math> |
||
# ในกรณีที่ทราบความยาวของด้านทั้งหมด สามารถใช้สูตรดังต่อไปนี้ |
|||
:<math>A=\frac{a+c}{4(a-c)}\sqrt{(a+b-c+d)(a-b-c+d)(a+b-c-d)(-a+b+c+d)}.</math> |
|||
โดยที่ a และ c เป็นความยาวของด้านคู่ขนาน ซึ่งในกรณีที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (หรือขนมเปียกปูน) ซึ่งมีด้านคู่ขนานยาวเท่ากัน จะไม่สามารถหาค่าได้ เนื่องจาก a=c ทำให้เกิดการหารด้วยศูนย์เกิดขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สี่เหลี่ยมด้านขนาน (หรือขนมเปียกปูน) ที่กำหนดความยาวของแต่ละด้านมาให้นั้นสามารถสร้างได้หลายรูป เนื่องจากรูปสี่เหลี่ยมประเภทนี้เกิดการโย้ได้ เพราะว่ามีด้านขนานกัน 2 คู่ จึงไม่สามารถหาพื้นที่จากความยาวด้านได้ แต่รูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่กำหนดความยาวด้านมาให้นั้นจะมีได้เพียงรูปเดียว (โดยพิจารณาถึงการเรียงลำดับของความยาวด้าน เช่น รูปสี่เหลี่ยมคางหมู ABCD มีด้าน AB, BC, CD และ DA ยาวเท่ากับ a, b, c และ d ตามลำดับจะไม่เหมือนกันกับรูปสี่เหลี่ยมที่มีด้าน AB, BC, CD และ DA ยาวเท่ากับ a, c, b และ d ตามลำดับ) เนื่องจากว่ารูปนี้ไม่สามารถโย้ได้ เนื่องจากมีด้านขนานกันคู่เดียวเท่านั้น |
|||
== การใช้รูปสี่เหลี่ยมคางหมูในสถาปัตยกรรม == |
|||
พบในสถาปัตยกรรมแบบ[[อียิปต์โบราณ]] โดยมีการเจาะช่องหน้าต่าง, ประตู และการก่อสร้างตัวอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูโดยมีด้านฐานยาวกว่าด้านยอด [[Image:Temple of Dendur- night.jpg|right|250px|thumb|วิหาร Dendur ซึ่งจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ศิลปะนิวยอร์ก]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:48, 27 ตุลาคม 2551
ยินดีต้อนรับสู่หน้าทดลองเขียน! พื้นที่เพื่อทดลองเขียนหรือแก้ไขวิกิพีเดีย
ในการแก้ไขหน้าทดลองเขียนนี้ คุณสามารถแก้ไขรหัสต้นฉบับ (แถบ "แก้ไขต้นฉบับ" ด้านบน) หรือใช้วิชวลเอดิเตอร์ (แถบ "แก้ไข" ด้านบน) แล้วทำการเปลี่ยนแปลง และคลิกปุ่ม "เผยแพร่การเปลี่ยนแปลง" เมื่อเสร็จสิ้น คุณสามารถคลิก "แสดงตัวอย่าง" เพื่อดูตัวอย่างของหน้าที่คุณกำลังบันทึก หรือ "แสดงการเปลี่ยนแปลง" เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม ไม่ว่าผู้ใช้ใดก็สามารถแก้ไขหน้านี้และมีการเก็บกวาดอัตโนมัติเป็นประจำ (สิ่งที่คุณเขียนจะไม่อยู่ถาวร) หากคุณล็อกอิน คุณสามารถเข้าถึงหน้าทดลองเขียนส่วนตัวของคุณ (ลิงก์ "ทดลองเขียน" ที่อยู่บนสุดของทุกหน้า อยู่ถัดจากชื่อผู้ใช้ของคุณ) กรุณาอย่าใส่เนื้อหาซึ่งละเมิดลิขสิทธิ์ ก้าวร้าวหรือหมิ่นประมาทในหน้าทดลองเขียนนี้ สำหรับสารสนเทศและทรัพยากรพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเข้าใจ ออกความเห็นและแก้ไขวิกิพีเดีย ดู การเข้ามีส่วนร่วมในวิกิพีเดีย |
สี่เหลี่ยมคางหมูคือรูปสี่เหลี่ยมใด ๆ ที่มีด้านตรงข้ามขนานกันคู่หนึ่ง และคู่เดียวเท่านั้น [1]
คุณสมบัติทางเรขาคณิต
- มีด้านตรงข้ามขนานกันเพียง 1 คู่ ซึ่งอาจจะยาวเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้
- ด้านคู่ที่ไม่ขนานกันอาจจะยาวเท่ากันหรือไม่ก็ได้ (ซึ่งถ้ายาวเท่ากันจะเป็นกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานหรือขนมเปียกปูน ซึ่งจัดเป็นกรณีพิเศษ และทำให้ด้านตรงข้ามยาวเท่ากันด้วย)
- มุมที่มีด้านคู่ขนานเป็นด้านเดียวกันทั้งสองมุมจะมีขนาดรวมกันเป็น 180 องศาหรือ 2 มุมฉากหรือ π เรเดียน
การคำนวณหาพื้นที่
- ในกรณีที่ทราบความยาวด้านคู่ขนาน (a และ b) และความสูงของรูป (h) สามารถใช้สูตรดังต่อไปนี้เพื่อหาพื้นที่ (A)
- ในกรณีที่ทราบความยาวของด้านทั้งหมด สามารถใช้สูตรดังต่อไปนี้
โดยที่ a และ c เป็นความยาวของด้านคู่ขนาน ซึ่งในกรณีที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน (หรือขนมเปียกปูน) ซึ่งมีด้านคู่ขนานยาวเท่ากัน จะไม่สามารถหาค่าได้ เนื่องจาก a=c ทำให้เกิดการหารด้วยศูนย์เกิดขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สี่เหลี่ยมด้านขนาน (หรือขนมเปียกปูน) ที่กำหนดความยาวของแต่ละด้านมาให้นั้นสามารถสร้างได้หลายรูป เนื่องจากรูปสี่เหลี่ยมประเภทนี้เกิดการโย้ได้ เพราะว่ามีด้านขนานกัน 2 คู่ จึงไม่สามารถหาพื้นที่จากความยาวด้านได้ แต่รูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่กำหนดความยาวด้านมาให้นั้นจะมีได้เพียงรูปเดียว (โดยพิจารณาถึงการเรียงลำดับของความยาวด้าน เช่น รูปสี่เหลี่ยมคางหมู ABCD มีด้าน AB, BC, CD และ DA ยาวเท่ากับ a, b, c และ d ตามลำดับจะไม่เหมือนกันกับรูปสี่เหลี่ยมที่มีด้าน AB, BC, CD และ DA ยาวเท่ากับ a, c, b และ d ตามลำดับ) เนื่องจากว่ารูปนี้ไม่สามารถโย้ได้ เนื่องจากมีด้านขนานกันคู่เดียวเท่านั้น
การใช้รูปสี่เหลี่ยมคางหมูในสถาปัตยกรรม
พบในสถาปัตยกรรมแบบอียิปต์โบราณ โดยมีการเจาะช่องหน้าต่าง, ประตู และการก่อสร้างตัวอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูโดยมีด้านฐานยาวกว่าด้านยอด
- ↑ http://escivocab.ipst.ac.th/readdoc.asp?no=941 พจนานุกรมศัพท์วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี