อี.ที. ดิเอกซ์ตราเทอร์เรสเทรียล (วิดีโอเกม)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก E.T. the Extra-Terrestrial (วิดีโอเกม))
อี.ที. ดิเอกซ์ตราเทอร์เรสเทรียล
Artwork of a grey, vertical rectangular box. The top half reads "Atari 2600. E.T.* The Extra-Terrestrial". The bottom half displays a drawn image of a brown alien with a large head and long neck beside a young boy in a red, hooded jacket.
ปกบรรจุตลับเกม อี.ที. ดิเอกซ์ตราเทอร์เรสเทรียล
ผู้พัฒนาอาตาริอิงค์
ผู้จัดจำหน่ายอาตาริอิงค์
ออกแบบHoward Scott Warshaw
เครื่องเล่นอาตาริ 2600
วางจำหน่าย
  • NA: ธันวาคม 1982[1]
แนวผจญภัย
รูปแบบผู้เล่นคนเดียว

อี.ที. ดิเอกซ์ตราเทอร์เรสเทรียล (อังกฤษ: E.T. the Extra-Terrestrial เรียกอีกอย่างว่า E.T. ) เป็นวิดีโอเกมแนวผจญภัยในปี 1982 ที่พัฒนาและเผยแพร่โดย อาตาริอิงค์ สำหรับเครื่องเล่นเกมคอนโซล อาตาริ 2600 โดยได้เค้าโครงจากภาพยนตร์ชื่อเดียวกันและได้รับการออกแบบโดย Howard Scott Warshaw วัตถุประสงค์ของเกมคือการแนะนำตัวละครตัวนี้ผ่านหน้าจอแบบลูกบาศก์[2] เพื่อเก็บชิ้นส่วนของโทรศัพท์นพเคราะห์ สามชิ้น ซึ่งจะส่งสัญญาณวิทยุกลับไปในอวกาศ เพื่อแจ้งให้ยานแม่กลับมารับ

Warshaw ตั้งใจพัฒนาเกมที่จะปรับให้คล้ายกับภาพยนตร์และบริษัทอาตาริ คิดว่ามันจะเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายที่สูงขึ้น เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นที่นิยมอย่างมากในสมัยนั้น การเจรจาเพื่อรักษาสิทธิที่จะพัฒนาเกมจบลงในปลายเดือนกรกฎาคม 1982 โดยที่ Warshaw ใช้เวลาเพียงแค่ 5 สัปดาห์ในการพัฒนาเกม[3] เพื่อให้วางจำหน่ายทันช่วงเทศกาลคริสต์มาส 1982 หลังปล่อยตัวเกมครั้งสุดท้าย เกมต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก E.T. มักถูกอ้างถึงว่าเป็นหนึ่งในเกมวิดีโอที่เลวร้ายที่สุดตลอดกาลและเป็นหนึ่งในความล้มเหลวในเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วิดีโอเกม อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับเหตุผลและยังถือว่าเป็นหนึ่งในเกมที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของวิดีโอเกม โดยเกมถูกโยงว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยต้น ๆ ที่นำมาสู่วิกฤตการณ์อุตสาหกรรมวิดีโอเกมในปี 1983 และได้รับการอ้างถึงบ่อยครั้ง และ เย้ยหยันในวัฒนธรรมสมัยนิยม ซึ่งจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องเตือนเกี่ยวกับอันตรายของการพัฒนาเกมที่เร็วเกินไปและการเร่งสตูดิโอที่มากเกินเหตุ

มีรายงานในปี 1983 ที่มีการเปิดเผยเป็นตำนานเมืองว่าผลที่ตามมาของการผลิตตลับเกมที่มากเกินไปและการส่งคืนตลับเกมที่ขายไม่ออกนับล้านตลับ ทำให้ตลับเกมทั้งหมดได้ถูกฝังอยู่ในหลุมฝังกลบของเมืองแอละโมกอร์โด รัฐนิวเม็กซิโก ในปี 2013 ได้มีแผนดำเนินการขุดค้นเพื่อตรวจสอบความจริงของรายงานเกี่ยวกับการฝังกลบ[4] กระทั่งในเดือนเมษายน 2014 ผู้ขุดค้นยืนยันว่าเรื่องการฝังตลับเกมที่แอละโมกอร์โดเป็นเรื่องจริง นอกเหนือจากเกม E.T. แล้วยังได้ขุดพบตลับเกมอื่น ๆ อีกด้วย[5][6] โดยเจมส์ เฮลเลอร์ อดีตผู้จัดการของอาตาริ ผู้รับผิดชอบต่อการฝังตลับเกมได้เปิดเผยกับสำนักข่าว AP ว่ามีตลับเกมจำนวน 728,000 ตลับถูกฝังอยู่

อ้างอิง[แก้]

  1. "E.T.™ NEEDS YOUR HELP!". AtariAge. Atari Age. สืบค้นเมื่อ March 2, 2014.
  2. "The Cube World of E.T. The Extra-Terrestrial for the Atari 2600". YouTube. Replayability. สืบค้นเมื่อ July 4, 2017.
  3. "DP Interviews". Digitpress.com. สืบค้นเมื่อ March 6, 2014.
  4. "Alamogordo approves Atari excavation". ALAMOGORDO, N.M. (KRQE). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ พฤษภาคม 30, 2013. สืบค้นเมื่อ มิถุนายน 2, 2013.
  5. Schreier, Jason. "E.T. Found In New Mexico Landfill". Kotaku. สืบค้นเมื่อ February 4, 2015.
  6. Llorca, Juan Carlos (September 28, 1983). "Diggers Find Atari's E.T. Games in Landfill". ABC News. สืบค้นเมื่อ April 26, 2014.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]