ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กระดูกเนื้อโปร่ง"
ลบส่วนโฆษณาออก |
|||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{รอการตรวจสอบ}} |
|||
{{กล่องข้อมูล กายวิภาคศาสตร์ |
{{กล่องข้อมูล กายวิภาคศาสตร์ |
||
| Name = กระดูกเนื้อโปร่ง, กระดูกฟ่าม, กระดูกฟองน้ำ, หรือกระดูกพรุน<br> (Cancellous bone) |
| Name = กระดูกเนื้อโปร่ง, กระดูกฟ่าม, กระดูกฟองน้ำ, หรือกระดูกพรุน<br> (Cancellous bone) |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:32, 9 ตุลาคม 2551
กระดูกเนื้อโปร่ง, กระดูกฟ่าม, กระดูกฟองน้ำ, หรือกระดูกพรุน (Cancellous bone) | |
---|---|
ภาพแสดงภาคตัดขวางของกระดูกยาว แสดงกระดูกเนื้อโปร่งอยู่ศูนย์กลางด้านใน | |
ภาพจากกล้องจุลทรรศน์แสดงกระดูกเนื้อโปร่ง ย้อมด้วยสี H&E แสดงทราบีคูลา (trabeculae; ย้อมติดสีชมพู) และเนื้อเยื่อไขกระดูก (ย้อมติดสีน้ำเงิน) | |
รายละเอียด | |
ตัวระบุ | |
ภาษาละติน | substantia spongiosa ossium |
MeSH | D000071556 |
TA98 | A02.0.00.004 |
TA2 | 380 |
FMA | 24019 |
อภิธานศัพท์กายวิภาคศาสตร์ |
กระดูกเนื้อโปร่ง, กระดูกฟ่าม, กระดูกฟองน้ำ, หรือกระดูกพรุน (spongy bone, cancellous bone, trabecular bone) เป็นเนื้อเยื่อกระดูกชนิดหนึ่งซึ่งมีความหนาแน่นและความแข็งแกร่งน้อยกว่า แต่มีพื้นที่ผิวมากกว่า กระดูกชนิดนี้มีลักษณะโปร่งคล้ายเส้นใยสานกันจะอยู่ภายในโพรงของกระดูกยาว ชั้นนอกของกระดูกเนื้อโปร่งจะประกอบด้วยไขกระดูกแดง (red bone marrow) ซึ่งเป็นแหล่งที่ผลิตองค์ประกอบของเลือด (ที่เรียกกันว่า การกำเนิดเซลล์เม็ดเลือด (hematopoiesis)) กระดูกเนื้อโปร่งนี้จะเป็นที่อยู่ของหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ
เนื้อเยื่อกระดูกอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า กระดูกเนื้อแน่น (cortical bone) ซึ่งจัดเรียงตัวเป็นผิวแข็งชั้นนอกของกระดูก
โรคกระดูกพรุน (Spine Center)
โรคกระดูกพรุน เป็นโรคที่ผู้ป่วยมีมวลกระดูกต่ำกว่าปกติและมีแนวโน้มต่ำลงเรื่อย ๆ จนเป็นสาเหตุให้เกิดกระดูกหักจากอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย และมีโอกาสที่ทำให้กระดูก เมื่อหักแล้วจะไม่ติดกัน โดยปกติกระดูกของคนเราเป็นอวัยวะที่มีชีวิต กระดูกมีเซลล์หลักอยู่ 2 ชนิด ชนิดแรก เป็นนเซลล์กระดูกที่มีหน้าที่สลายกระดูก เรียกว่า Osteoclast เซลล์อีกชนิดหนึ่งมีหน้าที่สร้างกรดูกใหม่ เรียกว่า Osteoblast ซึ่งเซลล์ทั้ง 2 ชนิดนี้ทำงานอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจนตาย
ช่วงเวลาของการสร้างและสลายกระดูกสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วงดังนี้
1. ช่วงของการสร้างมวลกระดูก
เริ่มต้นเมื่อแรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 30 ปี ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการสร้างมวลกระดูกมากกว่าการสลายมวลกระดูก มวลกระดูกของร่างกายจึงเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุดที่เรียกว่า Peak Bone Mass
2. ช่วงของการคงมวลกระดูก
หลังจากอายุ 30 ปี ไปแล้ว การสร้างกระดูกจะลดลงจนเท่ากับการสลายกระดูก มวลกระดูกรวมจึงคงที่ ไปจนถึงอายุประมาณ 45 ปี
3. ช่วงการสลายมวลกระดูก
จากอายุ 45 ปีขึ้นไป การสร้างมวลกระดูกจะลดลงเรื่อย ๆ มวลกระดูกรวมของร่างกายจึงลดลงตามลำดับ สตรีในช่วงหมดประจำเดือน การสลายมวลกระดูกจะรวดเร็วมากทำให้มวลกระดูกลดลงอย่างรวดเร็ว
อัยตรายของโรคกระดูกพรุน
แม้ว่าโรคกระดูกพรุนจะไม่ได้ทำให้เสียชีวิตโดยตรง แต่โรคกระดูกพรุนเป็นจุดเริ่มต้นของโรคต่าง ๆ มากมาย จากการเคลื่อนไหวร่างกายที่ทำได้ไม่เต็มที่ อันเนื่องมาจากอาการปวด หรือภาวะกระดูกหัก เช่น ภาวะถุงลมโป่งพอง ภาวะการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ภาวะโรคหัวใจและหลอดเลือด อันเป็นสาเหตุให้สุขภาพโดยรวมเลวลงอย่างรวดเร็วจนอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ การพักรักษาตัวเป็นเวลานาน ย่อมทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ขึ้นได้ เมื่อผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนได้รับอุบัติเหตุทำให้เกิดภาวะกระดูกหักขึ้น กระดูกนั้นจะใช้เวลาในการเชื่อมต่อตัวเองนานกว่ากระดูกปกติ หรืออาจไม่ติดเลยก็ได้ ผู้ป่วยจะต้องอยู่ในเผือกนานขึ้น เป็นสาเหตุให้เกิดอาการข้อยึดติด ไม่สามารถใช้ร่างกายส่วนนั้นได้เป็นระยะเวลานาน หรืออาจต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดยึดกระดูกซึ่งผลการรักษามักไม่ได้ผลดี
อาการของโรคกระดูกพรุน
ปวดหลัง เป็นอาการหนึ่งที่พบได้ในผู้ป่วยสูงอายุที่มีโรคกระดูกพรุน ส่วนในผู้ป่วยที่อายุยังน้อย โรคกระดูกพรุนมักจะไม่มีอาการใด ๆ การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน เมื่อผลตรวจมวลกระดูกพบว่ากระดูกปกติ
สิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคกระดูกพรุน คือ
- ออกกำลังกาย ให้เหมาะสมกับเพศและวัยเป็นประจำ
- รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม
- ตววจมวลกระดูกประจำทุกปี
- ตรวจสุขภาพประจำปี ดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดีอยู่ตลอด
การแปรผลการตรวจมวลกระดูกจะแปรผลออกมา คือ
- มวลกระดูกปกติ ( Normal) หมายถึง มีมวลกระดูกหนาแน่นเป็นปกติในอายุยังน้อย
- มวลกระดูกบาง (Osteopenia) หมายถึง มีมวลกระดูกน้อยกว่าปกติ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นโรคกระดูกพรุน เป็นภาวะที่ต้องรับการรักษาก่อนที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน
- กระดูกพรุน (Osteoporosis) หมายถึง มีมวลกระดูกน้อยกว่าปกติมากจนเลี่ยงต่อกระดูกหักหรือกระดูกยุบตัว
การรักษาโรคกระดูกพรุน
ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาโรคกระดูกพรุน คือ
1. ผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
2. ผู้ป่วยที่เนโรคกระดูกบาง (Osteopenia)
3. ผู้ป่วบทีมีมวลกระดูกปกติ แต่ลดลงจากปีที่แล้วมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป
การรักษาโรคกระดูกพรุนด้วยยารักษาต่าง ๆ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกบางและโรคกระดูกพรุน นอกจากจะทำให้ผู้ป่วยหายทรมานจากอาการปวดหลังเรื้อรังแล้ว ยังลดโอกาสที่ผู้ป่วยเกิดภาวะกระดูกหักจากอุบัติเหตุได้อีกด้วย
แหล่งข้อมูลอื่น
- Article with some info on spongy bone
- ภาพเนื้อเยื่อจากมหาวิทยาลัยบอสตัน 02601lba (อังกฤษ) - "Cartilage and Bone and Bone Histogenesis: trabecular, woven and lamellar bone"
- substantia+spongiosa จากเว็บไซต์ eMedicine Dictionary
- Histology at OU 69_02 - Femur
- โรงพยาบาลเวชธานี- "เว็บไซต์โรงพยาบาลเวชธานี: ศูนย์กระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเวชธานี"