ข้ามไปเนื้อหา

ไนเมเคิน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไนเมเคิน

Nimwegen
เมือง
A view over Nijmegen
มุมมองของเมืองไนเมเคิน
Flag of Nijmegen
ธง
Coat of arms of Arnhem
ตราอาร์ม
ประเทศเนเธอร์แลนด์
จังหวัดเกลเดอร์ลันด์
Ulpia Noviomagnus Batavorum98–102
ผู้ก่อตั้งTrajanus
การปกครอง
  MayorTh.C. de Graaf (D66)
  AldermenP.F.G. Depla
J.A.C. van Hooft sr.
H.T.M. Scholten
J.G. Kunst
J. van der Meer
  SecretaryP. Eringa
พื้นที่(2006)
  เมือง57.53 ตร.กม. (22.21 ตร.ไมล์)
  พื้นดิน53.59 ตร.กม. (20.69 ตร.ไมล์)
  พื้นน้ำ3.94 ตร.กม. (1.52 ตร.ไมล์)  6.8%
ความสูง7–88 เมตร (24–288 ฟุต)
ประชากร
 (4 January 2011)
  เมือง164,272 คน
  ความหนาแน่น3,043 คน/ตร.กม. (7,884 คน/ตร.ไมล์)
  เขตเมือง280,079 คน
  รวมปริมณฑล736,107 คน
 Source: Gemeente Nijmegen,
เขตเวลาUTC+1 (CET)
  ฤดูร้อน
(เวลาออมแสง)
UTC+2 (CEST)
Postal codes6500–6547, 6663, 6679, 6683
รหัสพื้นที่024 / 0481
เว็บไซต์www.nijmegen.nl

ไนเมเคิน (ดัตช์: Nijmegen) เป็นเมืองและเทศบาลริมฝั่งแม่น้ำวาล ในจังหวัดเกลเดอร์ลันด์ทางตะวันออกของประเทศเนเธอร์แลนด์ ใกล้กับชายแดนประเทศเยอรมนี ถือว่าเป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในเนเธอร์แลนด์ เฉลิมฉลองครบ 2,000 ปี ในปี ค.ศ. 2005 เขตเมืองมีประชากร 736,107 คน (มกราคม ค.ศ. 2011)

ประวัติศาสตร์

[แก้]

ไนเมเคินปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ครั้งแรกในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล เมื่อชาวโรมันตั้งค่ายทหารขึ้นเนื่องจากเป็นบริเวณที่มีชัยภูมิที่ดี ล้อมรอบด้วยภูเขาและอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวาลและแม่น้ำไรน์ ทำให้มองเห็นข้าศึกได้โดยง่าย

ต่อมา ค.ศ. 69 ชาวปัตตาเวีย ชนพื้นเมืองดั้งเดิมลุกฮือต่อต้านการปกครองของจักรวรรดิโรมัน ชาวโรมันปราบปรามและสร้างค่ายทหารที่ใหญ่ขึ้นอีก ส่งผลให้หมู่บ้านรอบๆค่ายเติบโตขึ้น ต่อมาใน ค.ศ. 98 ไนเมเคินยกระดับเป็นเมืองในจักรวรรดิโรมัน เป็นเพียงหนึ่งในสองชุมชนในเนเธอร์แลนด์แรกที่ได้รับสถานะนี้

ในปี ค.ศ. 103 แม่ทัพโรมันย้ายฐานทัพไปยังบริเวณกรุงเวียนนาในปัจจุบัน ทำให้เศรษฐกิจของไนเมเคินซบเซาลง ประชากรอพยพออกจากเมืองกว่าห้าพันคน ในปีต่อมา จักรพรรดิไตรยานุสเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น Ulpia Noviomagus Batavorum หรือย่อเป็น โนวิโอมากุส (Noviomagus) อันเป็นที่มาของชื่อไนเมเคินทุกวันนี้

เมื่อจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลาย เมืองโนวิโอมากุสตกเป็นของราชอาณาจักรแฟรงก์ที่เรืองอำนาจขึ้นมาแทน ด้วยการตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำวาล การค้าทำให้ไนเมเคินกลับมาคึกคักอีกครั้ง จักรพรรดิในราชวงศ์การอแล็งเฌียงเคยประทับที่เมืองนี้เป็นช่วงเวลาหนึ่ง

ปี ค.ศ. 1230 ไนเมเคินมีสถานะเป็นเมืองอีกครั้งภายใต้จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยมีจักรพรรดิฟรีดริชที่ 2เป็นผู้ปกครอง ต่อมาในปี ค.ศ. 1247 ไนเมเคินกลายเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้จากเคานต์แห่งเกลเดอร์ส เมื่อเงินกู้ไม่เคยถูกชำระคืน ไนเมเคินจึงตกเป็นของเคาน์ตีเกลเดอร์สไปตลอดนับตั้งแต่นั้นมา การค้ายังคงดำเนินได้ต่อเพราะไนเมเคินเป็นส่วนหนึ่งของสันนิบาตฮันเซอตั้งแต่ปี ค.ศ 1364

แม่น้ำวาล เลียบไนเมเคิน ค.ศ. 1641

เมื่อชาวดัตช์ทำการปฏิวัติต่อต้านการปกครองของสเปนในช่วงสงครามแปดสิบปี สาธารณรัฐดัตช์ที่ประกาศเอกราชต่อสเปนเข้ายึดครองไนเมเคินได้ในปี ค.ศ. 1591 กลายเป็นพรมแดนกั้นระหว่างดินแดนเนเธอร์แลนด์ใหม่กับส่วนที่ยังตกเป็นของสเปน จนกระทั่ง ค.ศ. 1648 มีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลีย รับรองเอกราชของเนเธอร์แลนด์อย่างเป็นทางการ

ไนเมเคินเป็นสถานที่ลงนามในสนธิสัญญาสงบศึกหลายฉบับระหว่าง ค.ศ. 1678-1679 เพื่อยุติสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับฮอลแลนด์

ศาลาว่าการไนเมเคิน (ซ้าย) ราว ค.ศ. 1900

ช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 19 แนวกำแพงโบราณกลายเป็นปัญหาใหญ่เนื่องจากประชากรอพยพเข้ามาอยู่ภายในเขตกำแพงเมืองมากเกินไป แต่ทางการไม่สามารถทำลายกำแพงเมืองลงได้เพราะมีความสำคัญต่อการป้องกันประเทศของเนเธอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซียได้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่ากำแพงเมืองโบราณล้าสมัยและไม่สามารถใช้ป้องกันได้จริงในศึกสงครามสมัยใหม่ ทางการจึงได้เปลี่ยนนโยบาย กำแพงถูกรื้อในปี ค.ศ. 1874 เกิดการขยายเมืองออกไปรอบนอก

นับแต่นั้นมาจนถึงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ไนเมเคินเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำวาลสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1878 และสะพานรถยนต์แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1936 เป็นสะพานที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในสมัยนั้น มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยรัดเบาด์ไนเมเคินในปี ค.ศ. 1923 และขุดคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำวาลและแม่น้ำเมิซในปี ค.ศ. 1927

ไนเมเคินเป็นเมืองแรกในเนเธอร์แลนด์ที่ถูกนาซีเยอรมนียึดครองในสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1940 การต่อสู้ที่ดุเดือดในสงครามทำให้บ้านเมืองได้รับความเสียหายอย่างหนักเนื่องจากไนเมเคินเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในสงคราม โดยเฉพาะยุทธการต่างๆในเดือนกันยายน ค.ศ. 1944

ปัจจุบัน แนวคิดทางการเมืองของไนเมเคินค่อนข้างเด่นชัดว่านิยมฝ่ายซ้าย ได้รับสมญานามว่า "กรุงอาบานาแห่งแม่น้ำวาล" พรรคการเมืองฝ่ายซ้ายมักได้รับการรับเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรรคครุนลิงกส์ พรรคประชาธิปัตย์ 66 พรรคสังคมนิยม และพรรคแรงงาน

อ้างอิง

[แก้]