โฮเจ้ง
โฮเจ้ง (เหอ เจิง) | |
---|---|
何曾 | |
อัครมหาเสนาบดี (太宰 ไท่ไจ่) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 278 – 12 มกราคม ค.ศ. 279 | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
ราชครู (太傅 ไท่ฟู่) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 276 – ค.ศ. 278 | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
เสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 273 – ค.ศ. 276 | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 264 – ค.ศ. 265 | |
กษัตริย์ | โจฮวน |
มหาองครักษ์ (太保 ไท่เป่า) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 267 – ค.ศ. 273 | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
เสนาบดีกลาโหม (太尉 ไท่เว่ย์) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 266 – ค.ศ. 267 | |
กษัตริย์ | สุมาเอี๋ยน |
ขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 265 – ค.ศ. 273 | |
กษัตริย์ | โจฮวน / สุมาเอี๋ยน |
อัครมหาเสนาบดีแห่งรัฐจิ้น (晋国丞相 จิ้นกั๋วเฉิงเซี่ยง) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 265 – ค.ศ. 266 | |
กษัตริย์ | โจฮวน |
ขุนพลโจมตีภาคเหนือ (征北將軍 เจิงเป่ย์เจียงจฺวิน) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – ค.ศ. 264 | |
กษัตริย์ | โจฮวน |
ขุนพลพิทักษ์ภาคเหนือ (鎮北將軍 เจิ้นเป่ย์เจียงจฺวิน) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – ค.ศ. ? | |
กษัตริย์ | โจมอ |
ราชเลขาธิการ (尚書 ช่างชู) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – ค.ศ. ? | |
ผู้บังคับการมณฑลราชธานี (司隸校尉 ซือลี่เซี่ยวเว่ย์) | |
ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. ? – ค.ศ. ? | |
กษัตริย์ | โจฮอง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ค.ศ. 199 อำเภอไท่คาง มณฑลเหอหนาน |
เสียชีวิต | 12 มกราคม ค.ศ. 279[a] (79 ปี) |
บุตร |
|
อาชีพ | ขุนนาง |
ชื่อรอง | อิ๋งเข่า (颖考) |
สมัญญานาม | เซี่ยวกง (孝公) ยฺเหวียนกง (元公) |
บรรดาศักดิ์ | หล่างหลิงเซี่ยนกง (朗陵县公) |
โฮเจ้ง[1] (ค.ศ. 199 - 12 มกราคม ค.ศ. 279[a]) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า เหอ เจิง (จีน: 何曾; พินอิน: Hé Zēng) ชื่อรอง อิ๋งเข่า (จีน: 颖考; พินอิน: Yǐngkǎo) เป็นขุนนางและขุนพลของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน ภายหลังเป็นขุนนางของราชวงศ์จิ้นตะวันตก
ภูมิหลังครอบครัวและประวัติช่วงต้น
[แก้]โฮเจ้งเป็นชาวอำเภอหยางเซี่ย (陽夏縣 หยางเซี่ยเซี่ยน) ราชรัฐเฉิน (陳國 เฉินกั๋ว) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอไท่คาง มณฑลเหอหนานในปัจจุบัน[3] บิดาของโฮเจ้งคือเหอ ขุย (何夔) มีตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมราชรถ (太僕 ไท่ผู่) ของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊ก และมีบรรดาศักดิ์เป็นหยางอู่ถิงโหว (陽武亭侯)[4] เทียดของโฮเจ้งคือเหอ ซี (何熙) ผู้เป็นขุนพลทหารม้าและรถรบ (車騎將軍 เชอฉีเจียงจฺวิน) ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก
เหอ ขุยบิดาของโฮเจ้งเสียชีวิตตั้งแต่โฮเจ้งยังอยู่ในวัยเยาว์ โฮเจ้งได้สืบทอดบรรดาศักดิ์หยางอู่ถิงโหวของบิดา โฮเจ้งชอบศึกษาเล่าเรียนและมีชื่อเสียงเทียบเท่ากับยฺเหวียน ข่าน (袁侃) ที่เป็นคนเมืองเดียวกัน[5]
การรับราชการกับวุยก๊ก
[แก้]ในช่วงที่โจยอยจักรพรรดิลำดับที่ 3 ของรัฐวุยก๊กยังคงดำรงฐานันดรศักดิ์เป็นเฮาแห่งเพงงวน (平原侯 ผิง-ยฺเหวียนโหว) โฮเจ้งมีตำแหน่งเป็นบัณฑิตวรรณกรรม (文學 เหวินเสฺว) ของโจยอย[6] หลังโจยอยขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 226 โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งเจ้าพนักงานทหารม้ามหาดเล็ก (散騎侍郎 ซ่านฉีชื่อหลาง), ขุนพลราชองครักษ์นิคมการเกษตรประจำเมืองจี๋ (汲郡典農中郎將 จี๋จฺวิ้นเตี่ยนหยงจงหลางเจี้ยง), เจ้าพนักงานสำนักประตูเหลือง (黃門侍郎 หฺวางเหมินชื่อหลาง)[7] และนายทหารม้ามหาดเล็ก (散騎常侍 ซานฉีฉางชื่อ) ตามลำดับ[8] ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองโห้ลาย (河內郡 เหอเน่ยจวิ้น) ได้รับการยกย่องในเรื่องความน่าเกรงขาม[9] ภายหลังยังได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) แต่ลาออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมาเพื่อไว้ทุกข์ให้มารดาที่เสียชีวิต[10]
หลังโจฮองจักรพรรดิลำดับที่ 4 ของรัฐวุยก๊กขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 239 โจซองผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผูกขาดอำนาจ ลดทอนอำนาจของสุมาอี้ที่เป็นผู้สำเร็จราชการร่วม ในปี ค.ศ. 247 สุมาอี้อ้างว่าตนป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงโจซอง โฮเจ้งก็ลาออกจากราชการด้วยเหตุผลว่าป่วยเช่นกัน[11]
ในปี ค.ศ. 249 สุมาอี้ก่อการรัฐประหารในอุบัติการณ์สุสานโกเบงเหลง โจซองจำต้องยอมสละอำนาจให้สุมาอี้ แล้วโจซองก็ถูกสุมาอี้สั่งประหารชีวิตในเวลาต่อมา โฮเจ้งได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้งหลังการเสียชีวิตของโจซอง[12]
ในช่วงศักราชเจียผิง (嘉平; ค.ศ. 249-254) โฮเจ้งมีตำแหน่งเป็นผู้บังคับการมณฑลราชธานี (司隸校尉 ซือลี่เซี่ยวเว่ย์)[13] ในช่วงเวลานั้น อิ่น หมัว (尹模) ผู้เป็นนายกองสงบทัพ (撫軍校事 ฝู่จฺวินเซี่ยวชื่อ) ใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อประโยชน์ส่วนตน และสะสมทรัพย์สินจำนวนมากที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย ขุนนางในราชสำนักต่างไม่กล้าฟ้องร้องเรื่องนี้ มีเพียงโฮเจ้งที่กล้าฟ้องเรื่องพฤติกรรมผิดกฎหมายของอิ่น หมัว โฮเจ้งจึงได้รับการยกย่องอย่างราชสำนักอย่างมาก[14]
ในปี ค.ศ. 254 โฮเจ้งเข้าร่วมกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สุมาสูในการปลดโจฮองจากการเป็นจักรพรรดิ[15]
โฮเจ้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการมณฑลราชธานีเป็นเวลาหลายปี ต่อมาได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งราชเลขาธิการ (尚書 ช่างชู)[16] ในช่วงศักราชเจงหงวน (正元 เจิ้ง-ยฺเหวียน; ค.ศ. 254-256) โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลพิทักษ์ภาคเหนือ (鎮北將軍 เจิ้นเป่ย์เจียงจฺวิน) รับผิดชอบดูแลราชการทหารทั้งหมดในภูมิภาคเหอเป่ย์ (河北)[17] ในวันที่โฮเจ้งออกเดินทางไปรับตำแหน่ง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สุมาเจียวสั่งบุตรชายสองคนคือสุมาเอี๋ยนและสุมาฮิวให้ไปส่งโฮเจ้งเป็นระยะทางหลายสิบลี้[18] ภายหลังโฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลโจมตีภาคเหนือ (征北將軍 เจิงเป่ย์เจียงจฺวิน) และได้รับการตั้งให้มีบรรดาศักดิ์อิ่งชางเซียงโหว (潁昌鄕侯)[19]
ในปี ค.ศ. 264 ในเดือน 3 ของศักราชเสียนซี (咸熙; ค.ศ. 264-265) ปีที่ 1 โฮเจ้งได้เลื่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งเสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู) และได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นหล่างหลิงโหว (朗陵侯)[20]
ในปี ค.ศ. 265 สุมาเอี๋ยนสืบทอดฐานันดรศักดิ์จีนอ๋อง (晉王 จิ้นหวาง) หลังการเสียชีวิตของสุมาเจียว โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นอัครมหาเสนาบดี (丞相 เฉิงเซี่ยง) แห่งรัฐจิ้น และยังได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง)[21][22]
การรับราชการกับราชวงศ์จิ้น
[แก้]ต่อมาไม่นาน โฮเจ้งพร้อมด้วยหุยสิว, อองซิม และคนอื่น ๆ เสนอให้สุมาเอี๋ยนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ[23] ในปีเดียวกันนั้น สุมาเอี๋ยนบังคับโจฮวนจักรพรรดิลำดับที่ 5 แห่งวุยก๊กให้สละราชบัลลังก์ สุมาเอี๋ยนก่อตั้งราชวงศ์จิ้นและขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ พระองค์ทรงแต่งตั้งให้โฮเจ้งเป็นเสนาบดีกลาโหม (太尉 ไท่เว่ย์) ให้มีบรรดาศักดิ์เป็นหล่านหลิงเซี่ยนกง (朗陵縣公) มีศักดินา 1,800 ครัวเรือน[24][25]
ในปี ค.ศ. 267 โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาองครักษ์ (太保 ไท่เป่า) โดยยังคงดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง)[26][27]
ในปี ค.ศ. 273 โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู)[28][29]
ในปี ค.ศ. 276 โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นราชครู (太傅 ไท่ฟู่)[30][31]
ในปี ค.ศ. 278 โฮเจ้งขอลาออกจากราชการหลายครั้งเนื่องจากเห็นว่าตนชรามากแล้ว จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนจึงทรงแต่งตั้งให้โฮเจ้งเป็นอัครมหาเสนาบดี (太宰 ไท่ไจ่) ทรงอนุญาตโฮเจ้งให้สวมรองเท้าพกกระบี่และนั่งรถม้าเข้าวังเวลามาเข้าเฝ้าได้ พระองค์ยังพระราชทานเงินและผ้าไหมอีกด้วย ทุกครั้งที่โฮเจ้งเข้าเฝ้าจะได้รับอนุญาตให้นำอาหารและเสื้อผ้าที่สวมเวลาปกติไปด้วย รวมถึงให้พาบุตรชายสองคนมาเข้าเฝ้าด้วยได้[32][33]
เสียชีวิต
[แก้]วันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 279[a] โฮเจ้งเสียชีวิตขณะมีอายุ 80 ปี[2][34] จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงไว้ทุกข์ให้โฮเจ้งโดยการสวมฉลองพระองค์สีเรียบขณะทรงอยู่ในท้องพระโรง ทั้งยังพระราชทานเงิน ผ้าไหม โลงศพ และเครื่องแต่งกายของผู้วายชนม์[35]
ภายหลังเมื่อมีการหารือเรื่องการตั้งสมัญญานามให้โฮเจ้ง บัณฑิตฉิน ซิ่ว (秦秀) เสนอให้ตั้งสมัญญานามว่า "เมี่ยวโฉ่วกง" (繆醜公) โดยอ้างอิงจากหลักการการตั้งสมัญญานามว่า "ชื่อเสียงและตัวตนแท้ไม่สอดคล้องกันเรียกว่าเมี่ยว (繆) หุนหันพลันแล่นเรียกว่าโฉ่ว (醜)" จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงไม่เห็นด้วย และทรงตัดสินพระทัยตั้งสมัญญานามให้โฮเจ้งว่า "เซี่ยวกง" (孝公)[36]
ในช่วงศักราชไท่คาง (太康; ค.ศ. 280-289) เหอ เช่า (何劭) บุตรชายของโฮเจ้งถวายฎีกาขอเปลี่ยนสมัญญานามของโฮเจ้งเป็น "ยฺเหวียนกง" (元公)[37]
ดูเพิ่ม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 1.2 บทพระราชประวัติสุมาเอี๋ยน (จักรพรรดิจิ้นอู่ตี้) ในจิ้นชูระบุว่าโฮเจ้งเสียชีวิตในวันติงเว่ย์ (丁未) ในเดือน 12 ของศักราชเสียนหนิง (咸寧) ปีที่ 4 ในรัชสมัยของสุมาเอี๋ยน[2] วันที่นี้เทียบได้กับวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 279 ในปฏิทินกริกอเรียน
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ("ฝ่ายโฮเจ้งจึงปรึกษาแก่ขุนนางทั้งปวงว่า อันราชการบ้านเมืองแต่ก่อนนั้นสิทธิ์ขาดอยู่แก่เจ้าจีนอ๋อง บัดนี้เจ้าจีนอ๋องก็หาบุญไม่แล้ว ควรที่จะยกเจ้าชีจู้ขึ้นเปนที่จีนอ๋องว่าราชการบ้านเมืองสืบไป ขุนนางทั้งปวงก็เห็นพร้อมด้วย จึงตั้งเจ้าชีจู้เปนที่จีนอ๋องแทนสุมาเจียวผู้บิดา ก็ให้โฮเจ้งเปนที่มหาอุปราช แล้วตั้งแต่งขุนนางทั้งปวงตามฐานาศักดิ์โดยสมควร") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๗". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ March 8, 2025.
- ↑ 2.0 2.1 [(咸寧四年)十二月......丁未,太宰朗陵公何曾薨。] จิ้นชู เล่มที่ 3
- ↑ (何曾,字穎考,陳國陽夏人也。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (父夔,魏太僕、陽武亭侯。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (曾少襲爵,好學博聞,與同郡袁侃齊名。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (魏明帝初爲平原侯,曾爲文學。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (及即位,累遷散騎侍郎、汲郡典農中郎將、給事黃門侍郎。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (頃之,遷散騎常侍。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (出補河內太守,在任有威嚴之稱。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (徵拜侍中,母憂去官。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (時曹爽專權,宣帝稱疾,曾亦謝病。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (爽誅,乃起視事) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (嘉平中,爲司隸校尉。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (撫軍校事尹模憑寵作威,奸利盈積,朝野畏憚,莫敢言者。曾奏劾之,朝廷稱焉。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (魏帝之廢也,曾預其謀焉。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (曾在司隸積年,遷尚書) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (正元年中爲鎮北將軍、都督河北諸軍事、假節。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (將之鎮,文帝使武帝、齊王攸辭送數十里。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (遷征北將軍,進封潁昌鄕侯。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (咸熙初,拜司徒,改封郎陵侯。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (九月戊午,以魏司徒何曾爲丞相,鎮南將軍王沈爲御史大夫,中護軍賈充爲衛將軍,議郎裴秀爲尚書令、光祿大夫,皆開府。) จิ้นชู เล่มที่ 3.
- ↑ (武帝襲王位,以曾爲晉丞相,加侍中。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (與裴秀、王沈等勸進。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ ([泰始元年冬十二月]丁卯...丞相何曾爲太尉...) จิ้นชู เล่มที่ 3.
- ↑ (踐阼,拜太尉,進爵爲公,食邑千八百戸。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ ([泰始三年]九月甲申,詔曰:「古者以德詔爵,以庸制祿,雖下士猶食上農,外足以奉公忘私,內足以養親施惠。今在位者祿不代耕,非所以崇化之本也。其議增吏俸。」賜王公以下帛各有差。以太尉何曾爲太保,義陽王望爲太尉,司空荀顗爲司徒。) จิ้นชู เล่มที่ 3.
- ↑ (泰始初,詔曰:「蓋謨明弼諧,王躬是保,所以宣崇大訓,克咸四海也。侍中、太尉何曾,立德高峻,執心忠亮,博物洽聞,明識弘達,翼佐先皇,勳庸顯著。朕纂洪業,首相王室。迪惟前人,施於朕躬。實佐命興化,光贊政道。夫三司之任,雖左右王事,若乃予違汝弼,匡獎不逮,則存平保傅。故將明袞職,未如用乂厥辟之重。其以曾爲太保,侍中如故。」) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ ([泰始九年]五月,旱。以太保何曾領司徒。) จิ้นชู เล่มที่ 3.
- ↑ (久之,以本官領司徒。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ ([咸寧二年]八月...己亥,以太保何曾爲太傅,太尉陳騫爲大司馬,司空賈充爲太尉,鎮軍大將軍齊王攸爲司空。) จิ้นชู เล่มที่ 3.
- ↑ (進位太傅。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ ([咸寧四年]九月,以太傅何曾爲太宰。) จิ้นชู เล่มที่ 3.
- ↑ (曾以老年,屢乞遜位。詔曰:「太傅明朗高亮,執心弘毅,可謂舊德老成,國之宗臣者也。而高尚其事,屢辭祿位。朕以寡德,憑賴保佑,省覽章表,實用憮然。雖欲成人之美,豈得遂其雅志,而忘翼佐之益哉!又司徒所掌務煩,不可久勞耆艾。其進太宰,侍中如故。朝會劍履乘輿上殿,如漢相國蕭何、田千秋、魏太傅鍾繇故事。賜錢百萬,絹五百匹及八尺床帳簟褥自副。置長史掾屬祭酒及員吏,一依舊制。所給親兵官騎如前。主者依次按禮典,務使優備。」後每召見,敕以常所飲食服物自隨,令二子侍從。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (咸寧四年薨,時年八十。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (帝於朝堂素服舉哀,賜東園秘器,朝服一具,衣一襲,錢三十萬,布百匹。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (將葬,下禮官議諡。博士秦秀諡爲「繆醜」,帝不從,策諡曰孝。太康末,子劭自表改諡爲元。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
- ↑ (太康末,子劭自表改諡爲元。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
บรรณานุกรม
[แก้]- ตันซิ่ว (คริสต์ศตวรรษที่ 3). สามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อ).
- เผย์ ซงจือ (คริสต์ศตวรรษที่ 5). อรรถาธิบายสามก๊กจี่ (ซานกั๋วจื้อจู้).
- ฝาน เสฺวียนหลิง (648). จิ้นชู.