ข้ามไปเนื้อหา

โฮเจ้ง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โฮเจ้ง (เหอ เจิง)
何曾
อัครมหาเสนาบดี (太宰 ไท่ไจ่)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 278 (278) – 12 มกราคม ค.ศ. 279 (279)
กษัตริย์สุมาเอี๋ยน
ราชครู (太傅 ไท่ฟู่)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 276 (276) – ค.ศ. 278 (278)
กษัตริย์สุมาเอี๋ยน
เสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 273 (273) – ค.ศ. 276 (276)
กษัตริย์สุมาเอี๋ยน
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 264 (264) – ค.ศ. 265 (265)
กษัตริย์โจฮวน
มหาองครักษ์ (太保 ไท่เป่า)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 267 (267) – ค.ศ. 273 (273)
กษัตริย์สุมาเอี๋ยน
เสนาบดีกลาโหม (太尉 ไท่เว่ย์)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 266 (266) – ค.ศ. 267 (267)
กษัตริย์สุมาเอี๋ยน
ขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 265 (265) – ค.ศ. 273 (273)
กษัตริย์โจฮวน / สุมาเอี๋ยน
อัครมหาเสนาบดีแห่งรัฐจิ้น
(晋国丞相 จิ้นกั๋วเฉิงเซี่ยง)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. 265 (265) – ค.ศ. 266 (266)
กษัตริย์โจฮวน
ขุนพลโจมตีภาคเหนือ
(征北將軍 เจิงเป่ย์เจียงจฺวิน)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. 264 (264)
กษัตริย์โจฮวน
ขุนพลพิทักษ์ภาคเหนือ
(鎮北將軍 เจิ้นเป่ย์เจียงจฺวิน)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจมอ
ราชเลขาธิการ (尚書 ช่างชู)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. ? (?)
ผู้บังคับการมณฑลราชธานี
(司隸校尉 ซือลี่เซี่ยวเว่ย์)
ดำรงตำแหน่ง
ค.ศ. ? (?) – ค.ศ. ? (?)
กษัตริย์โจฮอง
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิดค.ศ. 199
อำเภอไท่คาง มณฑลเหอหนาน
เสียชีวิต12 มกราคม ค.ศ. 279[a] (79 ปี)
บุตร
  • เหอ เช่า (何劭)
  • เหอ จุน (何遵)
อาชีพขุนนาง
ชื่อรองอิ๋งเข่า (颖考)
สมัญญานามเซี่ยวกง (孝公)
ยฺเหวียนกง (元公)
บรรดาศักดิ์หล่างหลิงเซี่ยนกง (朗陵县公)

โฮเจ้ง[1] (ค.ศ. 199 - 12 มกราคม ค.ศ. 279[a]) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า เหอ เจิง (จีน: 何曾; พินอิน: Hé Zēng) ชื่อรอง อิ๋งเข่า (จีน: 颖考; พินอิน: Yǐngkǎo) เป็นขุนนางและขุนพลของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊กของจีน ภายหลังเป็นขุนนางของราชวงศ์จิ้นตะวันตก

ภูมิหลังครอบครัวและประวัติช่วงต้น

[แก้]

โฮเจ้งเป็นชาวอำเภอหยางเซี่ย (陽夏縣 หยางเซี่ยเซี่ยน) ราชรัฐเฉิน (陳國 เฉินกั๋ว) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอไท่คาง มณฑลเหอหนานในปัจจุบัน[3] บิดาของโฮเจ้งคือเหอ ขุย (何夔) มีตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมราชรถ (太僕 ไท่ผู่) ของรัฐวุยก๊กในยุคสามก๊ก และมีบรรดาศักดิ์เป็นหยางอู่ถิงโหว (陽武亭侯)[4] เทียดของโฮเจ้งคือเหอ ซี (何熙) ผู้เป็นขุนพลทหารม้าและรถรบ (車騎將軍 เชอฉีเจียงจฺวิน) ในยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก

เหอ ขุยบิดาของโฮเจ้งเสียชีวิตตั้งแต่โฮเจ้งยังอยู่ในวัยเยาว์ โฮเจ้งได้สืบทอดบรรดาศักดิ์หยางอู่ถิงโหวของบิดา โฮเจ้งชอบศึกษาเล่าเรียนและมีชื่อเสียงเทียบเท่ากับยฺเหวียน ข่าน (袁侃) ที่เป็นคนเมืองเดียวกัน[5]

การรับราชการกับวุยก๊ก

[แก้]

ในช่วงที่โจยอยจักรพรรดิลำดับที่ 3 ของรัฐวุยก๊กยังคงดำรงฐานันดรศักดิ์เป็นเฮาแห่งเพงงวน (平原侯 ผิง-ยฺเหวียนโหว) โฮเจ้งมีตำแหน่งเป็นบัณฑิตวรรณกรรม (文學 เหวินเสฺว) ของโจยอย[6] หลังโจยอยขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 226 โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งเจ้าพนักงานทหารม้ามหาดเล็ก (散騎侍郎 ซ่านฉีชื่อหลาง), ขุนพลราชองครักษ์นิคมการเกษตรประจำเมืองจี๋ (汲郡典農中郎將 จี๋จฺวิ้นเตี่ยนหยงจงหลางเจี้ยง), เจ้าพนักงานสำนักประตูเหลือง (黃門侍郎 หฺวางเหมินชื่อหลาง)[7] และนายทหารม้ามหาดเล็ก (散騎常侍 ซานฉีฉางชื่อ) ตามลำดับ[8] ต่อมาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉ่ว) ของเมืองโห้ลาย (河內郡 เหอเน่ยจวิ้น) ได้รับการยกย่องในเรื่องความน่าเกรงขาม[9] ภายหลังยังได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) แต่ลาออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมาเพื่อไว้ทุกข์ให้มารดาที่เสียชีวิต[10]

หลังโจฮองจักรพรรดิลำดับที่ 4 ของรัฐวุยก๊กขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 239 โจซองผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผูกขาดอำนาจ ลดทอนอำนาจของสุมาอี้ที่เป็นผู้สำเร็จราชการร่วม ในปี ค.ศ. 247 สุมาอี้อ้างว่าตนป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงโจซอง โฮเจ้งก็ลาออกจากราชการด้วยเหตุผลว่าป่วยเช่นกัน[11]

ในปี ค.ศ. 249 สุมาอี้ก่อการรัฐประหารในอุบัติการณ์สุสานโกเบงเหลง โจซองจำต้องยอมสละอำนาจให้สุมาอี้ แล้วโจซองก็ถูกสุมาอี้สั่งประหารชีวิตในเวลาต่อมา โฮเจ้งได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้งหลังการเสียชีวิตของโจซอง[12]

ในช่วงศักราชเจียผิง (嘉平; ค.ศ. 249-254) โฮเจ้งมีตำแหน่งเป็นผู้บังคับการมณฑลราชธานี (司隸校尉 ซือลี่เซี่ยวเว่ย์)[13] ในช่วงเวลานั้น อิ่น หมัว (尹模) ผู้เป็นนายกองสงบทัพ (撫軍校事 ฝู่จฺวินเซี่ยวชื่อ) ใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อประโยชน์ส่วนตน และสะสมทรัพย์สินจำนวนมากที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย ขุนนางในราชสำนักต่างไม่กล้าฟ้องร้องเรื่องนี้ มีเพียงโฮเจ้งที่กล้าฟ้องเรื่องพฤติกรรมผิดกฎหมายของอิ่น หมัว โฮเจ้งจึงได้รับการยกย่องอย่างราชสำนักอย่างมาก[14]

ในปี ค.ศ. 254 โฮเจ้งเข้าร่วมกับผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สุมาสูในการปลดโจฮองจากการเป็นจักรพรรดิ[15]

โฮเจ้งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการมณฑลราชธานีเป็นเวลาหลายปี ต่อมาได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งราชเลขาธิการ (尚書 ช่างชู)[16] ในช่วงศักราชเจงหงวน (正元 เจิ้ง-ยฺเหวียน; ค.ศ. 254-256) โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลพิทักษ์ภาคเหนือ (鎮北將軍 เจิ้นเป่ย์เจียงจฺวิน) รับผิดชอบดูแลราชการทหารทั้งหมดในภูมิภาคเหอเป่ย์ (河北)[17] ในวันที่โฮเจ้งออกเดินทางไปรับตำแหน่ง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สุมาเจียวสั่งบุตรชายสองคนคือสุมาเอี๋ยนและสุมาฮิวให้ไปส่งโฮเจ้งเป็นระยะทางหลายสิบลี้[18] ภายหลังโฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลโจมตีภาคเหนือ (征北將軍 เจิงเป่ย์เจียงจฺวิน) และได้รับการตั้งให้มีบรรดาศักดิ์อิ่งชางเซียงโหว (潁昌鄕侯)[19]

ในปี ค.ศ. 264 ในเดือน 3 ของศักราชเสียนซี (咸熙; ค.ศ. 264-265) ปีที่ 1 โฮเจ้งได้เลื่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งเสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู) และได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นหล่างหลิงโหว (朗陵侯)[20]

ในปี ค.ศ. 265 สุมาเอี๋ยนสืบทอดฐานันดรศักดิ์จีนอ๋อง (晉王 จิ้นหวาง) หลังการเสียชีวิตของสุมาเจียว โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นอัครมหาเสนาบดี (丞相 เฉิงเซี่ยง) แห่งรัฐจิ้น และยังได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง)[21][22]

การรับราชการกับราชวงศ์จิ้น

[แก้]

ต่อมาไม่นาน โฮเจ้งพร้อมด้วยหุยสิว, อองซิม และคนอื่น ๆ เสนอให้สุมาเอี๋ยนขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ[23] ในปีเดียวกันนั้น สุมาเอี๋ยนบังคับโจฮวนจักรพรรดิลำดับที่ 5 แห่งวุยก๊กให้สละราชบัลลังก์ สุมาเอี๋ยนก่อตั้งราชวงศ์จิ้นและขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ พระองค์ทรงแต่งตั้งให้โฮเจ้งเป็นเสนาบดีกลาโหม (太尉 ไท่เว่ย์) ให้มีบรรดาศักดิ์เป็นหล่านหลิงเซี่ยนกง (朗陵縣公) มีศักดินา 1,800 ครัวเรือน[24][25]

ในปี ค.ศ. 267 โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาองครักษ์ (太保 ไท่เป่า) โดยยังคงดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง)[26][27]

ในปี ค.ศ. 273 โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นเสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู)[28][29]

ในปี ค.ศ. 276 โฮเจ้งได้รับการแต่งตั้งเป็นราชครู (太傅 ไท่ฟู่)[30][31]

ในปี ค.ศ. 278 โฮเจ้งขอลาออกจากราชการหลายครั้งเนื่องจากเห็นว่าตนชรามากแล้ว จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนจึงทรงแต่งตั้งให้โฮเจ้งเป็นอัครมหาเสนาบดี (太宰 ไท่ไจ่) ทรงอนุญาตโฮเจ้งให้สวมรองเท้าพกกระบี่และนั่งรถม้าเข้าวังเวลามาเข้าเฝ้าได้ พระองค์ยังพระราชทานเงินและผ้าไหมอีกด้วย ทุกครั้งที่โฮเจ้งเข้าเฝ้าจะได้รับอนุญาตให้นำอาหารและเสื้อผ้าที่สวมเวลาปกติไปด้วย รวมถึงให้พาบุตรชายสองคนมาเข้าเฝ้าด้วยได้[32][33]

เสียชีวิต

[แก้]

วันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 279[a] โฮเจ้งเสียชีวิตขณะมีอายุ 80 ปี[2][34] จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงไว้ทุกข์ให้โฮเจ้งโดยการสวมฉลองพระองค์สีเรียบขณะทรงอยู่ในท้องพระโรง ทั้งยังพระราชทานเงิน ผ้าไหม โลงศพ และเครื่องแต่งกายของผู้วายชนม์[35]

ภายหลังเมื่อมีการหารือเรื่องการตั้งสมัญญานามให้โฮเจ้ง บัณฑิตฉิน ซิ่ว (秦秀) เสนอให้ตั้งสมัญญานามว่า "เมี่ยวโฉ่วกง" (繆醜公) โดยอ้างอิงจากหลักการการตั้งสมัญญานามว่า "ชื่อเสียงและตัวตนแท้ไม่สอดคล้องกันเรียกว่าเมี่ยว (繆) หุนหันพลันแล่นเรียกว่าโฉ่ว (醜)" จักรพรรดิสุมาเอี๋ยนทรงไม่เห็นด้วย และทรงตัดสินพระทัยตั้งสมัญญานามให้โฮเจ้งว่า "เซี่ยวกง" (孝公)[36]

ในช่วงศักราชไท่คาง (太康; ค.ศ. 280-289) เหอ เช่า (何劭) บุตรชายของโฮเจ้งถวายฎีกาขอเปลี่ยนสมัญญานามของโฮเจ้งเป็น "ยฺเหวียนกง" (元公)[37]

ดูเพิ่ม

[แก้]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 บทพระราชประวัติสุมาเอี๋ยน (จักรพรรดิจิ้นอู่ตี้) ในจิ้นชูระบุว่าโฮเจ้งเสียชีวิตในวันติงเว่ย์ (丁未) ในเดือน 12 ของศักราชเสียนหนิง (咸寧) ปีที่ 4 ในรัชสมัยของสุมาเอี๋ยน[2] วันที่นี้เทียบได้กับวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 279 ในปฏิทินกริกอเรียน

อ้างอิง

[แก้]
  1. ("ฝ่ายโฮเจ้งจึงปรึกษาแก่ขุนนางทั้งปวงว่า อันราชการบ้านเมืองแต่ก่อนนั้นสิทธิ์ขาดอยู่แก่เจ้าจีนอ๋อง บัดนี้เจ้าจีนอ๋องก็หาบุญไม่แล้ว ควรที่จะยกเจ้าชีจู้ขึ้นเปนที่จีนอ๋องว่าราชการบ้านเมืองสืบไป ขุนนางทั้งปวงก็เห็นพร้อมด้วย จึงตั้งเจ้าชีจู้เปนที่จีนอ๋องแทนสุมาเจียวผู้บิดา ก็ให้โฮเจ้งเปนที่มหาอุปราช แล้วตั้งแต่งขุนนางทั้งปวงตามฐานาศักดิ์โดยสมควร") "สามก๊ก ตอนที่ ๘๗". วัชรญาณ. สืบค้นเมื่อ March 8, 2025.
  2. 2.0 2.1 [(咸寧四年)十二月......丁未,太宰朗陵公何曾薨。] จิ้นชู เล่มที่ 3
  3. (何曾,字穎考,陳國陽夏人也。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  4. (父夔,魏太僕、陽武亭侯。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  5. (曾少襲爵,好學博聞,與同郡袁侃齊名。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  6. (魏明帝初爲平原侯,曾爲文學。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  7. (及即位,累遷散騎侍郎、汲郡典農中郎將、給事黃門侍郎。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  8. (頃之,遷散騎常侍。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  9. (出補河內太守,在任有威嚴之稱。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  10. (徵拜侍中,母憂去官。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  11. (時曹爽專權,宣帝稱疾,曾亦謝病。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  12. (爽誅,乃起視事) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  13. (嘉平中,爲司隸校尉。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  14. (撫軍校事尹模憑寵作威,奸利盈積,朝野畏憚,莫敢言者。曾奏劾之,朝廷稱焉。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  15. (魏帝之廢也,曾預其謀焉。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  16. (曾在司隸積年,遷尚書) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  17. (正元年中爲鎮北將軍、都督河北諸軍事、假節。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  18. (將之鎮,文帝使武帝、齊王攸辭送數十里。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  19. (遷征北將軍,進封潁昌鄕侯。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  20. (咸熙初,拜司徒,改封郎陵侯。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  21. (九月戊午,以魏司徒何曾爲丞相,鎮南將軍王沈爲御史大夫,中護軍賈充爲衛將軍,議郎裴秀爲尚書令、光祿大夫,皆開府。) จิ้นชู เล่มที่ 3.
  22. (武帝襲王位,以曾爲晉丞相,加侍中。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  23. (與裴秀、王沈等勸進。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  24. ([泰始元年冬十二月]丁卯...丞相何曾爲太尉...) จิ้นชู เล่มที่ 3.
  25. (踐阼,拜太尉,進爵爲公,食邑千八百戸。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  26. ([泰始三年]九月甲申,詔曰:「古者以德詔爵,以庸制祿,雖下士猶食上農,外足以奉公忘私,內足以養親施惠。今在位者祿不代耕,非所以崇化之本也。其議增吏俸。」賜王公以下帛各有差。以太尉何曾爲太保,義陽王望爲太尉,司空荀顗爲司徒。) จิ้นชู เล่มที่ 3.
  27. (泰始初,詔曰:「蓋謨明弼諧,王躬是保,所以宣崇大訓,克咸四海也。侍中、太尉何曾,立德高峻,執心忠亮,博物洽聞,明識弘達,翼佐先皇,勳庸顯著。朕纂洪業,首相王室。迪惟前人,施於朕躬。實佐命興化,光贊政道。夫三司之任,雖左右王事,若乃予違汝弼,匡獎不逮,則存平保傅。故將明袞職,未如用乂厥辟之重。其以曾爲太保,侍中如故。」) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  28. ([泰始九年]五月,旱。以太保何曾領司徒。) จิ้นชู เล่มที่ 3.
  29. (久之,以本官領司徒。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  30. ([咸寧二年]八月...己亥,以太保何曾爲太傅,太尉陳騫爲大司馬,司空賈充爲太尉,鎮軍大將軍齊王攸爲司空。) จิ้นชู เล่มที่ 3.
  31. (進位太傅。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  32. ([咸寧四年]九月,以太傅何曾爲太宰。) จิ้นชู เล่มที่ 3.
  33. (曾以老年,屢乞遜位。詔曰:「太傅明朗高亮,執心弘毅,可謂舊德老成,國之宗臣者也。而高尚其事,屢辭祿位。朕以寡德,憑賴保佑,省覽章表,實用憮然。雖欲成人之美,豈得遂其雅志,而忘翼佐之益哉!又司徒所掌務煩,不可久勞耆艾。其進太宰,侍中如故。朝會劍履乘輿上殿,如漢相國蕭何、田千秋、魏太傅鍾繇故事。賜錢百萬,絹五百匹及八尺床帳簟褥自副。置長史掾屬祭酒及員吏,一依舊制。所給親兵官騎如前。主者依次按禮典,務使優備。」後每召見,敕以常所飲食服物自隨,令二子侍從。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  34. (咸寧四年薨,時年八十。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  35. (帝於朝堂素服舉哀,賜東園秘器,朝服一具,衣一襲,錢三十萬,布百匹。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  36. (將葬,下禮官議諡。博士秦秀諡爲「繆醜」,帝不從,策諡曰孝。太康末,子劭自表改諡爲元。) จิ้นชู เล่มที่ 33.
  37. (太康末,子劭自表改諡爲元。) จิ้นชู เล่มที่ 33.

บรรณานุกรม

[แก้]