ข้ามไปเนื้อหา

3เอ็ม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
3เอ็ม คอมปานี
ชื่อเดิมบริษัทเหมืองแร่และการผลิตมินนิโซตา (1902–2002)
ประเภทมหาชน
การซื้อขาย
ISIN[https://isin.toolforge.org/?language=en&isin=US88579Y1010 US88579Y1010]
อุตสาหกรรมพหุอุตสาหกรรม
ก่อตั้ง13 มิถุนายน 1902; 123 ปีก่อน (1902-06-13) ในทูฮาร์เบอส์ รัฐมินนิโซตา สหรัฐ[1]
ผู้ก่อตั้ง
  • เจ. แดนลีย์ บัดด์
  • เฮนรี เอส. ไบรอัน
  • วิลเลียม เอ. แมกโกนาเกิล
  • จอห์น ดวาน
  • เฮอร์มอน ดับเบิลยู. เคเบิล
  • ชาลส์ ซิมมอนส์[2]
สำนักงานใหญ่
สหรัฐ
พื้นที่ให้บริการทั่วโลก
บุคลากรหลัก
รายได้ลดลง US$24.58 พันล้าน (2024)
รายได้จากการดำเนินงาน
เพิ่มขึ้น US$4.822 พันล้าน (2024)
รายได้สุทธิ
เพิ่มขึ้น US$4.173 พันล้าน (2024)
สินทรัพย์ลดลง US$39.87 พันล้าน (2024)
ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง US$3.842 พันล้าน (2024)
พนักงาน
ป. 61,500 (2024)
เว็บไซต์3m.com
เชิงอรรถ / อ้างอิง
[4]

3เอ็ม คอมปานี (อังกฤษ: 3M Company) เดิมชื่อ บริษัทเหมืองแร่และการผลิตมินนิโซตา (อังกฤษ: Minnesota Mining and Manufacturing Company) เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจหลายประเภทรวมกันข้ามชาติสัญชาติอเมริกันที่ดำเนินงานในด้านอุตสาหกรรม ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน และสินค้าอุปโภคบริโภค[5] มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมเปิลวูด เขตชานเมืองของเซนต์พอล รัฐมินนิโซตา[6] บริษัทผลิตสินค้ากว่า 60,000 รายการ[7] รวมถึงวัสดุประสาน สารกัดกร่อน ลามิเนต ระบบป้องกันอัคคีภัยเชิงรับ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ฟิล์มหน้าต่าง ฟิล์มกันรอยสีรถยนต์ วัสดุเชื่อมติดและฉนวนไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์[8] วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และฟิล์มแสง[9] ในบรรดาตราสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นที่รู้จักดีที่สุด ได้แก่ สก๊อตช์เทป สก๊อตช์การ์ด ผลิตภัณฑ์เคลือบป้องกันพื้นผิว โพสต์-อิทโน้ต และผ้าพันแผลแบบมีกาวในตัวเน็กซ์แคร์ สัญลักษณ์ซื้อขายหุ้นของ 3เอ็มคือ MMM และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE), ตลาดหลักทรัพย์ชิคาโก และตลาดหลักทรัพย์ SIX สวิส

3เอ็มทำยอดขายรวม 35,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน ค.ศ. 2021 และได้รับการจัดอันดับที่ 102 ในรายชื่อ Fortune 500 ของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐตามรายได้รวม[10] ข้อมูลเมื่อ 2021 บริษัทมีพนักงานประมาณ 95,000 คนและมีการดำเนินงานในกว่า 70 ประเทศ[11] บริษัทย่อยระหว่างประเทศหลายแห่ง เช่น 3เอ็ม อินเดีย 3เอ็ม ญี่ปุ่น และ 3เอ็ม แคนาดา[12]

ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2023 3เอ็มบรรลุข้อตกลงจ่ายเงินกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่ระบบน้ำสาธารณะของสหรัฐเพื่อยุติข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการปนเปื้อนน้ำด้วยสาร PFASs (หรือที่เรียกว่าสารเคมีชั่วนิรันดร์) ของบริษัท[13] มีการเปิดเผยว่าบริษัททราบถึงอันตรายต่อสุขภาพของสาร PFAS ในช่วงทศวรรษ 1990 แต่กลับปกปิดอันตรายเหล่านี้และยังคงขายผลิตภัณฑ์ที่ปนเปื้อนต่อไป[14][15]

ประวัติศาสตร์

[แก้]

นักธุรกิจห้าคนก่อตั้งบริษัทเหมืองแร่และการผลิตมินนิโซตา (Minnesota Mining and Manufacturing Company) ในฐานะกิจการเหมืองแร่ในทูฮาร์เบอส์ รัฐมินนิโซตา โดยทำการขายครั้งแรกเมื่อ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1902[1] เป้าหมายคือการทำเหมืองแร่กะรุน ผลึกรูปหนึ่งของอะลูมิเนียมออกไซด์ แต่ล้มเหลวเนื่องจากแหล่งแร่ของเหมืองเป็นแอนออร์โทไซต์ เฟลด์สปาร์ที่ไม่มีมูลค่าเชิงพาณิชย์ จอห์น ดวาน ผู้ร่วมก่อตั้งได้ระดมทุนโดยแลกกับหุ้นและเอ็ดการ์ โอเบอร์และลูเซียส ออร์ดเวย์เข้ามาบริหารบริษัทใน ค.ศ. 1905 บริษัทย้ายไปดุลูทและเริ่มทำการวิจัยและผลิตผลิตภัณฑ์กระดาษทราย วิลเลียม แอล. แม็กไนต์ ต่อมาเป็นผู้บริหารคนสำคัญ เข้าร่วมบริษัทใน ค.ศ. 1907 และเอ. จี. บุช เข้าร่วมใน ค.ศ. 1909 ในที่สุด 3เอ็มก็มีฐานะทางการเงินมั่นคงใน ค.ศ. 1916 และสามารถจ่ายเงินปันผลได้[16]

บริษัทย้ายไปที่เซนต์พอลใน ค.ศ. 1910 ซึ่งอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 52 ปีก่อนจะขยายใหญ่เกินกว่าพื้นที่เดิมและย้ายไปยังสำนักงานใหญ่ปัจจุบันที่ 3เอ็มเซ็นเตอร์ (3M Center) ในเมเปิลวูด รัฐมินนิโซตา ใน ค.ศ. 1962[17]

อาคารสำนักงานจอห์น ดวาน ที่ซึ่งเป็นสถานที่ก่อตั้ง 3เอ็ม ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์

ใน ค.ศ. 1947 3เอ็มเริ่มผลิตกรดเพอร์ฟลูออโรออกทาโนอิก (PFOA) สารลดแรงตึงผิวทางอุตสาหกรรมและสารตั้งต้นทางเคมี โดยกระบวนการฟลูออไรเนชันด้วยไฟฟ้าเคมี[18] ใน ค.ศ. 1951 ดูปองท์ซื้อ PFOA จากบริษัทเหมืองแร่และการผลิตมินนิโซตาเพื่อใช้ในการผลิตเทฟลอน ผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกำไรให้กับดูปองท์ถึงพันล้านดอลลาร์ต่อปีภายในทศวรรษ 1990[19] ดูปองท์เรียก PFOA ว่า C8[20] สูตรดั้งเดิมของสก๊อตช์การ์ด สารกันน้ำที่ใช้กับผ้า ถูกค้นพบโดยบังเอิญใน ค.ศ. 1952 โดยนักเคมีของ 3เอ็ม แพตซี เชอร์แมน และซามูเอล สมิท เริ่มจำหน่ายใน ค.ศ. 1956 และใน ค.ศ. 1973 นักเคมีทั้งสองได้รับสิทธิบัตรสำหรับสูตรดังกล่าว[21][22]

ในช่วงปลายทศวรรษ 1950 3เอ็มผลิตเครื่องพ่นยาสำหรับโรคหืดเป็นครั้งแรก[23] แต่บริษัทไม่ได้เข้าสู่อุตสาหกรรมยาจนกระทั่งช่วงกลางทศวรรษ 1960 ด้วยการเข้าซื้อกิจการของไรเกอร์ลาบอเรทอรีส์ (Riker Laboratories) และย้ายบริษัทจากแคลิฟอร์เนียไปยังมินนิโซตา[24] 3เอ็มยังคงใช้ชื่อไรเกอร์ลาบอเรทอรีส์เป็นชื่อของบริษัทในเครืออย่างน้อยจนถึง ค.ศ. 1985[25] ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 3เอ็ม ฟาร์มาซูติคอลส์ (3M Pharmaceuticals) ชื่อแผนกในขณะนั้น ผลิตเครื่องพ่นยาสำหรับโรคหืดที่ปราศจากสาร CFC เป็นครั้งแรกเพื่อตอบสนองต่อการรับรองพิธีสารมอนทรีออลโดยสหรัฐ[26][27] ในช่วงทศวรรษ 1980 และ 1990 บริษัทใช้เวลาสิบห้าปีในการพัฒนาเทคโนโลยีการนำส่งยาในรูปแบบครีมทาเฉพาะที่ซึ่งนำไปสู่การอนุมัติจากหน่วยงานด้านสุขภาพและการวางจำหน่ายยารักษาหูดหงอนไก่ตามอาการชื่ออัลเดรา (Aldara) ใน ค.ศ. 1997[28][29] 3เอ็มขายธุรกิจยาของตนเองออกไปผ่านข้อตกลงสามครั้งใน ค.ศ. 2006 โดยมีมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[30][31] ขณะนั้น 3เอ็ม ฟาร์มาซูติคอลส์มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 20 ของธุรกิจด้านสุขภาพของ 3เอ็มและมีพนักงานกว่าหนึ่งพันคน[30]

ในช่วงทศวรรษ 1970 3เอ็มพัฒนาสูตรเลือดปลอมสำหรับการแสดงโดยมีส่วนประกอบหลักคือเม็ดพลาสติกกลมขนาดเล็กสีแดงที่ไม่ซีดจางลอยอยู่ในของเหลวที่เป็นตัวพา[32] เลือดปลอมสำหรับการแสดงนี้ถูกจำหน่ายภายใต้ชื่อเน็กซ์เทลซิมูเลเต็ดบลัด (Nextel Simulated Blood)[32][33] และถูกนำมาใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Dawn of the Dead ใน ค.ศ. 1978[34] ผลิตภัณฑ์นี้ถูกยกเลิกการผลิตไปแล้ว[33]

ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 3เอ็ม มินคอม (3M Mincom) เข้าไปมีส่วนร่วมในการบันทึกเสียงดิจิทัลครั้งแรก ๆ ที่มีการวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์เมื่อเครื่องต้นแบบถูกนำไปยังสตูดิโอ Sound 80 ในมินนีแอโพลิส ใน ค.ศ. 1979 3เอ็มเปิดตัวระบบบันทึกเสียงดิจิทัลที่เรียกว่า "ระบบมาสเตอร์เสียงดิจิตอล 3เอ็ม" (3M Digital Audio Mastering System)[35]

ใน ค.ศ. 1977 3เอ็มเปิดตัว "เพรสเอ็นพีล " (Press 'n Peel) ซึ่งเป็นคั่นหน้าแบบมีกาวในร้านค้าในสี่เมือง แต่ผลลัพธ์น่าผิดหวัง[36][37] หนึ่งปีต่อมา 3เอ็มเปลี่ยนไปแจกตัวอย่างฟรีของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในรูปแบบของกระดาษโน้ตมีกาวโดยตรงให้กับผู้บริโภคในบอยซี รัฐไอดาโฮ โดยร้อยละ 95 ของผู้ที่ทดลองใช้ระบุว่าพวกเขาจะซื้อผลิตภัณฑ์นี้[36] ผลิตภัณฑ์นี้ถูกจำหน่ายในชื่อ "โพสต์-อิท" (Post-Its) ใน ค.ศ. 1979 เมื่อเริ่มเปิดตัว[38] และวางจำหน่ายทั่วสหรัฐ[38] ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1980[39] ในปีถัดมา ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเปิดตัวในแคนาดาและยุโรป[40]

ใน ค.ศ. 1980 บริษัทเข้าซื้อกิจการของคอมทัล (Comtal) ผู้ผลิตเครื่องประมวลผลภาพดิจิทัล[41]

ศตวรรษที่ 21

[แก้]

วันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2002 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 100 ปีของ 3เอ็ม บริษัทได้เปลี่ยนชื่อทางกฎหมายเป็น "3เอ็ม คอมปานี" (3M Company)[42][43] วันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 2008 3เอ็มประกาศความตกลงเพื่อซื้อกิจการเมกไกวส์ (Meguiar's) บริษัทผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ที่ดำเนินธุรกิจโดยครอบครัวมานานกว่าศตวรรษ[44] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ 2010 3เอ็มซื้อกิจการโคเจนท์ซิสเต็มส์ (Cogent Systems) เป็นเงิน 943 ล้านดอลลาร์[45] และเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2010 3เอ็มเข้าซื้อกิจการแอริแซนต์ อิงก์ (Arizant Inc.) เสร็จสมบูรณ์[46] ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2011 3เอ็มเข้าซื้อกิจการวินเทอร์เธอร์ เทคโนโลยี กรุป (Winterthur Technology Group) บริษัทผลิตภัณฑ์ขัดผิวแบบมีตัวประสานเสร็จสมบูรณ์

ใน ค.ศ. 2011 3เอ็มสร้างคลาวด์ไลบรารี (CloudLibrary) ขึ้นมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยธุรกิจระบบห้องสมุดเพื่อแข่งขันกับโอเวอร์ไดรฟ์ อิงก์ (OverDrive, Inc.) ใน ค.ศ. 2015 3เอ็มขายส่วนธุรกิจในอเมริกาเหนือให้กับบิบลิโอเทคา กรุป เกเอ็มเบฮา (Bibliotheca Group GmbH) บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 2011 และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากวัน อิควิตี พาร์ทเนอส์ แคปิตอล แอดไวเซอส์ (One Equity Partners Capital Advisors) แผนกหนึ่งของเจพีมอร์แกนเชส (JP Morgan Chase)[47][48]

ณ ค.ศ. 2012 3เอ็มเป็นหนึ่งใน 30 บริษัทที่รวมอยู่ในดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ โดยถูกเพิ่มเข้าไปเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1976 และอยู่ในอันดับที่ 97 ของรายชื่อ ฟอร์จูน 500 ประจำปี 2011[49] วันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 2012 มีการประกาศว่าแผนกผลิตภัณฑ์สำนักงานและผู้บริโภคของเอเวอรี เดนนิสัน (Avery Dennison) กำลังถูกซื้อโดย 3เอ็มด้วยมูลค่า 550 ล้านดอลลาร์[50] ธุรกรรมดังกล่าวถูกยกเลิกโดย 3เอ็มในเดือนกันยายน ค.ศ. 2012 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับกฎหมายต่อต้านการผูกขาด[51]

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2013 3เอ็มขายธุรกิจไซเอินทิฟิกแองเกลอส์ (Scientific Anglers) และรอสส์รีลส์ (Ross Reels) ให้กับออร์วิส (Orvis) โดยที่ 3เอ็มได้เข้าซื้อกิจการรอสส์รีลส์มาก่อนหน้านี้ใน ค.ศ. 2010[52]

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2017 3เอ็มซื้อธุรกิจอุปกรณ์ความปลอดภัยของบมจ.จอห์นสัน คอนโทรลส์ อินเตอร์เนชันแนล (Johnson Controls International Plc) ซึ่งก็คือสกอตต์ เซฟตี (Scott Safety) เป็นมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์[53]

ใน ค.ศ. 2017 3เอ็มมียอดขายสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 31,657 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 30,109 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว[54] ใน ค.ศ. 2018 มีรายงานว่าบริษัทจะจ่ายเงิน 850 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีมลพิษทางน้ำในรัฐมินนิโซตาที่เกี่ยวข้องกับสารเพอร์ฟลูออโรคาร์บอน[55]

วันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ 2018 คณะกรรมการบริษัทแต่งตั้งไมเคิล เอฟ. โรมันเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร[56] วันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2018 3เอ็มประกาศว่าได้เข้าทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายเพื่อซื้อธุรกิจเทคโนโลยีของเอ็ม*โมดอล (M*Modal)ด้วยมูลค่ารวมของกิจการ 1,000 ล้านดอลลาร์[57]

ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2019 3เอ็มซื้อบริษัทแอสเซลิที (Acelity) และบริษัทย่อยเคซีไอ (KCI) ของแอสเซลิทีเป็นมูลค่า 6,700 พันล้านดอลลาร์ รวมถึงการรับภาระหนี้สินและการปรับปรุงอื่น ๆ[58]

วันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2020 3เอ็มขายธุรกิจส่วนใหญ่ของตนที่เกี่ยวกับการนำส่งยาให้แก่บริษัทในเครือของบจ.อัลทาริส แคปิตอล พาร์ทเนอส์ (Altaris Capital Partners, LLC.) เป็นมูลค่าโดยประมาณ 650 ล้านดอลลาร์ รวมถึงสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 17 ในบริษัทดำเนินการใหม่ที่มีชื่อว่าคินดีวา ดรัก เดลิเวอรี (Kindeva Drug Delivery)[59]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2021 3เอ็มประกาศว่าจะควบรวมธุรกิจด้านความปลอดภัยอาหารเข้ากับนีโอเจน (Neogen) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทดสอบอาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสัตว์[60] ความตกลงนี้มีมูลค่าองค์กรประมาณ 5,300 ล้านดอลลาร์[60] และดำเนินการเสร็จสิ้นในเดือนกันยายน ค.ศ. 2022[61]

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2022 บริษัทประกาศว่าจะแยกธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพออกไปเพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ที่เป็นอิสระ โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จใน ค.ศ. 2023[62] 3เอ็มจะยังคงถือหุ้นในบริษัทดูแลสุขภาพที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่นี้เป็นจำนวนร้อยละ 19.9 และจะค่อย ๆ ขายหุ้นที่ถืออยู่นั้นออกไป[62][63] บริษัทใหม่นี้จะถูกเรียกว่าโซลเวนตัมคอร์ปอเรชัน (Solventum Corporation)[64]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2022 บริษัทประกาศแผนหยุดการผลิตและการใช้สารเคมีที่เรียกว่าสารเคมีชั่วนิรันดร์ (เพอร์และโพลีฟลูออโรอัลคิล[65]) ซึ่งมีการใช้กันทั่วไปในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร โทรศัพท์มือถือ กระทะเคลือบสารกันติด โฟมดับเพลิง และเสื้อผ้า สารเคมีเหล่านี้เป็นที่ทราบกันดีในคุณสมบัติกันน้ำและไม่ติด แต่ก็เป็นสารมลพิษที่เป็นอันตรายซึ่งเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพร้ายแรง รวมถึงโรคลำไส้ใหญ่อักเสบและมะเร็ง[66][67] การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์และสหรัฐกำลังพิจารณาการดำเนินการทางกฎหมายต่อ 3เอ็ม[68][69]

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2024 3เอ็มประกาศแต่งตั้งวิลเลียม "บิล" บราวน์เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2024 ไมเคิล โรมัน จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารต่อไป บราวน์ วัย 61 ปี เป็นอดีตประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบมจ.แอลทรีแฮร์ริส เทคโนโลจีส์ (L3Harris Technologies)[70]

ผลิตภัณฑ์และสิทธิบัตร

[แก้]

ณ ค.ศ. 2019 3เอ็มผลิตผลิตภัณฑ์ประมาณ 60,000 รายการ[71] และมีกลุ่มธุรกิจหลักสี่กลุ่มที่มุ่งเน้นด้านความปลอดภัยและอุตสาหกรรม การขนส่งและอิเล็กทรอนิกส์ การดูแลสุขภาพ และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค[72] 3เอ็มจดสิทธิบัตรฉบับแรกใน ค.ศ. 1924 และได้รับสิทธิบัตรใหม่ประมาณ 3,000 ฉบับต่อปี บริษัทมีสิทธิบัตรสะสมเกิน 100,000 ฉบับใน ค.ศ. 2014[73]

ประวัติด้านสิ่งแวดล้อม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 "3M Birthplace Museum", Lake County Historical Society
  2. "It all started with a rock". 3M Australia. June 11, 2021. สืบค้นเมื่อ March 9, 2022.
  3. "3M appoints new CEO", Manufacturing Dive, March 12, 2024
  4. "3M Company 2024 Annual Report". SEC.gov. U.S. Securities and Exchange Commission. February 5, 2025.
  5. "3M Company Profile". Vault.com. สืบค้นเมื่อ July 17, 2018.
  6. "3M Center, Maplewood 55144 – Google Maps". Google Maps. สืบค้นเมื่อ July 14, 2013.
  7. Chamaria, Neha (October 24, 2018). "Why 3M Company Finds It Hard to Keep Up With Investor Expectations". The Motley Fool. สืบค้นเมื่อ October 10, 2019.
  8. "3M U.S.: Health Care". Solutions.3m.com. สืบค้นเมื่อ March 29, 2012.
  9. "Who We Are – 3M US Company Information". Solutions.3m.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 13, 2008. สืบค้นเมื่อ July 14, 2013.
  10. "Fortune 500: 3M". Fortune. สืบค้นเมื่อ September 20, 2022.
  11. "3M Company 2021 Annual Report". SEC.gov. U.S. Securities and Exchange Commission. February 9, 2021.
  12. "3M Company and Consolidated Subsidiaries (Parent and Subsidiaries) as of December 31, 2016". U.S. Securities and Exchange Commission.
  13. "3M pays $10.3bn to settle water pollution suit over 'forever chemicals'". The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2023-06-22. ISSN 0261-3077.
  14. Sakaguchi, Sharon; Lerner, Haruka (2024-05-20). "Toxic Gaslighting: How 3M Executives Convinced a Scientist the Forever Chemicals She Found in Human Blood Were Safe". ProPublica (ภาษาอังกฤษ).
  15. Lerner, Sharon (2024-05-20). "How 3M Discovered, Then Concealed, the Dangers of Forever Chemicals". The New Yorker (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0028-792X.
  16. "3M". Company Profiles for Students. Gale. 1999. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 18, 2013. สืบค้นเมื่อ October 4, 2012.
  17. "900 Bush Avenue: The House that Research Built: Early Years in Saint Paul". Saint Paul Historical. Historic Saint Paul. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 1, 2017. สืบค้นเมื่อ February 27, 2017.
  18. Prevedouros, Konstaninos; Cousins, Ian T.; Buck, Robert C.; Korzeniowski, Stephen H. (January 2006). "Sources, Fate and Transport of Perfluorocarboxylates". Environmental Science & Technology. 40 (1): 32–44. Bibcode:2006EnST...40...32P. doi:10.1021/es0512475. PMID 16433330.
  19. Rich, Nathaniel (January 6, 2016). "The Lawyer Who Became DuPont's Worst Nightmare". The New York Times. สืบค้นเมื่อ January 8, 2016.
  20. Emmett, Edward; Shofer, Frances; Zhang, Hong; Freeman, David; Desai, Chintan; Shaw, Leslie (August 2006). "Community exposure to Perfluorooctanoate: Relationships Between Serum Concentrations and Exposure Sources". Journal of Occupational and Environmental Medicine. 48 (8): 759–70. doi:10.1097/01.jom.0000232486.07658.74. PMC 3038253. PMID 16902368.
  21. U.S. Patent 3,574,791
  22. "Scotchgard vs Scotchguarding". Stain Protection Services (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2021-12-17. สืบค้นเมื่อ 2023-06-01.
  23. "Inhalers become environmentally friendly". The StarPhoenix. Saskatoon, Saskatchewan. Canadian Press. February 3, 1998. p. D3 – โดยทาง Newspapers.com.
  24. Rainsford, K. D. (2005). "The discovery, development and novel actions of nimesulide". ใน Rainsford, K. D. (บ.ก.). Nimesulide: Actions and Uses. Basel: Birkhäuser Verlag. p. 4. ISBN 978-3-7643-7068-8 – โดยทาง Google Books (Preview).
  25. Slovut, Gordon (November 19, 1985). "Space Drug". Minneapolis Star and Tribune. pp. 1A, 11A – โดยทาง Newspapers.com.
  26. Staff (October 12, 1996). "3M urges closer look at inhalers". Kenosha News. p. C6 – โดยทาง Newspapers.com.
  27. Anderson, Jack; Moller, Jan (January 12, 1998). "Airing out the EPA, 3M inhaler scam". The Daily Chronicle (Opinion). DeKalb, Illinois. p. 4 – โดยทาง Newspapers.com.
  28. "3M gets approval for warts treatment". La Crosse Tribune. Associated Press. March 4, 1997. p. B3 – โดยทาง Newspapers.com.
  29. Hill, Charles W. L.; Jones, Gareth R.; Schilling, Melissa A. (2015). Strategic Management: Theory & Cases: An Integrated Approach (11th ed.). Stamford, Connecticut: Cengage Learning. p. C-322. ISBN 978-1-285-18448-7 – โดยทาง Google Books (Preview).
  30. 30.0 30.1 "Drug units to fetch 3M $2.1 billion". The Philadelphia Inquirer (City ed.). Associated Press. November 10, 2006. p. D2 – โดยทาง Newspapers.com.
  31. "Graceway Inc. acquires 3M's branded pharmaceuticals in $875 million deal". Johnson City Press. NET News Service. November 10, 2006. p. 7C – โดยทาง Newspapers.com.
  32. 32.0 32.1 Theatre Crafts, Volume 23, Issues 1-5. Rodale Press. 1989. p. 12. สืบค้นเมื่อ September 15, 2020. Schaefer Applied Technology of Norwood, Massachusetts, has put Nextel Brand Simulated Blood back on the market. This stage blood developed by 3M, is based on colorfast red microbeads suspended in a carrier liquid, and contains no dyes, detergents, or sugar syrup, and will not cause staining or damage to existing dyes.
  33. 33.0 33.1 @3M (May 31, 2019). "Hi there – Thank you for reaching out! Unfortunately, Nextel simulated blood has pulled a permanent vanishing act. We're sorry to disappoint; hope there's no bad blood between us" (ทวีต). สืบค้นเมื่อ September 15, 2020 – โดยทาง ทวิตเตอร์.
  34. Savini, Tom (1983). Grande Illusions: A Learn-By-Example Guide to the Art and Technique of Special Make-Up Effects from the Films of Tom Savini. Imagine, Inc. p. 43. ISBN 0-911137-00-9.
  35. "1978 3M Digital Audio Mastering System-Mix Inducts 3M Mastering System Into 2007 TECnology Hall of Fame". Mixonline.com. September 1, 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 13, 2012. สืบค้นเมื่อ March 29, 2012.
  36. 36.0 36.1 Fry, Art; Silver, Spencer. "First Person: 'We invented the Post-It Note'". FT Magazine. สืบค้นเมื่อ December 20, 2010.
  37. "TV News Headlines – Yahoo TV". Yahoo TV.
  38. 38.0 38.1 Stelter, Brian (December 24, 2010). "Right on the $800,000 Question, They Lost Anyway". The New York Times. สืบค้นเมื่อ September 21, 2015.
  39. Szycher, Michael (September 4, 2018). Szycher's Practical Handbook of Entrepreneurship and Innovation. CRC Press. ISBN 978-1-351-73636-7.
  40. "The Evolution of the Post-it Note". 3M. สืบค้นเมื่อ February 13, 2010.
  41. Barnfather, Maurice (March 1, 1982). "Can 3M Find Happiness in the 1980s?". Forbes: 113–116 – โดยทาง Google Books.
  42. "Timeline of 3M History". 3M. สืบค้นเมื่อ March 20, 2020.
  43. "3M raises 1Q estimates". CNN Money. April 4, 2002. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 12, 2002. สืบค้นเมื่อ March 20, 2020.
  44. "3M to Acquire Meguiar's, Inc". Meguiar's Online. September 8, 2008. สืบค้นเมื่อ March 29, 2012.
  45. Sayer, Peter (August 30, 2010). "3M Offers $943M for Biometric Security Vendor Cogent Systems". PC World. สืบค้นเมื่อ February 16, 2013.
  46. "3M Completes Acquisition of Arizant Inc". 3M. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 9, 2014. สืบค้นเมื่อ October 15, 2010.
  47. DePass, Dee (7 October 2015). "3M sells its $100 million library systems business to One Equity". Minnesota Star Tribune (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 1 December 2024.
  48. Albanese, Andrew (6 October 2015). "3M Sells Library Business to Bibliotheca; ProQuest Buys Ex Libris". Publishers Weekly (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 1 December 2024.
  49. "Fortune 500 2011: Fortune 1,000 Companies 1–100". Fortune Magazine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 2, 2012. สืบค้นเมื่อ March 20, 2020.
  50. "3M buys office supply unit of Avery Dennison for $550M". Minnesota Public Radio News. January 3, 2012. สืบค้นเมื่อ March 29, 2012.
  51. Robinson, Will (September 5, 2012). "3M Drops Avery Dennison Unit Buyout Amid Antitrust Worry". Bloomberg News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 8, 2012. สืบค้นเมื่อ April 14, 2014.
  52. Anderson, Dennis (May 2, 2013). "3M to sell two fly-fishing businesses to Orvis". StarTribune. Minneapolis.
  53. "3M to buy Johnson Controls' safety gear business for $2 billion". Reuters. March 16, 2017. สืบค้นเมื่อ March 16, 2017.
  54. "Why Is 3M Company (MMM) Down 6.1% Since its Last Earnings Report?". Yahoo. February 26, 2018.
  55. "3M will pay $850 million in Minnesota to end water pollution case". CNN. February 21, 2018.
  56. "3M COMPANY (NYSE:MMM) Files An 8-K Departure of Directors or Certain Officers; Election of Directors; Appointment of Certain Officers; Compensatory Arrangements of Certain Officers". Market Exclusive.com. May 25, 2018. สืบค้นเมื่อ May 25, 2018.
  57. "3M to Acquire M*Modal's Technology Business". businesswire.com. December 19, 2018. สืบค้นเมื่อ October 28, 2019.
  58. "3M Completes Acquisition of Acelity, Inc". 3M News | United States. สืบค้นเมื่อ October 19, 2019.
  59. "3M Completes Sale of Substantially All of Its Drug Delivery Business". investors.3m.com. สืบค้นเมื่อ April 26, 2022.
  60. 60.0 60.1 Nair, Aishwarya (December 14, 2021). "UPDATE 2-3M to combine food-safety business with Neogen". Reuters.
  61. Beene, Ryan (September 1, 2022). "Memo: 3M plans to cut jobs in response to slowing economy". Star Tribune.
  62. 62.0 62.1 Beene, Ryan; Larkin, Catherine (July 26, 2022). "3M Plans to Spin Off Health-Care Business by End of Next Year". Bloomberg.com. สืบค้นเมื่อ July 26, 2022.
  63. Stebbins, Jack (July 26, 2022). "3M will spin off its health-care business into a new public company". CNBC. สืบค้นเมื่อ July 26, 2022.
  64. Johnson, Brooks (2024-02-21). "3M's health care spinoff becomes Minnesota's newest public company on April 1". Star Tribune. สืบค้นเมื่อ 2024-03-06.
  65. Nouvelle, L'Usine (December 20, 2022). "3M va cesser de produire des substances chimiques PFAS d'ici 2025". L'Usine Nouvelle.
  66. "3M manufacturing giant to stop making 'forever chemicals'". BBC News. December 20, 2022. สืบค้นเมื่อ December 21, 2022.
  67. "3M sets 2025 deadline to stop making 'forever chemicals'". The Guardian. Reuters. December 20, 2022. สืบค้นเมื่อ February 8, 2024.
  68. "3M Faces Dutch Claim Over 'Forever Chemicals' Pollution". Bloomberg.com (ภาษาอังกฤษ). 2022-12-13. สืบค้นเมื่อ 2022-12-21.
  69. Bond, David (2021-10-24). "Lethal 'forever chemicals' taint our food, water and even blood. The EPA is stalling | David Bond". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2022-12-21.
  70. Agarwal, Ananta (12 March 2024). "3M hires outsider Bill Brown as CEO, shares jump". สืบค้นเมื่อ 3 June 2024.
  71. Hufford, Austen (April 11, 2019). "3M Sticks Together, as Rivals Break Apart". The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ January 21, 2020. But St. Paul, Minn.,-based 3M continues adding to its stable of 60,000 products and increasing its research budget...
  72. "3M to restructure business into four units". CNBC. March 18, 2019. สืบค้นเมื่อ May 11, 2020.
  73. Alexander, Steve (May 9, 2014). "3M, the corporate inventor, surpasses 100,000 patents worldwide". Star Tribune. สืบค้นเมื่อ January 21, 2020.