การชนกับนิบิรุ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การชนกับนิบิรุ
ดาววี 838 ยูนิคอร์น มักถูกอิงเป็นดาว หรือดาวแคระสีน้ำตาลที่จะมาชนโลก[1]
คำกล่าวอ้างโลกอาจจะชนหรือรอดพ้นจากการชนของดาวยักษ์อย่างเฉียวเฉียด
สาขาวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องดาราศาสตร์, โบราณคดี
ปีที่เสนอค.ศ.1995
ผู้สนับสนุนริเริ่มแนนซี ไลเดอร์
ผู้สนับสนุนปัจจุบันMarshall Masters, Jaysen Rand, Pana Wave, David Meade, Terral Croft, Paul Begley, Matt Rogers
แนวคิดวิทยาศาสตร์เทียม

การชนกับนิบิรุ เป็นแนวคิดที่เสนอว่าอาจมีการชนกันครั้งหายนะระหว่างโลกกับวัตถุดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ (ซึ่งอาจชนหรือพลาดไปอย่างเฉียดฉิว) ซึ่งมีคนบางกลุ่มเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ผู้ที่เชื่อว่าเหตุการณ์สิ้นโลกดังกล่าวจะเกิดขึ้นนั้นมักเรียกวัตถุนี้ว่า ดาวเคราะห์เอกซ์ หรือนิบิรุ แนวคิดที่ว่าวัตถุที่มีขนาดเท่าดาวเคราะห์อาจชนกับโลกหรือเคลื่อนที่ผ่านโลกไปในอนาคตอันใกล้นี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด นักดาราศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ปฏิเสธแนวคิดดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นการสรุปผลโดยปราศจากข้อเท็จจริง[2]

แนวคิดดังกล่าวได้รับการเสนอครั้งแรกในปี ค.ศ. 1995 โดยแนนซี ไลเดอร์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ซีตาทอล์ก ผู้ระบุว่าตนเองเป็นผู้ที่สามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ และสามารถรับข้อความจากสิ่งมีชีวิตจากระบบดาวฤกษ์ซีตาเรติคิวลีได้ในสมองของเธอ เธอกล่าวว่าเธอเป็นผู้ที่ถูกเลือกให้เตือนมนุษยชาติว่าวัตถุจะสามารถกวาดผ่านระบบสุริยะชั้นในได้ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2003 (ถึงแม้ว่าวันดังกล่าวจะไม่ได้รับการตอบสนองในภายหลัง) ซึ่งทำให้เกิดการเลื่อนขั้วแกนหมุนของโลก และทำให้มนุษยชาติส่วนใหญ่เสียชีวิต การทำนายการชนได้แพร่ขยายไปนอกเว็บไซต์ของไลเดอร์อย่างรวดเร็วและได้รวบรวมกลุ่มที่เชื่อเหตุการณ์วันสิ้นโลกจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหลายกลุ่มมีความเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ 2012 เชื่อกันว่าชื่อ "นิบิรุ" ถูกนำมาจากผลงานของนักเขียนเกี่ยวกับนักบินอวกาศโบราณ เซชาเรีย ซิตชิน และการตีความเทพปกรณัมบาบิโลนและสุเมเรียน ซิตชินได้ปฏิเสธความเชื่อมโยงระหว่างผลงานของเขาและการกล่าวอ้างเกี่ยวกับเหตุการณ์วันสิ้นโลกหลายอย่าง

จุดกำเนิด[แก้]

แนวคิดของการชนกับนิบิรุเริ่มขึ้นจากแนนซี ไลเดอร์ สตรีชาวรัฐวิสคอนซินผู้ซึ่งอ้างว่าเมื่อตอนเป็นเด็ก เธอได้พบกับสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกสีเทา เรียกว่า ซีตา ผู้ซึ่งถูกฝังอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารไว้ในสมองของเธอ ในปี ค.ศ. 1995 เธอได้ก่อตั้งเว็บไซต์ซีตาทอล์กเพื่อเผยแพร่แนวคิดของเธอ[3] ไลเดอร์ได้รับความสนใจจากสาธารณชนครั้งแรกในกลุ่มข่าวบนอินเทอร์เน็ตระหว่างช่วงที่ดาวหางเฮล-บอปป์เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในปี ค.ศ. 1997 เธอได้กล่าวโดยรู้สึกตนว่าเป็นซีตา ว่า "ดาวหางเฮล-บอปป์ไม่มีอยู่จริง มันเป็นการหลอกลวง เป็นการเล่นตลกของผู้ที่ต้องการให้มวลชนสงบก่อนที่มันจะสายเกินไป เฮล-บอปป์ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นดาวฤกษ์อันห่างไกล และจะไม่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้กว่านี้อีก"[4] เธออ้างว่าเรื่องราวของเฮล-บอปป์เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนจากการมาถึงของวัตถุดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ "ดาวเคราะห์เอกซ์" ที่ใกล้เข้ามา ซึ่งจะเคลื่อนผ่านโลกและทำลายอารยธรรมบนโลก[4] หลังจากการเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของเฮล-บอปป์ในปีนั้นได้รับการเปิดเผยว่าเป็นหนึ่งในดาวหางที่สว่างที่สุดและได้รับการสังเกตนานที่สุดในศตวรรษที่ผ่านมา[5] ไลเดอร์ได้ลบประโยคสองประโยคแรกจากข้อความดั้งเดิมบนไซต์ของเธอ ถึงแม้ว่าข้อความนี้จะยังคงสามารถเข้าถึงได้จากการเก็บรักษาของกูเกิลก็ตาม[4] การกล่าวอ้างของเธอยังได้ปรากฏในนิวยอร์กไทมส์[6]

ไลเดอร์ได้อธิบายดาวเคราะห์เอกซ์ว่ามีขนาดใหญ่กว่าโลกราว 4 เท่า และกล่าวว่าการเคลื่อนเข้าใกล้โลกที่สุดจะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2003 ซึ่งจะทำให้การหมุนของโลกหยุดเป็นเวลา 5.9 วัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากความไม่มั่นคงอันเกิดจากการเลื่อนขั้วแกนหมุนของโลก ทำให้เกิดการดึงดูดของแม่เหล็กระหว่างแกนโลกกับอำนาจแม่เหล็กของดาวเคราะห์ที่เคลื่อนที่ผ่านมา และจะรบกวนแกนแม่เหล็กโลกและการแทนที่ของเปลือกโลกตามลำดับ[7]

แนวคิดดาวเคราะห์เอกซ์ของไลเดอร์ได้เผยแพร่ออกนอกเว็บไซต์ของเธอในปี ค.ศ. 2001 เมื่อมาร์ก ฮาเซลวูด อดีตสมาชิกของประชาคมซีตาทอล์ก ได้นำแนวคิดของเธอมาตีพิมพ์เป็นหนังสือ ไบลน์ไซเด็ด: แพลเน็ตเอกซ์แพสอิน 2003 เธอได้กล่าวหาเขาในภายหลังว่าเป็นผู้หลอกลวงต่อความเชื่อมั่น[8] ลัทธิหนึ่งในญี่ปุ่นซึ่งเรียกว่า ปานาเวฟเลบอเรทอรี ซึ่งกีดขวางถนนและแม่น้ำโดยการวางเสื้อผ้าสีขาวเพื่อป้องกันกลุ่มจากการโจมตีด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า ก็ได้ออกมาเตือนเช่นกันว่าโลกอาจสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2003 หลังจากการมาถึงของดาวเคราะห์ดวงที่สิบ[9]

ราวหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้าการมาถึงของดาวเคราะห์เอกซ์ตามที่ได้คาดคะเนไว้ ไลเดอร์ได้ปรากฏตัวทางสถานีวิทยุครอก (KROQ) ในลอสแอนเจลิส และได้แนะนำให้ผู้ฟังฆ่าสัตว์เลี้ยงของตนเพื่อเตรียมตัวสำหรับเหตุการณ์ เธอตอบคำถามที่ว่าเธอได้ทำเช่นนั้นแล้วหรือยัง ว่าเธอได้ทำแล้ว และกล่าวว่า "ลูกหมาได้ไปอยู่ในที่ที่มีความสุขแล้ว" เธอยังได้กล่าวว่า "หมาเป็นมื้ออาหารที่ดี"[10] หลังจากปี ค.ศ. 2003 เมื่อไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น ไลเดอร์ได้กล่าวว่ามันเป็น "คำโกหกเล็กน้อย ... เพื่อหลอกสถาบันการปกครอง"[11] และกล่าวว่า การเปิดเผยวันที่แท้จริงจะเปิดโอกาสให้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกและกักขังผู้คนไว้ในเมืองระหว่างการเลื่อนขั้ว และนำไปสู่ความตายของคนเหล่านี้"[12]

ไซต์บนอินเทอร์เน็ตจำนวนมากยังคงกล่าวอ้างว่าวัตถุของไลเดอร์กำลังเดินทางมายังโลก ซึ่งมักอ้างว่าจะมาถึงในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งในวันดังกล่าวได้รวบรวมเอากลุ่มคนที่เชื่อในวันโลกาวินาศเข้าไว้ด้วยกัน โดยเชื่อว่ามันเป็นวันสิ้นสุดของวัฏจักรปัจจุบัน (แบ็กทัน) ในปฏิทินแบบนับยาวมายา นักเขียนหลายคนได้ตีพิมพ์หนังสือซึ่งเกี่ยวข้องกับการชนในปี ค.ศ. 2012 [13] ฮาเซลวูดก็ได้เปลี่ยนมุมมองต่อดาวเคราะห์เอกซ์ตั้งแต่นั้น โดยเห็นว่าขณะนี้มีกำลังเอเลี่ยนทรงภูมิปัญญาที่กระทำการเพื่อปกป้องเราไว้ และเราได้รับการจัดเตรียมให้ขึ้นไปสู่ความตระหนักรู้ในระดับที่สูงขึ้นในปี ค.ศ. 2012[14]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Pictures: 2012 Doomsday Myths Debunked". National Geographic News. 2009-11-06. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-02-01. สืบค้นเมื่อ 2017-01-04.
  2. Govert Schilling. The Hunt For Planet X: New Worlds and the Fate of Pluto. Copernicus Books. p. 111.
  3. Nancy Lieder (2009). "zetatalk". สืบค้นเมื่อ 2009-10-03.
  4. 4.0 4.1 4.2 "The Planet X Saga: Nancy Lieder". badastronomy.com. สืบค้นเมื่อ 2009-04-28.
  5. Kidger MR, Hurst G, James N (2004). "The Visual Light Curve Of C/1995 O1 (Hale–Bopp) From Discovery To Late 1997". Earth, Moon, and Planets. 78 (1–3): 169–177. Bibcode:1997EM&P...78..169K. doi:10.1023/A:1006228113533. S2CID 120776226.
  6. George Johnson (1997-03-28). "Comets Breed Fear, Fascination and websites". The New York Times. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-05-26. สืบค้นเมื่อ 2009-09-27.
  7. Nancy Lieder. "Pole Shift Date of May 27, 2003". ZetaTalk. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-01-02. สืบค้นเมื่อ 2009-09-18.
  8. "Mark Hazlewood Scam". Zetatalk. สืบค้นเมื่อ 2009-04-12.
  9. Steve Herman (2003). "Pana Wave Cult Raises Concern Among Japanese Authorities". Voice of America. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-02-01. สืบค้นเมื่อ 2009-10-02.
  10. "Planet Waves". Fortean Times. 2003. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-10-05. สืบค้นเมื่อ 2010-06-27.
  11. "Pole Shift in 2003 Date". zetatalk. 2003. สืบค้นเมื่อ 2009-04-12.
  12. "ZetaTalk: White Lie". zetatalk.com. 2003. สืบค้นเมื่อ 2009-04-12.
  13. David Morrison. "Update on the Nibiru 2012 "Doomsday"". Skeptical Inquirer. สืบค้นเมื่อ 2009-09-18.
  14. "Mark Hazlewood's new position". geocities. 2009. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-10-22. สืบค้นเมื่อ 2009-07-07.