ข้ามไปเนื้อหา

โฮคชติฟท์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โฮคชติฟท์และมุขมณฑลในปลายคริสตวรรษที่ 18

ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ คำภาษาเยอรมันคำว่า โฮคชติฟท์ (เยอรมัน: Hochstift, พหูพจน์: Hochstifte) หมายถึง ดินแดนที่ปกครองโดยมุขนายกหรือพระสังฆราชในฐานะเจ้าชาย (เจ้าชายมุขนายก) ซึ่งแตกต่างจากมุขมณฑลหรือสังฆมณฑลที่มักจะมีขนาดใหญ่กว่าและพระสังฆราชมีอำนาจเฉพาะในด้านจิตวิญญาณเท่านั้น[1]

คำว่า “ราชรัฐมุขนายก” (อังกฤษ: Prince-Bishopric; เยอรมัน: Fürstbistum หรือบางครั้งก็ใช้เพียง Bistum) และ “รัฐศาสนจักร” (อังกฤษ: Ecclesiastical Principality) เป็นคำที่ใช้แทนความหมายเดียวกับคำว่า Hochstift และยังมีคำอื่น ๆ เช่น

ประวัติศาสตร์

[แก้]

ดินแดนโฮคชติฟท์ส่วนใหญ่ได้รับการจัดตั้งขึ้นในสมัยกลางโดยได้มาจากการบริจาคโดยกษัตริย์หรือจักรพรรดิ, การยกมรดกโดยขุนนางท้องถิ่นหรือการซื้อดินแดนเหล่านั้น โดยทั่วไปแล้วดินแดนโฮคชติฟท์มักประกอบด้วยพื้นที่ที่ไม่ได้ติดกันทั้งหมดแม้กระทั่งบางส่วนอาจอยู่นอกเขตมุขมณฑลของพระสังฆราช ในขณะที่มุขมณฑล คือ เขตปกครองด้านจิตวิญญาณ ดินแดนโฮคชติฟท์หรือราชรัฐมุขนายก คือ เขตปกครองแบบฆราวาสที่มีสถานะเป็นดินแดนศักดินาแคว้นหนึ่งซึ่งตั้งขึ้นและมอบให้โดยจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยพระสังฆราชในการปกครองนี้จึงมีบทบาทสองทาง คือ ทางศาสนา (ecclesiastical) และทางโลก (secular) ซึ่งต้องอยู่ภายใต้กฎหมายสองระบบและเขตอำนาจศาลสองแบบ ความสัมพันธ์ระหว่างสองบทบาทนี้ ถูกกำหนดขึ้นบางส่วนโดยสนธิสัญญาแวมส์ ค.ศ. 1122 โฮคชติฟท์จำนวนมากก่อตั้งขึ้นในป ค.ศ. 1180 ภายหลังจากการแบ่งแยกบางส่วนของดัชชีซัคเซิน

เจ้าชายมุขนายก (Prince-Bishop) ซึ่งได้รับการเลือกตั้งโดยคณะนักบวชของอาสนวิหาร (cathedral chapter) มักมาจากตระกูลขุนนางชั้นสูงและมักจะได้รับ สถานะอิสระต่อจักรพรรดิอำนาจอธิปไตยซึ่งประมุขขึ้นโดยตรงต่อจักรพรรดิ ทำให้มุขนายกมีอำนาจปกครองรัฐของตนเทียบเท่ากับยศเจ้าชายทางฆราวาส เช่น ดยุก หรือ มาร์คกราฟ และยังมีที่นั่งและสิทธิออกเสียงในสภาจักรวรรดิ (Imperial Diet)

ราชรัฐมุขนายกถึงจุดสูงสุดในช่วงปลายยุคกลางโดยมีจำนวนมากกว่า 40 แห่ง แต่จำนวนราชรัฐมุขนายก (รวมถึงราชรัฐอัครมุขนายกด้วย) ลดลงเหลือเพียง 26 แห่งในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ไม่มีราชรัฐมุขนายกแห่งใหม่ถูกจัดตั้งขึ้นนานเกือบ 400 ปี ระหว่างการประกาศสารตราทอง ค.ศ. 1356 จนถึงการเปลี่ยนสถานะอารามหลวงฟุลดา (Princely Abbey of Fulda) ขึ้นเป็นมุขมณฑลใน ค.ศ. 1752 โฮคชติฟท์ทั้งหมดที่เหลืออยู่ถูกยึดและถูกทำให้เป็นฆราวาส (secularized) ในช่วงสงครามนโปเลียนในต้นคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 19 และไม่มีโฮคชติฟท์เหลืออยู่เมื่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ล่มสลายใน ค.ศ. 1806 ยกเว้นเพียงเบรสเลา (Breslau) ซึ่งอำนาจทางการเมืองที่เหลืออยู่ถูกปรัสเซียยกเลิกใน ค.ศ. 1810

หลักหินจาก ค.ศ. 1766 แสดงเขตแดนระหว่างราชรัฐมุขนายกมึนส์เทอร์ (มีตราอาร์มอยู่ด้านซ้าย) กับจังหวัดโอเฟอไรส์เซิลของเนเธอร์แลนด์

รายชื่อโฮคชติฟท์

[แก้]

วันที่เริ่มต้นที่แสดงไว้ด้านล่าง คือวันที่มีหลักฐานครั้งแรกเกี่ยวกับการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองดินแดน ซึ่งโดยมากแล้วจะเกิดขึ้นภายหลังจากการก่อตั้งมุขมณฑลจริง ๆ เป็นระยะเวลานานพอสมควร

ราชรัฐอัครมุขนายก

[แก้]

ราชรัฐมุขนายก

[แก้]

มุขมณฑลบางแห่งในออสเตรียแลบาวาเรีย เช่น มุขมณฑลคีมเซ, มุขมณฑลเกอร์ก์, มุขมณฑลลาวานต์และมุขมณฑลเซคเกา ไม่มีอำนาจปกครองดินแดนจึงไม่ถูกรวมอยู่ในรายชื่อถึงแม้ว่าจะเคยเข้าร่วมประชุมสภาจักรวรรดิก็ตาม

ดูเพิ่ม

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Hochstift. The lands ruled by a bishop as a prince (as opposed to his diocese). In the case of an archbishop: Erzstift. In the case of a prelate: Stift. Joachim Whaley, Germany and the Holy Roman Empire, Oxford University Press, 2012, volume 2, Glossary of German terms and other terms.