T-50 โกลเดนอีเกิล
| T-50 โกลเดนอีเกิล FA-50 ไฟทิงอีเกิล | |
|---|---|
FA-50 Block 50 ไฟทิงอีเกิล ทอ.ฟิลิปปินส์ | |
| ข้อมูลทั่วไป | |
| บทบาท | T-50: ฝึกไอพ่นขั้นสูง TA-50: ฝึกขับไล่ขั้นต้น FA-50: ขับไล่เบา |
| ชาติกำเนิด | |
| บริษัทผู้ผลิต | อุตสาหกรรมอากาศยานเกาหลี (KAI) ร่วมกับล็อกฮีดมาร์ติน |
| สถานะ | ประจำการอยู่ |
| ผู้ใช้งานหลัก | กองทัพอากาศสาธารณรัฐเกาหลี กองทัพอากาศอินโดนีเซีย กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ กองทัพอากาศไทย |
| จำนวนที่ผลิต | 210+ ลำ[1] |
| ประวัติ | |
| เริ่มใช้งาน | 22 กุมภาพันธ์ 2005 |
| เที่ยวบินแรก | 20 สิงหาคม 2002 |
T-50 โกลเดนอีเกิล (T-50 Golden Eagle) และ FA-50 ไฟทิงอีเกิล (FA-50 Fighting Eagle) เป็นเครื่องบินฝึกไอพ่นความเร็วเหนือเสียงและเป็นเครื่องบินขับไล่เบาของเกาหลีใต้ ตามลำดับ พัฒนาโดยบริษัทอุตสาหกรรมอากาศยานเกาหลี (KAI) ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัทล็อกฮีดมาร์ตินของสหรัฐ T-50 เป็นเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงลำแรกของเกาหลีใต้ และยังเป็นเครื่องบินฝึกไม่กี่รุ่นในโลกที่มีความเร็วเหนือเสียง[2]
ความเป็นมา
[แก้]โครงการ T-50/FA-50 ถือกำเนิดจากการที่เกาหลีใต้ในทศวรรษ 1990 ต้องการเครื่องบินฝึกขับไล่ขั้นต้น (LIFT) แทนรุ่นเก่า และในเวลาเดียวกันสร้างขีดความสามารถอุตสาหกรรมอากาศยานในประเทศ เดิมโครงการถูกเรียกว่า KTX-2 และได้รับความร่วมมือทางเทคนิคอย่างใกล้ชิดจากล็อกฮีดมาร์ติน เพื่อนำประสบการณ์จาก F-16 มาปรับใช้[3] เครื่องยนต์หลักเลือกตระกูล F404 ที่เชื่อถือได้ ทำให้ได้แพลตฟอร์มฝึกที่มีสมรรถนะใกล้เคียงเครื่องบินขับไล่ยุคใหม่
หลังการรวมกิจการอุตสาหกรรมการบินของเกาหลีใต้เป็นบริษัท อุตสาหกรรมอากาศยานเกาหลี (KAI) โครงการเดินหน้าจนต้นแบบ T-50 โกลเดนอีเกิล บินครั้งแรกในปี 2002 และเข้าประจำการช่วงกลางทศวรรษ 2000 เพื่อยกระดับหลักสูตรนักบินรบอย่างครบวงจร จากพื้นฐานนี้ เกาหลีใต้พัฒนารุ่นติดอาวุธ TA-50 สำหรับการฝึกยุทธวิธีและการโจมตีเบา ก่อนขยายผลไปสู่ FA-50 รุ่นพหุภารกิจที่ติดเรดาร์และอาวุธสมรรถนะสูง
เครื่องบินฝึก T-50/TA-50 โกลเดนอีเกิล
[แก้]T-50 ถูกออกแบบเพื่อเป็นเครื่องบินไอพ่นความเร็วเหนือเสียงเพื่อภารกิจฝึกไอพ่นขั้นสูงและฝึกขับไล่ขั้นต้น ตัวเครื่องมีระบบควบคุมการบิน Fly-by-Wire แบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ห้องนักบินติดตั้งจอแสดงผลแบบ MFD และ HUD เช่นเดียวกับเครื่องบินขับไล่ยุคใหม่ ทำให้นักบินสามารถถ่ายทอดทักษะไปยัง F-16, F-35 หรือเครื่องบินขับไล่รุ่นอื่นจากสหรัฐโดยตรง
TA-50 เป็นรุ่นเพิ่มขีดความสามารถ โดยติดตั้งเรดาร์ Pulse-Doppler สามารถตรวจจับเป้าหมายทางอากาศและภาคพื้นได้ พร้อมรองรับมิสไซล์อากาศสู่อากาศ แบบ AIM-9 ไซด์ไวน์เดอร์ และมิสไซล์อากาศสู่ผิวพื้นแบบ AGM-65 มาเวอร์ริก รวมถึงระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์และดาวเทียม T-50/TA-50 ติดตั้งเครื่องยนต์ F404-GE-102 ที่มีกำลังขับสูงช่วยให้มีสมรรถนะการบินเทียบเท่าเครื่องบินขับไล่เบา สามารถทำภารกิจคุ้มกันน่านฟ้า การโจมตีสนับสนุนภาคพื้น และการลาดตระเวนติดอาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครื่องบินขับไล่เบา FA-50 ไฟทิงอีเกิล
[แก้]FA-50 Block 1/2
[แก้]FA-50 Block 1 เป็นรุ่นขับไล่เวอร์ชันแรกที่พัฒนาจาก TA-50 โดยติดตั้งเรดาร์ EL/M-2032 ทำให้ตรวจจับและติดตามเป้าหมายทางอากาศและภาคพื้นได้ดียิ่งขึ้น อาวุธที่รองรับมีทั้ง AIM-9, AGM-65, ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ GBU-12 และระเบิดธรรมดา จึงเหมาะกับการปฏิบัติการรบเบา การสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด และคุ้มกันน่านฟ้าในระดับพื้นฐาน ต่อมาใน Block 2 มีการติดตั้งเดต้าลิงก์ Link-16 รับส่งข้อมูลขั้นพื้นฐาน นอกจากนี้ยังรองรับระเบิด JDAM (GBU-31/32/38), CBU และสามารถติดกระเปาะชี้เป้า
FA-50 Block 10/50
[แก้]
FA-50 Block 10 ยังคงใช้เรดาร์เหมือน Block 1 (แต่สามารถอัปเกรดเป็น AESA) บล็อกนี้เสริมขีดความสามารถด้านอาวุธแม่นยำและระบบภารกิจ มีการเพิ่มกระเปาะชี้เป้า AN/AAQ-33 Sniper ทำให้สามารถใช้ระเบิด GBU-12 Paveway II (500 ปอนด์) ได้ด้วยตนเองไม่ต้องพึ่งการชี้เป้าจากภายนอก นอกจากนี้ยังรองรับ AIM-9 Sidewinder, AGM-65 Maverick และอาวุธทิ้งสู่พื้น
Block 50 พัฒนาต่อจาก Block 10 ใช้เรดาร์เหมือนเดิม เพิ่มเครื่องรับสัญญาณเรดาร์ (RWR) เพื่อให้นักบินรู้ตัวเมื่อถูกล็อกเป้า รวมถึงติดตั้งระบบตรวจจับไฟไหม้และอุปกรณ์ปล่อยเป้าลวง (chaff/flare) รองรับเดต้าลิงก์ Link-16 ขั้นสูงกว่าซึ่งทำงานประสานกับระบบเตือนภัย
FA-50 Block 20/70
[แก้]Block 20 เป็นบล็อกที่เปิดประตูสู่การรบสมัยใหม่ ก้าวขึ้นสู่การเป็นเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจ บล็อกนี้เริ่มติดตั้งเรดาร์ AESA ซึ่งตรวจจับดีขึ้นและทนต่อการก่อกวนทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อผสมกับซอฟต์แวร์ใหม่ทำให้ บล็อกนี้รองรับมิสไซล์ AIM-120 AMRAAM สำหรับการยิงนอกระยะสายตา และรองรับ AGM-88E AARGM สำหรับการข่มการป้องกันภัยทางอากาศของข้าศึก
Block 70 ใช้เรดาร์ AESA รุ่นเดียวกับ Block 20 แต่เป็นสเปกที่ขยายขีดความสามารถให้ทำงานร่วมกับจอภาพแบบติดหมวก (HMD) ระบบอิเล็กทรอนิกส์ประมวลผลเร็วขึ้น รองรับมิสไซล์ AIM‑9X ที่ล็อกเป้าได้เพียงแค่หันศรีษะไปมองเป้าหมาย
กองทัพอากาศไทย
[แก้]การจัดหา T-50/FA-50 ของกองทัพอากาศไทยแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ซึ่งแต่ละระยะมีความแตกต่างกัน ระยะที่ 1 เป็นการจัดหา T-50TH จำนวน 4 ลำ เข้าประจำการในปี 2015 เพื่อใช้ฝึกขับไล่ขั้นต้น รุ่นนี้ยังไม่มีเรดาร์หรือระบบอาวุธ จึงเหมาะสำหรับการฝึกต้นก่อนขึ้นใช้งานเครื่องบินขับไล่จริง ต่อมาในระยะที่ 2 จัดหา T-50TH เพิ่มเติม 8 ลำ แต่ได้รับการปรับปรุงระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในบางส่วนให้ทันสมัยขึ้น แต่ยังไม่สามารถติดมิสไซล์ ต่อมาในระยะที่ 3 กองทัพอากาศปรับปรุงเครื่องบินเดิมจำนวน 2 ลำให้มีขีดความสามารถเทียบเท่า Block 10 โดยติดตั้งเรดาร์ EL/M-2032 ระบบ RWR และระบบเป้าลวง ทำให้สามารถใช้อาวุธบางอย่าง ต่อมาในระยะที่ 4 เป็นการจัดหา FA-50TH Block 10 อีก 2 ลำ
ข้อมูลจำเพาะ
[แก้]| [4][5][6] | FA-50 Block 10 | TA-50 | T-50B |
|---|---|---|---|
| ความยาว | 13.14 m | ||
| ความกว้างช่วงปีก | 9.45 m | ||
| ความสูง | 4.82 m | ||
| พื้นที่ปีก | 23.69 m2 | ||
| น้ำหนักตัวเปล่า | 6,454 kg | ||
| น้ำหนักสูงสุดในการขึ้นบิน | 12,215 kg | 12,223 kg | 10,722 kg |
| ถังเชื้อเพลิงภายใน | 2.5 ตัน | ||
| ถังเชื้อเพลิงภายนอก | 570 ลิตร | ||
| พิสัย | 1,851 km | ||
| พิสัยการรบ | 444 km | ||
| บินตัวเปล่าไกลสุด | 2,592 km | ||
| เพดานบิน | 16,764 m (55,000 ฟุต) | ||
| ความทนต่อแรง g | +8.3 / −3 | ||
ผู้ใช้งาน
[แก้]
ผู้ใช้งานแบ่งตามประเทศ ยอดที่ประจำการอยู่ ณ 2025 สีเขียวคือรอการส่งมอบ
- กองทัพอากาศอินโดนีเซีย
- T-50i จำนวน 16(+6) ลำ
- กองทัพอากาศอิรัก
- FA-50IQ Block 50 จำนวน 24 ลำ
- กองทัพอากาศมาเลเซีย
- FA-50M Block 70 จำนวน 0(+18) ลำ
- กองทัพอากาศสาธารณรัฐเกาหลี
- T-50/T-50B จำนวน 57 ลำ
- TA-50 จำนวน 22 ลำ
- FA-50 Block 50 จำนวน 60 ลำ
- กองทัพอากาศฟิลิปปินส์
- FA-50PH Block 50 จำนวน 11 ลำ
- FA-50PH Block 70 จำนวน 0(+12) ลำ
- กองทัพอากาศโปแลนด์
- FA-50GF Block 50 จำนวน 12 ลำ
- FA-50PL Block 70 จำนวน 0(+36) ลำ
- กองทัพอากาศไทย
- T-50TH จำนวน 10 ลำ
- FA-50TH Block 10 จำนวน 4 ลำ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "T-50 Golden Eagle". Deagel.com.
- ↑ Jung Sung-ki (30 ธันวาคม 2008). "Domestic Light Attack Jets Due in 2013". The Korea Times.
- ↑ "Korea's T-50 Family Spreads Its Wings". Defense Industry Daily. 11 มีนาคม 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 กันยายน 2015. สืบค้นเมื่อ 19 กันยายน 2015.
{{cite web}}: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) - ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อkoreaaero.tistory - ↑ "TA-50 Lead-in Fighter Trainer". Korea Aerospace Industries. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ April 4, 2024. สืบค้นเมื่อ April 4, 2024.
- ↑ "T-50B Acrobatic Demonstrator". Korea Aerospace Industries. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 22, 2023. สืบค้นเมื่อ September 22, 2023.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- T-50 Advanced Jet Trainer. Korea Aerospace Industries.
- T-50: Training to Fly, Fight & Win. Lockheed Martin.