ไอแพด (รุ่นที่ 1)

นี่คือบทความคุณภาพ คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ไอแพด (รุ่นที่หนึ่ง))

ไอแพด
ผู้พัฒนาแอปเปิล
ผู้ผลิตฟ็อกซ์คอนน์
ตระกูลไอแพด
ชนิดแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์
วางจำหน่าย
3 เมษายน ค.ศ. 2010 (2010-04-03)
17 กันยายน ค.ศ. 2010 (2010-09-17)
ยกเลิก2 มีนาคม ค.ศ. 2011 (2011-03-02)
ระบบปฏิบัติการเดิม: ไอโอเอส 3.2
ปัจจุบัน: ไอโอเอส 5.1.1 ออกจำหน่าย 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 (2012-05-07)
พลังงานแบตเตอรีลิเทียมไอออนโพลิเมอร์ แบบชาร์จซ้ำได้3.75 V 24.8 W·h (6,613 mA·h,[1] อายุการใช้งาน 10 ชั่วโมง[2]
ชิพแอปเปิล เอ4[2]
หน่วยประมวลผล1 GHz ARM Cortex-A8[2][3]
ความจุหน่วยความจำแฟลช 16, 32 หรือ 64 GB[2]
หน่วยความจำ256 MB DDR RAM[4]
การแสดงผล1024 × 768 px 132 PPI 4:3 อัตราส่วนลักษณะ
9.7 in (250 mm) diagonal
ความละเอียดการแสดงผลกราฟิก, LED-backlit IPS LCD[2]
กราฟฟิกPowerVR SGX535[5]
ระบบเสียงบลูทูธ, ลำโพง, ไมโครโฟน, ตัวเสียบหูฟัง[2]
การรับเข้าจอสัมผัสมัลติทัช, เครื่องรับรู้ความใกล้ชิด และเครื่องรับรู้แบบ ambient light, มาตรความเร่ง 3 แกน, digital เข็มทิศ[2]
การเชื่อมต่อ
วายฟาย
802.11 a/b/g/n

Bluetooth 2.1 + EDR

รุ่นจีเอสเอ็ม ยังประกอบด้วย
UMTS / HSDPA
850, 1,900, 2,100 MHz
จีเอสเอ็ม / EDGE
850, 900, 1,800, 1,900 เมกะเฮิรตซ์
[2]
บริการออนไลน์ร้านไอทูนส์, แอปสโตร์, ไอคลาวด์, ไอบุ๊กส์
มิติ9.56 in (243 mm) (h)
7.47 in (190 mm) (w)
0.50 in (13 mm) (d)[2]
น้ำหนักWi-Fi: 1.5 lb (680 g)
Wi-Fi + 3G: 1.6 lb (730 g)[2]
รุ่นก่อนหน้านิวตัน
รุ่นต่อไปไอแพด 2
บทความที่เกี่ยวข้องไอโฟน, ไอพอดทัช (ข้อเปรียบเทียบ)
เว็บไซต์www.apple.com/ipad/

ไอแพดรุ่นที่หนึ่ง (อังกฤษ: first-generation iPad /ˈpæd/ eye-pad) เป็นแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบและวางจำหน่ายโดยบริษัทแอปเปิล เป็นรุ่นแรกในสายการผลิตไอแพด ตัวไอแพดรุ่นที่หนึ่งมีส่วนประกอบสำคัญคือชิปประมวลผลแอปเปิล เอ4 หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9.7” และความสามารถในการเชื่อมต่อกับสัญญาณโทรศัพท์ในบางรุ่น ตัวอุปกรณ์ใช้ระบบปฏิบัติการไอโอเอสซึ่งสามารถเล่นเพลง รับ-ส่งอีเมลและเข้าชมเว็บไซต์ต่างๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถอื่น ๆ เช่น เล่นวิดีโอเกม และเข้าถึงแหล่งข้อมูลอื่น ๆ การใช้ซอฟต์แวร์ระบุนำทางจีพีเอส และการใช้บริการเครือข่ายสังคม ผ่านการดาวน์โหลดโปรแกรมประยุกต์

ไอแพดเปิดตัวในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2010 ในงานแถลงข่าว โดยไอแพดรุ่นวายฟายวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2010 ก่อนที่จะมีการวางจำหน่ายรุ่นวายฟาย+เซลลูลาร์ (สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายมือถือได้) เมื่อวันที่ 30 เมษายน ไอแพดวางจำหน่ายในออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อิตาลี เยอรมัน สเปน สวิสเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ปีเดียวกัน

ตัวอุปกรณ์ได้รับการตอบรับไปในแง่บวกจากบรรดาบล็อกและสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับเทคโนโลยี นักวิจารณ์ยกย่องตัวไอแพดในเรื่องพิสัยความสามารถที่กว้าง และจัดเป็นคู่แข่งกับคอมพิวเตอร์พกพาและเน็ตบุ๊ก แต่ไอแพดได้รับคำวิจารณ์ในบางประเด็น เช่น การจำกัดระบบปฏิบัติการ และไม่รองรับการใช้งานสื่อในรูปแบบอะโดบี แฟลช โดยในช่วง 80 วันแรกของการวางจำหน่ายนั้น ไอแพดถูกจำหน่ายไปทั้งสิ้น 3 ล้านเครื่อง และก่อนเปิดตัวไอแพด 2 ไอแพดรุ่นแรกจำหน่ายได้มากกว่า 15 ล้านเครื่อง

แอปเปิลเปิดตัวไอแพดรุ่นที่สอง ในวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2011 และประกาศยุติการผลิตไอแพดรุ่นแรก[6]

ประวัติ[แก้]

สตีฟ จอบส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิลกล่าวไว้ใน ค.ศ. 1983 ว่าบริษัทของเขามี[7]

...กลยุทธ์ที่เรียบง่าย สิ่งที่เราอยากทำคือเราต้องการสร้างคอมพิวเตอร์ที่ดีเลิศอย่างเหลือเชื่อไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งที่คุณสามารถพกพาไปด้วยได้ และสามารถเรียนรู้การใช้งานในเวลา 20 นาที และความจริงแล้วเราอยากทำโดยใส่สายวิทยุไว้ด้านในเพื่อที่คุณไม่ต้องนำไปต่อกับสิ่งใด ๆ และเพื่อคุณจะสามารถติดต่อกับฐานข้อมูลขนาดใหญ่และคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ทั้งหมดเหล่านี้ได้[7]

แท็บเล็ตเครื่องแรกของแอปเปิลคือ นิวตัน เมสเสจแพด 100[8][9] เปิดตัวใน ค.ศ. 1993 นำไปสู่การสร้างชิปประมวลผล ARM6 ร่วมกับบริษัทเอคอร์นคอมพิวเตอร์ แอปเปิลยังพัฒนาตัวต้นแบบของแท็บเล็ต เพาเวอร์บุ๊ก ดูโอ ที่ชื่อว่า เพ็นไลต์ (PenLite) แต่ก็ตัดสินใจไม่วางจำหน่ายเนื่องจากเกรงว่าจะกระทบยอดจำหน่ายของเมสเสจแพด[10] แอปเปิลยังคงออกพีดีเอรุ่นนิวตันอีกหลายรุ่น ก่อนหยุดพัฒนาใน ค.ศ. 1998 โดยรุ่นสุดท้ายที่ผลิตคือ เมสเสจแพด 2100

แอปเปิลกลับมาตีตลาดคอมพิวเตอร์แบบพกพาอีกครั้งในปี ค.ศ. 2007 ด้วยไอโฟน เนื่องจากมีขนาดเล็กกว่าไอแพด (ยังไม่เปิดตัวในขณะนั้น) มีกล้องถ่ายรูปและเป็นโทรศัพท์มือถือในตัว ไอโฟนบุกเบิกระบบจอสัมผัสมัลติทัชที่ไวต่อนิ้วมือของระบบปฏิบัติการไอโอเอสของแอปเปิล

ก่อนปลายปี ค.ศ. 2009 เกิดข่าวลือเกี่ยวกับการวางจำหน่ายไอแพดอยู่หลายปี เรื่องความคาดหวังที่คนส่วนมากพูดถึงเกี่ยวกับ "แท็บเล็ตของแอปเปิล" เรียกเป็นชื่อเฉพาะต่าง ๆ เช่น ไอแท็บเล็ต (iTablet) และ ไอสเลต (iSlate)[11] มีรายงานว่าชื่อไอแพดตั้งขึ้นเพื่อให้เกียรติแก่เครื่อง PADD อุปกรณ์ในบันเทิงคดีในภาพยนตร์ชุดสตาร์ เทรค ที่มีลักษณะคล้ายกับไอแพด[12] ไอแพดเปิดตัวในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2010 โดยสตีฟ จอบส์ ในงานแถลงข่าวของแอปเปิลที่ศูนย์ศิลปะเยอร์บาบูเอนา ในซานฟรานซิสโก[13][14]

จอบส์กล่าวในภายหลังว่าแอปเปิลเริ่มพัฒนาไอแพดก่อนไอโฟนเสียอีก[15][16] แต่พักความพยายามนี้ไว้ชั่วคราว หลังจากตระหนักว่ามันจะดีกว่าหากใช้แนวคิดดังกล่าวกับโทรศัพท์มือถือก่อน[17] ไอแพดมีรหัสภายในองค์กรว่า K48 โดชื่อนี้เปิดเผยในชั้นศาลขณะดำเนินคดีเกี่ยวกับการรั่วไหลของข้อมูลก่อนวางจำหน่าย[18]

แอปเปิลเริ่มเปิดให้ลูกค้าสั่งซื้อไอแพดล่วงหน้าในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 2010[19] โดยสิ่งที่ต่างไประหว่างไอแพดในระหว่างงานแถลงข่าวกับแบบที่จำหน่ายล่วงหน้าคือพฤติกรรมของสวิตช์ด้านข้างที่เปลี่ยนจากการปิดเสียงกลายเป็นการล็อกการหมุนหน้าจอ[20] ตัวไอแพดรุ่นวายฟายวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2010[19][21] และรุ่นวายฟาย + 3G วางจำหน่ายในวันที่ 30 เมษายน[19][22] โดยบริการ 3G ในสหรัฐอเมริกาให้บริการโดย เอทีแอนด์ทีโมบิลิตี เดิมจำหน่ายด้วยตัวเลือกแผนข้อมูลแบบจ่ายล่วงหน้าไม่ต้องเซ็นสัญญาสองตัวเลือก ได้แก่ ใช้งานข้อมูลได้ไม่จำกัด และการใช้ข้อมูล 250 เมกะไบต์ต่อเดือนในราคาครึ่งหนึ่ง[23][24] ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน แผนไม่จำกัดข้อมูลถูกแทนด้วยข้อมูล 2 จิกะไบต์ให้ลูกค้าใหม่ในราคาที่ถูกลงเล็กน้อย ขณะที่ลูกค้าเดิมสามารถใช้แผนเดิมได้[25] แผนดังกล่าวใช้ได้กับตัวไอแพดเองและสามารถยกเลิกเมื่อใดก็ได้[26]

เดิมไอแพดมีจำหน่ายเฉพาะร้านค้าออนไลน์ของแอปเปิล และสถานที่ขายปลีก แต่ภายหลังมีวางจำหน่ายในร้านค้าปลีก เช่น อเมซอน วอลมาร์ต และร้านค้าของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ไอแพดวางจำหน่ายในออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อิตาลี เยอรมัน สเปน สวิสเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักรในวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2010[27][28] เปิดให้ซื้อล่วงหน้าในประเทศดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม[22] ต่อมา แอปเปิลวางจำหน่ายไอแพดในฮ่องกง ไอร์แลนด์ เม็กซิโก นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ในวันที่ 23 กรกฎาคมปีเดียวกัน ค.ศ. 2010[29][30][31] ประเทศอิสราเอลเคยห้ามนำเข้าไอแพดในระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากความกังวลว่าสัญญาณวายฟายจากไอแพดจะก่อกวนอุปกรณ์อื่น ๆ[32] ในวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2010 ไอแพดวางจำหน่ายในประเทศจีน[33]

คุณสมบัติ[แก้]

ซอฟต์แวร์[แก้]

เดิมนั้นไอแพดมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการไอโอเอส 3.2 ต่อมาในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2010 มีการประกาศว่าไอแพดจะใช้ไอโอเอส 4.2 ภายในพฤศจิกายน ค.ศ. 2010[34] แอปเปิลออกไอโอเอส 4.2.1 สู่สาธารณะในวันที่ 22 พฤศจิกายน[35] ไอแพดมาพร้อมกับโปรแกรมประยุกต์มากมาย เช่น ซาฟารี, เมล, รูปภาพ, วิดีโอ, ไอพอด, ไอทูนส์, แอปสโตร์, แผนที่, โน้ต, ปฏิทิน และรายชื่อ[36] โปรแกรมประยุกต์หลายโปรแกรมปรับปรุงจากรุ่นของไอโฟนหรือแมคอินทอช

ไอแพดเชื่อมต่อกับไอทูนส์บนแมคหรือวินโดวส์ได้[13] แอปเปิลพ่วงชุดโปรแกรม ไอเวิร์ก จากแมคมาลงไอแพด และขายในรูปแบบของโปรแกรม เพจเจส นัมเบอส์ และคีย์โน้ต ในแอปสโตร์[37] แม้ว่าไอแพดจะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้แทนโทรศัพท์มือถือ แต่ผู้ใช้ก็สามารถใช้หูฟังหรือไมโครโฟนที่มาพร้อมเครื่องทำเป็นโทรศัพท์ผ่านวายฟายหรือ 3G โดยใช้โปรแกรมประยุกต์ วอยซ์โอเวอร์ไอพี[38]

ในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ไอโอเอส 5 ออกจำหน่ายสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ไอโอเอส รวมทั้งไอแพดรุ่นแรก ดาวน์โหลดได้ผ่านไอทูนส์[39] รุ่นใหม่รายงานว่ามีคุณสมบัติใหม่ รวมถึง การผนวกทวิตเตอร์เข้าไปในระบบปฏิบัติการ การใช้งานศูนย์การแจ้งเตือน (Notification Center) และไอเมสเสจ ที่ให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความหรือไฟล์มัลติมีเดียต่าง ๆ ให้ผู้ใช้งานอื่น ๆ บนไอโอเอส และโอเอสเทน ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์แอปเปิล[40] รุ่นใหม่นี้ยังมี ไอคลาวด์ โปรแกรมประยุกต์บนไอโอเอสและบริการเก็บข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตของแอปเปิลที่ให้ผู้ใช้เชื่อมต่อและสำรองข้อมูลและการตั้งค่าของอุปกรณ์อื่น ๆ ของผู้ใช้ได้ด้วย[41] ในวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2012 มีประกาศว่าไอโอเอส 6 จะไม่ออกจำหน่ายสำหรับไอแพดรุ่นแรก โดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ เกี่ยวกับเหตุดังกล่าว ทำให้ไอโอเอส 5.1.1 เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นสุดท้ายไอแพดรุ่นแรกรองรับ[42][43]

ฮาร์ดแวร์[แก้]

ไอแพดรุ่นแรกในกรอบสีดำ

ไอแพดรุ่นแรกใช้ชิปประมวลผลแอปเปิล เอ4 SoC[3] ซึ่งมีหน่วยประมวลผลกลาง 1 จิกะเฮิรตซ์ แรม 256 เมกะไบต์ และ หน่วยประมวลผลกราฟิกส์ รุ่น PowerVR SGX535 [2][4] ตัวไอแพดรุ่นแรกมีปุ่มอยู่ 4 ปุ่ม คือปุ่มโฮม (home) อยู่ใกล้หน้าจอที่ใช้กลับมาที่เมนูหลัก และอีก 3 ปุ่มที่อยู่ด้านข้าง ได้แก่ปุ่ม ตื่น/หลับ (wake/sleep) ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง (volume up/down) และอีกปุ่มหนึ่งที่การทำงานจะเปลี่ยนแปลงไปตามการอัปเดตซอฟต์แวร์ เดิมปุ่มดังกล่าวใช้ล็อกหน้าจอให้อยู่ในตำแหน่งเดิม แต่ไอโอเอส 4.2 เปลี่ยนให้เป็นปุ่มปิดเสียง (mute) และย้ายการล็อกหน้าจอไปไว้ที่เมนูบนหน้าจอ[44] ในไอโอเอส 4.3 มีการตั้งค่าเพิ่มมาให้ผู้ใช้กำหนดให้ปุ่มด้านข้างเป็นปุ่มล็อกการหมุนหน้าจอหรือปิดเสียงก็ได้[2] ไอแพดรุ่นแรกไม่มีกล้องถ่ายรูปในตัว ต่างจากไอแพดรุ่นต่อ ๆ มา[45]

หน้าจอของไอแพดเป็นระบบจอสัมผัส ความละเอียด 1,024 x 768 พิกเซล ขนาด 7.75 x 5.82 นิ้ว (197 x 148 มิลลิเมตร) หน้าจอเป็นจอภาพผลึกเหลว โดยมีกระจกแก้วที่ป้องกันรอยและลายนิ้วมือ ตัวหน้าจอมีความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 132 พิกเซลต่อนิ้ว[2] โดยหน้าจอมีการตอบสนองกับตัวรับรู้ต่าง ๆ ได้แก่ ตัวรับรู้ความสว่างของแสงเพื่อความสว่างของหน้าจอได้ รวมทั้งตัวรับรู้มาตรความเร่ง (accelerometer) แบบ 3 แกน ที่ตรวจจับทิศการวางของไอแพด และปรับเปลี่ยนการแสดงภาพในแนวนอนและแนวตั้ง โปรแกรมประยุกต์ไอแพดต่างจากโปรแกรมประยุกต์บนไอโฟนและไอพอดทัช ที่รองรับทิศการวาง 3 ทิศ (แนวตั้ง, แนวนอนตะแคงซ้าย และแนวนอนตะแคงขวา) โปรแกรมประยุกต์บนไอแพดรองรับทิศการวางทั้ง 4 ทิศ (รวมถึงการกลับหัว) ไอแพดจึงไม่มีทิศที่เป็น "ค่าปริยาย" ที่แท้จริง มีเพียงตำแหน่งของปุ่มโฮมที่เปลี่ยนไป[46]

ไอแพดรุ่นแรกมาพร้อมกับหน่วยความจำ 16GB 32GB และ 64GB สามารถเชื่อมต่อได้สองรูปแบบคือ วายฟายอย่างเดียว หรือวายฟายและสัญญาณโทรศัพท์มือถือ (WiFi + Cellular)[2] โดยในไอแพดรุ่นแรกในรูปแบบวายฟายและสัญญาณโทรศัพท์มือถือจะรองรับมาตรฐานจีเอสเอ็ม/ยูเอ็มทีเอส และไม่รองรับซีดีเอ็มเอ แต่รองรับเอจีพีเอสได้เหมือนกับรุ่นต่อ ๆ มา[2]

น้ำหนักของไอแพดรุ่นแรกแตกต่างตามประเภทของภาวะเชื่อมต่อ โดยรูปแบบวายฟายอย่างเดียวจะหนัก 1.5 ปอนด์ (680 กรัม) ในขณะที่รุ่นวายฟายและสัญญาณโทรศัพท์มือถือ จะหนัก 1.6 ปอนด์ (730 กรัม)[2] แต่ขนาดของไอแพดมีพิสัยทุกด้านรวมเท่ากัน วัดได้ 9.56×7.47×0.50 นิ้ว (243×190×13 มิลลิเมตร)[2]

อุปกรณ์เสริม[แก้]

แอปเปิลเสนออุปกรณ์เสริมให้ไอแพดรุ่นแรกหลายอย่าง[47] ส่วนใหญ่จะเป็นตัวแปลง (adapter) สำหรับใช้ตัวเชื่อมแท่นเสียบ (dock connector) ขนาด 30 พิน และช่องสำหรับเสียบหูฟัง แท่นเสียบมีไว้ตั้งไอแพดที่มุมระดับหนึ่ง และมีตัวเชื่อมแท่นเสียบและช่องต่อสายเสียบออดิโอ ไอแพดแต่ละรุ่นต้องใช้ช่องเสียบของแต่ละรุ่น แท่นเสียบที่มีคีย์บอร์ดรองรับเพียงในไอแพดรุ่นที่หนึ่งเท่านั้น[48] แต่ไอแพดทุกรุ่นรองรับคีย์บอร์ดบลูทูธที่ใช้ได้กับแมคอินทอชและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ไอแพดชาร์จได้ด้วยตัวชาร์จไฟฟ้า 10 วัตต์ ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับไอพอดและไอโฟน[49]

การตอบรับ[แก้]

การตอบรับจากนักวิจารณ์[แก้]

สื่อมวลชนมีปฏิกิริยาต่องานเปิดตัวไอแพดและตัวไอแพดเองในแบบคละกัน สื่อรายงานว่ามีคนหลายพันคนเข้าแถวรอวันจำหน่ายวันแรกในหลาย ๆ ประเทศ โดยคนที่รอส่วนใหญ่อ้างว่า "คุ้มค่าที่จะรอ"[50][51]

วอลต์ มอสเบิร์ก (จากเดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล) ให้ความเห็นว่า "สิ่งสำคัญคือซอฟต์แวร์ต่างหาก" หมายความว่าคุณสมบัติเชิงฮาร์ดแวร์และรูปร่างนั้นสำคัญน้อยกว่าซอฟต์แวร์และส่วนประสานผู้ใช้ของไอแพด ซึ่งการประทับใจแรกของเขาต่อเรื่องดังกล่าวเป็นไปในทางบวกเป็นส่วนใหญ่ มอสเบิร์กมองว่าราคา "ย่อมเยา" สำหรับอุปกรณ์ที่มีความสามารถเช่นนี้ และยกย่องอายุแบตเตอรีที่ยาวนาน 10 ชั่วโมง[52] ขณะที่สื่ออื่น ๆ เช่น นิตยสารพีซีแอดไวเซอร์ และเดอะซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ เขียนว่าไอแพดจะเอาชนะเน็ตบุ๊กที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้น และส่วนใหญ่ใช้ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์[53][54] ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 499 ดอลลาร์ (เทียบเท่ากับ 541 ดอลลาร์ใน ค.ศ. 2016) น้อยกว่าราคาที่นักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีตและคู่แข่งของแอปเปิลได้ประมาณไว้ก่อนวางจำหน่าย โดยนักวิเคราะห์จากทุกแหล่งคาดหวังราคาที่สูงกว่านั้นมาก[55][56][57]

สื่อดังกล่าวยังยกย่องเรื่องจำนวนโปรแกรมประยุกต์ รวมถึงร้านหนังสือและโปรแกรมประยุกต์สื่ออื่น ๆ[58][59] ในทางกลับกัน บางแหล่ง เช่น บีบีซี ตำหนิไอแพดที่เป็นระบบปิดและกล่าวว่า ไอแพดต้องต่อสู้กับแท็บเล็ตหลายรุ่นที่เป็นแอนดรอยด์[50] อย่างไรก็ตาม ขณะที่ไอแพดรุ่นแรกวางจำหน่าย ยาฮูนิวส์ชี้ว่าแท็บเล็ตที่ใช้แอนดรอยด์ ที่ชื่อ "ฮันนีโคมบ์" (Honeycomb) ไม่ได้เป็นโอเพนซอร์ส และมีโปรแกรมน้อยกว่าโปรแกรมของไอแพด[60] แต่กูเกิลก็ออกซอร์สโค้ดสำหรับฮันนีโคมบ์ตั้งแต่นั้นมา[61] หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพ็นเดนต์ตำหนิไอแพดที่ไม่เหมาะกับการอ่านในที่สว่างได้เหมือนกับกระดาษ แต่ยกย่องที่สามารถเก็บหนังสือขนาดใหญ่ได้จำนวนมาก หลังจำหน่ายในสหราชอาณาจักร หนังสือพิมพ์เดอะเดลีเทเลกราฟกล่าวว่า การที่ไอแพดไม่สนับสนุนอะโดบี แฟลช นั้นเป็นสิ่งที่ "น่ารำคาญ"[62]

ไอแพดได้รับเลือกจากนิตยสารไทม์ ให้เป็นหนึ่งในนวัตกรรมยอดเยี่ยม 50 อย่างในปี ค.ศ. 2010[63] ขณะที่นิตยสารป็อปปูลาร์ไซนส์เลือกไอแพดเป็นแกดเจ็ตยอดเยี่ยม[64] รองจาก โกรเอซิส วอเทอร์บอกซ์ ที่เป็น "สิ่งใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี ค.ศ. 2010"[65]

การตอบรับเชิงการค้า[แก้]

ในวันจำหน่ายวันแรก ขายไอแพดได้ 300,000 เครื่อง[66] ไอแพดขายได้ 1 ล้านเครื่องภายในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 2010[67] ใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวของที่ไอโฟนรุ่นแรกเคยทำไว้[68] หลังจากผ่านยอดขาย 1 ล้านเครื่อง ไอแพดก็ยังทำยอดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง และขายได้ถึง 3 ล้านหลังจากนั้น 80 วัน[69] ในระหว่างการแถลงผลประกอบการเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2010 สตีฟ จอบส์ประกาศว่าแอปเปิลขายไอแพดได้มากกว่าแมคอินทอชในปีงบประมาณนั้น[70] โดยรวมแล้ว แอปเปิลจำหน่ายไอแพดได้มากกว่า 15 ล้านเครื่องก่อนออกไอแพด 2 ซึ่งมากกว่าแท็บเล็ตอื่น ๆ ทั้งหมดรวมกันนับตั้งแต่ออกไอแพดมา[71]และสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดของแท็บเล็ตได้ 75% เมื่อสิ้นปี ค.ศ. 2010[72]

ข้อวิจารณ์[แก้]

ซีเน็ตวิจารณ์ไอแพดที่ไม่มีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ทั้ง ๆ ที่อุปกรณ์พกพาชนิดอื่น เช่น ซูน ของไมโครซอฟท์มีมาแล้วหลายปี[73]

วอลต์ มอสเบิร์ก เรียกไอแพดว่า "เกือบจะเป็น" นักฆ่าแล็ปท็อป[74] เดวิด โพ้ก จากหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ เขียนบทวิจารณ์ "สองส่วน" ส่วนแรกวิจารณ์สำหรับคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยี และอีกส่วนหนึ่งวิจารณ์สำหรับคนที่ไม่ชื่นชอบเทคโนโลยี ในส่วนแรก เขากล่าวว่าแล็ปท็อปมีคุณสมบัติมากกว่าในราคาถูกกว่าไอแพด ในบทวิจารณ์สำหรับคนกลุ่มหลัง เขากล่าวว่า ถ้านักอ่านของเขาชอบแนวคิด และเข้าใจประโยชน์ที่แท้จริงของไอแพด แล้วพวกเขาจะชอบใช้อุปกรณ์นี้[75] ทิม กิเดียน จากนิตยสารพีซีแมกาซีน เขียนว่า "คุณมีผู้ชนะของคุณเอง" ที่ "จะเป็นแรงขับเคลื่อนในการกำหนดทิศทางของแท็บเล็ตอย่างไม่มีข้อกังขา"[76] ไมเคิล อาร์ริงตัน จากเทคครันช์ กล่าวว่า "ไอแพดเกินความคาดหมายในแง่บวกของผม มันเป็นอุปกรณ์ประเภทใหม่ แต่มันก็จะเข้ามาแทนที่แล็ปท็อปของคนจำนวนมาก"[77] นิตยสารพีซีเวิลด์วิจารณ์ไอแพดเรื่องการแชร์ไฟล์และการพิมพ์[78] และนิตยสารอาร์สเทคนิกา ชี้แจงว่าการแชร์ไฟล์กับคอมพิวเตอร์เป็น "หนึ่งในคุณสมบัติที่ชื่นชอบน้อยที่สุดหลังจากใช้งานไอแพด"[79]

อ้างอิง[แก้]

  1. "iPad Wi-Fi Teardown". iFixit. April 3, 2010. สืบค้นเมื่อ October 17, 2014.
  2. 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 2.11 2.12 2.13 2.14 2.15 2.16 "iPad – Technical specifications and accessories for iPad". Apple. January 27, 2010. สืบค้นเมื่อ January 27, 2010.
  3. 3.0 3.1 Crothers, Brooke (January 27, 2010). "Inside the iPad: Apple's new 'A4' chip". CNET. CBS Interactive. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-11-10. สืบค้นเมื่อ January 27, 2010.
  4. 4.0 4.1 Djuric, Miroslav (April 3, 2010). "iPad Wi-Fi Teardown". Ifixit.com. p. 2. สืบค้นเมื่อ April 17, 2010.
  5. Djuric, Miroslav (April 3, 2010). "Apple A4 Teardown". iFixit. สืบค้นเมื่อ April 17, 2010.
  6. "Apple Special Event - March 2, 2011". แอปเปิล (บริษัท). สืบค้นเมื่อ January 15, 2013.
  7. 7.0 7.1 Panzarino, Matthew (October 2, 2012). "Rare full recording of 1983 Steve Jobs speech reveals Apple had been working on iPad for 27 years". The Next Web. สืบค้นเมื่อ October 2, 2012.
  8. Gruber, John (January 14, 2010). "The Original Tablet". Daring Fireball. สืบค้นเมื่อ March 20, 2010.
  9. Stone, Brad (September 28, 2009). "Apple Rehires a Developer of Its Newton Tablet". เดอะนิวยอร์กไทมส์. The New York Times Company. สืบค้นเมื่อ March 20, 2010.
  10. Smykil, Jeff (December 1, 2006). "Four Apple prototypes I've never heard of". Ars Technica. Condé Nast Digital. สืบค้นเมื่อ July 29, 2012.
  11. June, Laura (January 26, 2010). "The Apple Tablet: a complete history, supposedly". Engadget. เอโอแอล. สืบค้นเมื่อ January 27, 2010.
  12. "How Star Trek artists imagined the iPad... 23 years ago". Ars Technica. Condé Nast Digital. August 9, 2010. สืบค้นเมื่อ January 1, 2012.
  13. 13.0 13.1 "Apple Launches iPad" (Press release). Apple. January 27, 2010. สืบค้นเมื่อ January 27, 2010.
  14. "Apple iPad tablet is unveiled at live press conference". The Star-Ledger. January 27, 2010. สืบค้นเมื่อ January 27, 2010.
  15. Cohen, Peter (January 9, 2007). "Macworld Expo Keynote Live Update". Macworld. สืบค้นเมื่อ July 29, 2012.
  16. Grossman, Lev (January 12, 2007). "The Apple Of Your Ear". TIME. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-24. สืบค้นเมื่อ July 29, 2012.
  17. "Steve Jobs on Adobe, Gizmodo and why iPad came before iPhone". Guardian. June 2, 2010. สืบค้นเมื่อ July 29, 2012.
  18. Ahmed, Azam (July 6, 2010). "Executive Pleads Guilty to Leaking Apple Secrets". เดอะนิวยอร์กไทมส์. The New York Times Company. สืบค้นเมื่อ July 29, 2012.
  19. 19.0 19.1 19.2 "iPad Available in US on April 3" (Press release). Apple. March 5, 2010. สืบค้นเมื่อ March 5, 2010.
  20. Cheng, Jacqui. "Bed readers rejoice: iPad gains last-minute rotation lock". Ars Technica. Condé Nast Digital. สืบค้นเมื่อ July 29, 2012.
  21. Lewis, Daniel (March 5, 2010). "iPad Pre-order Update – March 12". Electrobuzz. สืบค้นเมื่อ March 5, 2010.
  22. 22.0 22.1 "iPad Wi-Fi + 3G Models Available in US on April 30" (Press release). Apple. April 20, 2010. สืบค้นเมื่อ April 20, 2010.
  23. Fleishma, Glenn (February 2, 2010). "Can You Get By with 250 MB of Data Per Month?". TidBits. สืบค้นเมื่อ February 23, 2010.
  24. Sheth, Niraj (January 28, 2010). "AT&T Gets A Vote Of Confidence From Apple With iPad Win". เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล. Dow Jones & Company. สืบค้นเมื่อ January 28, 2010.
  25. "AT&T Announces New Lower-Priced Wireless Data Plans to Make Mobile Internet More Affordable to More People" (Press release). AT&T. June 2, 2010. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-07-02. สืบค้นเมื่อ July 29, 2012.
  26. "iPad with ultrafast wireless". Apple Inc. สืบค้นเมื่อ July 29, 2012.
  27. Menn, Joseph; Bradshaw, Tim (May 27, 2010). "Apple in control of iPad's Europe launch". Financial Times. สืบค้นเมื่อ May 30, 2010.
  28. "iPad Available in Nine More Countries on May 28" (Press release). Apple. May 7, 2010. สืบค้นเมื่อ May 9, 2010.
  29. Choo, Evelyn (July 23, 2010). "Eager fans in Singapore snap up iPad". Channel News Asia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-10. สืบค้นเมื่อ January 1, 2012.
  30. "Apple announces NZ iPad release date". stuff.co.nz. July 20, 2010. สืบค้นเมื่อ January 1, 2012.
  31. "iPad Available in Nine More Countries This Friday" (Press release). Apple. July 19, 2010. สืบค้นเมื่อ January 1, 2012.
  32. "Israel retira prohibición para importación del iPad | Tecnología". El Nacional.com. March 23, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-16. สืบค้นเมื่อ May 31, 2010.
  33. "Massive crowds turn out for iPad launch". China Daily. Xinhua. September 18, 2010. สืบค้นเมื่อ September 18, 2010.
  34. "iPad to get iOS 4.2 in November". CNET. CBS Interactive. September 1, 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-29. สืบค้นเมื่อ July 29, 2012.
  35. Snell, Jason (November 22, 2010). "Apple releases iOS 4.2.1". MacWorld. สืบค้นเมื่อ January 1, 2012.
  36. "iPad Features". Apple Inc. January 27, 2010. สืบค้นเมื่อ January 28, 2010.
  37. Smykil, Jeff (April 20, 2010). "The keyboardless Office: a review of iWork for iPad". Ars Technica. Condé Nast Digital. สืบค้นเมื่อ May 1, 2010.
  38. Sarno, David (January 29, 2010). "Apple confirms 3G VoIP apps on iPad, iPhone, iPod touch; Skype is waiting". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ February 7, 2010.
  39. "iOS 4: Updating your device to iOS 5 or later". แอปเปิล (บริษัท). สืบค้นเมื่อ January 18, 2013.
  40. "New Version of iOS Includes Notification Center, iMessage, Newsstand, Twitter Integration Among 200 New Features". แอปเปิล (บริษัท). June 6, 2011. สืบค้นเมื่อ January 18, 2013.
  41. Cesa, Dante (October 12, 2011). "iOS 5 review". Engadget. สืบค้นเมื่อ January 18, 2013.
  42. "Apple Previews iOS 6 With All New Maps, Siri Features, Facebook Integration, Shared Photo Streams & New Passbook App". แอปเปิล (บริษัท). June 11, 2012. สืบค้นเมื่อ January 18, 2013.
  43. Hess, Ken (September 25, 2012). "No iOS 6 for my original iPad? Now, I'm an Angry Bird". ZDNet. สืบค้นเมื่อ January 18, 2013.
  44. "iPad's 'Mute' Switch Replaced With Screen Rotation Lock". MacRumors. March 12, 2010. สืบค้นเมื่อ March 12, 2010.
  45. McMillian, Robert (February 11, 2012). "Why You Can Still Sell Your Original iPad for $250". Wired. สืบค้นเมื่อ January 15, 2013.
  46. Lal Shimpi, Brian Klug & Vivek Gowri, Anand (April 7, 2010). "Apple's iPad - The AnandTech Review". AnandTech. p. 4. สืบค้นเมื่อ August 9, 2012. The display rotates smoothly to orient itself properly regardless of how you’re holding it.
  47. "iPad must-haves. And fun-to-haves". Apple. สืบค้นเมื่อ March 22, 2011.
  48. "Schiller: No iPad 2 keyboard dock, use the soft keyboard". 9 to 5 Mac. March 25, 2011. สืบค้นเมื่อ August 9, 2012.
  49. "iPhone, iPad, iPod: Using iPad Power Adapters". Apple Inc. สืบค้นเมื่อ January 31, 2013.
  50. 50.0 50.1 "iPad fans mob Apple stores for international launch". BBC News. BBC. May 28, 2010. สืบค้นเมื่อ May 31, 2010.
  51. "iPad-mania as thousands queue for global roll-out". Google News. กูเกิล. Agence France-Presse. May 28, 2010. สืบค้นเมื่อ January 1, 2012.
  52. Mossberg, Walter S. (January 27, 2010). "First Impressions of the New Apple iPad". All Things Digital. Dow Jones & Company. สืบค้นเมื่อ January 27, 2010.
  53. Lai, Eric (January 28, 2010). "Apple iPad versus netbook: features compared". PC Advisor. สืบค้นเมื่อ January 28, 2010.
  54. Tsang, Simon (February 2, 2010). "iPad vs the Kindle, tablets and netbooks". The Sydney Morning Herald. สืบค้นเมื่อ February 2, 2010.
  55. Eaton, Kit (January 27, 2010). "The iPad's Biggest Innovation: Its $500 Price". Fast Company. สืบค้นเมื่อ March 7, 2010.
  56. Peers, Martin (January 28, 2010). "Apple's iPad Revolution: Price". The Wall Street Journal. Dow Jones & Company. สืบค้นเมื่อ February 20, 2010.
  57. Stokes, Jon (January 29, 2010). "Tablet makers rethinking things in wake of iPad's $499 price". Ars Technica. Condé Nast Digital. สืบค้นเมื่อ February 20, 2010.
  58. Phelan, David (May 26, 2010). "The iPad: what is it good for?". The Independent. UK. สืบค้นเมื่อ May 31, 2010.
  59. Bevan, Kate (May 31, 2010). "The best iPad media apps". The Guardian. London. สืบค้นเมื่อ June 10, 2010.
  60. "Android Tablets Will Never Replace the iPad – Yahoo! News". News.yahoo.com. May 5, 2011. สืบค้นเมื่อ May 21, 2011.
  61. Kaelin, Lee (November 15, 2011). "Source code for Android 3.0 and 4.0 released". TechSpot. สืบค้นเมื่อ January 19, 2013.
  62. Beaumont, Claudine (May 24, 2010). "Lack of Flash support on iPad 'annoying.' say consumers". Daily Telegraph. UK. สืบค้นเมื่อ April 14, 2011.
  63. McCracken, Harry (November 11, 2010). "The 50 Best Inventions of 2010: iPad". Time Magazine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-11. สืบค้นเมื่อ November 17, 2010.
  64. "Best of What's New 2010 - Apple iPad" (Region specific, link is confirmed working in the United States, however it is inaccessible in Aus and NZ). Popular Science. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-11-19. สืบค้นเมื่อ December 5, 2010.
  65. Jannot, Mark (November 5, 2010). "Best of What's New 2010: Our 100 Innovations of the Year". Popular Science. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-11-21. สืบค้นเมื่อ December 16, 2010.
  66. Harvey, Mike (April 6, 2010). "iPad launch marred by technical glitches". The Times. UK. สืบค้นเมื่อ June 26, 2010.
  67. Goldman, Jim (May 3, 2010). "Apple Sells 1 Million iPads". ซีเอ็นบีซี. สืบค้นเมื่อ May 4, 2010.
  68. "iPad sales cross million mark twice as fast as original iPhone". Yahoo!. May 3, 2010. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-05-09. สืบค้นเมื่อ June 13, 2010.
  69. "Apple Sells Three Million iPads in 80 Days" (Press release). Apple. June 22, 2010. สืบค้นเมื่อ June 22, 2010.
  70. "Apple Reports Fourth Quarter Results" (Press release). Apple. October 18, 2010. สืบค้นเมื่อ October 23, 2010.
  71. "Taking the tablets". The Economist. March 2, 2011. สืบค้นเมื่อ July 27, 2011.
  72. "iPad 2 tablet launched by Apple's Steve Jobs". BBC. March 2, 2011. สืบค้นเมื่อ March 6, 2011.
  73. Rosoff, Matt (January 30, 2010). "How to make the iPad a better music device". CNET. CBS Interactive. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-02-07. สืบค้นเมื่อ March 2, 2010.
  74. Mossberg, Walter S. (March 31, 2010). "Apple iPad Review: Laptop Killer? Pretty Close". All Things Digital. Dow Jones & Company. สืบค้นเมื่อ March 31, 2010.
  75. Pogue, David (March 31, 2010). "Reviews: Love It or Not? Looking at iPad From 2 Angles". The New York Times. The New York Times Company. สืบค้นเมื่อ March 31, 2010.
  76. Gideon, Tim (March 31, 2010). "Apple iPad (Wi-Fi)". PC Magazine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-04-02. สืบค้นเมื่อ April 1, 2010.
  77. Arrington, Michael (April 2, 2010). "The Unauthorized TechCrunch iPad Review". TechCrunch. AOL. สืบค้นเมื่อ April 2, 2010.
  78. Mediati, Nick (April 5, 2010). "iPad Struggles at Printing and Sharing Files". PCWorld. IDG. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-23. สืบค้นเมื่อ May 1, 2010.
  79. Cheng, Jacqui (April 7, 2010). "Ars Technica reviews the iPad". Ars Technica. Condé Nast Digital. p. 4. สืบค้นเมื่อ May 4, 2010.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

ก่อนหน้า ไอแพด (รุ่นที่ 1) ถัดไป
iPad (1st generation)
(1st generation)
ไอแพด 2