ไฮโดรคอร์ติโซน
ข้อมูลทางคลินิก | |
---|---|
ชื่อทางการค้า | A-hydrocort, Cortef, Solu-cortef, others[1] |
ชื่ออื่น | Cortisol; 11β,17α,21-Trihydroxypregn-4-ene-3,20-dione |
AHFS/Drugs.com | Hydrocortisone |
MedlinePlus | a682206 |
ข้อมูลทะเบียนยา |
|
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ |
|
ช่องทางการรับยา | ทางปาก (ยาเม็ด), ทางหลอดเลือด, ยาเฉพาะที่, ทางทวารหนัก |
ประเภทยา | คอร์ติโคสเตอรอยด์; กลูโคคอร์ติคอยด์; มิเนราโลคอร์ติคอยด์ |
รหัส ATC | |
กฏหมาย | |
สถานะตามกฏหมาย |
|
ตัวบ่งชี้ | |
| |
เลขทะเบียน CAS | |
PubChem CID | |
DrugBank | |
ChemSpider | |
UNII | |
KEGG | |
ChEBI | |
ChEMBL | |
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี | |
สูตร | C21H30O5 |
มวลต่อโมล | 362.466 g·mol−1 |
แบบจำลอง 3D (JSmol) | |
| |
| |
7 (what is this?) (verify) | |
ไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) เป็นชื่อของฮอร์โมนคอร์ติซอลเมื่อใช้เป็นยา[2] ซึ่งใช้กับผู้ป่วยในอาการต่าง ๆ เช่น ต่อมหมวกไตส่วนนอกทํางานไม่เพียงพอ (adrenocortical insufficiency), กลุ่มอาการอะดริโนเจนิทอล (adrenogenital syndrome), แคลเซียมในเลือดสูง, ไทรอยด์อักเสบ, โรครูมาตอยด์, ผิวหนังอักเสบ, หอบหืด และปอดอุดกั้นเรื้อรัง[1] เป็นทางเลือกในการรักษาสำหรับอาการต่อมหมวกไตส่วนนอกทํางานไม่เพียงพอ[3] สามารถให้ทางปาก, ทาภายนอก หรือโดยการฉีดเข้าหลอดเลือด[1] การหยุดการรักษาหลังจากใช้ในระยะยาวควรทำอย่างช้า ๆ[1]
ผลข้างเคียงอาจรวมถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง, เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอาการบวม[1] เมื่อใช้ในระยะยาวผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ โรคกระดูกพรุน, อาการปวดท้อง, กะปลกกะเปลี้ย, ฟกช้ำง่าย และการติดเชื้อรา[1] ยังไม่ชัดเจนว่าปลอดภัยในการใช้ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือไม่[4] ไฮโดรคอร์ติโซน เป็นกลูโคคอร์ติคอยด์ และทำหน้าที่ต้านการอักเสบและกดภูมิคุ้มกัน[1]
ไฮโดรคอร์ติโซน ได้รับสิทธิบัตรในปี พ.ศ. 2479 และได้รับการอนุมัติให้ใช้ทางการแพทย์ในปี พ.ศ. 2484[5][6] อยู่ในรายชื่อยาหลักขององค์การอนามัยโลก[7] สามารถผลิตใช้เป็นยาสามัญ[1] ในปี พ.ศ. 2560 เป็นยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ มากเป็นอันดับที่ 154 ในสหรัฐ โดยมีใบสั่งยามากกว่าสี่ล้านรายการ[8][9]
การใช้ทางการแพทย์
[แก้]ไฮโดรคอร์ติโซน เป็นคำศัพท์ทางเภสัชกรรมสำหรับฮอร์โมนคอร์ติซอล ที่ใช้โดยการให้ยาทางปาก, การฉีดเข้าเส้นเลือดดำ หรือการใช้เฉพาะที่ ใช้เป็นยากดภูมิคุ้มกันโดยการฉีดเพื่อรักษาอาการแพ้อย่างรุนแรง เช่น แอนาฟิแล็กซิส (anaphylaxis) และ แองจิโออีดีมา (angioedema) ทดแทนยาเพรดนิโซโลน ในผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาด้วยสเตอรอยด์แต่ไม่สามารถรับประทานยาทางปากได้ และสำหรับช่วงระยะเวลาผ่าตัด (perioperative) ในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยสเตอรอยด์ในระยะยาว เพื่อป้องกันภาวะฉุกเฉินจากต่อมหมวกไตทำงานตํ่าเฉียบพลัน (adrenal crisis) นอกจากนี้ยังอาจฉีดเข้าไปในข้อต่อที่อักเสบซึ่งเป็นผลมาจากโรค เช่นโรคเกาต์
อาจใช้ทาเฉพาะที่บริเวณผื่นแพ้, กลาก, สะเก็ดเงิน, อาการคัน และผิวหนังอักเสบอื่น ๆ ยาทาเฉพาะที่ชนิดครีมและขี้ผึ้งไฮโดรคอร์ติโซน มีจำหน่ายในหลายประเทศโดยส่วนใหญ่ไม่ต้องใช้ใบสั่งยา โดยมีความแรงตั้งแต่ 0.05% ถึง 2.5% (ขึ้นอยู่กับข้อบังคับในท้องถิ่น) โดยมีรูปแบบที่เข้มข้นกว่าซึ่งมีจำหน่ายตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น การปกคลุมผิวหนังหลังการใช้ยาจะช่วยเพิ่มการดูดซึมและผลของยา ในบางครั้งมีคำสั่งแพทย์ให้มีการเพิ่มประสิทธิผลดังกล่าว แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินขนาดและผลกระทบทั่วกาย
-
คอร์ติซอลสำหรับฉีด
-
หลอดยาทาเฉพาะที่ชนิดครีมไฮโดรคอร์ติโซน
เภสัชวิทยา
[แก้]เภสัชพลศาสตร์
[แก้]ไฮโดรคอร์ติโซน เป็นคอร์ติโคสเตอรอยด์ซึ่งทำหน้าที่โดยเฉพาะเป็นทั้งกลูโคคอร์ติคอยด์ และมิเนราโลคอร์ติคอยด์ นั่นคือเป็นตัวทำการ (agonist) ของตัวรับกลูโคคอร์ติคอยด์ และมิเนราโลคอร์ติคอยด์
ไฮโดรคอร์ติโซน มีความแรงของยา (potency) ต่ำเมื่อเทียบกับคอร์ติโคสเตอรอยด์สังเคราะห์ โดยเมื่อเทียบกับไฮโดรคอร์ติโซน พบว่าเพรดนิโซโลนมีฤทธิ์มากเป็น 4 เท่า และเดกซาเมทาโซนมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบประมาณ 40 เท่า[10] นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพรดนิโซโลนในการทดแทนคอร์ติซอลได้ และในระดับยาทดแทน (ซึ่งมากกว่าระดับต้านการอักเสบ) เพรดนิโซโลนมีฤทธิ์มากกว่าคอร์ติซอลประมาณแปดเท่า[11]
เภสัชจลนศาสตร์
[แก้]คอร์ติซอลส่วนใหญ่ในกระแสเลือด (ทั้งหมดประมาณ 4%) จับกับโปรตีน รวมถึงคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่มีพันธะกับโกลบูลิน (CBG) และซีรัมอัลบูมิน คอร์ติซอลอิสระสามารถผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะเข้าทำปฏิกิริยากับตัวรับคอร์ติโคสเตียรอยด์[12]
เคมี
[แก้]ไฮโดรคอร์ติโซน หรือที่เรียกว่า 11β, 17α, 21-trihydroxypregn-4-ene-3,20-dione เป็นเพรกเนน (pregnane) สเตอรอยด์ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติระหว่างการตั้งครรภ์[13][14] ไฮโดรคอร์ติโซนเอสเทอร์มีอยู่หลายชนิด และได้รับการจำหน่ายเพื่อใช้ในทางการแพทย์[13][14]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 1.7 "Hydrocortisone". Drugs.com. American Society of Health-System Pharmacists. February 9, 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 September 2016. สืบค้นเมื่อ 30 August 2016.
- ↑ Becker, Kenneth L. (2001). Principles and Practice of Endocrinology and Metabolism (ภาษาอังกฤษ). Lippincott Williams & Wilkins. p. 762. ISBN 9780781717502. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-09-14.
- ↑ Hamilton, Richart (2015). Tarascon Pocket Pharmacopoeia 2015 Deluxe Lab-Coat Edition. Jones & Bartlett Learning. p. 202. ISBN 9781284057560.
- ↑ "Hydrocortisone Pregnancy and Breastfeeding Warnings". Drugs.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 September 2016. สืบค้นเมื่อ 1 September 2016.
- ↑ U.S. Patent 2,183,589
- ↑ Fischer, Jnos; Ganellin, C. Robin (2006). Analogue-based Drug Discovery (ภาษาอังกฤษ). John Wiley & Sons. p. 484. ISBN 9783527607495.
- ↑ World Health Organization (2019). World Health Organization model list of essential medicines: 21st list 2019. Geneva: World Health Organization. hdl:10665/325771. WHO/MVP/EMP/IAU/2019.06. License: CC BY-NC-SA 3.0 IGO.
- ↑ "The Top 300 of 2020". ClinCalc. สืบค้นเมื่อ 11 April 2020.
- ↑ "Hydrocortisone - Drug Usage Statistics". ClinCalc. สืบค้นเมื่อ 11 April 2020.
- ↑ "Dexamethasone". drugs.com. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 June 2013. สืบค้นเมื่อ 14 June 2013.
- ↑ Caldato, Milena C. F.; Fernandes, Vânia T.; Kater, Claudio E. (2004-10-01). "One-year clinical evaluation of single morning dose prednisolone therapy for 21-hydroxylase deficiency". Arquivos Brasileiros de Endocrinologia e Metabologia. 48 (5): 705–712. doi:10.1590/S0004-27302004000500017. ISSN 0004-2730. PMID 15761542.
- ↑ Boron WF, Boulpaep EL (2011). Medical Physiology (2nd ed.). Philadelphia: Saunders. ISBN 1-4377-1753-5.
- ↑ 13.0 13.1 J. Elks (14 November 2014). The Dictionary of Drugs: Chemical Data: Chemical Data, Structures and Bibliographies. Springer. p. 316. ISBN 978-1-4757-2085-3. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 September 2017.
- ↑ 14.0 14.1 Index Nominum 2000: International Drug Directory. Taylor & Francis. 2000. pp. 524–. ISBN 978-3-88763-075-1.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- "Hydrocortisone". Drug Information Portal. หอสมุดแพทย์แห่งชาติสหรัฐ.