ไอโซเทรติโนอิน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไอโซเทรติโนอิน
ข้อมูลทางคลินิก
ชื่อทางการค้าแอคคูเทน, ไอโซเทน และอื่นๆ[1]
AHFS/Drugs.comโมโนกราฟ
MedlinePlusa681043
ข้อมูลทะเบียนยา
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์
  • AU: X (ความเสี่ยงสูง)
  • US: X (มีอันตราย)
ช่องทางการรับยาปาก, แต้มเฉพาะจุด
รหัส ATC
กฏหมาย
สถานะตามกฏหมาย
  • AU: S4 (ต้องใช้ใบสั่งยา)
  • CA: ℞-only
  • UK: POM (Prescription only)
  • US: ℞-only
  • In general: ℞ (Prescription only)
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์
การจับกับโปรตีน99.9%
การเปลี่ยนแปลงยาตับ
ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ10–20 ชั่วโมง
การขับออกปัสสาวะและอุจจาระ
ตัวบ่งชี้
  • (2Z,4E,6E,8E)-3,7-Dimethyl-9-(2,6,6-trimethylcyclohex-1-en-1-yl)nona-2,4,6,8-tetraenoic acid
เลขทะเบียน CAS
PubChem CID
IUPHAR/BPS
DrugBank
ChemSpider
UNII
KEGG
ChEBI
ChEMBL
ECHA InfoCard100.022.996
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี
สูตรC20H28O2
มวลต่อโมล300.44 g/mol g·mol−1
แบบจำลอง 3D (JSmol)
  • O=C(O)\C=C(/C=C/C=C(/C=C/C1=C(/CCCC1(C)C)C)C)C
  • InChI=1S/C20H28O2/c1-15(8-6-9-16(2)14-19(21)22)11-12-18-17(3)10-7-13-20(18,4)5/h6,8-9,11-12,14H,7,10,13H2,1-5H3,(H,21,22)/b9-6+,12-11+,15-8+,16-14- checkY
  • Key:SHGAZHPCJJPHSC-XFYACQKRSA-N checkY
  (verify)
สารานุกรมเภสัชกรรม

ไอโซเทรติโนอิน (Isotretinoin) หรือชื่อทางการค้าเช่น แอคคูเทน (Accutane), แอคโนติน (Acnotin), ไอโซเทน (Isotane) เป็นยาหลักที่ใช้รักษาสิวขั้นรุนแรง[2] และถูกใช้ในการรักษาโรคผิวหนังอื่นเช่นมะเร็งผิวหนัง, โรคเด็กดักแแด้, โรคหนังตาย และโรคผิวหนังเกล็ดปลา ยานี้เป็นยาประเภทเรตินอยด์ที่เกิดจากพันธะทางเคมีของวิตามินเอซึ่งมีอยู่ปริมาณเล็กน้อยในร่างกายตามธรรมชาติ ไอโซเมอร์ของไอโซเทรติโนอินมีชื่อว่า "เทรติโนอิน" ซึ่งเป็นยารักษาสิวเช่นกัน

ยาไอโซเทรติโนอินถูกใช้เพื่อรักษาสิวขั้นรุนแรง ยาจะกดการทำงานของต่อมไขมัน, ลดปริมาณเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes ซึ่งเป็นสาเหตุของสิว, ลดการอักเสบของสิว และยับยั้งการสร้างคอมีโดน[3] ยาไอโซเทรติโนอินมีทั้งแบบยากินและแบบยาแบบแต้มเฉพาะจุด ควรเก็บรักษายาไว้ในที่เย็นและแห้ง[2]

ไอโซเทรติโนอินถูกจดสิทธิบัตรในปีค.ศ. 1969[4] และได้รับอนุมัติให้ใช้งานทางการแพทย์ในปีค.ศ. 1982 และกลายเป็นยาขายดีในหลายประเทศ ไอโซเทรติโนอินเป็นยาควบคุมพิเศษ ต้องมีใบสั่งจากแพทย์จึงจะจ่ายยาได้

การใช้ยา[แก้]

ขนาดยาที่เหมาะสมในการรักษาสิวขั้นรุนแรงอยู่ที่ 0.5–1 มก./กก./วัน ดังนั้นผู้ป่วยสิวขั้นรุนแรงควรทานยาเม็ดขนาด 20-30 มิลลิกรัม วันละสองครั้ง ส่วนขนาดยาที่เหมาะสมในการรักษาสิวขั้นปานกลางอยู่ที่ 0.3-0.4 มก./กก./วัน[5] โดยควรใช้ยาต่อเนื่อง 16-32 สัปดาห์ ทั้งนี้ การใช้ยาขนาดยาที่ต่ำที่น้อยกว่า 20 มิลลิกรัมต่อวัน ถือเป็นขนาดยาที่ไม่แนะนำให้ใช้ในกรณีผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งจะเพิ่มอัตราการกลับเป็นสิวซ้ำของผู้ป่วยเมื่อเทียบกับการใช้ยาในขนาดปกติ

ผลจากการใช้ยา[แก้]

ผลของยานี้จะเห็นชัดเจนหลังเริ่มใช้ยาต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งในระยะแรกของการใช้ยาอาจพบอาการสิวเห่อเพิ่มขึ้นได้ ควรใช้ยาต่อเนื่องจนครบระยะเวลาที่แพทย์สั่งใช้[2] ผลข้างเคียงทั่วไปอื่นๆได้แก่ ภาวะโลหิตจาง, ปวดในข้อ, อาการปากแห้ง, ผิวหนังแห้งเปราะบาง และเพิ่มความเสี่ยงผิวไหม้จากการออกแดด ผลข้างเคียงที่พบน้อยรายได้แก่ มีสิวขึ้นและปวดกล้ามเนื้อ, ปวดหัว เป็นต้น[6] สตรีมีครรภ์ห้ามใช้ยานี้เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความพิการของทารกแรกเกิด สตรีให้นมบุตรควรงดใช้ยานี้เช่นกันเนื่องจากอาจทำให้ทารกมีพัฒนาการช้าลง ผู้ใช้ยานี้ห้ามตั้งครรภ์หรือบริจาคเลือดในเวลาหนึ่งเดือนหลังเลิกใช้ยา ยานี้อาจหยุดยั้งการเจริญของกระดูกยาวของเยาวชน ซึ่งส่งผลให้ส่วนสูงไม่เพิ่ม[7]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Isotretinoin international brands". Drugs.com. สืบค้นเมื่อ 1 June 2017.
  2. 2.0 2.1 2.2 ISOTRETINOIN เก็บถาวร 2019-08-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และมูลนิธิเพื่อการวิจัยและพัฒนาระบบยา. สืบค้นเมื่อ 1 มิถุนายน 2019
  3. Isotretinoin. In: DRUGDEX EVALUATION. [Online]. 2010 Feb 5. Available from: MICROMEDEX Healthcare Series. 2010. [cited 2010 Mar 24].
  4. Fischer, Jnos; Ganellin, C. Robin (2006). Analogue-based Drug Discovery (ภาษาอังกฤษ). John Wiley & Sons. p. 476. ISBN 9783527607495.
  5. Mandekou L, Delli F, Teknetzis A et al. Low-dose schema of isotretinoin in acne vulgaris. Int J Clin Pharmacol. 2003;23:41-6.
  6. "Isotretinoin 20mg capsules - - (eMC)". www.medicines.org.uk (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-28. สืบค้นเมื่อ 2017-12-27.
  7. US Label (PDF) (Report). FDA. 22 October 2010 [January 2010]. สืบค้นเมื่อ 1 June 2017. See FDA Index page for NDA 018662 for updates