ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อำเภอพิชัย"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Loveless (คุย | ส่วนร่วม)
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{ตารางอำเภอ
{{กล่องข้อมูล อำเภอ
| name = พิชัย
| name = พิชัย
| english = Phichai
| english = Phichai
| province = อุตรดิตถ์
| province = อุตรดิตถ์
| area = 736.7
| area = 736.7
| population = 77,536
| population = 76,840
| population_as_of = 2005
| population_as_of = 2550
| density = 105.2
| density = 104
| postal_code = 53120
| postal_code = 53120
| geocode = 5307}}
| geocode = 5307
| capital = ที่ว่าการอำเภอพิชัย หมู่ที่ 3 ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ 53120
อำเภอพิชัยเป็นอำเภอหนึ่งในจำนวน 9 อำเภอ ของ[[จังหวัดอุตรดิตถ์]] อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ ตามทาง[[รถไฟ]]ไปทางทิศใต้ประมาณ 38 [[กิโลเมตร]] ตัวเมืองพิชัยเก่าอยู่ทางทิศเหนือของสถานีรถไฟขึ้นไปไม่ไกล
| phone = 0 5542 1023
| fax = 0 5542 1023
| คำขวัญ = ถิ่นกำเนิดพระยาพิชัย ไส้กรอกใหญ่<br>รสเด็ด แกงรสเผ็ดหอยขม รื่นรมย์ดนตรีมังคละ หลวงพ่อโตพระคู่เมือง
}}


เมืองพิชัยเป็นเมืองสำคัญมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เคยเป็นเมืองลูกหลวงของ[[อาณาจักรสุโขทัย]] เมืองหน้าด่านในสมัย[[กรุงศรีอยุธยา]] และเคยเป็นตัวจังหวัดเก่าอีกด้วย
'''อำเภอพิชัย''' เป็นอำเภอหนึ่งในจำนวน 9 อำเภอ ของ[[จังหวัดอุตรดิตถ์]] พิชัยเป็นเมืองสำคัญมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เคยเป็นเมืองลูกหลวงของ[[กรุงสุโขทัย]] เมืองหน้าด่านในสมัย[[กรุงศรีอยุธยา]] และเคยเป็นตัวจังหวัดเก่าอีกด้วย

== ที่ตั้งและอาณาเขต ==
อำเภอพิชัยตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้สุดของจังหวัด อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ตามทาง[[รถไฟ]]ไปทางทิศใต้ประมาณ 38 [[กิโลเมตร]] ตัวเมืองพิชัยเก่าอยู่ทางทิศเหนือของสถานีรถไฟขึ้นไปไม่ไกล
*'''ทิศเหนือ''' ติดต่อกับ[[อำเภอตรอน]]
*'''ทิศตะวันออก''' ติดต่อกับ[[อำเภอทองแสนขัน]] และ[[อำเภอวัดโบสถ์]] ([[จังหวัดพิษณุโลก]])
*'''ทิศใต้''' ติดต่อกับ[[อำเภอพรหมพิราม]] (จังหวัดพิษณุโลก)
*'''ทิศตะวันตก''' ติดต่อกับ[[อำเภอสวรรคโลก]]และ[[อำเภอศรีนคร]] ([[จังหวัดสุโขทัย]])


== ประวัติ ==
== ประวัติ ==
เมืองพิชัยในอดีตได้ปรากฏใน[[พงศาวดาร]]เหนือและพงศาวดารหลายตอน สำหรับในพงศาวดารเหนือปรากฏอยู่ในเรื่องพระยาแกรกตอนหนึ่งว่า เจ้าไวยยักษาเป็นผู้ได้สร้างเมืองพิชัย แต่ทว่าเรื่องพระยาพิชัยในพงศวาดารเหนือเป็นตำนานเล่าต่อกันมาเท่านั้น ซึ่งเชื่อกันว่าเหตุการณ์ในเรื่องคงจะตรงกับสมัย[[สุโขทัย[[หรือก่อนสุโขทัยก็ได้ ซึ่งในพงศาวดาร[[กรุงศรีอยุธยา]]ได้กล่าวถึงพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา [[พ.ศ. 1893]] ปรากฏว่ามีเมืองขึ้นด้วยกันถึง 16 เมือง ในจำนวน 16 เมืองนั้นมี "เมืองพิชัย" รวมอยู่ด้วย แสดงว่าเมืองพิชัยเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาแล้ว

เมืองพิชัยในอดีตได้ปรากฏใน[[พงศาวดาร]]เหนือและพงศาวดารหลายตอนสำหรับในพงศาวดารเหนือ ปรากฏอยู่ในเรื่องพระยาแกรกตอนหนึ่งว่า เจ้าไวยยักษาเป็นผู้ได้สร้างเมืองพิชัย แต่ทว่าเรื่องพระยาพิชัยในพงศวาดารเหนือ เป็นตำนานเล่าต่อกัน มาเท่านั้น ซึ่งเชื่อกันว่าเหตุการณ์ในเรื่องคงจะตรงกับสมัยสุโขทัยหรือก่อน[[สุโขทัย]]ก็ได้ ซึ่งในพงศาวดาร[[กรุงศรีอยุธยา]]ได้ กล่าวถึงพกระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา [[พ.ศ. 1893]] ปรากฏว่ามีเมืองขึ้นด้วยกันถึง 16 เมือง ในจำนวน 16 เมือง นั้นมี เมืองพิชัยรวมอยู่ด้วย แสดงว่า ''เมืองพิชัยเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของอาณาจักรศรีอยุธยาแล้ว''


[[ภาพ:ศาลพระยาพิชัยดาบหักอำเภอพิชัย.jpg|100px|left|thumb|ศาลพระยาพิชัยดาบหัก หน้าวัดหน้าพระธาตุ อำเภอพิชัย]]
[[ภาพ:ศาลพระยาพิชัยดาบหักอำเภอพิชัย.jpg|100px|left|thumb|ศาลพระยาพิชัยดาบหัก หน้าวัดหน้าพระธาตุ อำเภอพิชัย]]


ต่อมา [[พ.ศ. 2033]] ได้มีการก่อกำแพงเมืองขึ้น ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาล[[สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ]] ในปี [[พ.ศ. 2127]] ตรงกับรัชกาล[[สมเด็จพระมหาธรรมราชา]] ซึ่งเป็นปีที่[[สมเด็จพระนเรศวรมหาราช]]ประกาศอิสรภาพ พระองค์ทรงขับไล่กองทัพ[[พม่า]] ทางหัวเมืองเหนือ ปรากฏว่าพระยาสวรรคโลกและพระยาพิชัยแข็งเมือง ไม่ยอมเกณฑ์ กำลังไปช่วย พระองค์จึงยกกองทัพเข้าตีเมืองสวรรคโลกและเมืองพิชัย จับพระยาสวรรคโลกและพระยาพิชัย มีรับสั่งให้ประหารชีวิตทั้งสองคนและกวาดต้อนพลเมือง ลงมายัง[[พิษณุโลก]]จนสิ้น ต่อมาในสมัย[[ธนบุรี]] [[พระเจ้ากรุงธนบุรี]]จะเสด็จไปตีเมือง[[เชียงใหม่]]ในปี [[พ.ศ. 2314]] พระองค์ได้ไปตั้งประชุมทัพหลวงที่พิชัย ต่อมา [[พ.ศ. 2315]] โปสุพาลา แม่ทัพพม่าไปตีได้เมือง[[หลวงพระบาง]] ให้ซิกชิงโบ นายทัพพม่ายกมาตีเมือง[[ลับแล]]แล้วเลยมาตีเมืองพิชัย พม่าตั้งค่ายอยู่ที่ วัดเอกา ขณะนั้นเมืองพิชัยมีรี้พลน้อย [[พระยาพิชัย]]ได้ตั้งมั่นรักษาเมืองแล้วขอกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วย [[กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท]] เมื่อยังเป็นเจ้าพระยาสุรสีห์เสด็จยกกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วยได้รบกับพม่าเป็นสามารถ พระยาพิชัยถือดาบสองมือคุมพลทหารออกไล่ฟันพม่าจนดาบหัก จึงได้สมญาว่า "[[พระยาพิชัยดาบหัก]]" แต่นั้นมาทำให้กองทัพพม่าแตกพ่ายหนีไป
ต่อมา [[พ.ศ. 2033]] ได้มีการก่อกำแพงเมืองขึ้นซึ่งตรงกับรัชสมัย[[สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ]] ในปี [[พ.ศ. 2127]] ตรงกับรัชสมัย[[สมเด็จพระมหาธรรมราชา]] ซึ่งเป็นปีที่[[สมเด็จพระนเรศวรมหาราช]]ประกาศอิสรภาพ พระองค์ทรงขับไล่กองทัพ[[พม่า]]ทางหัวเมืองเหนือ ปรากฏว่าพระยาสวรรคโลกและพระยาพิชัยแข็งเมือง ไม่ยอมเกณฑ์กำลังไปช่วย พระองค์จึงยกกองทัพเข้าตีเมือง[[สวรรคโลก]]และเมืองพิชัย จับพระยาสวรรคโลกและพระยาพิชัย มีรับสั่งให้ประหารชีวิตทั้งสองคนและกวาดต้อนพลเมืองลงมายังเมือง[[พิษณุโลก]]จนสิ้น


ต่อมาในสมัย[[ธนบุรี]] [[พระเจ้ากรุงธนบุรี]]จะเสด็จไปตีเมือง[[เชียงใหม่]]ในปี [[พ.ศ. 2314]] พระองค์ได้ไปตั้งประชุมทัพหลวงที่เมืองพิชัย ต่อมา [[พ.ศ. 2315]] โปสุพาลา แม่ทัพพม่าไปตีได้เมือง[[หลวงพระบาง]] ให้ซิกชิงโบนายทัพพม่ายกมาตีเมือง[[ลับแล]]แล้วเลยมาตีเมืองพิชัย พม่าตั้งค่ายอยู่ที่วัดเอกา ขณะนั้นเมืองพิชัยมีรี้พลน้อย [[พระยาพิชัย]]ได้ตั้งมั่นรักษาเมืองแล้วขอกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วย [[กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท]] (เมื่อยังเป็นเจ้าพระยาสุรสีห์) เสด็จยกกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วยได้รบกับพม่าเป็นสามารถ พระยาพิชัยถือดาบสองมือคุมพลทหารออกไล่ฟันพม่าจนดาบหักจึงได้สมญาว่า "[[พระยาพิชัยดาบหัก]]" แต่นั้นมา ทำให้กองทัพพม่าแตกพ่ายหนีไป
จนกระทั่งถึงสมัย[[กรุงรัตนโกสินทร์]] เมืองพิชัยได้เป็นเมืองสำคัญขึ้นในสมัย[[รัชกาลที่ 3]] เพราะเมื่อ[[เจ้าอนุวง]][[เวียงจันทร์]]เป็นขบถ กองทัพ[[กรุงเทพ]]ฯ ยกขึ้นไปปราบปราม และโปรดให้เลิกอาณาเขตศรีสัตนาคนหุตไม่ให้มีดังแต่ก่อน เมืองพิชัยได้หัวเมืองขึ้นหลายเมือง ขยายเขตแดนออกไปถึง[[แม่น้ำโขง]] ต้องตรวจตรารักษาการทางเมือง[[แพร่]] [[น่าน]] ตลอดจนเมือง[[หลวงพระบาง]]


จนกระทั่งถึงสมัย[[กรุงรัตนโกสินทร์]] เมืองพิชัยได้เป็นเมืองสำคัญขึ้นในสมัย[[รัชกาลที่ 3]] เพราะเมื่อ[[เจ้าอนุวงศ์]][[เวียงจันทน์]]เป็นขบถ กองทัพจากกรุงเทพฯ ยกขึ้นไปปราบปราม และโปรดให้เลิกอาณาเขตศรีสัตนาคนหุตไม่ให้มีดังแต่ก่อน เมืองพิชัยได้หัวเมืองขึ้นหลายเมือง ขยายเขตแดนออกไปถึง[[แม่น้ำโขง]] ต้องตรวจตรารักษาการทางเมือง[[แพร่]] เมือง[[น่าน]] ตลอดจนเมือง[[หลวงพระบาง]]
'''ต่อมาเมืองพิชัยเสื่อมลง เนื่องจากราษฎรอพยพไปอยู่[[ตำบลท่าอิฐ]]''' (ซึ่งเป็นที่ตั้งตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ในปัจจุบันนี้) จนกระทั้งถึงสมัย[[รัชกาลที่ 5]] [[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเป็นเมืองขึ้นเรียกว่า '''เมือง[[อุตรดิตถ์]]''' และโปรดให้เป็นเมืองขึ้นของอำเภอพิชัย ซึ่งในตอนนั้นเมืองพิชัยแบ่งการปกครองออกเป็น 5 เมือง คือ เมืองอุตรดิตถ์ เมือง[[ตรอน]] เมือง[[ลับแล]] เเละเมือง[[น้ำปาด]]


ต่อมาเมืองพิชัยเสื่อมลง เนื่องจากราษฎรอพยพไปอยู่[[ตำบลท่าอิฐ]] (ซึ่งเป็นที่ตั้งตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ในปัจจุบันนี้) จนกระทั่งถึงสมัย[[รัชกาลที่ 5]] พระองค์ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งตำบลท่าอิฐเป็นเมืองขึ้นเรียกว่า '''เมือง[[อุตรดิตถ์]]''' และโปรดให้เป็นเมืองขึ้นของอำเภอพิชัย ซึ่งในตอนนั้นเมืองพิชัยแบ่งการปกครองออกเป็น 5 เมือง คือ เมืองอุตรดิตถ์ เมือง[[ตรอน]] เมือง[[ลับแล]] เเละเมือง[[น้ำปาด]]
ใน [[พ.ศ. 2442]] [[รัชกาลที่ 5]] โปรดให้ย้ายศาลากลางเมืองไปตั้งที่เมืองอุตรดิตถ์ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงมา ใช้ชื่อเมืองอุตรดิตถ์ คือ ใช้เมืองพิชัยอยู่ พึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็นเมืองอุตรดิตถ์ เมื่อปี [[พ.ศ. 2458]] ในสมัย[[รัชกาลที่ 6]] ส่วน [[อำเภอพิชัย]]เก่า โปรดเกล้าให้เรียกว่า "อำเภอพิชัย" เรื่อยมาจนปัจจุบันนี้


ใน [[พ.ศ. 2442]] รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศาลากลางเมืองพิชัยไปตั้งที่เมืองอุตรดิตถ์โดยยังไม่ได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อเมืองอุตรดิตถ์ แต่ใช้ชื่อ "เมืองพิชัย" อยู่ เพิ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น "เมืองอุตรดิตถ์" เมื่อปี [[พ.ศ. 2458]] ในสมัย[[รัชกาลที่ 6]] ส่วนพื้นที่อันเป็นที่ตั้งเมืองพิชัยเก่า โปรดเกล้าฯ ให้เรียกว่า '''อำเภอพิชัย''' เรื่อยมาจนปัจจุบันนี้
== อาณาเขต ==

'''ทิศเหนือ''' ติดต่อกับ[[อำเภอตรอน]] [[จังหวัดอุตรดิตถ์]]

'''ทิศใต้''' ติดต่อกับ[[อำเภอพรหมพิราม]] [[จังหวัดพิษณุโลก]]

'''ทิศตะวันออก''' ติดต่อกับ[[อำเภอทองแสนขัน]] [[จังหวัดอุตรดิตถ์]] และ[[อำเภอวัดโบสถ์]] [[จังหวัดพิษณุโลก]]

'''ทิศตะวันตก''' ติดต่อกับ[[อำเภอศรีนคร]] และ[[อำเภอศรีสำโรง]] [[จังหวัดสุโขทัย]]

== การปกครอง ==

อำเภอพิชัยแบ่งออกเป็น 11 [[ตำบล]] 85 [[หมู่บ้าน]]


== การปกครองส่วนภูมิภาค ==
อำเภอพิชัยแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 11 [[ตำบล]] 97 [[หมู่บ้าน]] ได้แก่
{|
|-
||1.||ในเมือง||||||||(Nai Mueang)||||||||8 หมู่บ้าน||||||||||||||||7.||ท่ามะเฟือง||||||||(Tha Mafueang)||||||||10 หมู่บ้าน||
|-
||2.||บ้านดารา||||||||(Ban Dara)||||||||9 หมู่บ้าน||||||||||||||||8.||บ้านโคน||||||||(Ban Khon)||||||||8 หมู่บ้าน||
|-
||3.||ไร่อ้อย||||||||(Rai Oi)||||||||11 หมู่บ้าน||||||||||||||||9.||พญาแมน||||||||(Phaya Maen)||||||||7 หมู่บ้าน||
|-
||4.||ท่าสัก||||||||(Tha Sak)||||||||10 หมู่บ้าน||||||||||||||||10.||นาอิน||||||||(Na In)||||||||7 หมู่บ้าน||
|-
||5.||คอรุม||||||||(Kho Rum)||||||||12 หมู่บ้าน||||||||||||||||11.||นายาง||||||||(Na Yang)||||||||7 หมู่บ้าน||
|-
||6.||บ้านหม้อ||||||||(Ban Mo)||||||||8 หมู่บ้าน||
|}


== การปกครองส่วนท้องถิ่น ==
ท้องที่อำเภอพิชัยประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 13 แห่ง ได้แก่
* '''เทศบาลตำบลท่าสัก''' ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลท่าสัก
* '''เทศบาลตำบลในเมือง''' ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลในเมือง
* '''องค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง''' ครอบคลุมพื้นที่ตำบลในเมือง (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลในเมือง)
* '''องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดารา''' ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านดาราทั้งตำบล
* '''องค์การบริหารส่วนตำบลไร่อ้อย''' ครอบคลุมพื้นที่ตำบลไร่อ้อยทั้งตำบล
* '''องค์การบริหารส่วนตำบลท่าสัก''' ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าสัก (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลท่าสัก)
* '''องค์การบริหารส่วนตำบลคอรุม''' ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคอรุมทั้งตำบล
* '''องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหม้อ''' ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านหม้อทั้งตำบล
* '''องค์การบริหารส่วนตำบลท่ามะเฟือง''' ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่ามะเฟืองทั้งตำบล
* '''องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโคน''' ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านโคนทั้งตำบล
* '''องค์การบริหารส่วนตำบลพญาแมน''' ครอบคลุมพื้นที่ตำบลพญาแมนทั้งตำบล
* '''องค์การบริหารส่วนตำบลนาอิน''' ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาอินทั้งตำบล
* '''องค์การบริหารส่วนตำบลนายาง''' ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนายางทั้งตำบล


== สถานที่ท่องเที่ยว ==
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
* [[วัดหน้าพระธาตุ]]

* พิพิธภัณฑ์บ้านเกิด[[พระยาพิชัยดาบหัก]] ที่ห้วยคา

* คูปราสาท
[[วัดหน้าพระธาตุ]]
* ปรางค์

* วัดเอกา
พิพิธภัณฑ์บ้านเกิด[[พระยาพิชัยดาบหัก]] ที่ห้วยคา
* วัดมหาธาตุ

* วัดขวางชัยภูมิ
คูปราสาท
* กำแพงเมืองพิชัย

* วัดบึงสัมพันธ์
ปรางค์

วัดเอกา

วัดมหาธาตุ

วัดขวางชัยภูมิ

กำแพงเมืองพิชัย

วัดบึงสัมพันธ์


{{อำเภอจังหวัดอุตรดิตถ์}}
{{อำเภอจังหวัดอุตรดิตถ์}}
[[หมวดหมู่:อำเภอในจังหวัดอุตรดิตถ์|อำเภอพิชัย]]
{{โครงจังหวัด}}
[[หมวดหมู่:อำเภอในจังหวัดอุตรดิตถ์|พิชัย]]
[[หมวดหมู่:จังหวัดอุตรดิตถ์]]
[[หมวดหมู่:จังหวัดอุตรดิตถ์]]



รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:05, 25 เมษายน 2551

อำเภอพิชัย
การถอดเสียงอักษรโรมัน
 • อักษรโรมันAmphoe Phichai
คำขวัญ: 
ถิ่นกำเนิดพระยาพิชัย ไส้กรอกใหญ่
รสเด็ด แกงรสเผ็ดหอยขม รื่นรมย์ดนตรีมังคละ หลวงพ่อโตพระคู่เมือง
ประเทศ ไทย
จังหวัดอุตรดิตถ์
พื้นที่
 • ทั้งหมด736.7 ตร.กม. (284.4 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2550)
 • ทั้งหมด76,840 คน
 • ความหนาแน่น104 คน/ตร.กม. (270 คน/ตร.ไมล์)
รหัสไปรษณีย์ 53120
รหัสภูมิศาสตร์5307
ที่ตั้งที่ว่าการที่ว่าการอำเภอพิชัย หมู่ที่ 3 ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ 53120
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

อำเภอพิชัย เป็นอำเภอหนึ่งในจำนวน 9 อำเภอ ของจังหวัดอุตรดิตถ์ พิชัยเป็นเมืองสำคัญมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เคยเป็นเมืองลูกหลวงของกรุงสุโขทัย เมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยา และเคยเป็นตัวจังหวัดเก่าอีกด้วย

ที่ตั้งและอาณาเขต

อำเภอพิชัยตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้สุดของจังหวัด อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ตามทางรถไฟไปทางทิศใต้ประมาณ 38 กิโลเมตร ตัวเมืองพิชัยเก่าอยู่ทางทิศเหนือของสถานีรถไฟขึ้นไปไม่ไกล

ประวัติ

เมืองพิชัยในอดีตได้ปรากฏในพงศาวดารเหนือและพงศาวดารหลายตอน สำหรับในพงศาวดารเหนือปรากฏอยู่ในเรื่องพระยาแกรกตอนหนึ่งว่า เจ้าไวยยักษาเป็นผู้ได้สร้างเมืองพิชัย แต่ทว่าเรื่องพระยาพิชัยในพงศวาดารเหนือเป็นตำนานเล่าต่อกันมาเท่านั้น ซึ่งเชื่อกันว่าเหตุการณ์ในเรื่องคงจะตรงกับสมัย[[สุโขทัย[[หรือก่อนสุโขทัยก็ได้ ซึ่งในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาได้กล่าวถึงพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 1893 ปรากฏว่ามีเมืองขึ้นด้วยกันถึง 16 เมือง ในจำนวน 16 เมืองนั้นมี "เมืองพิชัย" รวมอยู่ด้วย แสดงว่าเมืองพิชัยเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาแล้ว

ไฟล์:ศาลพระยาพิชัยดาบหักอำเภอพิชัย.jpg
ศาลพระยาพิชัยดาบหัก หน้าวัดหน้าพระธาตุ อำเภอพิชัย

ต่อมา พ.ศ. 2033 ได้มีการก่อกำแพงเมืองขึ้นซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในปี พ.ศ. 2127 ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชประกาศอิสรภาพ พระองค์ทรงขับไล่กองทัพพม่าทางหัวเมืองเหนือ ปรากฏว่าพระยาสวรรคโลกและพระยาพิชัยแข็งเมือง ไม่ยอมเกณฑ์กำลังไปช่วย พระองค์จึงยกกองทัพเข้าตีเมืองสวรรคโลกและเมืองพิชัย จับพระยาสวรรคโลกและพระยาพิชัย มีรับสั่งให้ประหารชีวิตทั้งสองคนและกวาดต้อนพลเมืองลงมายังเมืองพิษณุโลกจนสิ้น

ต่อมาในสมัยธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบุรีจะเสด็จไปตีเมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2314 พระองค์ได้ไปตั้งประชุมทัพหลวงที่เมืองพิชัย ต่อมา พ.ศ. 2315 โปสุพาลา แม่ทัพพม่าไปตีได้เมืองหลวงพระบาง ให้ซิกชิงโบนายทัพพม่ายกมาตีเมืองลับแลแล้วเลยมาตีเมืองพิชัย พม่าตั้งค่ายอยู่ที่วัดเอกา ขณะนั้นเมืองพิชัยมีรี้พลน้อย พระยาพิชัยได้ตั้งมั่นรักษาเมืองแล้วขอกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วย กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (เมื่อยังเป็นเจ้าพระยาสุรสีห์) เสด็จยกกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วยได้รบกับพม่าเป็นสามารถ พระยาพิชัยถือดาบสองมือคุมพลทหารออกไล่ฟันพม่าจนดาบหักจึงได้สมญาว่า "พระยาพิชัยดาบหัก" แต่นั้นมา ทำให้กองทัพพม่าแตกพ่ายหนีไป

จนกระทั่งถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมืองพิชัยได้เป็นเมืองสำคัญขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เพราะเมื่อเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์เป็นขบถ กองทัพจากกรุงเทพฯ ยกขึ้นไปปราบปราม และโปรดให้เลิกอาณาเขตศรีสัตนาคนหุตไม่ให้มีดังแต่ก่อน เมืองพิชัยได้หัวเมืองขึ้นหลายเมือง ขยายเขตแดนออกไปถึงแม่น้ำโขง ต้องตรวจตรารักษาการทางเมืองแพร่ เมืองน่าน ตลอดจนเมืองหลวงพระบาง

ต่อมาเมืองพิชัยเสื่อมลง เนื่องจากราษฎรอพยพไปอยู่ตำบลท่าอิฐ (ซึ่งเป็นที่ตั้งตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ในปัจจุบันนี้) จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งตำบลท่าอิฐเป็นเมืองขึ้นเรียกว่า เมืองอุตรดิตถ์ และโปรดให้เป็นเมืองขึ้นของอำเภอพิชัย ซึ่งในตอนนั้นเมืองพิชัยแบ่งการปกครองออกเป็น 5 เมือง คือ เมืองอุตรดิตถ์ เมืองตรอน เมืองลับแล เเละเมืองน้ำปาด

ใน พ.ศ. 2442 รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศาลากลางเมืองพิชัยไปตั้งที่เมืองอุตรดิตถ์โดยยังไม่ได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อเมืองอุตรดิตถ์ แต่ใช้ชื่อ "เมืองพิชัย" อยู่ เพิ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น "เมืองอุตรดิตถ์" เมื่อปี พ.ศ. 2458 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ส่วนพื้นที่อันเป็นที่ตั้งเมืองพิชัยเก่า โปรดเกล้าฯ ให้เรียกว่า อำเภอพิชัย เรื่อยมาจนปัจจุบันนี้

การปกครองส่วนภูมิภาค

อำเภอพิชัยแบ่งพื้นที่การปกครองออกเป็น 11 ตำบล 97 หมู่บ้าน ได้แก่

1. ในเมือง (Nai Mueang) 8 หมู่บ้าน 7. ท่ามะเฟือง (Tha Mafueang) 10 หมู่บ้าน
2. บ้านดารา (Ban Dara) 9 หมู่บ้าน 8. บ้านโคน (Ban Khon) 8 หมู่บ้าน
3. ไร่อ้อย (Rai Oi) 11 หมู่บ้าน 9. พญาแมน (Phaya Maen) 7 หมู่บ้าน
4. ท่าสัก (Tha Sak) 10 หมู่บ้าน 10. นาอิน (Na In) 7 หมู่บ้าน
5. คอรุม (Kho Rum) 12 หมู่บ้าน 11. นายาง (Na Yang) 7 หมู่บ้าน
6. บ้านหม้อ (Ban Mo) 8 หมู่บ้าน

การปกครองส่วนท้องถิ่น

ท้องที่อำเภอพิชัยประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 13 แห่ง ได้แก่

  • เทศบาลตำบลท่าสัก ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลท่าสัก
  • เทศบาลตำบลในเมือง ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลในเมือง
  • องค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลในเมือง (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลในเมือง)
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดารา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านดาราทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลไร่อ้อย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลไร่อ้อยทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลท่าสัก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าสัก (เฉพาะนอกเขตเทศบาลตำบลท่าสัก)
  • องค์การบริหารส่วนตำบลคอรุม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคอรุมทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหม้อ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านหม้อทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลท่ามะเฟือง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่ามะเฟืองทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโคน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านโคนทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลพญาแมน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลพญาแมนทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลนาอิน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาอินทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลนายาง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนายางทั้งตำบล

สถานที่ท่องเที่ยว