โอไซริส-เร็กซ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โอไซริส-เร็กซ์
Artist's rendering of the OSIRIS-REx spacecraft
รายชื่อเก่าOrigins, Spectral Interpretation, Resource Identification, Security, Regolith Explorer
ประเภทภารกิจยานศึกษาและจัดเก็บตัวอย่าง[1]
ผู้ดำเนินการนาซ่า
COSPAR ID2016-055A
SATCAT no.41757
เว็บไซต์AsteroidMission.org
ระยะภารกิจแผน: 7 ปี
               505 วันบนดาวเคราะห์น้อย
Elapsed: 7 ปี 6 เดือน 6 วัน 18 ชั่วโมง
ข้อมูลยานอวกาศ
ผู้ผลิตLockheed Martin
มวลขณะส่งยาน2,110 kg (4,650 lb)[2]
มวลแห้ง880 kg (1,940 lb)[2]
ขนาด2.44 × 2.44 × 3.15 m (8 × 8 × 10.33 ft)[2]
กำลังไฟฟ้า1,226 ถึง 3,000 W[2]
เริ่มต้นภารกิจ
วันที่ส่งขึ้น8 กันยายน 2559, 23:05  UTC[3]
จรวดนำส่งจรวดแอตลาส 5 411, AV-067[3]
ฐานส่งแหลมคะแนเวอรัล SLC-41
ผู้ดำเนินงานUnited Launch Alliance
สิ้นสุดภารกิจ
ลงจอดแผน: 24 กันยายน 2566, 15:00 ตามเวลาท้องถิ่นสหรํฐ UTC[4]
พิกัดลงจอดUtah Test and Training Range[4]
บินผ่านโลก
เข้าใกล้สุด22 กันยายน 2560[2]
ยานอวกาศโคจรรอบ ดาวเคราะห์น้อยเบ็นนู 101955
แทรกวงโคจร3 ธันวาคม 2561 [5]
ออกวงโคจร3 มีนาคม 2564 (แผน)[2]
มวลตัวอย่าง0.1–2.0 kg (0.13–4.4 lb)[4]
 

โอไซริส-เร็กซ์ (อังกฤษ: OSIRIS-REx) เป็นยานศึกษาดาวเคราะห์น้อยและจัดเก็บตัวอย่างของนาซา[6] ยานลำนี้มีเป้าหมายหลักคือการจัดเก็บตัวอย่างหินประมาณ 60 กรัมจากดาวเคราะห์น้อยเบ็นนู 101955 (101955 Bennu) แล้วส่งกลับมายังโลก วัสดุที่จัดเก็บมานั้นสามารถทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการก่อเกิดและวิวัฒนาการของระบบสุริยะ, ขั้นตอนแรกของการก่อตัวของดาวเคราะห์และแหล่งที่มาของสารประกอบอินทรีย์ที่นำมาสู่การเกิดสิ่งมีชีวิตบนโลก[7] และหากภารกิจนี้ประสบความสำเร็จไอไซริส-เร็กซ์จะเป็นยานอวกาศของสหรัฐลำแรกที่ส่งตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อย

โอไซริส-เร็กซ์ถูกปล่อยออกไปเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2559 และเริ้มเข้าใกล้ดาวเคราะห์น้อยเบ็นนู 101955 เมื่อ 3 ธันวาคม 2561[8] และจะเริ่มทำการศึกษาข้อมูลพื้นผิวในอีกหลายเดือนให้หลังและคาดว่าจะส่งตัวอย่างกลับมายังโลกในวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2566[9]

ภารกิจนี้ใช้งบประมาณไปกว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ[10] ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่รวมจรวดแอตลาส 5 ที่ใช้ในการปล่อยสู่อวกาศอีก 183.5 ล้านเหรียญสหรัฐ[11]ยาน โอไซริส-เร็กซ์เป็นยานลำดับที่ 3 ในโครงการภารกิจเขตแดนใหม่ต่อจาก จูโน่ และ นิวฮอไรซันส์

อ้างอิง[แก้]

  1. Brown, Dwayne C. (25 May 2011). "NASA To Launch New Science Mission To Asteroid In 2016". NASA. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-29. สืบค้นเมื่อ 18 September 2016.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 "OSIRIS-REx: Asteroid Sample Return Mission" (PDF) (Press Kit). NASA. August 2016. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-09-09. สืบค้นเมื่อ 18 September 2016.
  3. 3.0 3.1 Graham, William (8 September 2016). "Atlas V begins OSIRIS-REx's round trip to the asteroid Bennu". NASA Spaceflight. สืบค้นเมื่อ 18 September 2016.
  4. 4.0 4.1 4.2 Ray, Justin (9 September 2016). "OSIRIS-REx probe launched to asteroid in compelling search for the origins of life". Astronomy Now. สืบค้นเมื่อ 18 September 2016.
  5. NASA’S OSIRIS-REx Spacecraft Arrives at Asteroid Bennu. NASA. December 3, 2018.
  6. "OSIRIS-REx Mission Selected for Concept Development". Goddard Space Flight Center. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 มิถุนายน 2012.
  7. Chang, Kenneth (December 3, 2018). "NASA's Osiris-Rex Arrives at Asteroid Bennu After a Two-Year Journey". The New York Times. สืบค้นเมื่อ December 3, 2018.
  8. "OSIRIS-REx Factsheet" (PDF). NASA/Explorers and Heliophysics Projects Division. August 2011.
  9. "NASA Aims to Grab Asteroid Dust in 2020". Science Magazine. 26 May 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-29. สืบค้นเมื่อ 2018-12-06.
  10. Buck, Joshua; Diller, George (5 August 2013). "NASA Selects Launch Services Contract for OSIRIS-REx Mission". NASA. สืบค้นเมื่อ 8 September 2013.

ข้อมูลเพิ่มเติม[แก้]

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ(องค์การมหาชน) เก็บถาวร 2018-07-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน