ไฟนอล แฟนตาซี 15: สงครามแห่งราชันย์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไฟนอล แฟนตาซี 15: สงครามแห่งราชันย์
กำกับTakeshi Nozue
บทภาพยนตร์Takashi Hasegawa
สร้างจากไฟนอลแฟนตาซี XV
แฟบูลาโนวาคริสตัลลิส: ไฟนอลแฟนตาซี
อำนวยการสร้าง
นักแสดงนำ
ตัดต่อKeiichi Kojima
ดนตรีประกอบ
บริษัทผู้สร้าง
ผู้จัดจำหน่าย
วันฉาย9 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 (2016-07-09)
ความยาว115 นาที
ประเทศญี่ปุ่น
ภาษาญี่ปุ่น
ทำเงินUS$6.55 ล้าน (limited theatrical release)

ไฟนอล แฟนตาซี 15: สงครามแห่งราชันย์ (อังกฤษ: Kingsglaive: Final Fantasy XV;ญี่ปุ่น: キングスグレイブ ファイナルファンタジーXV) เป็นภาพยนตร์ที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์แอนิเมชันแนวจินตนิมิตวิทยาศาสตร์ของญี่ปุ่น กำกับโดย Takeshi Nozue โดยภาพยนตร์ได้กล่าวถึงเรื่องราวที่เป็นจุดเริ่มต้นของเกม ไฟนอลแฟนตาซี XV โดยเล่าถึงองค์กษัตริย์รีจิส ลูซิส เซรัม บิดาของน็อคทิส พร้อมกับกองกำลังอารักขาส่วนพระองค์ที่มีชื่อว่า "คิงส์เกลฟ" ภาพยนตร์เป็นภาคต่อของ บราเธอร์ฮูด: ไฟนอลแฟนตาซี XV

ภาพยนตร์ดังกล่าวเข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 และเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาแบบจำกัดโรงภาพยนตร์ในวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559 สำหรับประเทศไทย โซนี่ อินเตอร์แอคทีฟ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ฮ่องกง ได้จัดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในรูปแบบการฉายรอบพิเศษร่วมกับ เอ็ม พิคเจอร์ ที่โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ในวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เพียงรอบเดียวเท่านั้น[ต้องการอ้างอิง]

เรื่องย่อ[แก้]

นานมาแล้ว อีออส (EOS) เป็นดวงดาวที่ถือกำเนิดขึ้นในอีกจักรวาลหนึ่ง เมื่อครั้งโลกถือกำเนิดพลังเวทย์ที่เกิดขึ้นจากการกำเนิดดวงดาว ถูกแบ่งออกเป็นคริสตัลทั้ง 4 และให้แต่ละประเทศมหาอำนาจทั้งสี่ถือครอง พลังคริสตัลทั้งสี่ส่งเสริมถึงกันทั้งในด้านการปกครองและการเมือง เวลาผ่านไปนานหลายร้อยปี อีออส มีประเทศมหาอำนาจใหม่ "นิฟเฟลไฮม์" ถือกำเนิดขึ้น นิฟเฟลไฮม์ตั้งปณิธานที่จะบุกโจมตีประเทศมหาอำนาจทั้งสี่และหวังยึดครองคริสตัลมาเป็นของตัวเองทั้งหมด นิฟเฟลไฮม์เป็นประเทศมหาอำนาจที่เกิดขึ้นพร้อมกับวิวัฒนาการทางเครื่องจักรและอุตสาหกรรม รวมถึงประสบความสำเร็จในการพัฒนาหุ่นยนต์รบมากิเทค หุ่นยนต์ที่ใช้วิวัฒนาการทางเครื่องจักรผสมผสานกับพลังปีศาจ นิฟเฟลไฮม์ใช้หุ่นยนต์รบนี้ในการบุกโจมตีประเทศรอบด้าน โดยเริ่มจาก "เทเนไบร์"

หลังจากที่ องค์ชายนอคติส ลูซิส เคลัมน์ ประสบอุบัติเหตุจากการถูกลอบโจมตี กษัตริย์รีจิส ลูซิส เคลัมน์ ที่ 113 ทรงพาองค์ชายนอคติสไปรักษาที่เทเนไบร์ โดยมีองค์หญิงลูนาเฟรยา นอกซ์ เฟลเร คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่ความสุขก็อยู่ไม่นาน เมื่อนิฟเฟลไฮม์บุกโจมตีหวังจะปลิดชีพกษัตริย์รีจิส และองค์ชายนอคติส กษัตริย์รีจิสจึงพาองค์ชายนอคติสหลบหนี และจากวันนั้น เทเนไบร์ ก็ตกเป็นเมืองขึ้นของนิฟเฟลไฮม์ไปโดยปริยาย หลังเทเนไบร์ตกเป็นเมืองขึ้นของนิฟเฟลไฮม์ นิฟเฟลไฮม์ก็ไม่หยุดที่จะโจมตีประเทศเพื่อนบ้านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงสถานที่สุดท้าย​ "เลสตัลลัม" ป้อมปราการสุดท้ายของลูซิส กษัตริย์รีจิสทรงรู้อย่างแน่ชัดว่าพระองค์คงไม่สามารถชนะสงครามนี้ได้ จึงได้ตัดสินใจสละดินแดนทั้งหมดรอบๆ อินซอมเนีย ให้ตกเป็นเมืองขึ้นของนิฟเฟลไฮม์ และนำประชาชนทั้งหมดถอยร่นไปอยู่ในอินซอมเนีย จากนั้นไม่นานพระองค์จึงใช้พลังจากคริสตัลชิ้นสุดท้ายในโลก สร้างกำแพงเวทมนตร์ขนาดใหญ่ปกคลุมอินซอมเนียทั้งเมือง ทำให้นิฟเฟลไฮม์ไม่สามารถบุกโจมตีอินซอมเนียทางอากาศได้อีกต่อไป รวมถึงทรงก่อตั้งหน่วยคิงส์เกลฟ หน่วยทหารองครักษ์ที่ได้รับการแบ่งพลังลูซิไอจากกษัตริย์รีจิส เพื่อใช้ปกป้องความสงบสุขของเมืองและเป็นทหารอารักษาส่วนพระองค์

เวลาผ่านไปนานหลายปี หน่วยคิงส์เกลฟยังคงต่อสู้กับนิฟเฟลไฮม์เพื่อชิงดินแดนเลสตัลลัมกลับคืนมา แต่ยิ่งนานวันวิวัฒนาการทางสงครามของนิฟเฟลไฮม์ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น สถานการณ์ส่อแววไม่ดี อาร์ดิน อิซูเนีย นายกมนตรีแห่งนิฟเฟลไฮม์จึงเดินทางมาเพื่อยื่นข้อเสนอสงบศึก โดยให้องค์​ชายนอคติสเข้าพิธีอภิเสกสมรสกับองค์หญิงลูนาเฟรยาเพื่อผูกมิตรกับนิฟเฟลไฮม์ พระองค์ที่นับวันยิ่งชราลง จึงไม่มีทางเลือก และตอบรับคำขอร้องจากนิฟเฟลไฮม์ โดยพระองค์ยื่นข้อแม้ว่านิฟเฟลไฮม์จะต้องพาตัวลูนาเฟรยาไปยังอัลทิเซีย ซึ่งเป็นเมืองที่ไม่ขึ้นตรงต่อประเทศใดๆ เพื่อความสงบสุขของทั้งสองฝ่าย และพระองค์จะส่งองค์ชายนอคติสไปรอที่นั่น ในวันลงนามสัญญาสงบศึก นิฟเฟลไฮม์แอบวางแผนลอบโจมตีห้องคริสตัลเพื่อหวังขโมยคริสตัลชิ้นสุดท้ายไปจากลูซิส ด้วยการพาองค์หญิงลูนาเฟรยาไปกักขังไว้เพื่อล่อให้หน่วยเกลฟออกไปปฏิบัติภารกิจ ก่อนลอบเข้าไปปิดกำแพงเวทมนตร์เพื่อให้กองกำลังมากิเทคสามารถเข้าโจมตีได้ เมื่อทำสำเร็จ อินซอมเนียจึงพลิกเป็นดินแดนสงครามในชั่ววินาที กองกำลังมากิเทคเริ่มบุกโจมตีประชาชนในเมือง ทั่วเมืองแทบพลิกเป็นไฟ ผู้คนล้มและหนีตายเป็นจำนวนมาก นิกส์ หนึ่งในหน่วยเกลฟเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาองค์หญิงกลับมาหากษัตริย์รีจิสเพื่อที่จะได้หลบหนีออกจากอินซอมเนียไปพร้อมกัน

แต่ไม่ทันจะหลบหนีได้สำเร็จ นายพลกลอคา หรือดรอตัส หัวหน้าหน่วยเกลฟที่เป็นหนึ่งในสปายของนิฟเฟลไฮม์ได้ปรากฏตัวขึ้น กษัตริย์รีจิสจึงถอดแหวนแห่งลูซิไอออก แล้วมอบให้ลูนาเฟรยาเพื่อนำไปมอบให้นอคติส และสั่งให้นิกซ์พาตัวลูนาเฟรยาไปส่งที่อัลทิเชียอย่างปลอดภัย นิกซ์ไม่มีทางเลือกจึงพาองค์หญิงหลบหนี และกษัตริย์รีจิสก็สิ้นชีวิตลงด้วยน้ำมือของนายพลกลอคา นิกซ์พาองค์หญิงหลบหนีไปได้ไม่ไกลก็ถูกหน่วยเกลฟด้วยกันเองตามล่า รวมถึงตัวดรอตัสเองก็ปรากฏขึ้นเพื่อโน้มน้าวให้ส่งตัวองค์หญิงให้ นิกซ์ไม่มีทางเลือกจึงหยิบแหวนแห่งลูซิไอมาสวมใส่ด้วยตัวเอง

นิกซ์เผชิญหน้ากับอดีตกษัตริย์แห่งลูซิสทั้ง 13 และร้องขอพลังเพื่อปกป้องเมือง ปกป้องทุกคน และปกป้ององค์หญิงลูนาเฟรยา นิกส์ที่รู้ตัวดีว่าเขาเป็นเพียงสามัญชน ไม่ได้เป็นผู้สืบสายเลือดราชวงศ์ จึงตัดสินใจสละชีวิตทั้งหมดเพื่อปกป้องสิ่งที่เขารักเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ กษัตริย์ลูซิสจึงมอบพลังให้นิกซ์ใช้ชั่วคราวจนกว่าจะรุ่งสาง เมื่อได้พลังนิกซ์จึงเข้าโจมตีนายพลกลอคาทันที และสั่งให้ลิเบอร์ตัสพาองค์หญิงไปส่งอย่างปลอดภัย นิกส์สามารถเอาชนะนายพลกลอคาได้อย่างยากเย็นจนวาระสุดท้าย องค์หญิงลูนาเฟรยาสามารถเดินทางมาจนถึงประตูเมืองได้สำเร็จ ก่อนตัดสินใจแยกทางกับลิเบอร์ตัสและเดินทางไปยังอัลทิเชียตามลำพังด้วยคำสั่งสุดท้ายจากกษัตริย์รีจิส นั่นคือมอบแหวนแห่งลูซิไอให้นอคติส

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]