ขนมตาล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ขนมตาล เป็นขนมไทยดั้งเดิม เนื้อขนมมีลักษณะเป็นแป้งสีเหลืองเข้ม นุ่ม ฟู มีกลิ่นตาลหอมหวาน ขนมตาลทำจากเนื้อตาลจากผลตาลที่สุกงอม แป้งข้าวเจ้า กะทิ และน้ำตาล ผสมกันตามกรรมวิธี ใส่กระทงใบตอง โรยมะพร้าวขูด และนำไปนึ่งจนสุก เนื้อลูกตาลยีที่เป็นส่วนผสมในการทำขนมตาล ได้จากการนำผลตาลที่สุกจนเหลืองดำ เนื้อข้างในมีสีเหลือง มีกลิ่นแรง ซึ่งส่วนมากจะหล่นจากต้นเอง มาปอกเปลือกออก นำมายีกับน้ำสะอาดให้หมดสีเหลือง นำน้ำที่ยีแล้วใส่ถุงผ้า ผูกไว้ให้น้ำตกเหลือแต่เนื้อลูกตาล

ประวัติ[แก้]

ขนมตาล

ขนมตาลเป็นขนมไทยขึ้นชื่อของเมืองเพชรบุรี (ขนมเมืองเพชร) มีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยถึงสมัยอยุธยาตอนต้น พบใน คำสวดสุบินกุมาร ตำนานของจังหวัดเพชรบุรี[1] ว่า เมื่อ พ.ศ. 2134 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จประทับแรมทรงเบ็ด[2] ณ พระตำหนักโตนดหลวง (บ้านโตนดหลวง) เมืองพริบพรี (Pijprij) (คือเมืองเพชรบุรี) ทรงประพันธ์บทกวีว่า :-

๏ โตนดเต้าแลจาวตาล เป็นเครื่องหวานเพชรบุรี
กินกับน้ำตาลยี ของมากมีมาช่วยกัน[3]
คำสวดสุบินกุมาร

ในกรุงศรีอยุธยายังพบชื่อย่านหนึ่งว่า บ้านขนมตาล กล่าวถึงย่านแต่ละย่านในกรุงศรีอยุธยาว่ามีชาวบ้านจากหัวเมืองต่างๆ นำเรือบรรทุกสินค้ามาขายกันมากมายนับหมื่นลำ ขายข้าวของหลายชนิดและขนมชนิดต่าง ๆ[4] ปรากฎใน คําให้การขุนหลวงหาวัด ว่า :-

บ้านขนมตาลชาวบ้านนั้นรับเรือเถาเรือพ่วงไว้ขาย[5]

ขนมตาลจัดเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทยเนื่องจากใช้ทะลายตาล (ลูกตาล) ซึ่งพบในพื้นที่ของประเทศไทยตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีการค้นพบบันทึกเกี่ยวกับตาลโตนดตั้งแต่ยุคทวารวดี และพบในจารึกพ่อขุนรามคำแหง ตอนหนึ่งแปลได้ว่า "ปีมะโรง ศกที่ ๑๒๑๔ [พ.ศ.1821] พ่อขุนรามคำแหงขณะพระชนมายุ ๑๔ พรรษา ได้ทรงปลูกไม้ตาลไว้กลางเมืองสุโขทัย"[6] ซึ่งเป็นประเพณีพระมหากษัตริย์ทรงปลูกไม้ตาลเมื่อขึ้นครองราชย์[7]: 93:เชิงอรรถที่ ๑๓๙  เป็นส่วนผสมหลักของขนมตาล และไม่มีส่วนผสมของไข่ นับเป็นขนมไทยแท้ดั้งเดิมแตกต่างจากขนมไทยชนิดอื่นที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก[8]

ปัจจุบันขนมตาลรสชาติดีหารับประทานได้ยากเนื่องจากจำนวนต้นตาลลดลง ขนมตาลที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่ ผู้ประกอบการมักใส่เนื้อตาลน้อย เพิ่มแป้งและเจือสีเหลืองแทน ซึ่งทำให้ขนมตาลมีเนื้อกระด้าง ไม่หอมหวาน และไม่อร่อย

ประเภทของขนมตาล[แก้]

ขนมตาลโบราณ[แก้]

ขนมตาลโบราณ (ปุ หรือ ตะโหนดเต้า) เป็นขนมตาลดั้งเดิมของไทย ขนมตาลที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบุรี คือ ขนมตาลชุมชนถ้ำรงค์ ชุมชนนางสายัน และชุมชนกระทุ่มแก้ว จากแหล่งปลูกตาลอำเภอบ้านลาด เป็นขนมตาลรสชาติดั้งเดิมทำจากเนื้อตาลสุก มีลักษณะเนื้อนุ่ม เด้ง หนุบหนับ มีกลิ่นตาลหอมฟุ้งเตะจมูกคล้ายกลิ่นเหล้าหมักที่เป็นเอกลักษณ์และใช้ใบตาลห่อเป็นภาชนะ เป็นขนมตาลที่อร่อยที่สุด[9]: 23, 28 

ขนมตาลราดกะทิ[แก้]

ขนมตาลราดกะทิ หรือ หนมอาโก คทิ (Nom Akor Ktis) เป็นขนมตาลพื้นบ้านพบทั่วไปในประเทศกัมพูชา เป็นขนมตาลไทยที่ชาวเขมรนำไปราดกะทิให้มีเนื้อนุ่มและมีรสเค็มนิดๆ[10]

อ้างอิง[แก้]

เชิงอรรถ
  1. นิยม สุขรองแพ่ง และกุศล เอี่ยมอรุณ. (2536). เพชรบุรี. กรุงเทพฯ: สารคดี. 240 หน้า. หน้า 104.
  2. ไมเคิล ไรท์. "หลายรสหลายเรื่อง", ศิลปวัฒนธรรม, 8(7), (มิถุนายน 2529): 88.
  3. มนัสนันท์ บุญทราพงษ์. (2544). การพัฒนาแป้งข้าวเจ้าผสมและส่วนผสมสำเร็จรูปในการผลิตขนมตาลเพื่ออุตสาหกรรมขนาดเล็ก. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (พัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเกษตร). มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร.
  4. เกริกฤทธี ไทคูนธนภพ และสุจินตนา สืบสีสุก. (2555). ฝรั่งกับราชอาณาจักรสยาม: เรื่องเล่า มุมมอง ทัศนคติ ก่อนและหลังเสียกรุง. กรุงเทพฯ: สยามความรู้. 285 หน้า. หน้า 42. ISBN 978-616-7-40554-4
  5. คำให้การขุนหลวงหาวัด. (พิมพ์ครั้งที่ 2). นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2547. 244 หน้า. หน้า 178. ISBN 978-974-6-45767-5
  6. สุกฤต จงถาวรวาสนา. (2562). "ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของตาลโตนด", โครงการศูนย์ส่งเสริมวิถีชีวิตชาวเพชรบุรีกับภูมิทัศน์ "ทุ่งนา-ป่าตาล" (Full Report: Tung Na-Pa Tan: The Flokway Learning Center for Cultural Landscape of Ricefield and Sugar Palm Tree, Phetchaburi). วิทยานิพนธ์สถาปัตยกรรมศาสตร์บัณฑิต (ภูมิสถาปัตยกรรมศาสตร์). สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร. หน้า 2-5.
  7. ประเสริฐ ณ นคร และวินัย พงศ์ศรีเพียร. (2552). อาจารยบูชา: สรรพสาระ ประวัติศาสตร์ ภาษาและวรรณกรรมไทย. โครงการวิจัย "๑๐๐ เอกสารสำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทย" ในความสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสที่ ศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร มีอายุครบ 90 ปี 21 มีนาคม 2552. กรุงเทพฯ: ศักดิ์โสภาการพิมพ์. 223 หน้า. ISBN 978-974-6-42582-7
  8. เดือนเต็ม ทิมายงค์. (2558). งานวิจัย เรื่อง การพัฒนาผลิตภัณฑ์แป้งขนมตาลกึ่งสำเร็จรูปจากภูมิปัญญาขนมไทยโบราณเพื่อเพิ่มมูลค่าและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม.
  9. นรินทร์ สังข์รักษา และคณะ. (2566). "ผลิตภัณฑ์ต้นแบบอาหารพื้นถิ่น อาหารคาว และอาหารหวาน", โครงการวิจัยเรื่อง “เสน่ห์วิถีอาหารเมืองเพชร” การต่อยอดอาหารพื้นถิ่นด้วยนวัตกรรมเรื่องเล่าเพื่อหนุนเสริมการท่องเที่ยวสร้างสรรค์เชิงวัฒนธรรมให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับประเทศและสากล. ทุนอุดหนุนการวิจัยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (แผนงานวิจัยอาหาร) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566. เพชรบุรี: มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี. 48 หน้า.
  10. องค์ บรรจุน. "ข้างสำรับกัมพูชา: คำพื้นบ้านเขมรยังเป็นราชาศัพท์ไทยประสาอะไรกับอาหาร", ศิลปวัฒนธรรม, 42(10), (สิงหาคม 2564).

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]