ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไรน์ลันท์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
Horus (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 23: บรรทัด 23:


เป็นเวลาห้าเดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 1944 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 1945 กองทัพสหรัฐอเมริกาพยายามอย่างหนักที่จะยึดครองป่า Hurtgen ป่าหน้าทึบและพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นหุบเขาลึกของป่า ทำให้เหล่าทหารราบจำเป็นต้องต่อสู้โดยปราศจากการสนับสนุนทางอากาศ ยานเกราะและปืนใหญ่ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าทหารอเมริกันเสียชีวิตไปประมาณ 24,000 นาย
เป็นเวลาห้าเดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 1944 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 1945 กองทัพสหรัฐอเมริกาพยายามอย่างหนักที่จะยึดครองป่า Hurtgen ป่าหน้าทึบและพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นหุบเขาลึกของป่า ทำให้เหล่าทหารราบจำเป็นต้องต่อสู้โดยปราศจากการสนับสนุนทางอากาศ ยานเกราะและปืนใหญ่ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าทหารอเมริกันเสียชีวิตไปประมาณ 24,000 นาย

ต้นปี 1945 หลังจากการหยุดพักรบในช่วงฤดูหนาว กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรในยุโรปตะวันตกได้กลับเข้าสู่การทำการรบอีกครั้งหนึ่งเพื่อจะเจาะผ่านแนวเยอรมันไปยังแม่น้ำไรน์ กองทัพแคนาดาสามารถเข้าสมทบกับกองทัพอังกฤษและสามารถเจาะผ่านแคว้นไรน์แลนด์ได้ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 1945 หลังจากเวลาผ่านไป กองทัพเยอรมันก็ถูกกวาดล้างออกไปจากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไรน์


== ดูเพิ่ม ==
== ดูเพิ่ม ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:15, 16 มิถุนายน 2551

ไรน์แลนด์ (ภาษาเยอรมัน: Rheinland) เป็นชื่อทั่วไปที่ใช้เรียกดินแดนทั้งสองฝั่งของแม่น้ำไรน์ ในเยอรมนีตะวันตก หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิฝรั่งเศสในตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 19 แคว้นไรน์แลนด์เป็นแคว้นที่มีประชากรพูดภาษาเยอรมันเป็นส่วนใหญ่ ตั้งอยู่ทางตอนกลางและตอนล่างของแม่น้ำไรน์ ซึ่งเคยถึงผนวกเข้ากับอาณาจักรปรัสเซีย กษัตริย์แห่งปรัสเซียได้เปลี่ยนชื่อแคว้นใหม่ว่า มณฑลไรน์ (หรือ Rhenish Prussia) หลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ภาคตะวันตกของแคว้นไรน์แลนด์ถูกยึดครองโดยกองทัพมหาอำนาจไตรภาคียึดครอง ตามข้อตกลงในสนธิสัญญาแวร์ซายส์ เยอรมนีได้รับแคว้นไรน์แลนด์คืนเมื่อปี 1936

ภูมิศาสตร์

อาณาเขตของแคว้นไรน์แลนด์แสดงเป็นสีเหลือง

แคว้นไรน์แลนด์นั้นตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของเยอรมนี และมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศฝรั่งเศส ลักเซมเบิร์ก เบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ ลักษณะภูมิประเทศทางด้านใต้และด้านตะวันออกเป็นเขตเนินเขา และมีแม่น้ำไหลผ่าน แม่น้ำสองสายที่มีความสำคัญ คือ แม่น้ำไรน์และแม่น้ำโมเซล และทางเหนือมีอาณาเขตติดต่อกับแคว้นรูร์

ความเกี่ยวข้องกับการเมือง

มณฑลไรน์ได้ถูกจัดตั้งเมื่อปี 1824 โดยการรวมตัวกันของแคว้นไรน์ตอนล่างกับแคว้นจวูลิช-คลีฟส์-เบิร์ก มีเมืองหลวงอยู่ที่โคเบรนซ์ มีประชากรอยู่อาศัยประมาณ 8 ล้านคนในปี 1939 ในปี 1920 แคว้นซาร์ได้ถูกแยกออกมาจากมณฑลไรน์ และอยู่ใต้การกำกับดูแลของสันนิบาตชาติ จนกระทั่งกองกำลังสันนิบาติชาติถอนกำลังออกไปเมื่อปี 1935

ประวัติศาสตร์

หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

หลังจากเยอรมนียอมจำนนในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง กองทัพพันธมิตรได้ทำการยึดครองแคว้นไรน์แลนด์ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไรน์ ภายใต้บัญญัติของสนธิสัญญาแวร์ซายส์ การเข้ายึดครองจึงดำเนินต่อไป สนธิสัญญาดังกล่าวได้กำหนดให้แบ่งแคว้นไรน์แลนด์ออกเป็นสามส่วน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น พื้นที่ที่จะคืนให้แก่เยอรมนีภายในห้าปี สิบปี และสิบห้าปีตามลำดับหลังจากการอนุมัติสนธิสัญญาดังกล่าว ซึ่งได้ทำการลงนามเมื่อปี 1920 ซึ่งหมายความว่าเยอรมนีจะได้รับดินแดนทั้งหมดคืนเมื่อปี 1935 แต่ในความเป็นจริงแล้ว กองทัพพันธมิตรได้ถอนตัวออกไปทั้งหมดก่อนปี 1930 ด้วยความปรารถนาดีต่อสาธารณรัฐไวมาร์ ซึ่งได้มีนโยบายประนีประนอมด้วย และเพื่อสนธิสัญญาโลคาร์โน

ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปี 1944-1945 ได้มีการทัพสองครั้งได้เกิดขึ้นในแคว้นไรน์แลนด์แห่งนี้

เป็นเวลาห้าเดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน 1944 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 1945 กองทัพสหรัฐอเมริกาพยายามอย่างหนักที่จะยึดครองป่า Hurtgen ป่าหน้าทึบและพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นหุบเขาลึกของป่า ทำให้เหล่าทหารราบจำเป็นต้องต่อสู้โดยปราศจากการสนับสนุนทางอากาศ ยานเกราะและปืนใหญ่ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าทหารอเมริกันเสียชีวิตไปประมาณ 24,000 นาย

ต้นปี 1945 หลังจากการหยุดพักรบในช่วงฤดูหนาว กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรในยุโรปตะวันตกได้กลับเข้าสู่การทำการรบอีกครั้งหนึ่งเพื่อจะเจาะผ่านแนวเยอรมันไปยังแม่น้ำไรน์ กองทัพแคนาดาสามารถเข้าสมทบกับกองทัพอังกฤษและสามารถเจาะผ่านแคว้นไรน์แลนด์ได้ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 1945 หลังจากเวลาผ่านไป กองทัพเยอรมันก็ถูกกวาดล้างออกไปจากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไรน์

ดูเพิ่ม