ข้ามไปเนื้อหา

Archaeognatha

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Archaeognatha
ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: Devonian–Recent[1]: 320 
Rock bristletail
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ แก้ไขการจำแนกนี้
โดเมน: ยูแคริโอตา
Eukaryota
อาณาจักร: สัตว์
Animalia
ไฟลัม: สัตว์ขาปล้อง
Arthropod
ชั้น: แมลง
Insecta
ชั้นย่อย: Monocondylia

Haeckel, 1866
อันดับ: Archaeognatha

Börner, 1904
สปีชีส์: Archaeognatha
ชื่อทวินาม
Archaeognatha
Börner, 1904
Families[2]
ชื่อพ้อง
  • Microcoryphia (Verhoeff 1904)
  • Trinemura (Crampton 1916)
  • Protothysanura (Crampton 1924 non Smith 1897)

Archaeognatha (Archaeognatha) เป็นอันดับของแมลงไม่มีปีก (apterygote) ซึ่งมีชื่อเรียกในชื่อสามัญต่าง ๆ เช่น จั๊มปิงบริสเทิลเทล (jumping bristletails) ในบรรดากลุ่มแมลง ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ พวกมันเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีลักษณะดึกดำบรรพ์ที่สุดในเชิงวิวัฒนาการ โดยปรากฏขึ้นในช่วงดีโวเนียนตอนกลาง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อะแรคนิดถือกำเนิดขึ้น มีการค้นพบตัวอย่างที่มีลักษณะใกล้เคียงกับสปีชีส์ในปัจจุบันทั้งในรูปของฟอสซิลร่องรอยและฟอสซิลร่างกาย (ฟอสซิลร่องรอยรวมถึงรอยพิมพ์ของร่างกายและร่องรอยการเคลื่อนที่) ในชั้นหินของช่วงมหายุคพาลีโอโซอิกและช่วงเวลาต่อ ๆ มา[3] ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ อันดับนี้ยังมีอีกชื่อหนึ่งคือ ไมโครโคไรเฟีย (Microcoryphia)[4]

จนถึงช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 ไซเจนโตมาและอาร์คีออกนาธาเคยถูกจัดให้อยู่ในอันดับไทซานูรา ซึ่งแมลงทั้งสองกลุ่มมีหางสามแฉกที่ประกอบด้วยเซอร์ซีด้านข้างสองข้างและเอพิพรอค (epiproct) หรือ แอพเพนดิกซ์ดอร์ซาลิส (appendix dorsalis) ตรงกลาง โดยในแมลงกลุ่มอาร์คีออกนาธา แอพเพนดิกซ์ดอร์ซาลิสจะยาวกว่าเซอร์ซีทั้งสองข้างอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่แมลงในอันดับไซเจนโตมาจะมีความยาวของอวัยวะทั้งสามส่วนใกล้เคียงกัน[4] ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 นักอนุกรมวิธานได้ค้นพบว่าอันดับไทซานูราเป็นกลุ่มพาราไฟเลติก ดังนั้นไซเจนโตมาและอาร์คีออกนาธาจึงถูกแยกออกเป็นสองอันดับที่เป็นมอโนไฟเลติก โดยที่อาร์คีออกนาธามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ Dicondylia ซึ่งรวมถึงไซเจนโตมา[5]

อันดับอาร์คีออกนาธามีการแพร่กระจายทั่วโลก โดยมีประมาณ 500 สปีชีส์ใน 2 วงศ์[6] ปัจจุบันยังไม่มีสปีชีส์ใดที่ถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์[7]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Howell V. Daly; John T. Doyen & Alexander H. Purcell (1998). Introduction to Insect Biology and Diversity (2nd ed.). Oxford University Press. ISBN 0-19-510033-6.
  2. "Order Archaeognatha Börner 1904". The Paleobiology Database. สืบค้นเมื่อ 26 November 2020.
  3. Patrick R. Getty; Robert Sproule; David L. Wagner & Andrew M. Bush (2013). "Variation in wingless insect trace fossils: insights from neoichnology and the Pennsylvanian of Massachusetts". PALAIOS. 28 (4): 243–258. Bibcode:2013Palai..28..243G. doi:10.2110/palo.2012.p12-108r. S2CID 86430759.
  4. 4.0 4.1 Timothy J. Gibb (27 October 2014). Contemporary Insect Diagnostics: The Art and Science of Practical Entomology. Academic Press. pp. 78–. ISBN 978-0-12-404692-4.
  5. A. Blanke, M. Koch, B. Wipfler, F. Wilde, B. Misof (2014) Head morphology of Tricholepidion gertschi indicates monophyletic Zygentoma. Frontiers in Zoology 11:16 doi:10.1186/1742-9994-11-16
  6. Barnard, Peter C. (19 September 2011). The Royal Entomological Society Book of British Insects. John Wiley & Sons. ISBN 9781444344967.
  7. NC State University, ENT 425 | General Entomology | Resource Library | Compendium [Archeognatha]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]