วงศ์ปลาตะพัด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Osteoglossinae)

วงศ์ปลาตะพัด
Scleropages leichardti ปลาชนิดที่พบในรัฐควีนส์แลนด์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ แก้ไขการจำแนกนี้
โดเมน: ยูแคริโอตา
อาณาจักร: สัตว์
ไฟลัม: สัตว์มีแกนสันหลัง
ชั้น: ปลาที่มีก้านครีบ
อันดับ: อันดับปลาลิ้นกระดูก
อันดับย่อย: Osteoglossoidei
วงศ์: วงศ์ปลาตะพัด
Bonaparte, 1831
Genera

วงศ์ปลาตะพัด (อังกฤษ: Bonytongues fish, Arowana) วงศ์ปลาวงศ์หนึ่งในอันดับ Osteoglossiformes มีลักษณะสำคัญที่วิวัฒนาการจากปลาในยุคโบราณคือ มีส่วนกระดูกที่หัวแข็ง หรือลิ้นแข็งเป็นกระดูก คำว่า Osteoglossidae (/ออส-ที-โอ-กลอส-ซิ-ดี้/) เป็นภาษากรีกหมายถึง "ลิ้นกระดูก" อธิบายลักษณะของปลาในกลุ่มนี้

ลักษณะและการแพร่กระจายพันธุ์[แก้]

ปลาในวงศ์ปลาตะพัดเป็นปลาน้ำจืด เป็นปลากินเนื้อ มักหากินบริเวณผิวน้ำ โดยอาหารได้แก่ สัตว์น้ำขนาดเล็ก แมลง สัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดเล็ก อาจกินนกหรือหนูตัวเล็กๆ ได้ด้วย ด้วยการกระโดดงับ มีนิสัยดุร้าย ก้าวร้าว มักอยู่ตัวเดียวตามลำพังหรือเป็นฝูงเล็กๆ ไม่เกิน 5 ตัว พบมากในลำธารน้ำใสสะอาด มีกระแสน้ำไหลเอื่อยๆ ในป่าดงดิบชื้น แต่ในบางพื้นที่ เช่น ที่อินโดนีเซีย ปลาจะอาศัยในน้ำที่มีค่าความเป็นกรดค่อนข้างต่ำ (น้อยกว่า 5.5 pH) อย่างน้ำในป่าพรุ เป็นต้น

ปลาในวงศ์นี้มีสืบสายพันธุ์มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์โดยพบซากฟอสซิลอายุราว 60 ล้านปีมาแล้วในชั้นหิน ตั้งแต่ยุคพาลีโอซีน, อีโอซีน และโอลิโกซีน ซึ่งสันนิษฐานว่า ปลาในวงศ์นี้ในสมัยนั้นพบกระจายอยู่ทั่วโลก แต่ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว 3 สกุล 7 ชนิด ได้แก่ สกุล Brychaetus 1 ชนิด, Joffrichthys 2 ชนิด และ Phareodus 4 ชนิด[1][2][3][4]

สามารถแบ่งวงศ์ปลาตะพัดออกได้เป็นวงศ์ย่อยอีก 2 วงศ์ คือ Heteroidinae มีลักษณะสำคัญคือ ไม่มีหนวดที่คาง มีก้านกระดูกแก้ม 10 หรือ 11 ก้าน โดยมีเพียง 2 ชนิดเท่านั้น และวงศ์ย่อย Osteoglossinae มีลักษณะสำคัญคือ มีหนวดที่ค่าง 1 คู่ และมีก้านกระดูก 10-17 ก้าน[5] ปัจจุบัน พบปลาในวงศ์ปลาตะพัดทั้งหมด 8 ชนิด ใน 4 สกุล โดยทั้ง 2 วงศ์ย่อยนี้ พบ 3 ชนิด ในทวีปอเมริกาใต้, 1 ชนิด ในทวีปแอฟริกา, 2 ชนิด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, 2 ชนิด ในทวีปออสเตรเลีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิดที่พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีหลากสายพันธุ์ลักษณะสีสันต่างกันไป ตามกรรมพันธุ์และสภาพที่อยู่อาศัย ตั้งแต่สีทองเข้ม ทองอ่อน เขียว แดงเข้ม แดงอ่อน หรือทองอ่อนหางเหลือง เป็นต้น

โดยปลาในวงศ์นี้เป็นปลาที่มักอาศัยและหากินบริเวณผิวน้ำ เป็นปลาที่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ในการหายใจ โดยดูดผ่านถุงลมที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย คล้ายกับปอดของสัตว์บกหรือมนุษย์[6]

ทั้งหมดนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม ที่มีราคาแพง สถานะในธรรมชาติจัดเป็นปลาใกล้สูญพันธุ์ แต่สามารถเพาะขยายพันธุ์ได้แล้วในปัจจุบัน โดยในประเทศไทยสามารถเพาะพันธุ์ปลาตะพัดได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 โดยสถานีประมงน้ำจืด จังหวัดสุราษฎร์ธานี

การจำแนก[แก้]

รูปภาพ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  • หนังสือคู่มือเลี้ยงปลาอะโรวาน่า โดย สุรศักดิ์ วงศ์กิตติเวชสกุล (พ.ศ. 2540) ISBN 974-86869-5-7
  1. name="frickhinger">Frickhinger, Karl Albert (1995). Fossil Atlas: Fishes. Trans. Dr. R.P.S. Jefferies. Blacksburg, Virginia: Tetra Press.
  2. Newbreya, M. G. (2000). "A New Species of Joffrichthys (Teleostei: Osteoglossidae) from the Sentinel Butte Formation, (Paleocene) of North Dakota, USA". Journal of Vertebrate Paleontology. 20 (1): 12–20. doi:10.1671/0272-4634(2000)020[0012:ANSOJT]2.0.CO;2. สืบค้นเมื่อ 2006-04-14. {{cite journal}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |coauthors= ถูกละเว้น แนะนำ (|author=) (help)
  3. Li et all1997 "The species of †Phareodus (Teleostei: Osteoglossidae) from the Eocene of North America and their phylogenetic relationships." Journal of Vertebrate Paleontology 17(3):487-505
  4. "กระทู้นี้มีสาระ !!! มาว่ากันด้วยสายพันธุ์ อโรวาน่า". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-10-12. สืบค้นเมื่อ 2010-07-14.
  5. หนังสือสาระน่ารู้ ปลาน้ำจืดไทย เล่ม ๑ โดย สมโภชน์ อัคคะทวีวัฒน์ พ.ศ. 2547 ISBN 974-00-8701-9
  6. Berra, Tim M. (2001). Freshwater Fish Distribution. San Diego: Academic Press. ISBN 0-12-093156-7.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]