ไบนารีอ็อปชัน

ไบนารี่ ออปชั่น (binary option) คือ ระบบการเทรดในตลาดตราสารการเงินรูปแบบหนึ่ง โดยเป็นการซื้อสัญญาล่วงหน้ากับโบรกเกอร์ผู้ให้บริการ ไบนารี่ ออปชั่น โดยมีการกำหนดระยะเวลาในการซื้อสัญญาไบนารี่ ออปชั่นคืนจากผู้ถือสัญญา ผู้เทรดมักนิยมซื้อสัญญาไบนารี่ ออปชั่นมาเพื่อป้องกันความเสี่ยงในความผันผวนของสินทรัพย์ หรือหุ้น ตลอดจนเงินทุนต่าง ๆ ที่ผู้เทรดได้ซื้อไว้ ปัจจุบันคาดว่ามีผู้อยู่ในตลาดไบนารี่ ออปชั่นมากกว่า 15 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี

ประเภทของสัญญาไบนารี่ ออปชั่น

โดยปกติแล้ว สัญญาไบนารี่ ออปชั่นที่เราพบได้ในตลาด มักแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันประกอบไปด้วย

1.สัญญาซื้อ หรือ Call หรือในภาษาเทรดยุคใหม่อาจเรียกว่า Buy ก็ได้ ความหมายของ สัญญาซื้อ (Call) หมายถึง สัญญาที่ผู้เทรดทำการซื้อสัญญาออปชั่นล่วงหน้า โดยพยาการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์ในอนาคตในวันที่สิ้นสุดสัญญาออปชั่น ราคาของสินทรัพย์จะสูงกว่าวันที่ทำการซื้อสัญญา

2.สัญญาขาย หรือ Put หรือในภาษาเทรดยุคใหม่อาจเรียกว่า Sell ก็ได้ ความหมายของ สัญญาขาย (Put) หมายถึง สัญญาที่ผู้เทรดทำการซื้อสัญญาออปชั่นล่วงหน้า โดยพยาการณ์ว่าราคาของสินทรัพย์ในอนาคตในวันที่สิ้นสุดสัญญาออปชั่น ราคาของสินทรัพย์จะต่ำกว่าวันที่ทำการซื้อสัญญา

โดยปกติเมื่อเทรดเดอร์ซื้อสัญญาออปชั่นจากโบรกเกอร์ โดยมีกำหนดระยะเวลาการถือสัญญา เช่น 5 นาที 30 นาที หรือ 30 วัน เมื่อถึงระยะเวลากำหนด ระบบจะบังคับให้สัญญายุติลงและขายสัญญาคืนให้กับโบรกเกอร์ทันที ส่งผลให้ผู้ถือสัญญา สามารถได้รับผลกำไรจากส่วนต่างของการพยากรณ์ราคาที่ถูกต้อง หรืออาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมดอันเกิดจากการพยากรณ์ราคาที่ผิดพลาด

ไบนารี่ ออปชั่นกับการพนัน

เนื่องจากรูปแบบของการซื้อสัญญาไบนารี่ ออปชั่นนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการพยากรณ์ราคาในอนาคต ทำให้มีนักออกแบบโปรแกรมการเทรด นำระบบและรูปแบบของการเทรดไบนารี่ ออปชั่นไปใช้ในเชิงการพนัน ส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์บางส่วนที่ไม่ดีต่อการเทรดสัญญาออปชั่น ดังนั้นผู้เทรดต้องเลือกพิจารณาโบรกเกอร์ไบนารี่ออปชั่นให้ดี มิฉะนั้นอาจมีความเสี่ยงทางการเงินเกิดขึ้น และอาจถูกโกงก็ได้ ดังปรากฏข่าวล่าสุดของบริษัท siamoption ที่ดำเนินการผิดกฎหมายในประเทศไทย

ประเด็นที่น่าสังเกต

1. คำสั่งซื้อไบนารี่ ออปชั่น อาจไม่ได้ถูกส่งไปยังศูนย์กลางหรือตลาดจริง

โดยคำสั่งซื้ออาจถูกหมุนเวียนอยู่เฉพาะภายในโบรกเกอร์เท่านั้น กล่าวคือโบรกเกอร์จะจับคู่คำสั่งซื้อ Call กับ Put ระหว่างลูกค้าภายในโบรกเกอร์

เพื่อนำมา Matching กัน แล้วโบรกเกอร์จะได้รับกำไรจากส่วนต่างค่าธรรมเนียม อย่างไรก็ตามโบรกเกอร์แต่ละแห่งอาจมีนโยบายการจัดการคำสั่งซื้อที่แตกต่างกัน

2. Risk Reward ที่อาจเกิดความเสียเปรียบต่อผู้ค้า

การส่งคำสั่งซื้อแต่ละครั้งอาจเกิดความเสียเปรียบ เนื่องจากอัตราส่วนผลกำไรต่อขาดทุนที่ต่างกัน ตัวอย่างเช่นอัตรา 82% ต่อ 100%

ดังนั้นในตลาดนี้จึงอาจจำเป็นต้องเน้นกลยุทธ์เทรดที่มีอัตรา Win-Rate ระดับสูง