กึนเทอร์ ลึทเยินส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก กึนเธอร์ ลึทเจนต์)
กึนเทอร์ ลึทเยินส์
กึนเทอร์ ลึทเยินส์
ชื่อเล่นPee Ontgens
เกิด25 พฤษภาคม ค.ศ. 1889(1889-05-25)
วีสบาเดิน เฮ็สเซอ-นัสเซา
เสียชีวิต27 พฤษภาคม ค.ศ. 1941(1941-05-27) (52 ปี)
มหาสมุทรแอตแลนติก
สุสาน
(48°10′N 16°12′W / 48.167°N 16.200°W / 48.167; -16.200)
รับใช้ เยอรมนี (ถึง ค.ศ. 1918)
 เยอรมนี (ถึง ค.ศ. 1933)
 ไรช์เยอรมัน
แผนก/สังกัดNaval flag of จักรวรรดิเยอรมัน กองทัพเรือจักรวรรดิเยอรมัน
Naval flag of สาธารณรัฐไวมาร์ ไรชส์มารีเนอ
Naval flag of นาซีเยอรมนี ครีคส์มารีเนอ
ประจำการค.ศ. 1907–1941

โยฮัน กึนเทอร์ ลึทเยินส์ (เยอรมัน: Johann Günther Lütjens) เป็นพลเรือเอกชาวเยอรมันซึ่งได้เข้ารับราชการทหารมานานกว่าสามสิบปีและสงครามโลกสองครั้ง ลึทเยินส์เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจากการปฏิบัติหน้าที่ของเขาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและการบังคับบัญชาของเขาของเรือรบประจัญบานบิสมาร์ค ในช่วงการจู่โจมในมหาสมุทรแอตแลนติกในปี ค.ศ. 1947 ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวได้เข้าสู่ตำนานกองทัพเรือ

เกิดในปี ค.ศ. 1889 เขาเข้าสมัครเป็นทหารเรือแห่งกองทัพเรือจักรวรรดิเยอรมัน(ไคเซอร์ลีเชอมารีเนอ) ในปี ค.ศ. 1907 เป็นนักเรียนนายทหารเรือที่ขยันขันแข็งและเฉลียวฉลาด เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งยศเจ้าหน้าที่นายทหารก่อนการลุกลามของสงคราม เมื่อเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ในกองเรือรบตอร์ปิโด ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ลึทเยินส์ได้ปฏิบัติหน้าที่ในทะเลเหนือและช่องแคบอังกฤษ และเข้าต่อสู้รบกับราชนาวีของบริติชหลายครั้ง เขาได้ยุติความขัดแย้งในฐานะยศตำแหน่ง Kapitänleutnant (กัปตันเรือโท) พร้อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์กางเขนเหล็กชั้นที่ 1 และ 2 (ค.ศ. 1914) เพื่อชื่อเสียงของเขา ภายหลังสงคราม เขายังคงประจำการอยู่ในกองทัพเรือ ปัจจุบันถูกเปลี่ยนชื่อเป็นไรชส์มารีเนอ เขายังคงทพหน้าที่ในกองเรือรบตอร์ปิโดจนในที่สุดก็กลายเป็นเจ้าหน้าที่บังคับบัญชาการใน ค.ศ. 1925 ในยุคสาธารณรัฐไวมาร์ ลึทเยินส์ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะเจ้าหน้าเสนาธิการชั้นยอด

ในปี ค.ศ. 1935 ภายหลังพรรคนาซีขึ้นมามีอำนาจภายใต้การนำโดยอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในปี ค.ศ. 1933 กองทัพเรือได้ถูกปรับปรุงใหม่อีกครั้งและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นครีคส์มารีเนอ ในไม่ช้าลึทเยินส์ได้สร้างความคุ้นเคยกับเอริช เรเดอร์และคาร์ล เดอนิทซ์ สองผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งครีคส์มารีเนอในสงครามโลกครั้งที่สอง ความสามารถและมิตรภาพของเขาได้นำไปสู่การเลื่อนตำแหน่งยศเป็น Kapitän zur See (กัปตันเรือทะเล) และผู้บัญชาการทางทะเลที่พวงมาลัยบังคับเรือของเรือลาดตระเวน Karlsruhe ในช่วงเวลาหกปีแห่งความสงบสุข เขาได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งยศเป็น Konteradmiral (พลเรือตรี) ซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งยศให้แก่เขาในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1937

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 สงครามโลกครั้งที่สองได้เริ่มต้นด้วยการบุกครองโปแลนด์ของเยอรมัน ลึทเยินส์ได้รับเข็มกลัดกางเขนเหล็ก ชั้นที่ 2 (ค.ศ. 1939) ในสามวันต่อมา การบังคับบัญชาของเขาในปฏิบัติการเรือพิฆาตในทะเลเหนือ ช่วงฤดูหนาว ค.ศ. 1939 - 1940 ทำให้เขาได้รับเข็มกลัดกางเขนเหล็ก ชั้นที่ 1 เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1940 เขาได้รับการเลื่อนยศตำแหน่งเป็น Vizeadmiral (รองพลเรือเอก) ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1940 เขาได้รับหมอบในการบังคับบัญชาการชั่วคราวสำหรับกองเรือพื้นผิวน้ำของเยอรมันทั้งหมดในช่วงระยะการยกพลขึ้นบกขั้นแรกของปฏิบัติการเวเซอร์อือบุง การบุกครองเดนมาร์กและนอร์เวย์ การปฏิบัติหน้าที่ของเขาทำให้ได้รับกางเขนอัศวินแห่งกางเขนเหล็ก

ภายหลังการทัพ เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองเรือแห่งกองทัพเรือเยอรมันและได้เลื่อนยศตำแหน่งเป็นพลเรือเอก เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1940 เขาได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการวางแผนเบื้องต้นสำหรับปฏิบัติการสิงโตทะเล แผนการบุกครองสหราชอาณาจักร แต่แผนการดังกล่าวต้องหยุดชะงักลงในช่วงหลังยุทธการที่บริเตน ความตั้งใจของเยอรมันได้กลายเป็นการปิดกั้น และลึทเยินส์ได้ทำให้เรือรบประจัญบาน Scharnhorst และ Gneisenau เป็นจุดศูนย์กลางของกองเรือรบของเขา โดยใช้เรือลำหลังเป็นเรือธงของเขา ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1941 เขาได้วางแผนและดำเนินปฏิบัติการเบอร์ลิน ในการตีโฉบฉวยมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อสนับสนุนเรืออูในยุทธการที่แอนแลนติกโดยการเข้าโจมตีเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ของบริติช ปฏิบัติการนี้เป็นชัยชนะทางยุทธวิธี เมื่อสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1941 เมื่อเรือเทียบท่าในฝรั่งเศสภายใต้การยึดครองของเยอรมัน ภายหลังจากแล่นเรือไปได้ประมาณ 18,000 ไมล์ บันทึกสถิติของกลุ่มรบเยอรมันในช่วงเวลานั้น ความสำเร็จของเขาทำให้เขาได้รับเลือกสำหรับปฏิบัติการห่างไกลออกไป

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1941 ลึทเยินส์ได้บัญชาการกองเรือรบเฉพาะกิจของเยอรมัน ประกอบไปด้วยเรือรบประจัญบานบิสมาร์คและเรือลาดตะเวนหนัก ฟรินซ์ ยูจีน ในช่วงปฏิบัติการไรน์อือบุง ในการดำเนินปฏิบัติการเบอร์ลินอีกครั้ง ลึทเยินส์จำเป็นต้องแยกห่างจากฐานทัพเรือในโปแลนด์ที่ถูกยึดครอง แล่นเรือผ่านนอร์เวย์ที่ถูกยึดครองและเข้าโจมตีขบวนเรือขนส่งสินค้าพาณิชย์ ด้วยปฏิบัติการที่ผิดพลาดและในไม่ช้า กองเรือรบเฉพาะกิจก็ถูกพบเข้าและเข้าปะทะสู้รบใกล้กับเกาะไอซ์แลนด์ ในยุทธนาวีที่ช่องแคบเดนมาร์ก เรือหลวงฮู้ดถูกจมลงและเรือรบบริติชอีกสามลำถูกบังคับให้ล่าถอย จากนั้นเรือเยอรมันสองลำก็ได้แยกจากกัน สามวันต่อมา ในวันที่ 27 พฤษภาคม ลึทเยินส์และลูกเรือส่วนใหญ่เสียชีวิต เมื่อเรือรบประจัญบานบิสมาร์คหยุดชะงักและถูกจมลง

ในปี ค.ศ. 1955 สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีได้รับการจัดตั้งกองทัพใหม่อีกครั้งและเข้าร่วมองค์กรเนโท บุนเดิสมารีเนอถูกก่อตั้งในปีต่อมา ในปี ค.ศ. 1967 องค์กรนี้ได้ยอมรับแก่ลึทเยินส์และการปฏิบัติหน้าที่ของเขาโดยการตั้งชื่อเรือพิฆาตลำหนึ่งที่ชื่อว่า ลึทเยินส์ ซึ่งมาจากชื่อของเขา