โฮคชติฟท์

ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ คำภาษาเยอรมันคำว่า โฮคชติฟท์ (เยอรมัน: Hochstift, พหูพจน์: Hochstifte) หมายถึง ดินแดนที่ปกครองโดยมุขนายกหรือพระสังฆราชในฐานะเจ้าชาย (เจ้าชายมุขนายก) ซึ่งแตกต่างจากมุขมณฑลหรือสังฆมณฑลที่มักจะมีขนาดใหญ่กว่าและพระสังฆราชมีอำนาจเฉพาะในด้านจิตวิญญาณเท่านั้น[1]
คำว่า “ราชรัฐมุขนายก” (อังกฤษ: Prince-Bishopric; เยอรมัน: Fürstbistum หรือบางครั้งก็ใช้เพียง Bistum) และ “รัฐศาสนจักร” (อังกฤษ: Ecclesiastical Principality) เป็นคำที่ใช้แทนความหมายเดียวกับคำว่า Hochstift และยังมีคำอื่น ๆ เช่น
- แอทซ์ชติฟท์ (Erzstift) หมายถึง ดินแดนของเจ้าชายอัครมุขนายก (Prince-Archbishop)
- คัวร์แอทซ์ชติฟท์ (Kurerzstift) หมายถึง ดินแดนของเจ้าชายอัครมุขนายกผู้คัดเลือก (Elector-Archbishop)
- ชติฟท์ (Stift) ใช้เรียกดินแดนที่ปกครองโดยอิมพีเรียลอธิการอาราม (อังกฤษ: Imperial-Abbot หรือ Abbess; เยอรมัน: Reichsabt หรือ Reichsäbtissin) หรือเจ้าชายอธิการอาราม (อังกฤษ: Prince-Abbot หรือ Prince-Provost; เยอรมัน: Fürstabt หรือ Fürstpropst)
ประวัติศาสตร์
[แก้]ดินแดนโฮคชติฟท์ส่วนใหญ่ได้รับการจัดตั้งขึ้นในสมัยกลางโดยได้มาจากการบริจาคโดยกษัตริย์หรือจักรพรรดิ, การยกมรดกโดยขุนนางท้องถิ่นหรือการซื้อดินแดนเหล่านั้น โดยทั่วไปแล้วดินแดนโฮคชติฟท์มักประกอบด้วยพื้นที่ที่ไม่ได้ติดกันทั้งหมดแม้กระทั่งบางส่วนอาจอยู่นอกเขตมุขมณฑลของพระสังฆราช ในขณะที่มุขมณฑล คือ เขตปกครองด้านจิตวิญญาณ ดินแดนโฮคชติฟท์หรือราชรัฐมุขนายก คือ เขตปกครองแบบฆราวาสที่มีสถานะเป็นดินแดนศักดินาแคว้นหนึ่งซึ่งตั้งขึ้นและมอบให้โดยจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยพระสังฆราชในการปกครองนี้จึงมีบทบาทสองทาง คือ ทางศาสนา (ecclesiastical) และทางโลก (secular) ซึ่งต้องอยู่ภายใต้กฎหมายสองระบบและเขตอำนาจศาลสองแบบ ความสัมพันธ์ระหว่างสองบทบาทนี้ ถูกกำหนดขึ้นบางส่วนโดยสนธิสัญญาแวมส์ ค.ศ. 1122 โฮคชติฟท์จำนวนมากก่อตั้งขึ้นในป ค.ศ. 1180 ภายหลังจากการแบ่งแยกบางส่วนของดัชชีซัคเซิน
เจ้าชายมุขนายก (Prince-Bishop) ซึ่งได้รับการเลือกตั้งโดยคณะนักบวชของอาสนวิหาร (cathedral chapter) มักมาจากตระกูลขุนนางชั้นสูงและมักจะได้รับ สถานะอิสระต่อจักรพรรดิอำนาจอธิปไตยซึ่งประมุขขึ้นโดยตรงต่อจักรพรรดิ ทำให้มุขนายกมีอำนาจปกครองรัฐของตนเทียบเท่ากับยศเจ้าชายทางฆราวาส เช่น ดยุก หรือ มาร์คกราฟ และยังมีที่นั่งและสิทธิออกเสียงในสภาจักรวรรดิ (Imperial Diet)
ราชรัฐมุขนายกถึงจุดสูงสุดในช่วงปลายยุคกลางโดยมีจำนวนมากกว่า 40 แห่ง แต่จำนวนราชรัฐมุขนายก (รวมถึงราชรัฐอัครมุขนายกด้วย) ลดลงเหลือเพียง 26 แห่งในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ไม่มีราชรัฐมุขนายกแห่งใหม่ถูกจัดตั้งขึ้นนานเกือบ 400 ปี ระหว่างการประกาศสารตราทอง ค.ศ. 1356 จนถึงการเปลี่ยนสถานะอารามหลวงฟุลดา (Princely Abbey of Fulda) ขึ้นเป็นมุขมณฑลใน ค.ศ. 1752 โฮคชติฟท์ทั้งหมดที่เหลืออยู่ถูกยึดและถูกทำให้เป็นฆราวาส (secularized) ในช่วงสงครามนโปเลียนในต้นคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 19 และไม่มีโฮคชติฟท์เหลืออยู่เมื่อจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ล่มสลายใน ค.ศ. 1806 ยกเว้นเพียงเบรสเลา (Breslau) ซึ่งอำนาจทางการเมืองที่เหลืออยู่ถูกปรัสเซียยกเลิกใน ค.ศ. 1810

รายชื่อโฮคชติฟท์
[แก้]วันที่เริ่มต้นที่แสดงไว้ด้านล่าง คือวันที่มีหลักฐานครั้งแรกเกี่ยวกับการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองดินแดน ซึ่งโดยมากแล้วจะเกิดขึ้นภายหลังจากการก่อตั้งมุขมณฑลจริง ๆ เป็นระยะเวลานานพอสมควร
ราชรัฐอัครมุขนายก
[แก้]- ราชรัฐอัครมุขนายกผู้คัดเลือกเทรียร์ (เยอรมัน: Kurtrier), ค.ศ. 898–1801, นิกายโรมันคาทอลิก
- ราชรัฐอัครมุขนายกผู้คัดเลือกโคโลญ (เยอรมัน: Kurköln), ค.ศ. 954–1803, นิกายโรมันคาทอลิกยกเว้นช่วงสงครามโคโลญ
- ราชรัฐอัครมุขนายกผู้คัดเลือกรัฐผู้คัดเลือกไมนทซ์ (เยอรมัน: Kurmainz), ค.ศ. 982–1803, นิกายโรมันคาทอลิก
- ราชรัฐอัครมุขนายกเบรเมิน ค.ศ. 1180–1648, นิกายโรมันคาทอลิกถึง ค.ศ. 1566 จากนั้นอยู่ภายใต้นิกายลูเทอรันและถูกทำให้เป็นฆราวาสเมื่อ ค.ศ. 1648 เป็นดัชชีเบรเมิน
- ราชรัฐอัครมุขนายกมัคเดอบวร์ค ค.ศ. 1180–1648, นิกายโรมันคาทอลิกถึง ค.ศ. 1566 จากนั้นอยู่ภายใต้นิกายลูเทอรันและถูกทำให้เป็นฆราวาสเมื่อ 1648 เป็นดัชชีมัคเดอบวร์คภายในบรันเดินบวร์ค-ปรัสเซีย
- ราชรัฐอัครมุขนายกมุขนายกเบอซ็องซง ค.ศ. 1184–1803, นิกายโรมันคาทอลิก; เสียให้ฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1678 ตามสนธิสัญญาไนเมเคิน
- ราชรัฐอัครมุขนายกมุขนายกซัลทซ์บวร์ค ค.ศ. 1278–1803, นิกายโรมันคาทอลิก; ถูกโลกิยานุวัติเป็นรัฐผู้คัดเลือกซัลทซ์บวร์ค
- ราชรัฐมุขนายกกองเบร ค.ศ. 1007–1802, นิกายโรมันคาทอลิก; ยกขึ้นเป็นอัครมุขนายกเมื่อ ค.ศ. 1559; เสียให้ฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1678 ตามสนธิสัญญาไนเมเคิน
ราชรัฐมุขนายก
[แก้]- ราชรัฐมุขนายกชไปเออร์, คริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 7–ค.ศ. 1803
- ราชรัฐมุขนายกชตราสบวร์ค, ค.ศ. 775–1803
- ราชรัฐมุขนายกเวิร์มส, ค.ศ. 861–1802
- ราชรัฐมุขนายกเอาคส์บวร์ค, ค.ศ. 888–1803
- ราชรัฐมุขนายกแม็ส, ค.ศ. 945–1648
- ราชรัฐมุขนายกคูร์, ค.ศ. 958–1798
- Prince-Bishopric of Zeitz then Naumburg, ค.ศ. 968–1564
- ราชรัฐมุขนายกลีแยฌ, ค.ศ. 972–1795
- ราชรัฐมุขนายกแวร์เดิง, ค.ศ. 997–1648
- ราชรัฐมุขนายกพัสเซา, ค.ศ. 999–1803
- ราชรัฐมุขนายกซียง, ค.ศ. 999–1648
- Prince-Bishopric of Merseburg, ค.ศ. 1004–1565
- ราชรัฐมุขนายกเตรนต์, ค.ศ. 1004–1803
- ราชรัฐมุขนายกยูเทรกต์, ค.ศ. 1024–1528
- ราชรัฐมุขนายกบริกเซิน, ค.ศ. 1027–1803
- ราชรัฐมุขนายกบาเซิล, ค.ศ. 1032–1803
- Prince-Bishopric of Toul, ค.ศ. 1048–1648
- ราชรัฐมุขนายกมึนส์เทอร์, ค.ศ. 1122–1802
- Prince-Bishopric of Havelberg, ค.ศ. 1144–1571
- ราชรัฐมุขนายกเจนีวา, ค.ศ. 1154–1535
- ราชรัฐมุขนายกค็อนชตันทซ์, ค.ศ. 1155–1803
- ราชรัฐมุขนายกบรันเดินบวร์ค, ค.ศ. 1165–1569
- ราชรัฐมุขนายกเวือทซ์บวร์ค, ค.ศ. 1168–1803
- ราชรัฐมุขนายกชเวรีน, ค.ศ. 1171–1648
- Prince-Bishopric of Halberstadt, ค.ศ. 1180–1648
- ราชรัฐมุขนายกลือเบ็ค, ค.ศ. 1180–1803
- ราชรัฐมุขนายกไมเซิน, ค.ศ. 1180–1666
- ราชรัฐมุขนายกมินเดิน, ค.ศ. 1180–1648
- Prince-Bishopric of Verden, ค.ศ. 1180–1648
- ราชรัฐมุขนายกเบร็สเลา, ค.ศ. 1198–1810
- ราชรัฐมุขนายกไฟรซิง, ค.ศ. 1220–1802
- ราชรัฐมุขนายกอ็อสนาบรึค, ค.ศ. 1226–1803
- ราชรัฐมุขนายกฮิลเดิสไฮม์, ค.ศ. 1235–1803
- Prince-Bishopric of Ratzeburg, ค.ศ. 1236–1648
- ราชรัฐมุขนายกบัมแบร์ค, ประมาณ ค.ศ. 1242–1802
- Prince-Bishopric of Cammin, ค.ศ. 1248–1650
- ราชรัฐมุขนายกโลซาน, ค.ศ. 1270–1536
- ราชรัฐมุขนายกเรเกินส์บวร์ค, ศตวรรษที่ 13–ค.ศ. 1803
- ราชรัฐมุขนายกพาเดอร์บอร์น, ค.ศ. 1281–1802
- Prince-Bishopric of Eichstätt, ค.ศ. 1305–1802
- ราชรัฐมุขนายกฟุลดา, ค.ศ. 1752–1803
- Prince-Bishopric of Corvey, ค.ศ. 1792–1803
มุขมณฑลบางแห่งในออสเตรียแลบาวาเรีย เช่น มุขมณฑลคีมเซ, มุขมณฑลเกอร์ก์, มุขมณฑลลาวานต์และมุขมณฑลเซคเกา ไม่มีอำนาจปกครองดินแดนจึงไม่ถูกรวมอยู่ในรายชื่อถึงแม้ว่าจะเคยเข้าร่วมประชุมสภาจักรวรรดิก็ตาม
ดูเพิ่ม
[แก้]อ้างอิง
[แก้]- ↑ Hochstift. The lands ruled by a bishop as a prince (as opposed to his diocese). In the case of an archbishop: Erzstift. In the case of a prelate: Stift. Joachim Whaley, Germany and the Holy Roman Empire, Oxford University Press, 2012, volume 2, Glossary of German terms and other terms.