ข้ามไปเนื้อหา

ประตูเทียนอัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Tiananmen)
ประตูเทียนอันใน ค.ศ. 2020
ประตูเทียนอัน
"เทียนอันเหมิน" ในอักษรตัวย่อ (บน) และอักษรตัวเต็ม (ล่าง)
ชื่อภาษาจีน
อักษรจีนตัวย่อ天安门
อักษรจีนตัวเต็ม天安門
ฮั่นยฺหวี่พินอินTiān'ānmén
ความหมายตามตัวอักษร"ประตูสันติภาพสวรรค์"
ชื่อภาษาแมนจู
อักษรแมนจู ᠠᠪᡴᠠᡳ
ᡝᠯᡥᡝ
ᠣᠪᡠᡵᡝ
ᡩᡠᡴᠠ
เมิลเลินดอร์ฟabkai elhe obure duka
(วีดีโอ) ภาพประตูเทียนอันจำนวน 2 ภาพ ตามด้วยภาพภายในจัตุรัสเทียนอันเมินบริเวณใกล้กับประตู ถ่ายใน ค.ศ. 2017

ประตูเทียนอัน หรือ เทียนอันเหมิน (จีน: 天安门; พินอิน: Tiān'ānmén; แปลตรงตัว: "ประตูสันติภาพสวรรค์") เป็นประตูทางเข้าพระราชวังต้องห้ามและนครจักรพรรดิ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในฐานะสัญลักษณ์ประจำชาติ

ประตูเทียนอันสร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยราชวงศ์หมิงเมื่อ ค.ศ. 1420 เพื่อเป็นประตูทางเข้าพระราชวัง ซึ่งผู้มาเยือนพระราชวังทุกคนจะต้องผ่านประตูนี้ ใน ค.ศ. 1949 เหมา เจ๋อตงได้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนจากระเบียงของประตูแห่งนี้ ปัจจุบันมีภาพเหมือนขนาดใหญ่ของเขาประดับอยู่ ประตูเทียนอันตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจัตุรัสเทียนอันเหมินและถูกคั่นกลางจากลานจัตุรัสโดยถนนฉางอาน

ชื่อ

[แก้]

ชื่อภาษาจีนของประตูนี้ (天安门/天安門) ประกอบด้วยอักษรจีนที่หมายถึง "สวรรค์" "สันติภาพ" และ "ประตู" ตามลำดับ เป็นเหตุว่าทำไมจึงแปลตามธรรมเนียมได้ว่า "ประตูสันติภาพสวรรค์" กระนั้น การแปลดังกล่าวอาจคลาดเคลื่อนไปบ้างเพราะชื่อในภาษาจีนนั้นมาจากวลีที่ยาวกว่า ซึ่งมีความหมายว่า "อาณัติจากสวรรค์ รักษาความสงบสุขของแผ่นดิน" (受命于天,安邦治國)[1] คำแปลภาษาแมนจูว่า Abkai elhe obure duka นั้นสอดคล้องกับความหมายดั้งเดิมของประตูมากที่สุด และสามารถแปลตรงตัวได้ว่า "ประตูสันติภาพจากสวรรค์"[2] ประตูนี้มีประตูคู่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของนครจักรพรรดิ มีชื่อว่าตี้อันเหมิน (地安門, Dì'ānmén; แมนจู: Na i elhe obure duka) ซึ่งแปลได้โดยประมาณว่า "ประตูสันติภาพโลก"

ประตู

[แก้]

ประวัติศาสตร์

[แก้]

ในสมัยราชวงศ์หมิง ประตูนี้มีชื่อเดิมว่า เฉิงเทียนเหมิน (จีนตัวเต็ม: 承天門; จีนตัวย่อ: 承天门; พินอิน: Chéngtiānmén) หรือ "ประตูรับอาณัติแห่งสวรรค์" ต่อมาได้ถูกทำลายและสร้างขึ้นใหม่หลายครั้ง เดิมสร้างขึ้นครั้งแรกใน ค.ศ. 1420 โดยมีต้นแบบมาจากประตูชื่อเดียวกันของพระราชวังในนครหนานจิง ต่อมาได้ถูกเพลิงไหม้จากฟ้าผ่าในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1457 ต่อมาใน ค.ศ. 1465 จักรพรรดิเฉิงฮว่าได้มีพระราชโองการให้จื้อกุย (自圭) รัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการในขณะนั้นดำเนินการบูรณะขึ้นใหม่ ด้วยเหตุนี้รูปแบบจึงถูกปรับเปลี่ยนจากซุ้มประตูมาเป็นป้อมประตูดังที่เห็นในปัจจุบัน ประตูนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนักอีกครั้งในช่วงสงครามปลายราชวงศ์หมิง เมื่อใน ค.ศ. 1644 กลุ่มกบฏที่นำโดยหลี่ จื้อเฉิงได้ทำการเผาทำลายประตูจนหมดสิ้น ภายหลังการสถาปนาราชวงศ์ชิงและการพิชิตดินแดนจีนของชนชาติแมนจู ประตูนี้ก็ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยเริ่มขึ้นใน ค.ศ. 1645 และได้รับการตั้งชื่อใหม่ดังเช่นปัจจุบันเมื่อแล้วเสร็จใน ค.ศ. 1651 ประตูนี้ได้รับการซ่อมแซมและปรับปรุงโครงสร้างใหม่ทั้งหมดในช่วง ค.ศ. 1969 ถึง 1970 ณ เวลานั้นประตูแห่งนี้มีอายุกว่า 300 ปีและอยู่ในสภาพทรุดโทรมอย่างหนัก สาเหตุหนึ่งมาจากการใช้งานอย่างหนักในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 และ 1960 เนื่องจากประตูแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ นายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล จึงสั่งให้การบูรณะครั้งนี้เป็นความลับ ประตูทั้งหลังถูกหุ้มด้วยนั่งร้าน และโครงการนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "การบูรณะใหม่" การบูรณะครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาสภาพภายนอกของประตูให้คงเดิม ขณะเดียวกันก็เสริมความแข็งแรงให้โครงสร้างสามารถต้านแผ่นดินไหวได้ดีขึ้น และติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย อาทิ ลิฟต์ ประปา และระบบทำความร้อน[3]

ประตูเทียนอันใน ค.ศ. 1901
ประตูเทียนอันใน ค.ศ. 1901 
ประตูเทียนอันใน ค.ศ. 2006
ประตูเทียนอันใน ค.ศ. 2006 
ภาพระยะใกล้ของหลังคา
ภาพระยะใกล้ของหลังคา 
ประตูเทียนอันยามค่ำคืน
ประตูเทียนอันยามค่ำคืน 
ประตูเทียนอันจากด้านข้างในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2011
ประตูเทียนอันจากด้านข้างในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2011 
แผนที่ที่รวมถึงประตูเทียนอัน (ระบุชื่อว่า T’ien-an Men 天安門) ในคริสต์ทศวรรษ 1950
แผนที่ที่รวมถึงประตูเทียนอัน (ระบุชื่อว่า T’ien-an Men 天安門) ในคริสต์ทศวรรษ 1950 
ห้องภายในประตู
ห้องภายในประตู 

รายละเอียด

[แก้]
เสาหิน (หฺวาเปี่ยว) สลักลวดลายมังกรและฟีนิกซ์ประดับตกแต่งอยู่หน้าประตูเทียนอัน

ประตูมีความยาว 66 เมตร (217 ฟุต) กว้าง 37 เมตร (121 ฟุต) และสูง 32 เมตร (105 ฟุต) เช่นเดียวกับประตูอื่นในพระราชวัง ประตูแห่งนี้ก็มีการตกแต่งหลังคาในวังหลวงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

สิงโตคู่หนึ่งประจำอยู่เบื้องหน้าประตู และอีกคู่หนึ่งคอยเฝ้าสะพาน ในวัฒนธรรมจีนเชื่อกันว่าสิงโตสามารถปกป้องมนุษย์จากวิญญาณชั่วร้ายได้

หน้าประตูมีเสาหินสองต้นเรียกว่า หฺวาเปี่ยว (华表) แต่ละต้นมีสัตว์ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า โห่ว (犼) ประดับอยู่บนยอด เดิมสิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่ให้สามัญชนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนโดยการเขียนหรือติดคำร้องไว้ที่เสา อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างที่ปรากฏหน้านครจักรพรรดินั้นมีไว้เพื่อประดับตกแต่งเพียงอย่างเดียว และสื่อถึงความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์เท่านั้น

บนผนังด้านทิศตะวันตกและออกของประตูมีป้ายขนาดใหญ่ประดับอยู่ด้านละหนึ่งป้าย ด้านซ้ายมีข้อความว่า "สาธารณรัฐประชาชนจีนจงเจริญ" (中华人民共和国万岁; Zhōnghuá Rénmín Gònghéguó wànsuì) ส่วนด้านขวามีข้อความว่า "ความสามัคคีของประชาชนโลกจงเจริญ" (世界人民团结万岁; Shìjiè rénmín dà tuánjié wànsuì) ป้ายด้านขวาเคยมีข้อความว่า "รัฐบาลประชาชนกลางจงเจริญ"[4] (中央人民政府万岁; Zhōngyāng Rénmín Zhèngfǔ wànsuì) ในพิธีก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนมาใช้ป้ายปัจจุบัน ป้ายทั้งสองถูกเปลี่ยนมาใช้อักษรจีนตัวย่อแทนตัวเต็มใน ค.ศ. 1964 การใช้สำนวนนี้มีความหมายเชิงสัญลักษณ์อันลึกซึ้ง เพราะคำที่ใช้เพื่ออวยพรให้มีอายุยืนยาวนั้นในอดีตเคยสงวนไว้เฉพาะสำหรับจักรพรรดิจีนเช่นเดียวกับนครจักรพรรดิ แต่ปัจจุบันเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปใช้ได้แล้ว

แท่นอัฒจันทร์ด้านหน้าใช้ในวันแรงงานสากล (1 พฤษภาคม) และวันชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีน (1 ตุลาคม) ด้านหน้าอัฒจันทร์คือคูเมืองของนครจักรพรรดิซึ่งยังคงมีน้ำอยู่เต็ม แต่ปัจจุบันมีการประดับด้วยน้ำพุส่องสว่างเพื่อความสวยงาม

ในสมัยโบราณ ประตูเทียนอันถือเป็นประตูสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งเมื่อเข้าสู่นครหลวงปักกิ่งร่วมกับประตูหย่งติ้ง ประตูเฉียน และประตูจงหฺวา เมื่อเดินเข้าไปด้านใน ประตูที่อยู่ถัดไปคือ "ประตูตวน" ซึ่งมีการออกแบบเหมือนกับประตูเทียนอันทุกประการ ด้านหลังประตูนั้นคือทางเข้าด้านใต้ของพระราชวังต้องห้ามซึ่งมีชื่อเรียกว่าประตูอู่

ภาพเหมือน

[แก้]

ประวัติศาสตร์

[แก้]

ด้วยประตูแห่งนี้อยู่ในตำแหน่งด้านหน้าของพระราชวังต้องห้าม และเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สำคัญหลายเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ประตูนี้จึงมีความสำคัญทางการเมืองอย่างมาก ใน ค.ศ. 1925 ขณะที่ประเทศจีนอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลชาตินิยม ได้มีการแขวนภาพเหมือนขนาดใหญ่ของซุน ยัตเซ็นหลังเขาถึงแก่อสัญกรรม ใน ค.ศ. 1945 มีการแขวนภาพเหมือนของเจียง ไคเชกเพื่อฉลองชัยชนะเหนือญี่ปุ่น[5]

วันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 1949 มีการแขวนภาพเหมือนของจู เต๋อและเหมา เจ๋อตงเพื่อเป็นการรำลึกถึงสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง[6] นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 วันก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นต้นมา มีเพียงภาพเหมือนเหมาเท่านั้นที่ถูกแขวนไว้บนประตูนั้น ภาพนี้จะถูกเปลี่ยนใหม่เป็นประจำทุกปีก่อนถึงวันชาติ มีเพียงครั้งเดียวในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1953 ที่ภาพดังกล่าวถูกแทนที่ชั่วคราวด้วยภาพของโจเซฟ สตาลิน เพื่อเป็นการรำลึกถึงการอสัญกรรม[6]

ใน ค.ศ. 2011 อเล็กซานเดอร์ แพนน์ ฮัน-ทัง ประธานสมาคมอุตสาหกรรมและการค้าไต้หวันแห่งเอเชียแปซิฟิก ผู้มีความสนิทสนมกับประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่วของไต้หวัน ได้เสนอให้มีการนำภาพของซุน ยัตเซ็นไปติดตั้งที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐจีน[7] อย่างไรก็ตามข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธ[7]

เหตุการณ์

[แก้]

ภาพเหมือนนี้มีน้ำหนัก 1.5 เมตริกตัน (2 ชอร์ตตัน) และจะถูกแทนที่ด้วยภาพสำรองทันทีที่มีผู้กระทำการให้เสียหาย[8] ใน ค.ศ. 1989 ผู้เห็นต่างสามรายรวมถึงยฺวี่ ตงยฺเว่ ได้ร่วมกันโจมตีภาพเหมือนด้วยไข่ไก่ระหว่างการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ยฺวี่ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวภายหลังจากถูกคุมขังเป็นเวลา 17 ปีใน ค.ศ. 2006 วันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 ภาพเหมือนของเหมาถูกเพลิงไหม้ ชายว่างงานวัย 35 ปีจากเมืองอุรุมชีถูกจับกุมหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ภาพเหมือนได้รับความเสียหายประมาณร้อยละ 15 และได้รับการซ่อมแซมในภายหลัง[9] วันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2010 ผู้ประท้วงรายหนึ่งได้ก่อเหตุโยนหมึกใส่ขวดพลาสติกแล้วปาไปยังผนังบริเวณใกล้ภาพบุคคล และต่อมาได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม[ต้องการอ้างอิง]

สัญลักษณ์ประจำชาติ

[แก้]

เนื่องจากมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ประตูเทียนอันจึงปรากฏอยู่บนตราแผ่นดินของสาธารณรัฐประชาชนจีน และยังปรากฏอยู่บนแบบของแสตมป์และเหรียญกษาปณ์ที่ออกโดยสาธารณรัฐประชาชนจีน

ตราแผ่นดินสาธารณรัฐประชาชนจีน

การเข้าถึง

[แก้]
รถบัสสาย 1 วิ่งผ่านเทียนอันเหมิน

ประตูเทียนอันเปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08:30 น. ถึง 17:00 น.[10] ผู้เข้าชมต้องทำการจองตั๋วล่วงหน้าผ่านวีแชต (WeChat) อย่างน้อยหนึ่งวันก่อนวันเข้าชม ไม่สามารถซื้อตั๋วได้ในวันเข้าชมหรือจุดจำหน่ายตั๋ว ณ สถานที่

รถไฟใต้ดินปักกิ่งสาย 1 จอดที่สถานีเทียนอันเหมินตะวันตกและเทียนอันเหมินตะวันออกซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกและตะวันออกของประตูเทียนอันตามลำดับ

รถประจำทางสาย 1, 2, 5, 52, 82, 120, 观光1, 观光2, 夜1, 夜2 และ夜17 จอดใกล้กับประตูเทียนอัน

อ้างอิง

[แก้]
  1. Lu Bingjie, Tian'anmen (Jinan: Shandong huabao chubanshe, 2004) p. 40.
  2. Cf. Erich Hauer. "Why the Sinologue Should Study Manchu." Journal of the North-China Branch of the Royal Asiatic Society 61 (1930): 156–64.
  3. Xinhua News Agency, Secret reconstruction of Tiananmen 35 years ago, 04/21/05
  4. Meng Zhaorui, 親歷震撼時刻——老記者鏡頭下的紅色中國, p. 133
  5. NYtimes. "NYtimes.com." Chameleon Mao, the face of Tiananmen square. Retrieved on 2011-04-11.
  6. 6.0 6.1 中國評論新聞:20世紀以來 天安門掛過哪些人的畫像?. Chinareviewnews.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-26. สืบค้นเมื่อ 2011-04-12.
  7. 7.0 7.1 "Call for reassessment of Sun Yat-sen from 'pioneer' to 'father of the nation'". South China Morning Post. 2011-03-29. สืบค้นเมื่อ 2020-05-28.
  8. Foster, Peter. Chinese protestor throws ink at portrait of Chairman Mao. The Daily Telegraph. 8 April 2010.
  9. 2007年05月13日 – 中國‧天安門廣場城樓遭縱火 毛澤東畫像部份燒焦 – 國際 – 星洲日報. Sinchew.com.my. 2007-05-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-18. สืบค้นเมื่อ 2011-04-12.
  10. (Chinese) "参观天安门城楼时刻表及门票价格和乘车路线" Accessed 2012-02-06