ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เท็ด บันดี"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
BodhisattvaBot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต เพิ่ม: sk:Ted Bundy
Manop (คุย | ส่วนร่วม)
โอริกอน -> ออริกอน
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''ธีโอดอร์ โรเบิร์ต 'เท็ด' บันดี''' (Theodore Robert 'Ted' Bundy) เป็น[[ฆาตกรต่อเนื่อง]]ชาว[[อเมริกัน]] เกิดวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 ในระหว่าง[[ปี]] พ.ศ. 2517 – พ.ศ. 2521 เท่าที่ทางการพบ บันดีข่มขืนและ[[ฆาตกรรม]][[หญิง]]สาวในรัฐ [[โคโลราโด]], [[ฟลอริดา]], [[ยูทาห์]], [[วอชิงตัน]], โอเรกอน, [[ไอดาโฮ]] ไปทั้งสิ้น 36 ราย<ref>[http://students.english.ilstu.edu/smdare/bundy/bundy's%20confessions%20and%20motivations.html True Crime: Serial Killers] มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เรียกข้อมูลวันที่ 24-11-2550 {{en icon}}</ref>
'''ธีโอดอร์ โรเบิร์ต 'เท็ด' บันดี''' (Theodore Robert 'Ted' Bundy) เป็น[[ฆาตกรต่อเนื่อง]]ชาว[[อเมริกัน]] เกิดวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 ในระหว่าง[[ปี]] พ.ศ. 2517 – พ.ศ. 2521 เท่าที่ทางการพบ บันดีข่มขืนและ[[ฆาตกรรม]][[หญิง]]สาวในรัฐ [[โคโลราโด]], [[ฟลอริดา]], [[ยูทาห์]], [[รัฐวอชิงตัน|วอชิงตัน]], [[ออริกอน]], [[ไอดาโฮ]] ไปทั้งสิ้น 36 ราย<ref>[http://students.english.ilstu.edu/smdare/bundy/bundy's%20confessions%20and%20motivations.html True Crime: Serial Killers] มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เรียกข้อมูลวันที่ 24-11-2550 {{en icon}}</ref>


บันดีเป็นผู้มี[[การศึกษา]]และเป็นคนมีเสน่ห์ เพื่อนๆและคนรู้จักจดจำเขาได้ในฐานะที่เขาเป็น[[ชาย]]หนุ่มที่[[หน้า]]ตาดีและ[[พูด]]จาเก่ง บันดีถูกตัดสิน[[ประหารชีวิต]]ด้วยการนั่งเก้าอี้[[ไฟฟ้า]] [[เสียชีวิต]]ลงในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2532
บันดีเป็นผู้มี[[การศึกษา]]และเป็นคนมีเสน่ห์ เพื่อนๆและคนรู้จักจดจำเขาได้ในฐานะที่เขาเป็น[[ชาย]]หนุ่มที่[[หน้า]]ตาดีและ[[พูด]]จาเก่ง บันดีถูกตัดสิน[[ประหารชีวิต]]ด้วยการนั่งเก้าอี้[[ไฟฟ้า]] [[เสียชีวิต]]ลงในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2532
บรรทัด 15: บรรทัด 15:


ผู้หายสาบสูญอื่นๆที่ตามมาใน พ.ศ. 2517
ผู้หายสาบสูญอื่นๆที่ตามมาใน พ.ศ. 2517
*12 มีนาคม ดอนนา เกล แมนสัน [[นักศึกษา]]วิทยาลัยเอเวอร์กรีนสเตท
* 12 มีนาคม ดอนนา เกล แมนสัน [[นักศึกษา]]วิทยาลัยเอเวอร์กรีนสเตต
*17 เมษายน ซูซาน แลนคอท นักศึกษาวิทยาลัยเซนทรัลวอชิงตันสเตท
* 17 เมษายน ซูซาน แลนคอท นักศึกษาวิทยาลัยเซนทรัลวอชิงตันสเตต
*6 พฤษภาคม โรเบอต้า พาร์กส์ นักศึกษา[[มหาวิทยาลัยโอเรกอน]]
* 6 พฤษภาคม โรเบอต้า พาร์กส์ นักศึกษา[[มหาวิทยาลัยโอเรกอน]]
*1 มิถุนายน เบลนด้า บอล เป็นผู้หายสาปสูญเพียง[[คน]]เดียวที่[[ตำรวจ]]พบว่าไม่ได้เป็นนักศึกษา
* 1 มิถุนายน เบลนด้า บอล เป็นผู้หายสาปสูญเพียง[[คน]]เดียวที่[[ตำรวจ]]พบว่าไม่ได้เป็นนักศึกษา
*11 มิถุนายน จอร์เจี้ยน ฮอกกินส์ นักศึกษา[[มหาวิทยาลัยวอชิงตัน]]
* 11 มิถุนายน จอร์เจี้ยน ฮอกกินส์ นักศึกษา[[มหาวิทยาลัยวอชิงตัน]]


วันที่ 14 กรกฏาคม พ.ศ. 2517 เป็น[[วัน]]ที่บันดีฆาตกรรมหญิงสาว 2 คนในวันเดียวด้วยการลักพาตัวในเวลากลางวัน เจนิซ ออตต์ และ เดนิส เนสรันด์ หายตัวไปจากทะเลสาปซัมมามิช เมืองอิซซาควาห์ [[รัฐวอชิงตัน]] มีพยาน 8 [[คน]] บอก[[ตำรวจ]]ว่าเห็น[[ชาย]]หนุ่มหน้าตาดีมีเฝือกที่แขนซ้าย เรียกตนเองว่า "เท็ด" ซึ่ง 5 ใน 8 คนนั้นเป็น[[หญิง]]สาวที่ถูกขอให้ช่วยยก[[เรือใบ]]เล็กลงมาจาก[[รถ]]เต่าโฟล์คสวาเกน 1 ใน 5 คนนั้น[[เดิน]]ไปกับ "เท็ด" จนมองเห็นว่าไม่มีเรือใบเล็กอยู่ที่รถโฟล์คสวาเกน จึงปฏิเสธที่จะเดินต่อ พยานที่เหลืออีก 3 คนคือผู้ที่เห็นเขาเข้าพูดกับ เจนิซ ออตต์ เกี่ยวกับเรื่องเรือใบเล็ก และไม่มีใครเห็นออตต์อีกเลย และเนสรันด์หายตัวไปในอีก 4 [[ชั่วโมง]]ต่อมา
วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 เป็น[[วัน]]ที่บันดีฆาตกรรมหญิงสาว 2 คนในวันเดียวด้วยการลักพาตัวในเวลากลางวัน เจนิซ ออตต์ และ เดนิส เนสรันด์ หายตัวไปจากทะเลสาบซัมมามิช เมืองอิซซาควาห์ [[รัฐวอชิงตัน]] มีพยาน 8 [[คน]] บอก[[ตำรวจ]]ว่าเห็น[[ชาย]]หนุ่มหน้าตาดีมีเฝือกที่แขนซ้าย เรียกตนเองว่า "เท็ด" ซึ่ง 5 ใน 8 คนนั้นเป็น[[หญิง]]สาวที่ถูกขอให้ช่วยยก[[เรือใบ]]เล็กลงมาจาก[[รถ]]เต่าโฟล์คสวาเกน 1 ใน 5 คนนั้น[[เดิน]]ไปกับ "เท็ด" จนมองเห็นว่าไม่มีเรือใบเล็กอยู่ที่รถโฟล์คสวาเกน จึงปฏิเสธที่จะเดินต่อ พยานที่เหลืออีก 3 คนคือผู้ที่เห็นเขาเข้าพูดกับ เจนิซ ออตต์ เกี่ยวกับเรื่องเรือใบเล็ก และไม่มีใครเห็นออตต์อีกเลย และเนสรันด์หายตัวไปในอีก 4 [[ชั่วโมง]]ต่อมา


วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2517 [[ตำรวจ]]รัฐพบศพของออตต์และเนสรันด์แล้ว แต่บันดีได้[[เดิน]]ทางไปที่ซอลต์เลคซิตี เนื่องจากผู้ว่าการ[[รัฐวอชิงตัน]]สนับสนุนให้เขาได้ไป[[ศึกษา]]ต่อด้าน[[กฏหมาย]] ที่[[มหาวิทยาลัย]]ยูทาห์ วันที่ 2 ตุลาคม แนนซี วิลคอกซ์ หายสาปสูญไป จากซอลต์เลคซิตี วันที่ 18 ของ[[เดือน]]เดียวกัน แมริซา สมิธ อายุ 17 [[ปี]] บุตรสาวของนายตำรวจเมืองมิดเวล [[รัฐยูทาห์]] บิดาของสมิธได้เตือนเธอให้ระวังตัวแล้วหลายครั้ง ซึ่งบันดี[[ฆาตกรรม]]สมิธด้วยการรัดคอ ข่มขืนเธอทางทวารหนัก ทุบที่ใบ[[หน้า]]ของสมิธหลายครั้ง จนบิดาและมารดาของสมิธจำศพของบุตรสาวไม่ได้
วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2517 [[ตำรวจ]]รัฐพบศพของออตต์และเนสรันด์แล้ว แต่บันดีได้[[เดิน]]ทางไปที่ซอลต์เลคซิตี เนื่องจากผู้ว่าการ[[รัฐวอชิงตัน]]สนับสนุนให้เขาได้ไป[[ศึกษา]]ต่อด้าน[[กฎหมาย]] ที่[[มหาวิทยาลัย]]ยูทาห์ วันที่ 2 ตุลาคม แนนซี วิลคอกซ์ หายสาปสูญไป จากซอลต์เลคซิตี วันที่ 18 ของ[[เดือน]]เดียวกัน แมริซา สมิธ อายุ 17 [[ปี]] บุตรสาวของนายตำรวจเมืองมิดเวล [[รัฐยูทาห์]] บิดาของสมิธได้เตือนเธอให้ระวังตัวแล้วหลายครั้ง ซึ่งบันดี[[ฆาตกรรม]]สมิธด้วยการรัดคอ ข่มขืนเธอทางทวารหนัก ทุบที่ใบ[[หน้า]]ของสมิธหลายครั้ง จนบิดาและมารดาของสมิธจำศพของบุตรสาวไม่ได้


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
{{reflist}}


{{โครงชีวประวัติ}}
[[หมวดหมู่:อาชญากร]]
[[หมวดหมู่:อาชญากร]]



รุ่นแก้ไขเมื่อ 07:11, 29 พฤษภาคม 2551

ธีโอดอร์ โรเบิร์ต 'เท็ด' บันดี (Theodore Robert 'Ted' Bundy) เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกัน เกิดวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 ในระหว่างปี พ.ศ. 2517 – พ.ศ. 2521 เท่าที่ทางการพบ บันดีข่มขืนและฆาตกรรมหญิงสาวในรัฐ โคโลราโด, ฟลอริดา, ยูทาห์, วอชิงตัน, ออริกอน, ไอดาโฮ ไปทั้งสิ้น 36 ราย[1]

บันดีเป็นผู้มีการศึกษาและเป็นคนมีเสน่ห์ เพื่อนๆและคนรู้จักจดจำเขาได้ในฐานะที่เขาเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีและพูดจาเก่ง บันดีถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า เสียชีวิตลงในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2532

ประวัติ

ธีโอดอร์ โรเบิร์ต บันดี เกิดวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 เมืองเบอร์ลิงตัน มลรัฐเวอร์มอนต์ บิดาทิ้งเขาและมารดาไปตั้งแต่เขายังไม่เกิด และไม่ได้แต่งงานกับมารดาของเขา บันดีถูกเลี้ยงมาในฐานะลูกของตาและยาย โดยโกหกว่ามารดาเป็นพี่สาวของเขา บันดีไม่รู้ความจริงนี้จนกระทั่งลูกพี่ลูกน้องของเขายกเรื่องนี้มาบอก เมื่อเขามีอายุ 10 ปี

บันดี้จบการศึกษาจากวูดโรว์วิลสันไฮสคูล ใน พ.ศ. 2508 และได้ทุนเล่าเรียนที่มหาวิทยาลัยพูเจต์ซาวน์ ทาโคมา วอชิงตัน ในสาขาจิตวิทยา ภายหลังจากศึกษาไป 2 ภาคการศึกษา เขาตัดสินใจย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในซีแอตเทิล และได้เริ่มความสัมพันธ์กับ สเตฟานี บรูกส์ เพื่อนร่วมสถาบันที่มาจากตระกูลผู้ดีในแคลิฟอร์เนีย ทั้ง 2 คบหากันเป็นคู่รัก หลังจากบรูกส์รับปริญญาในปี พ.ศ. 2511 บรูกส์ที่ไม่ค่อยพอใจในความอ่อนแอและขาดความทะเยอทะยานของบันดี ได้ตัดความสัมพันธ์กับเขาและกลับไปแคลิฟอร์เนีย

บันดีพักการเรียนและกลับไปที่ เบอร์ลิงตัน เวอร์มอนต์ บ้านเกิดของเขา ทำงานเป็นเสมียนอยู่ 1 ปี จึงกลับไปศึกษาต่อที่ซีแอตเทิลอีกครั้ง และเริ่มมีนัดกับ อลิซาเบธ เคลิพเฟอร์ เลขานุการที่หย่าแล้วและมีบุตรสาวติดมาด้วย 1 คน บันดีจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2516[2] เขาปรับปรุงมารยาทและการแต่งตัว หัดเข้าสังคมและอาศัยคนรู้จักจนเข้าสู่สำนักงานของรองประธานาธิบดี เนลสัน ร็อกกีเฟลเลอร์ เพื่อการรณรงค์หาเสียงของพรรครีพับลิกัน ในฐานะผู้สนับสนุนรองประธานธิบดีร็อกีเฟลเลอร์ เขาขยันขันแข็ง ไม่เกี่ยงงาน จนสมาชิกพรรคคาดหวังว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นเป็นนักการเมืองได้ เมื่อเขาต้องเดินทางไปแคลิฟอร์เนีย เขาก็ได้พบกับ สเตฟานี บรูกส์ และกลับมามีนัดกันอีกครั้ง เขาคบหากับเคลิพเฟอร์และบรูกส์ไปพร้อมๆกัน โดยที่ทั้ง 2 คนไม่รู้เรื่องของอีกฝ่าย บันดีและบรูกส์ได้ตกลงหมั้นหมายกันเพื่อจะเข้าพิธีสมรส แต่จากนั้นบันดีตัดความสัมพันธ์กับบรูกส์ลงอย่างกลางคัน

ข่มขืนและฆาตกรรม

แอน รูล์ ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติและอาชญากรรมของ เท็ด บันดี ในหนังสือที่มีชื่อว่า The Stranger Beside Me และนักสืบ โรเบิร์ต ดี เคปเพล ผู้เกี่ยวข้องกับคดีของบันดีเชื่อว่าบันดี น่าจะเริ่มฆ่าคนมาตั้งแต่ยังเด็ก โดย แอน แมรี เบอร์ เด็กหญิงวัย 8 ขวบจากเมืองทาโคมาหายตัวไปจากบ้านในปี พ.ศ. 2504 ขณะนั้นบันดีอายุ 14 ปี ซึ่งบันดีปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่า แอน เบอร์ และ 1 วันก่อนการประหารเขาบอกกับทนายของเขาว่าเขาเริ่มพยายามลักพาตัวผู้หญิงจริงๆในปี พ.ศ. 2512 ซึ่งอาชญากรรมครั้งแรกที่ถูกยืนยันอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2517 เมื่อเขาอายุได้ 27 ปี ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2517 ภายหลังเที่ยงคืนเล็กน้อยบันดีเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ใต้ถุนของอาคารของ โจนี เลนซ์ อายุ 18 ปี นักศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เขาทุบศีรษะเลนซ์ด้วยท่อนเหล็กขณะที่เลนซ์กำลังหลับ และเสียบท่อนเหล็กเข้าไปในช่องคลอดของเลนซ์ ในตอนเช้าเพื่อนร่วมห้องมาพบในขณะที่เลนซ์กำลังโคมาและนอนจมกองเลือด เลนซ์รอดชีวิตแต่สมองถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เหยื่อรายต่อมาของบันดีคือ ลินดา แอน เฮียลีย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยวอชิงตันอีกคนหนึ่ง ในคืนวันที่ 31 ของเดือนเดียวกันบันดีงัดเข้าไปในห้องของเฮียลีย์ ทุบเธอจนหมดสติ ใช้ผ้าปูเตียงห่อร่างของเฮียลีย์และแบกเธอหายไป

ผู้หายสาบสูญอื่นๆที่ตามมาใน พ.ศ. 2517

  • 12 มีนาคม ดอนนา เกล แมนสัน นักศึกษาวิทยาลัยเอเวอร์กรีนสเตต
  • 17 เมษายน ซูซาน แลนคอท นักศึกษาวิทยาลัยเซนทรัลวอชิงตันสเตต
  • 6 พฤษภาคม โรเบอต้า พาร์กส์ นักศึกษามหาวิทยาลัยโอเรกอน
  • 1 มิถุนายน เบลนด้า บอล เป็นผู้หายสาปสูญเพียงคนเดียวที่ตำรวจพบว่าไม่ได้เป็นนักศึกษา
  • 11 มิถุนายน จอร์เจี้ยน ฮอกกินส์ นักศึกษามหาวิทยาลัยวอชิงตัน

วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2517 เป็นวันที่บันดีฆาตกรรมหญิงสาว 2 คนในวันเดียวด้วยการลักพาตัวในเวลากลางวัน เจนิซ ออตต์ และ เดนิส เนสรันด์ หายตัวไปจากทะเลสาบซัมมามิช เมืองอิซซาควาห์ รัฐวอชิงตัน มีพยาน 8 คน บอกตำรวจว่าเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีมีเฝือกที่แขนซ้าย เรียกตนเองว่า "เท็ด" ซึ่ง 5 ใน 8 คนนั้นเป็นหญิงสาวที่ถูกขอให้ช่วยยกเรือใบเล็กลงมาจากรถเต่าโฟล์คสวาเกน 1 ใน 5 คนนั้นเดินไปกับ "เท็ด" จนมองเห็นว่าไม่มีเรือใบเล็กอยู่ที่รถโฟล์คสวาเกน จึงปฏิเสธที่จะเดินต่อ พยานที่เหลืออีก 3 คนคือผู้ที่เห็นเขาเข้าพูดกับ เจนิซ ออตต์ เกี่ยวกับเรื่องเรือใบเล็ก และไม่มีใครเห็นออตต์อีกเลย และเนสรันด์หายตัวไปในอีก 4 ชั่วโมงต่อมา

วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2517 ตำรวจรัฐพบศพของออตต์และเนสรันด์แล้ว แต่บันดีได้เดินทางไปที่ซอลต์เลคซิตี เนื่องจากผู้ว่าการรัฐวอชิงตันสนับสนุนให้เขาได้ไปศึกษาต่อด้านกฎหมาย ที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ วันที่ 2 ตุลาคม แนนซี วิลคอกซ์ หายสาปสูญไป จากซอลต์เลคซิตี วันที่ 18 ของเดือนเดียวกัน แมริซา สมิธ อายุ 17 ปี บุตรสาวของนายตำรวจเมืองมิดเวล รัฐยูทาห์ บิดาของสมิธได้เตือนเธอให้ระวังตัวแล้วหลายครั้ง ซึ่งบันดีฆาตกรรมสมิธด้วยการรัดคอ ข่มขืนเธอทางทวารหนัก ทุบที่ใบหน้าของสมิธหลายครั้ง จนบิดาและมารดาของสมิธจำศพของบุตรสาวไม่ได้

อ้างอิง

  1. True Crime: Serial Killers มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เรียกข้อมูลวันที่ 24-11-2550 (อังกฤษ)
  2. Ted Bundy: The Poster Boy of Serial Killers Crime Magazine เรียกข้อมูลวันที่ 24-11-2550 (อังกฤษ)