ข้ามไปเนื้อหา

เกาหลีภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Korea under Japanese rule)
โชเซ็ง

朝鮮
Chōsen
일제강점기
Iljegangjeomgi
ค.ศ. 1910–1945
ตรารัฐบาลต่างพระองค์ของ
ตรารัฐบาลต่างพระองค์
คำขวัญ: เกาหลี: 광명천지, ญี่ปุ่น: 光明天地
"ให้แสงสว่างสาดส่องไปทั่วทั้งแดนดิน"
เกาหลี (สีแดงเข้ม) ภายในจักรวรรดิญี่ปุ่น (สีแดงอ่อน) ในระดับที่ไกลที่สุด
เกาหลี (สีแดงเข้ม) ภายในจักรวรรดิญี่ปุ่น (สีแดงอ่อน) ในระดับที่ไกลที่สุด
สถานะอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่น
เมืองหลวงเคโจ (กรุงฮันชอง)
ภาษาราชการภาษาญี่ปุ่น
ภาษาเกาหลี
การปกครองราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
จักรพรรดิ 
 2453–55
จักรพรรดิเมจิ
 2455–69
จักรพรรดิไทโช
 2469–88
จักรพรรดิโชวะ
ข้าหลวงต่างพระองค์ 
 2453–59
พลเอกเทราอูจิ มาซาตาเกะ
 2462–70, 2472–74
พลเอกไซโต มะโกโตะ
 2470, 2474–79
พลเอกคาซุชิเงะ อุงากิ
 2479–85
พลอากาศเอกจิโร มินามิ
 2485–87
คูนิอากิ โคอิโซะ
 2487–88
พลโทโนบูยูกิ อาเบะ
ยุคประวัติศาสตร์จักรวรรดิญี่ปุ่น
17 พฤศจิกายน 2448
29 สิงหาคม ค.ศ. 1910
 ญี่ปุ่นจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร
15 สิงหาคม 1945
 หลุดพ้นจากญี่ปุ่น
2 กันยายน พ.ศ. 2488
ประชากร
 2450
13,000,000
สกุลเงินเยนเกาหลี
ก่อนหน้า
ถัดไป
จักรวรรดิเกาหลี
สาธารณรัฐประชาชนเกาหลี
รัฐบาลทหารของกองทัพสหรัฐในเกาหลี
ฝ่ายบริหารพลเรือนโซเวียต
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเกาหลีเหนือ
เกาหลีใต้
a อย่างไม่เป็นทางการ    b 총리대신 (總理大臣) ภายหลังเปลี่ยนเป็น 의정대신 (議政大臣)

เกาหลีภายใต้การปกครองของมหาจักรวรรดิญี่ปุ่น หรือ เกาหลีของญี่ปุ่น หมายถึงช่วงเวลาที่แผ่นดินเกาหลีที่มีสถานะเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิญี่ปุ่นภายหลังการลงนามในสนธิสัญญาผนวกดินแดนญี่ปุ่น-เกาหลี ในปีค.ศ. 1910 และเป็นช่วงเวลาที่ระบอบกษัตริย์ถูกล้มล้างจากอำนาจทั้งปวง จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นมีสถานะเป็นพระประมุขแห่งเกาหลี และทรงตั้งรัฐบาลข้าหลวงใหญ่ขึ้นมาปกครองเกาหลี ซึ่งโดยส่วนมากจะให้ผู้บัญชากองทัพญี่ปุ่นในเกาหลีดำรงตำแหน่งนี้ โดยผลพวงจากการที่จักรวรรดิญี่ปุ่นได้ทำการยึดครองคาบสมุทรเกาหลีนั้น ส่งผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสื่อมลงระหว่างจักรวรรดิญี่ปุ่นและจักรวรรดิเกาหลี และผลพวงครั้งนั้นส่งผลมาจนถึงการแบ่งแยกเกาหลีออกเป็น 2 ประเทศ คือ ประเทศเกาหลีเหนือ และ ประเทศเกาหลีใต้ ทั้ง 2 ประเทศเคยมีความบาดหมางระหว่างกันกับประเทศญี่ปุ่นอยู่หลายครั้ง เช่น การที่ญี่ปุ่นเคยลุกล้ำอาณาเขตของเกาหลีเหนือ รวมถึงการสนับสนุนประเทศเกาหลีใต้ในการร่วมรบกับประเทศเกาหลีเหนือ เป็นต้น ทำให้เกาหลีเหนือตอบโต้ญี่ปุ่น โดยการจับชาวญี่ปุ่นไว้เป็นตัวประกัน ที่ในปัจจุบัน รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ได้มีการขอร้องให้ทางเกาหลีเหนือ ปล่อยตัวชาวญี่ปุ่นที่ถูกรัฐบาลเกาหลีเหนือจับไว้ คืนตัวให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น โดยการส่งสารผ่านตัว ประธานาธิบดี มุน แจ-อิน ที่มีกำหนดการเยือนเกาหลีเหนือ ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2561 เพื่อพบปะกับนาย คิม จ็อง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ แต่จนขณะนี้ยังไม่ได้การตอบรับจากทางรัฐบาลเกาหลีเหนือเลย ส่วนเกาหลีใต้นั้น มีความบาดหมางกับประเทศญี่ปุ่น เรื่องข้อพิพาษดินแดน เกาะด็อกโด ที่ในปัจจุบันเป็นเกาะภายใต้การปกครองของ จังหวัดคย็องซังเหนือ ประเทศเกาหลีใต้ แต่ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้อ้างสิทธิ์เหนือเกาะด็อกโต ว่าเป็นเกาะในเขตการปกครองของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งยังคงมีเหตุโต้แย้งเรื่องการพิพาศเกาะด็อกโต ระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้เกาหลีทั้งสองมีความบาดหมางระหว่างกันกับประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะๆ มาจนถึงปัจจุบัน

ญี่ปุ่นยึดพอร์ตอาเธอร์ได้ในที่สุดในพ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905)การชนะสงครามกับรัสเซียในครั้งนี้ ทำให้ญี่ปุ่นเป็นเจ้าแห่งเอเชียตะวันออก และสามารถขอการสนับสนุนจากชาติตะวันตกในการยึดครองเกาหลีได้ เช่น สหรัฐอเมริกายินยอมให้ญี่ปุ่นแผ่อิทธิพลสู่เกาหลีในข้อตกลงทาฟต์-คะสึระ จนบังคับเกาหลีลงนามใน สนธิสัญญาอึลซา ให้เกาหลีตกเป็นรัฐในอารักขาของจักรวรรดิญี่ปุ่น โดยมีเพียงรัฐมนตรีเกาหลีบางคนเท่านั้นที่ลงนามยอมรับ แต่ตัวจักรพรรดิควางมูเองมิได้ทรงลงนามด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เกาหลีก็ได้หมดสภาพในการติดต่อสัมพันธ์กับต้างประเทศ และการค้ากับต่างประเทศผ่านท่าเรือทุกแห่งญี่ปุ่นจะเข้าควบคุมดูแล รวมทั้งเข้ายึดครองระบบขนส่งและสื่อสารทั้งหมดของประเทศ

แต่จักรพรรดิควางมูก็ยังไม่ทรงหมดความหวัง โดยแอบส่งทูตไปยังการประชุมอนุสัญญากรุงเฮกในปีพ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากการกระทำของญี่ปุ่นในสภาโลก แต่บรรดามหาอำนาจทั้งหลายไม่ยอมรับเกาหลีเป็นรัฐเอกราช และไม่ยอมให้ผู้แทนเกาหลีเข้าร่วมการประชุม เมื่อญี่ปุ่นทราบเหตุการณ์จึงกล่าวโทษเกาหลีว่าละเมิดข้อสัญญาในสนธิสัญญาอึลซา จึงบังคับให้เกาหลีทำสนธิสัญญาญี่ปุ่น-เกาหลีฉบับที่ 3 ในปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) และให้จักรพรรดิควางมูสละบัลลังก์ให้พระโอรสขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิยุงฮึย ชาวญี่ปุ่นได้เข้าเป็นผู้บริหารประเทศ จักรพรรดิควางมูสิ้นพระชนม์ในปีเดียวกัน

จนในพ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) การลงนามในสนธิสัญญาผนวกดินแดนญี่ปุ่น-เกาหลี ทำให้ญี่ปุ่นเข้ายึดครองเกาหลีอย่างสมบูรณ์ ในสนธิสัญญามีตราตั้งพระราชลัญจกร แต่ไม่มีพระนามของจักรพรรดิยุงฮึย กลับมีลายมือชื่อของลีวานยง นายกรัฐมนตรีเกาหลีแทน ดังนั้นตลอดเวลาและหลังการยึดครองของญี่ปุ่น จึงมีคำถามโดยเฉพาะกับชาวเกาหลีว่าสนธิสัญญาฉบับนี้มีความถูกต้องมากเพียงใด ซึ่งแน่นอนว่าชาวเกาหลีในปัจจุบันจะต้องไม่ยอมรับสัญญาฉบับนี้ และประกาศให้สัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะในพ.ศ. 2548 แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เกาหลีก็ตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นไป 30 กว่าปี จนกระทั่งญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง เกาหลีจึงถูกแบ่งเป็นเหนือและใต้